LS ตอนที่ ๑๑ สินบน
“พ่อบ้าน ให้เบี้ยหวัดแก่เอ้อร์หยาทุกเดือน เอ้อร์หยา เจ้าต้องตั้งใจฝึกทำอาหารนะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำอะไรอย่างอื่นแล้ว อีกอย่างหนึ่ง พ่อบ้าน ให้ผ้าไหมไช่อวิ๋นที่ถูกส่งมาจากร้านผ้าไหมประจำจังหวัดของปีนี้ให้เอ้อร์หยาด้วย แล้วตัดเป็นเสื้อผ้าให้นางอย่างดีโหลหนึ่ง”
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านพ่อ!”
หลังจากนั้น ซูฮ่วนหลี่ก็รีบรุดจากไป แม่บ้านหลี่รู้สึกตื่นเต้นมาก นางเคยไม่มีความสุขเมื่อคุณหนูสองบอกให้นางหาใบไม้เหล่านี้ นางไม่รู้ว่าพวกนางจะได้รับรางวัลเลย
“แม่บ้าน แม่บ้านจ๊ะ มาช่วยฉันทำความสะอาดครัวหน่อยจ้ะ ฉันเพลียเหลือเกิน”
“เจ้าค่ะ ข้ามาแล้ว คุณหนูอย่าทรมานตัวเองเลยนะเจ้าคะ”
ซูเอ้อร์หยาหัวเราะราวกับว่านางมีความสุขอย่างมาก แต่เมื่อพิจารณาชัด ๆ แล้วก็จะพบว่าดวงตาของนางสงบนิ่งและเยือกเย็น
ซูฮ่วนหลี่กลับไปที่ห้องทำงานและเขียนจดหมายฉบับหนึ่ง เขาส่งมันให้กับพ่อบ้าน
“ตอนนี้ให้เจ้าไปยังที่ว่าการและส่งจดหมายนี้ให้ถึงมือของหลี่เว่ยซะ”
พ่อบ้านรู้สึกประหลาดใจนัก “นายท่าน ท่านหมายความถึงคน ๆ นั้นที่ได้ตึกไป๋เว่ยไปหรือขอรับ? เราไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับเขา แล้ว…”
“ถ้าเราติดสินบนหลี่เว่ยด้วยบ๊ะจ่างได้ เราก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการรับเข้าทำงานแล้ว” ซูฮ่วนหลี่เอ็ดพ่อบ้านอย่างโมโห
พ่อบ้านพยักหน้าและเอ่ยอย่างดีใจ “ท่านฉลาดนักขอรับ นายท่าน ข้าจะไปส่งมันในตอนนี้แหละขอรับ!”
ซูฮ่วนหลี่ถอนหายใจ เขาไม่คิดเลยว่าปัญหาที่เคยหลอกหลอนเขามาเป็นหลายวันจะคลี่คลายด้วยฝีมือของเอ้อร์หยา
วันต่อมาหลังจากอ่านจดหมายแล้ว เจ้าที่ดินหลี่ก็มองพ่อบ้านและถามอย่างสงสัย “บ๊ะจ่างนี่...จะอร่อยขนาดนั้นจริงหรือ?”
พ่อบ้านชราหัวเราะ เขาหยิบบ๊ะจ่างที่ห่อด้วยกระดาษไขออกมาและเอ่ยตอบ “ของแบบนี้ต้องเห็นกับตาถึงจะเชื่อขอรับ นายท่านของเราสั่งให้ข้ามอบมันให้ท่านลองชิมลูกหนึ่ง แต่ท่านต้องอุ่นก่อนนะขอรับ”
เจ้าที่ดินหลี่ย่นคิ้วเมื่อเห็นก้อนสีน้ำตาลในมือของพ่อบ้าน แต่เขาก็ยังเรียกให้คนรับใช้นำมันไปอุ่น
“นายท่านของข้าชื่นชมท่านมานานมากแล้ว ตึกไป่เว่ยเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดของจังหวัดเลยขอรับ”
พ่อบ้านเริ่มเอ่ยยอเจ้าที่ดินหลี่ เจ้าที่ดินรู้ว่ามันเป็นเพียงคำเยินยอเท่านั้น แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุข
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง...
“โอ้ กลิ่นนี้มัน…”
เจ้าที่ดินหลี่ทำจมูกฟุดฟิดและเห็นคนรับใช้ถือบ๊ะจ่างร้อน ๆ อยู่ด้านหน้าของเขา
“ข้าเคยชิมอาหารอร่อยมากมายมาก่อน แต่ข้าไม่เคยได้กลิ่นหอมอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” เจ้าที่ดินหลี่หยิบบ๊ะจ่างห่อเล็กห่อหนึ่งมาพินิจมันอย่างระมัดระวัง “มีกลิ่นหอมของใบไม้ผสมกับเนื้อด้วย เจ้าทำได้อย่างไรกัน?”
พ่อบ้านยืนนิ่งและเอ่ยขึ้น “ให้เวลาท่านชิมมันก่อนขอรับท่านหลี่”
จากนั้นเขาก็ใช้กรรไกรตัดเชือกและคลี่ห่อใบไม้รูปปิระมิดออก เจ้าที่ดินหลี่เบิกตากว้างกับกลิ่นหอม และเขาก็กินบ๊ะจ่างอย่างไม่รีรอ
หลังกัดไปได้คำหนึ่ง เจ้าที่ดินหลี่ก็เบิกตาเเทบถลน แล้วเขาก็ทานบ๊ะจ่างราวกับขอทานที่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เขาไม่ลืมที่จะเลียน้ำมันบนมือ จนเหล่าคนรับใช้รอบข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก
หลังกลืนกินบ๊ะจ่างเข้าไปแล้ว เจ้าที่ดินหลี่ก็ถอนหายใจ จนพ่อบ้านคิดว่าเจ้าที่ดินหลี่ยังไม่พอใจกับบ๊ะจ่าง แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญของเจ้าที่ดินหลี่
“เจ้าช่างทำร้ายข้านัก ข้าได้กินของอร่อยเช่นนี้แล้ว แล้วข้าจะกลับไปกินอาหารธรรมดาอีกได้อย่างไรเล่า?”
เมื่อพ่อบ้านได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก แต่ก็คงอาการสำรวมและเอ่ยขึ้น “ทำไมถึงพูดเช่นนั้นล่ะขอรับเจ้าที่ดินหลี่? นายท่านของข้าพร้อมที่จะส่งสูตรบ๊ะจ่างมาให้ ท่านจะได้ทานมันทุกวัน ขอเพียงแค่ท่านสั่งมาขอรับ”
เจ้าที่ดินหลี่ผู้เปิดภัตตาคารมีชื่อเสียงอย่างตึกไป่เว่ยไม่ใช่คนโง่ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาเลิกคิ้วขึ้นกระแอมเบา ๆ และยิ้มออกมา “ได้อย่างเสียอย่างสินะ เจ้าให้ของขวัญยอดเยี่ยมกับข้า และข้าก็มีบางอย่างที่ต้องช่วยเจ้า กลับไปบอกนายท่านของเจ้าว่าเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับบุตรชายของเขาเถอะ”
ด้วยความเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในใจของเขา พ่อบ้านก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ขอบคุณมากขอรับท่านหลี่! ข้าจะกลับไปแล้วส่งสูตรอาหารมาให้ท่านทันที!” พ่อบ้านจากไปอย่างรีบร้อน และหลี่เว่ยก็ยิ้มจนตาหยี
เเม้เขาจะติดในรสชาติอาหารอันโอชะ แต่เขาก็เป็นคนที่รู้จักประมาณตนเอง ท่านลุงของเขาเคยพูดกับเขาเรื่องการรับเข้าทำงาน หากของขวัญที่ตระกูลอื่นส่งมาไม่มีราคาค่างวดเท่ากับของที่ตระกูลซูส่งมาเมื่อปีที่แล้ว โอกาสก็จะกลายเป็นของตระกูลซู
ด้วยอาหารอันโอชะนี้ การตัดสินใจนั้นก็ถือเป็นอันสิ้นสุด
คิดถึงรสชาติของบ๊ะจ่างแล้ว เจ้าที่ดินหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้วกับการรอและหวังว่าตระกูลซูจะส่งสูตรอาหารมาให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้