LS ตอนที่ ๒ เมื่อท้องอิ่มแล้ว นางก็อยากแก้แค้น
อากาศเย็นทะลวงผ่านเสื้อผ้าของนาง มันเจาะผ่านผิวเนื้อของนางและให้ความรู้สึกราวกับจะแช่แข็งเลือดในกายได้
ใบหน้าของซูหลี่เป็นสีขาว แต่สีหน้าของนางสงบนิ่ง นางรวบรวมกำลังเร่งฝีเท้าและวิ่งเข้าไปในป่าไผ่บนภูเขา ความทรงจำจากชีวิตอดีตกระตุ้นการกระทำของนาง นางขุดหน่อไม้ฤดูหนาวมาสองหน่อ ถือหน่อไม้ไว้ในอ้อมแขน นางวิ่งตรงไปยังกองเปลือกหอยตรงแม่น้ำและหยิบตัวใหญ่ที่สุดขึ้นมา
ซูเอ้อร์หยานั่งยองริมแม่น้ำและล้างหน่อไม้ฤดูหนาวกับเปลือกหอยช้า ๆ น้ำเย็นเฉียบสะท้อนใบหน้าเล็กซีดเซียว มีเพียงดวงตาสีดำงดงามที่เห็นเด่นชัด
นานมาแล้วนับตั้งแต่จำความได้ นางไม่ค่อยได้กินอาหารดี ๆ บ่อยนัก นางอายุสิบสี่ปีแต่กลับผอมแห้งราวกับเด็กหญิงอายุสิบขวบ
ซูเอ้อร์หยาแตะเเก้มและคลี่ยิ้มงดงามออกมา ตรงนั้นไม่มีรอยแผลเป็นอยู่แล้ว นางหยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้างสะอาดแล้วขึ้นและเดินกลับเข้าไปในภูเขา มันเป็นเวลาราวหนึ่งชั่วยามก่อนที่นางจะเดินลงมาจากเนินเขาและกลับเข้ากระท่อม
ซูเอ้อร์หยาหยิบเปลือกหอยที่มีน้ำวางบนเตาไฟ นางห่อตัวในผ้านวมและเดินไปที่มุมห้องหยิบถ่านจำนวนหนึ่งโยนเข้าไปในเตา จากนั้นไม่นานน้ำในเปลือกหอยก็เดือดพล่าน
ซูเอ้อร์หยาโยนหน่อไม้ที่ปอกเปลือกแล้วลงไปในน้ำและลงมือปอกหน่อไม้หน่ออื่นต่อ
กลิ่นหอมของหน่อไม้อวลไปทั้งกระท่อม ซูเอ้อร์หยาอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหลและรู้สึกหิวมากกว่าเดิม
นางหยิบกิ่งไม้ข้างกายตักหน่อไม้ที่ปรุงสุกบางชิ้นขึ้นมา และนำมันใส่ปากโดยไม่สนว่ามันจะร้อน นางเคี้ยวพวกมันแล้วกลืนลงคอ
“นุ่มลิ้นจัง!”
ดวงตาของซูหลี่ปรือขึ้น นางมองหน่อไม้ในน้ำ ตัวหน่อไม้ไม่มีรสชาติในตัวเอง แต่นางกลับได้รสหวานจากผักในป่า
ซูเอ้อร์หยาเคลื่อนกายรวดเร็วหยิบหน่อไม้ขึ้นมากินหลังจากที่มันสุกแล้ว
นางกินหน่อไม้ทั้งสองหน่อภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาว ตอนนี้นางรู้สึกอิ่มและได้กำลังบางส่วนกลับคืนมา
หลังถือเปลือกหอยอย่างระมัดระวัง นางก็หยิบสมุนไพรบางอย่างที่เก็บจากภูเขาได้ออกมา
สมุนไพรเหล่านี้เป็นยาบำรุงรักษาร่างกาย แต่นางก็รู้ดีว่าตอนนี้นางอ่อนแอเกินกว่าที่จะรับสรรพคุณทั้งหมดของพวกมันเข้าไป แม้นางจะสามารถควบคุมปริมาณได้ แต่นางก็ยังมีไข้อยู่
หลังจากนั้นซูเอ้อร์หยาก็รู้สึกถึงความปวดแสบปวดร้อนในลำคอ นี่คืออาการไข้กำเริบ นางอยู่ท่ามกลางลมหนาวมาสองชั่วยามและร่างกายนางก็อ่อนเเอเกินกว่าจะทนเรื่องนั้นได้
ซูเอ้อร์หยาหยิบสมุนไพรเข้าปากและเคี้ยว นางห่อตัวในผ้านวมและนอนลงอีกครั้ง ตัวยาเข้าสู่กระแสเลือดและเป็นเวลาไม่นานนักก่อนที่นางจะผล็อยหลับไป
นางไม่รู้ว่ามันนานเท่าใด...
“คุณหนูสอง คุณหนูสอง…”
ภาพตรงหน้านางพร่าเลือนและค่อย ๆ แจ่มชัดขึ้น นางมองหญิงชรา...แม่บ้านหลี่
“คุณหนูสองที่น่าสงสารของบ่าว…”
มือหยาบของแม่บ้านหลี่แตะบนหน้าผากของซูหลี่และดวงตาของนางก็คลอหยาดน้ำตา นางรู้ว่าอาการไข้ฉับพลันหมายถึงอะไร
“นั่นแม่บ้านหลี่หรือเจ้าคะ?”
เสียงแผ่วดังขึ้น แม่บ้านหลี่สะดุ้งและรีบเอ่ยด้วยความประหลาดใจแกมปิติ “คุณหนูสอง ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ?!”
ได้ยินชื่อเฉพาะตัวที่เรียกนาง แม่บ้านหลี่ก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แต่ใบหน้าของนางก็อ่อนลง นางโค้งศีรษะและแตะใบหน้าของซูหลี่พลางกระซิบ “คุณหนูสอง ข้าเองเจ้าค่ะ แม่บ้านหลี่เอง!”
ซูเอ้อร์หยาย่นคิ้วด้วยความเจ็บปวดและเอ่ยอย่างน่าสงสาร “แม่บ้านหลี่เจ้าคะ ข้าอยากเจอพี่ชายคนโตของข้า ข้าไม่ได้ขโมยไข่มุกราตรีไปนะเจ้าคะ ข้าอยากเจอพี่ชายคนโตของข้า…”
หลังเอ่ยถึงประโยคนี้ นางก็เอียงศีรษะและหลับไปอีกครั้ง นางไม่ได้เสแสร้งทำแต่อย่างใด ยาที่ทานมีฤทธิ์แรงเกินไป แม้แต่ปณิธานอันแก่กล้าของนางก็สู้มันไม่ได้
เห็นซูเอ้อร์หยาหลับไปอีกครั้งแล้ว แม่บ้านหลี่ก็ตื่นตระหนก นางตะโกนเรียกหลายรอบรัวเร็ว แต่ซูเอ้อร์หยาก็ไม่ฟื้นตื่น หัวใจของนางสั่นสะท้านก่อนจะปล่อยมือนางออก
ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ดวงตาของแม่บ้านหลี่ก็แข็งกร้าว นางลูบหน้าผากร้อนผ่าวของซูหลี่อย่างอ่อนโยนพลางกระซิบ “คุณหนูสอง แม่บ้านหลี่จะไปตามพี่ชายคนโตของท่านมาให้นะเจ้าคะ!”
Without packing up anything, Nanny Li turned and ran to Su’s mansion.
…
...
หลังจากเป็นเวลาเย็นย่ำ ซูชิงถานก็วางกระบี่่ลงและถอนหายใจยาว เขากำลังจะกลับเข้าห้องเพื่อศึกษาต่อ แต่ก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านนอกสนาม
“ข้ามีบางอย่างสำคัญจะบอกกับคุณชายจริง ๆ นะเจ้าคะ แค่คำเดียวเท่านั้น…”
“ช่างอวดดีเหลือเกินนะ! แม่บ้านจน ๆ ไม่สามารถเข้ามาในสนามของคุณชายใหญ่ได้!”
เสียงตะคอกรุนแรงของยามรักษาการณ์ทำให้ซูชิงถานย่นคิ้ว เขาไม่ชินกับยามรักษาการณ์ทรงอำนาจที่ท่านแม่จัดมาให้เขาเลย
เขาเรียกสาวใช้คนหนึ่งมาและเอ่ยขึ้น “ปล่อยให้แม่บ้านเข้ามาได้”
ใบหน้าของสาวใช้ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “คุณชายเจ้าคะ ฮูหยินอยากให้ท่านมีสมาธิอยู่กับการศึกษาวิชานะเจ้าคะ อย่า…”
“ข้าเป็นคุณชายหรือเจ้าเป็นคุณชายกันแน่?” ซูชิงถานเอ่ยเสียงเย็น “ให้นางเข้ามา!”
เมื่อสาวใช้เห็นว่าคุณชายใหญ่กำลังโกรธ นางก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและออกไปด้านนอกสนามปล่อยให่ม่บ้านหลี่เข้ามา
รอยยิ้มผุดบนใบหน้าที่ดูสิ้นหวังของแม่บ้านหลี่ นางก้าวเข้าไปในสนามโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“เป็นท่านนั่นเอง แม่บ้านหลี่ มีอะไรงั้นหรือ?”
ซูชิงถานถามอย่างสงสัยเมื่อเห็นแม่บ้านหลี่ผู้มีจิตวิญญาณสูงส่ง แม่บ้านหลี่เป็นผู้ดูแลน้องสาวคนที่สองของเขาเมื่อนางยังเด็ก เขาจึงมีความคุ้นเคยกับนางเช่นกัน
เมื่อเเม่บ้านหลี่เห็นสีหน้าเฉยเมยของซูชิงถาน หัวใจของนางก็หล่นวูบพร้อมกับใบหน้าซีดเผือด บางทีคุณชายคงไม่สนใจคุณหนูสองมากเสียกระมัง
แต่ถึงจุดนี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่ทำได้ นางทำเพียงทรุดตัวลงบนเข่าและร้องไห้
“คุณชายเจ้าคะ ไม่ว่าความผิดของนางจะร้ายแรงขนาดไหน ได้โปรดมาเยี่ยมคุณหนูสองเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถิดเจ้าค่ะ! นี่เป็นความปรารถนาเพียงหนึ่งเดียวของนางก่อนตาย!”