LS ตอนที่ ๙ พจนานุกรมแห่งต้าฮั่น
เมื่อแม่บ้านหลี่ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก นางก็รีบออกมาจากครัวเดินเข้ามายังเรือนอาศััยและถามด้วยสีหน้าตกใจ “คุณหนู ทำไมวันนี้กลับมาเร็วล่ะเจ้าคะ?”
ซูเอ้อร์หยายิ้มเจื่อนและอธิบาย “ไม่มีอะไรจ้ะ ท่านแม่สองมาหาพี่ชายใหญ่ ก็เลยเป็นการไม่ฉลาดนักที่จะอยู่ที่นั่น ข้าก็เลยกลับมาก่อน แม่บ้านเจ้าคะ กลางวันนี้มีอะไรกินบ้างหรือจ๊ะ”
แม่บ้านหลี่รู้สึกประหลาดใจ นางปัดฝ่ามือทั้งสองเข้ากับตัวแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกรีบรุดตรงมาหาและจับมือซูเอ้อร์หยา มองนางและถามอย่างร้อนใจ “ฮูหยินสองไม่ได้ทำอะไรคุณหนูใช่ไหมเจ้าคะ?”
“ไม่จ้ะ พี่ชายใหญ่อยู่ที่นั่นด้วย” ซูเอ้อร์หยาเอ่ยพลางหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
“อนิจจา…”
แม่บ้านหลี่ถอนหายใจ ไม่ว่าคุณชายใหญ่จะมีเจตนาดีเพียงใด เขาก็ยังเป็นบุตรชายของฮูหยินสอง เมื่อใดที่คุณชายเข้าใจในวิถีทางโลกมากขึ้น เขาก็อาจไม่สนใจคุณหนูสองมากนัก
ความคิดเหล่านี้อยู่ในใจของแม่บ้านหลี่มานาน เป็นเพียงเพราะซูเอ้อร์หยามีความสุขมากในตอนนี้นางจึงไม่อยากพูดอะไรออกมา
หลังอาหารกลางวัน ซูเอ้อร์หยาหยิบกิ่งไม้ในสวนมาฝึกขีดเขียน แม่บ้านหลี่ส่ายหน้าพลางยิ้ม คิดว่านางกำลังเล่นอยู่ ซูเอ้อร์หยาฝึกเขียนจนกระทั่งเย็นนางจึงได้สะบัดแขนอันเมื่อยล้าและหยุดพัก
หลังฝึกหนักมาหนึ่งเดือน นางก็จำคำสำคัญอย่างแรกของตำราซวงกงได้ทั้งหมด ในชีวิตชาติที่แล้วนางเข้าใจมันอยู่แปดส่วนของตำราซวงกง มันคงไม่มีปัญหาหากจะฝึกในตอนนี้
แต่เพื่อให้อยู่ในความปลอดภัย นางอยากจะรอจนกระทั่งเข้าใจมันทั้งหมด
“น้องสอง ข้ามาหาเจ้า!”
ทันใดนั้นประตูเรือนก็มีเสียงเคาะ และเสียงของซูชิงถานก็ดังจากด้านนอกประตู ซูเอ้อร์หยาพลันทิ้งกิ่งไม้ในมือแล้วเปิดประตู
ซูชิงถานเมื่อเห็นใบหน้าผ่องใสของซูเอ้อร์หยาแล้วก็ยิ้ม เขาแตะหน้าผากของซูเอ้อร์หยาแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าไม่โกรธใช่ไหมน้องสาว? ท่านแม่ข้านางแค่คิดถึงข้า นางไม่ได้ตั้งใจจะตำหนิเจ้านะ”
ซูเอ้อร์หยาโบกมือ “ข้าสบายดีเจ้าค่ะ ท่านแม่สองทำแบบนั้นเพื่อท่าน”
“เจ้าช่างเอาใจใส่นัก” เขาไขว้มือไว้ด้านหลังแล้วก็เผยให้นางเห็นของในมือตอนนี้พลางเอ่ย “ดูสิว่าข้าเอาอะไรมาให้เจ้า”
ซูชิงถานถือสำเนาหนังสือรวมศัพท์อย่างง่ายเล่มหนาในมือของเขา ปกหนังสือดูงดงามกว่าเล่มที่ซูเอ้อร์หยาอ่านในตอนที่เรียนเมื่อก่อนหน้าเสียอีก
พจนานุกรมแห่งต้าฮั่น!
ซูเอ้อร์หยาอึ้งไป นางเคยเห็นหนังสือเล่มนี้มาก่อน ในชาติที่แล้วสามีพิการของนางเคยใช้มันสอนนาง
“นี่คือพจนานุกรมที่รัฐบาลแห่งต้าฮั่นประกาศใช้ และมันก็ครอบคลุมคำศัพท์และคำแปลมากที่สุด มันมีสถาบันศึกษาพิเศษอยู่ในที่ว่าการจังหวัดที่ข้ากำลังจะไป พจนานุกรมนี้ข้าเลยไม่ได้ใช้อีกต่อไป ข้าจะให้มันกับเจ้าในวันนี้ ท่านแม่ไม่ปล่อยให้เจ้าออกไปร่ำเรียนวิชา เจ้าต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองนะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพี่ใหญ่! “
ซูเอ้อร์หยาหยิบพจนานุกรมอย่างระมัดระวังราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า แปดบทสุดท้ายของตำราซวงกงเต็มไปด้วยอักษรใหม่ๆ ซึ่งยากที่จะเข้าใจ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นตัวช่วยที่นางต้องการโดยแท้
“มันก็แค่หนังสือ เจ้าจำเป็นต้องดีใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
เห็นดวงตาของน้องสาวสองเป็นประกาย ซูชิงถานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
“นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่พี่ใหญ่ให้ข้าเจ้าค่ะ ข้าดีใจมากจริงๆ”
ซูเอ้อร์หยายิ้มอย่างเป็นสุข หัวใจของซูชิงถานอุ่นซ่าน นางช่างเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาจริงๆ
เวลาผันผ่านไป ซูชิงถานเรียนบทกวีและฝึกวรยุทธ์อยู่ทุกวันเป็นเวลาสองเดือน เป็นเวลาไม่ถึงเดือนก่อนการชิงตำแหน่งผู้ตรวจการจะประกาศ ซูฮ่วนหลีตอนนี้มาที่เรือนตะวันออกเพื่ออบรมชี้แนะบุตรชายและช่วยเขาทบทวนการเล่าเรียนต่างๆ
แต่เขาก็ยังตื่นเต้นมาก
ปีที่แล้วเขาเสียโอกาสครอบครัวไปเกือบครึ่ง ผู้พิพากษาเมืองหลี่ซานเป่าช่างละโมบไม่รู้จักพอ หากราคาที่ตระกูลอื่นเสนอมีค่ามากกว่า ก็จะมีตำแหน่งของชิงถานเป็นเดิมพัน
“อย่าเป็นห่วงมากนักเลยขอรับ นายท่าน คุณชายมีความรู้ความสามารถทั้งในด้านศิลป์และศาสตร์วรยุทธ์ ท่านมีตำแหน่งเสมอกันกับเหล่าชายหนุ่มในจังหวัด หากหลี่ซานเป่ามีความละโมบไม่หยุดและเลือกใครสักคนมาเพราะสินบนอย่างเดียว คุณชายก็สามารถตรงไปที่เมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประลองวรยุทธ์ได้นะขอรับ!” พ่อบ้านเก่าแก่เอ่ย
ซูฮ่วนหลีแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าจะรู้อะไร? มันยิ่งยากกว่าในจังหวัดเสียอีก และหนทางดาบก็อันตราย หลายปีผ่านมาคนจำนวนมากไปที่นั่นเพียงเพราะเสียมือกับเท้า! อาถานเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลซู ข้าจะไม่ยอมให้เขาลงไปเสี่ยงแบบนั้นแน่!”
“แต่นายท่านหลี่…” พ่อบ้านเก่าแก่ดูกังวลและถอนหายใจ “เราจะทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกขอรับ?”
ซูฮ่วนหลี่โมโหอย่างมาก ตระกูลซูจะไม่ตกที่นั่งลำบากแบบนี้ถ้าหากว่าซูจื่อเผยไม่ทำสิ่งที่นางทำไปเมื่อปีที่แล้ว
*ก๊อก ๆ*
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเคาะประตูเบา ๆ ด้านนอกประตูเรือน “ท่านพ่อ เอ้อร์หยาเองเจ้าค่ะ ข้ามาเพื่อนำของว่างมาให้ท่าน” น้ำเสียงไพเราะเอ่ย
เอ้อร์หยา?
ซูฮ่วนหลีย่นคิ้ว ทำให้พ่อบ้านรีบอธิบาย “ฮูหยินหนึ่งกับคุณหนูสาม...คุณหนูสองได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังพักรักษาตัวอยู่ที่เรือนฝั่งตะวันออกขอรับ”
“หืมมม! ไร้สาระ!”
ซูฮ่วนหลีที่โมโหอยู่ก่อนแล้วพอได้ยินพ่อบ้านเอ่ยถึงบุตรสาวคนที่สามของเขา ซูจื่อเผย เขาก็ยิ่งทวีความโกรธมากขึ้น
จากนั้นซูเอ้อร์หยาก็ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับถาดใบหนึ่ง นางวางถาดบนโต๊ะน้ำชาข้างกายซูฮ่วนหลี่
“ท่าน...ท่านคือคุณหนูสองหรือขอรับ?”
พ่อบ้านเบิกตากว้างอย่างตกใจราวกับเห็นซูเอ้อร์หยาเป็นครั้งแรก