LS ตอนที่ ๔ เพลิงโทสะ!
แม่บ้านหลี่แทบจะลมจับด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นดังนี้ นางคลานอยู่บนพื้นด้านหน้าซูเอ้อร์หยาและเอ่ยขอร้อง “ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูสาม ถ้าท่านโบยนางอีกนางจะต้องตายแน่!”
ซูจื่อเผยย่นคิ้ว แม่บ้านเจิ้งเดินมาข้างหน้าพร้อมกับท่อนหวาย และแม่บ้านหลี่ก็หลับตาลงรับสิ่งเลวร้ายที่สุดที่จะเกิดขึ้น
“พอแล้ว”
ซูเอ้อร์หยาขยับกายอย่างอ่อนแรงขณะเอ่ยขึ้น นางปลีกตัวออกจากการปกป้องของแม่บ้านหลี่และมองตรงที่ซูจื่อเผย “ข้ารับคำติเตียนให้เจ้า และข้าก็ได้รับผลลัพธ์คือถูกขับออกจากจวนแล้ว ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้ข้าได้อยู่สบาย ๆ บ้าง?”
ซูจื่อเผยมองดูขุ่นเคืองเล็กน้อย “ท่านพูดเรื่องอะไร?” นางเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา “ข้าจะเป็นคนขโมยไข่มุกราตรีไปได้อย่างไร?”
ร่างกายของซูเอ้อร์หยาสั่นเทิ้ม นางเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่นและเสียงแหบแห้ง “ข้าเห็นทุกอย่าง ในวันที่เจ้ามาเยี่ยมลูกพี่ลูกน้องหยางที่สะพานซานเหอด้านนอกเมือง เจ้าก็มอบไข่มุกราตรีให้เขาด้วยมือทั้งคู่”
ซูจื่อเผยหน้าซีด และเริ่มกระวนกระวาย
เป็นไปได้อย่างไรกันเนี่ย?
วันนั้นรอบๆ สะพานซานเหอไม่มีใครอยู่ แล้วซูเอ้อร์หยารู้ได้อย่างไร?
ซูจื่อเผยกลอกตาและกลับมามีท่าทีสงบอีกครั้ง นางยิ้มขณะเอ่ยตอบ “ก็แล้วถ้าข้าทำล่ะ? ท่านเป็นตัวซวยของตระกูลซูอยู่แล้ว ไม่มีใครในตระกูลซูเชื่อเรื่องที่ท่านพูดหรอก แม้แต่พี่ชายคนโตของเราทั้งคู่ก็ยังไม่เชื่อเจ้าเลย! และพี่ชายคนโตก็อายุแค่สิบหกปี เขายังเหลือเวลาอีกสองปีถึงจะได้รับการแต่งตั้ง แต่สำหรับลูกพี่ลูกน้องหยาง ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของเขาแล้ว สิ่งที่ข้าทำเมื่อก่อนหน้านั้นก็เพื่อผลดีของทั้งสองคน มันเป็นเรื่องถูกต้องที่จะทำแล้ว!”
“เพื่อผลดีของทั้งคู่เหรอ?!” เสียงหนึ่งเปี่ยมด้วยโทสะพลันดังจากด้านนอกประตู “งั้นเจ้าก็ควรยืนขึ้นรับคำขอบคุณจากพี่ชายคนโตของเจ้าซะ!”
เสียงที่ดังฉับพลันทำให้ซูจื่อเผยสั่นเทิ้ม เมื่อนางรับรู้ว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร ใบหน้าเล็กที่แดงก่ำก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดอีกครั้ง
“พะ...พี่ใหญ่ ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ?”
ซูจื่อเผยหันหน้าอย่างเกร็ง ๆ พร้อมกับริมฝีปากสั่นระริก เมื่อนางเห็นซูชิงถานยืนอยู่ตรงประตู นางก็อยากจะสลบไปตรงนั้น
เขาได้ยินทุกอย่างที่นางพูดแล้วหรือ?
“ออกไปจากที่นี่ซะ!”
ซูชิงถานสะบัดแขน และพลังของเขาก็แข็งแกร่งเสียจนทำให้บรรดาแม่บ้านทั้งหลายตัวสั่นงันงก เขาชี้หน้าซูจื่อเผย และคำพูดทุกคำของเขาก็ตีแสกหัวใจนางราวกับค้อน “เจ้าเองก็ออกไปจากที่นี่เหมือนกัน! ข้าไม่ต้องการน้องสาวอย่างเจ้าที่ตัวอาศัยในตระกูลซูแต่ก็ช่วยเหลือชายตระกูลอื่นไปด้วย!”
ซูจื่อเผยตื่นตระหนก ถ้าพี่ชายคนโตของนางบอกท่านพ่อในเรื่องนี้ อย่างนั้นนางก็...ก็...สิ่งที่เกิดขึ้นกับพี่สาวคนที่สองเป็นตัวอย่างที่ดีถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นแล้ว
ท่านแม่ ตอนนี้มีเพียงท่านแม่เท่านั้นที่ช่วยข้าได้!
คิดถึงท่านแม่แล้ว ซูจื่อเผยก็มีกำลังใจเต็มเปี่ยมในทันที นางวิ่งหนีไปพร้อมกับเหล่าแม่บ้านในอาการตื่นตระหนก
ซูชิงถานเห็นความอับอายของซูจื่อเผยแล้ว เพลิงโทสะของเขาก็บรรเทาลงเล็กน้อย เขาหันกลับไปพร้อมกับดวงตาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนไร้แววคุกคามในทันที
“พี่ใหญ่…”
ซูเอ้อร์หยาเรียกลอย ๆ น้ำตาของนางไหลลงราวกับลูกปัดที่ร่วงลงจากด้ายที่ขาดผึง
การร้องไห้นี้มาจากความรักที่แท้จริง แม้แต่ในชีวิตครั้งอดีต พี่ชาายคนโตก็ปฏิบัติกับนางอย่างดี หากพี่ชายคนโตไม่มีความเห็นใจนางเนื่องเพราะรูปลักษณ์เสียโฉมของนางแล้วล่ะก็ นางคงถูกทิ้งให้ตายอยู่ในป่าเป็นแน่
แต่พี่ชายคนโตเชื่อมั่นในความจงรักภักดี ความถูกต้อง ความกตัญญูกตเวที และความซื่อสัตย์ เขาเชื่อใจคนอื่นอย่างง่ายดาย ในชีวิตครั้งอดีตของนาง ด้วยเล่ห์กลของซูจื่อเผยแล้ว เขาก็กลายเป็นหุ่นเชิดและทำตามแผนร้ายกาจของนางทั้งหมด
ในตอนนี้ ซูเอ้อร์หยาจะเปลี่ยนเรื่องนั้นเอง
ซูชิงถานอุ้มซูเอ้อร์หยาในอ้อมแขน ความรู้สึกผิดเหลือล้นเกือบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก เขาปลอบโยนซูเอ้อร์หยาราวกับนางยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อย และสั่งแม่บ้านหลี่ให้เช่ารถม้าขับตรงไปที่ไป๋เฉาถังในเมือง ซูเอ้อร์หยามีบาดเเผลจำนวนมากบนร่างที่เขาไม่อาจเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว
In Baicao Tang.
ในไป๋เฉาถัง
“คุณชายใหญ่ตระกูลซูขอรับ น้องสาวท่าน…”
แพทย์ชราอ้ำอึ้งไป ซูชิงถานดูกระวนกระวาย “ท่านหมอฉี พูดมาตรง ๆ เถอะ ไม่ว่าท่านต้องการตัวยาราคาแพงมากขนาดไหน ข้าก็จะ…”
ท่านหมอฉีส่ายหน้าและเอ่ยขัด “อาการป่วยของนางเป็นปัญหาเล็กน้อยเท่านั้น แต่นางอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำงานหนักใด ๆ ได้ บาดแผลบนร่างของนาง…”
ท่านหมอฉีดูงุนงงไป สุดท้ายเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น “คุณชาย โปรดอย่าถือสากับคำพูดของข้าเลย แต่น้องสาวของท่านมีบาดเเผลมากเกินไปทั้งใหม่และเก่า บางส่วนเกิดขึ้นเป็นหลายปีแล้ว หากข้าจำไม่ผิด น้องสาวของท่านเพิ่งจะมีอายุสิบสี่ปีเท่านั้นในปีนี้…”
ซูชิงถานดูโกรธเเค้นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มห้าว “ท่านหมอ อย่ากังวลไปเลย ข้าจะไม่ปล่อยให้น้องสองของข้าต้องเจ็บปวดอีกแล้ว”
ท่านหมอฉีลูบเคราเบา ๆ และเอ่ยกับเขา “ตกลง ข้าจะเชื่อท่านครั้งหนึ่ง จำไว้ว่านางต้องการพักผ่อน หากท่านไม่อาจหาวิธีใดได้จงส่งนางมาที่นี่”
เห็นชัดว่าท่านหมอฉีไม่เชื่อใจเขา ซูชิงถานจึงสูดหายใจลึก อุ้มซูเอ้อร์หยาที่กำลังนอนกรนขึ้น และออกจากไป๋เฉาถังโดยไม่หันกลับมามอง แม้เขาจะเชื่อท่านหมอเพียงใด เขาก็อับอายเกินกว่าจะอยู่ที่นี่
ท่านหมอฉียืนที่ประตูพลางส่ายหน้าด้วยความสลดใจ นอกจากรูปลักษณ์แล้ว เด็กสาวก็ดูเฉลียวฉลาดยิ่งนัก หากเขาไม่เห็นมันกับตาของตัวเองเขาก็ไม่เชื่อ
ด้วยพรสวรรค์ของนางเช่นนี้ทำให้นางอาจเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการปกป้องจากเขา แต่โชคร้ายที่ตระกูลซูมีอำนาจในเมืองมากนัก และเขาไม่ต้องการทำลายชีวิตของเขา เขาจึงได้แต่ละทิ้งมันไว้เบื้องหลัง
จวนตระกูลซูอยู่ห่างจากไป๋เฉาถังอยู่เพียงไม่กี่ลี้ และเมื่อซูชิงถานกลับมาถึงบ้านทางประตูหลักพร้อมกับซูเอ้อร์หยาที่กำลังนอนกรน แม่บ้านหลี่ก็ให้เงินกับคนขับรถม้าและตามซูชิงถานเข้าไป
หลังเหตุการณ์ตกตะลึงนั้น นางก็รู้ดี่ว่าเมื่อใดที่นางทิ้งคุณชายใหญ่ บทลงโทษที่รอนางอยู่ก็ไม่ต่างจากความตาย
ตรงด้านหน้าลานฝั่งตะวันตก ซูชิงถานกำลังจะเข้าไป แต่ในที่สุดแม่บ้านหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบ “คุณชายใหญ่เจ้าคะ คุณหนูสองไม่ควรอยู่ที่ลานฝั่งตะวันตกนะเจ้าคะ”
ซูชิงถานอึ้งไป “ผู้หญิงตระกูลซูทั้งหมดจะอยู่ในฝั่งตะวันตกไม่ใช่หรือ ทำไม…”