LS ตอนที่ ๗ ข้าอยากร่ำเรียนวิชา!
“พี่ชายใหญ่ พี่สาวสอง!!”
เสียงเด็กน้อยคนหนึ่งดังมาจากด้านนอกห้อง ทำให้ซูเอ้อร์หยารู้สึกงุนงงเล็กน้อย
ซูชิงถานไม่ใช่ชายคนเดียวในตระกูล ยังมีซูชิงฮ่าวเป็นบุตรคนที่สี่ของตระกูลซู
ซูชิงถานกับซูชิงฮ่าวต่างเป็นบุตรชายของฮูหยินสอง นางกับซูจื่อเผยคือบุตรีของฮูหยินหนึ่ง ด้วยเรื่องนั้นเอง แม้ฮูหยินสองจะไม่ได้มาจากตระกูลสูง นางก็ยังได้รับสิทธิ์จำนวนมาก
ซูเอ้อร์หยาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจเกี่ยวกับซูชิงฮ่าว ตอนที่นางทำเรื่องผิดพลาดในชีวิตชาติก่อน นางก็ไม่เห็นหน้าซูชิงฮ่าวอีกเลย นางไม่ได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเขาจนกระทั่งหลังจากที่นางแต่งงานกับคุณชายผู้น่าสงสารคนนั้น ซูชิงฮ่าวถูกวางยาและเสียชีวิตเมื่อเขาอายุได้สิบห้าปี โดยที่ไม่พบตัวนักฆ่าเลย
“พี่สาวสอง ข้ารู้ว่าท่านถูกใส่ร้าย!”
ซูชิงฮ่าวผู้ดูเหมือนกับซูชิงถานมากได้วิ่งเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้ม เขามีหมวกหนังสีขาวราวหิมะอยู่บนศีรษะ ทำให้ใบหน้าเล็กหล่อเหลาของเขาดูสง่างามมากขึ้น
เทียบกับซูชิงถานแล้ว ซูชิงฮ่าวดูเป็นเด็กมากกว่าแต่มีชีวิตชีวามากกว่า เมื่อเขาเข้ามาหา ห้องทั้งห้องก็ดูเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ซูชิงถานยิ้มอย่างอดไม่ได้และเอ่ยอธิบาย “เขาร้องไห้ยกใหญ่ตอนที่เจ้าถูกขับไล่ออกจากจวน จากนั้นเขาก็ถูกท่านพ่อขังไว้ถึงสองเดือน ข้าเกรงว่าวันนี้แหละเป็นวันที่เขามีความสุขอย่างแท้จริง”
“เรื่องราวเป็นเช่นนี้นี่เอง”
ซูเอ้อร์หยาจ้องมองซูชิงฮ่าวด้วยดวงตากระจ่าง ทำให้เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย
“เอาล่ะ พี่สาวสองของเจ้าต้องการพักผ่อน ไปเล่นด้านนอกเถอะ” ซูชิงถานเอ่ยแนะ
ซูชิงฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นและเอ่ยขึ้น “ข้าจะไปรอท่านอยู่ที่ลานฝึกวรยุทธ์นะขอรับ เร็วเข้า!”
หลังซูชิงฮ่าวออกไปแล้ว ซูชิงถานก็ลังเลก่อนกอดอกและเอ่ยขึ้นในที่สุด “น้องสอง ท่านพ่อต้องการดูสถานการณ์โดยรวมก่อน เขาไม่อยากประกาศความจริงกับสาธารณชน เรื่องนี้…เขาจะชดใช้ให้กับเจ้า...ข้าช่างไร้ประโยชน์นัก เจ้าจะตำหนิข้าไหม?”
เห็นชัดว่าการปฏิบัติเช่นนี้ไม่ยุติธรรมอย่างยิ่งต่อน้องสาวสอง ซูชิงถานมองซูเอ้อร์หยาอย่างเกร็งๆ คิดว่านางจะร้องไห้ แต่ไม่คาดคิด ซูเอ้อร์หยากลับพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มสงบเรียบๆ ผุดบนใบหน้า
“ทำไมเจ้าไม่โกรธเลยล่ะ?” ซูชิงถานอดไม่ได้ที่จะกำหมัด ปฏิกิริยาของน้องสาวสองทำให้เขารู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม
ซูเอ้อร์หยาส่ายหน้า “ทำไมข้าต้องโกรธด้วยล่ะเจ้าคะ? ตราบใดที่พี่ใหญ่เชื่อข้า ข้าก็มีความสุขแล้ว ข้าไม่ถูกโบย และข้าก็ไม่ต้องทำงาน แล้วเรื่องเหล่านี้ก็เป็นเพราะพี่ใหญ่ทั้งนั้น ท่านทำได้ดีแล้วเจ้าค่ะ”
เสียงอ่อนโยนของนางทำให้หัวใจของซูชิงถานอ่อนยวบ เขาคิดว่านางจะร้องไห้ ไม่ได้เอ่ยปลอบเขา ซึ่งอันที่จริงแล้วนางเป็นคนที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด!
เขากลายเป็นคนตาบอดไปได้อย่างไร? เขาเอาเเต่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก แม้น้องสาวสามจะงดงามและอ่อนหวาน แต่นางก็เห็นแก่ตัวเหมือนกับท่านแม่หนึ่ง นางจะเทียบได้กับน้องสาวสองผู้มีจิตใจดีได้อย่างไร?
ในตอนนี้ความปรารถนาอยากปกป้องซูเอ้อร์หยาของซูชิงถานได้เพิ่มขึ้น เขาไม่อาจทนเห็นเด็กสาวตัวน้อยผู้บริสุทธิ์เช่นนี้ต้องทนเจ็บอีกต่อไปแล้ว
ซูเอ้อร์หยายิ้มกริ่ม และแสงเย็นก็สะท้อนเป็นประกายบนฟันของนาง
นางไม่แปลกใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น สำหรับซูฮ่วนหลีแล้ว ซูจื่อเผยคือสินค้าหายากที่ไม่อาจมีมลทินก่อนจะถูกขายด้วยราคาที่สูงลิ่ว
สำหรับซูเอ้อร์หยาผู้น่าเกลียด นางก็เป็นแค่สาวใช้สำหรับตระกูลซู และสาวใช้คนหนึ่ง...ก็ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียง
ในหลายเดือนต่อมา อาการของซูเอ้อร์หยาก็ทุเลาลงภายใต้การดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่จากแม่บ้านหลี่ ซูจื่อเผยถูกขังไว้ และมารดาหนึ่งของนางก็ไม่สามารถเข้าไปได้เพราะซูชิงถานไม่อนุญาต ชีวิตของนางค่อนข้างเงียบสงบและสะดวกสบายไม่น้อย
ซูเอ้อร์หยาผู้ที่ตอนนี้สามารถลุกออกจากเตียงเดินไปรอบ ๆ ได้แล้วก็เข้ามาในห้องเรียนตำราและเอ่ยขึ้น
“พี่ชายใหญ่เจ้าคะ ข้าอยากเรียนรู้และอ่านเขียน!”
ซูชิงถานย่นคิ้วและตะลึงไป ท่านพ่อเชื่อว่า “ความไร้เดียงสาคือคุณธรรมของสตรี” ผู้หญิงตระกูลซูมีน้อยคนนักที่สามารถอ่านได้ น้องสาวสองของเขาน่าจะรู้เรื่องนี้ ทำไมนางถึงไม่เชื่อฟังเขาล่ะ?
“เจ้าบอกข้าได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงอยากเรียนอยากอ่าน?”
ซูเอ้อร์หยากระพริบตาเป็นประกายแวววาวและเอ่ยขึ้น “เพราะข้าอยากเป็นเหมือนแม่นางกู่!”
ซูชิงถานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เจ้า…”
“แม่นางกู่” กู่เหยียน เป็นผู้มีชื่อเสียงที่รู้จักกันดี
กู่เหยียนเป็นแม่ทัพหญิงคนแรกของราชวงศ์ต้าฮั่น นางถูกเลี้ยงดูมาทั้งจากปากกาและดาบ ชื่อเสียงด้านสงครามในสนามรบพร้อมกับสามีของนาง หลิงจิงเหลย นับว่าชั่วช้าสามานย์นัก ห้าสิบปีที่แล้วพวกเขานำกำลังของตนเพียงกองเดียงบุกตะลุยเข้าไปในค่ายข้าศึกและสังหารผู้บัญชาการทัพ จนทำให้ชนะสงคราม!
ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ผู้กองหลิงจิงเหลยได้ตายในสนามรบ และกู่เหยียนก็ออกศึกเพียงลำพัง กองกำลังศัตรูต่างหวาดกลัวเสียจนไม่กล้าเหยียบย่างบนแผ่นดินต้าฮั่นเลย
แต่โชคร้าย แม้ว่าตระกูลหลิงจะจงรักภักดีอย่างเต็มเปี่ยม แต่พวกเขาก็เป็นบุคคลที่หาความดีไม่ได้...
ซูชิงถานถอนหายใจ เขามองน้องสาวและเอ่ยขึ้น “ถ้าเจ้าต้องการเรียนรู้ข้าจะสอนเจ้า แต่เจ้าต้องเก็บมันไว้เป็นความลับ มันจะไม่เป็นเรื่องดีหากท่านพ่อรับรู้เรื่องนี้”
หลังเรื่องของไข่มุกราตรีแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่าคำพูดของบิดาทุกคำใช่ว่าจะถูกต้อง น้องสาวสองอยากเรียนและเขียนอ่านงั้นหรือ? เรื่องนั้นถือว่าดีแล้วสำหรับเขา
ซูเอ้อร์หยาพยักหน้าในทันทีและถอนหายใจอย่างโล่งอก ในชีวิตชาติที่เเล้ว ภายใต้การชี้แนะของสามีพิการ นางก็ได้เรียนรู้คำไม่กี่คำ ดังนั้นนางจึงโชคดีพอที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับพิษวิทยาและฝึกฝนมันได้
น่าเสียดายนักที่นางไม่ได้รู้คำศัพท์ทุกคำ นางจึงมีความรู้ไม่เพียงพอในยามที่ต้องฝึกปฏิบัติเสวียนกง ผลที่เกิดขึ้นคือใบหน้าของนางมีแต่แผลพุพอง แต่ในตอนนั้นนางได้สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว และนางก็ไม่สนใจว่านางจะเสียโฉมหรือไม่ แต่...ตอนนี้มันแตกต่างกันแล้ว
นางหลับตา และทุกคำพูดที่เคยผ่านตาในวิชาพิษวิทยาก็เข้ามาในใจ ชัดเจนราวกับสลักไว้ เมื่อใดที่นางรู้ศัพท์ทุกคำ นางก็จะเริ่มฝึกเสวียนกงได้อีกครั้ง แล้วนางก็สามารถปกป้องตัวเองได้