LS ตอนที่ ๑๔ ท่านหมอฉีเซี่ยนชิง
ท่านหมอฉีคิดว่าเขาปกปิดตัวตนอย่างแนบเนียนแล้ว ทุกคนล้วนไม่อาจทราบได้ว่าเขาคือใครยกเว้นแต่ซูเอ้อร์หยา เพราะนางรู้จักเขาจากในค่ายทหารเมื่อชาติที่แล้ว
ตอนนั้นเขามองดูซูเอ้อร์หยาด้วยความสงสารบางส่วนและความรังเกียจหลายส่วน ราวกับว่านางเป็นเพียงหนึ่งในนางบำเรอหลายคนในค่ายทหาร
ตอนนี้เขาได้อาศัยในเมืองต้าซูอันห่างไกล ไม่แปลกที่จะไม่มีใครพบเขาในโลกนี้
เมื่อซูเอ้อร์หยาก้าวออกมา ดวงตาของฉีเซี่ยนชิงก็พลันเบิกกว้าง ซูฮ่วนหลี่ไม่ทันสังเกตเรื่องนี้ เขาแนะนำท่านหมอฉีให้กับเอ้อร์หยาทันที “นี่บุตรสาวของข้า เอ้อร์หยา ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ฉีเซี่ยนชิงแสร้งทำเป็นมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้าเบา ๆ “แม่นางซูช่างงดงามแต่กำเนิด และนางก็น่าจะฉลาดมาก ข้าจะอยู่ที่นี่เพื่อลองสอนดูสักสองสามวันแล้วกัน”
ซูฮ่วนหลี่มีความสุขนัก เขาเอ่ยขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเด็กสาวคนนี้ก็จะได้รับเกียรติให้เป็นศิษย์ของท่านนะท่านหมอฉี”
ฉีเซี่ยนชิงยิ้มอย่างเมตตาด้วยดวงตาเป็นประกาย “อีกอย่างหนึ่ง ข้าได้ยินว่าบุตรชายคนโตของท่านกำลังจะเข้าเมือง ข้าไปพบเขาได้หรือไม่?”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เขาจะได้รับการสอนสั่งจากท่านแล้ว!” ซูฮ่วนหลี่รีบส่งคนไปตามหาบุตรชายคนโต แต่ฉีเซี่ยนชิงเอ่ยพลางโบกมือ “ไม่เป็นไรหรอก! ข้าเป็นแขก ไม่สมควรที่เจ้าบ้านจะเป็นฝ่ายมาหาข้า ข้าจะเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง”
ซูฮ่วนหลี่ไม่คิดว่าท่านหมอฉีมีอาการแปลก ๆ เนื่องจากอาจารย์ส่วนใหญ่มีนิสัยประหลาดอยู่แล้ว เขาจึงเชื่อฟังอีกฝ่ายในทันทีและให้พ่อบ้านนำทางไป
ซูเอ้อร์หยาไม่ได้ติดตามพวกเขาไป นางเพียงยืนนิ่ง ๆ ในเรือนและครุ่นคิด
ภายในห้องเรียน เมื่อซูชิงถานเห็นท่านหมอฉี เขาก็รู้สึกสับสน เขาเคยคิดว่าจะขอให้อีกฝ่ายปกป้องน้องสาวคนที่สองอย่างไรดีและไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาหาด้วยตัวเอง
“ฮี่ๆๆ ในเมื่อท่านหมอฉีต้องการคุยกับบุตรชายข้าโดยตรง พ่อบ้านกับตัวข้าจะปล่อยพวกท่านตามสบายแล้วกัน”
ซูฮ่วนหลี่จากไปและพาบรรดาสาวใช้ไปด้วย
“คุณชายซูรู้ดีเกี่ยวกับเหตุผลว่าทำไมข้าจึงมาที่นี่” ฉีเซี่ยนชิงเอ่ย
ซูชิงถานพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าดีใจที่ท่านมาที่นี่ น้องสาวคนที่สองของข้าตกอยู่ในสถานการณ์อันเลวร้ายที่บ้าน ดังนั้นได้โปรดช่วยเหลือนางเถอะขอรับ”
“ฮี่ ๆๆๆ…” ฉีเซี่ยนชิงลูบเคราขาวและเอ่ยขึ้น “ข้าเป็นอาจารย์ของตระกูลท่าน และข้าจะพบนางทุกวัน หากท่านไม่สามารถปกป้องแม่นางน้อยจากการถูกทำร้ายได้ ข้าก็จะพานางไปอวิ๋นจิง”
อวิ๋นจิง?
ซูชิงถานตัวสั่นเทาด้วยความประหลาดใจ มันเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิอาศัยอยู่และมีไม่กี่คนที่สามารถเข้าไปได้ แม้แต่เขายังต้องผ่านการพิจารณาและบททดสอบก่อนจึงจะไปที่อวิ๋นจิงได้
“ใช่แล้ว” ฉีเซี่ยนชิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นซูชิงถานตกตะลึงไป “ข้าแก่แล้ว ดังนั้นข้าจึงต้องการผู้สืบทอด ซูเอ้อร์หยาเป็นคนที่เหมาะสม ท่านต้องรู้ว่าหากนางรับช่วงต่อความสามารถของข้า อนาคตของนางจะก้าวไกลไร้ขอบเขต”
ใบหน้าของซูชิงถานกลายเป็นสีแดง เขาโค้งคำนับสุดตัวและเอ่ยตอบ “น้องสาวคนที่สองของข้า...ใจดีเกินไป! ต่อให้นางถูกรังแกนางก็ไม่เคยบอกข้า ข้าไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นพี่ใหญ่ของนางในจุดนี้ วันนี้ต้องขอบคุณท่านที่สอนวิชาการแพทย์ให้นาง ได้โปรดดูแลนางด้วยขอรับ นางจะได้มีชีวิตที่เป็นสุขเสียที”
ฉีเซี่ยนชิงพยักหน้าเป็นสัญญาณเห็นด้วย “เด็กคนนี้ช่างสายตาแหลมคมและอารมณ์ล้ำลึก เขาจะสามารถก้าวไกลในอาชีพราชการของเขาในภายภาคหน้าเป็นแน่ ขณะที่ดวงตาของซูฮ่วนหลี่มืดบอดด้วยชื่อเสียงโชคลาภ ข้าไม่รู้ว่าเขาสอนบุตรชายแบบนี้มาได้อย่างไร” ท่านหมอฉีคิดในใจ
แต่สิ่งที่เขาจะสอนซูเอ้อร์หยาไม่ใช่เพียงแค่วิชาการแพทย์ แต่เป็นสิ่งที่เหนือชั้นกว่านั้น...
รอยยิ้มมีนัยยะผุดที่ริมฝีปากของเขา
ในสามวันต่อมา ฉีเซี่ยนชิงก็มาแต่เช้าตรู่เพื่อสอนให้ซูเอ้อร์หยาอ่านออกเขียนได้ในทุกเช้า ซูเอ้อร์หยาไม่ได้แสร้งทำเป็นโง่เง่า และนางก็เรียนรู้อย่างรวดเร็ว ฉีเซี่ยนชิงรู้สึกมีความสุขกับเรื่องนี้ เขาต้องการทดสอบซูเอ้อร์หยาในสองสามวันแต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจ เขาบอกซูฮ่วนหลี่แล้วว่าเขาตัดสินใจจะเป็นอาจารย์ของเอ้อร์หยา
ในวันที่สี่ ซูชิงฮ่าวก็เข้ามานั่งในชั้นเรียนด้วย
เมื่อซูชิงฮ่าวเข้ามาในชั้นเรียน ซูฮ่วนหลี่ก็กระซิบข้างหู “อาฮ่าว ท่านหมอฉีเป็นอาจารย์ที่มีชื่อในเมืองของเรา ข้าจ่ายเงินไปมากเพื่อจ้างเขามา เจ้าไม่จำเป็นต้องไปโรงเรียนแล้วนับจากนี้เป็นต้นไป แค่เรียนพร้อมกับพี่สาวของเจ้าซะ อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”
“รับทราบแล้วขอรับท่านพ่อ!” ซูชิงฮ่าวตอบเสียงใส เขาคิดอย่างมีความสุขเช่นกันว่าพี่ใหญ่ของเขากำลังจากไป และมันก็เป็นโอกาสดีเยี่ยมที่เขาจะได้ร่ำเรียนกับพี่สาวสองของเขา!”
ซูฮ๋วนหลี่เดินจากไป ฉีเซี่ยนชิงมองซูชิงฮ่าวที่นั่งประจำที่แล้วย่นคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อดวงตาของเขาเบนไปทางซูเอ้อร์หยาที่กำลังทบทวนบทเรียนอยู่ คิ้วของเขาก็ค่อย ๆ คลายลง
“เอาล่ะ ข้าจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเขาแล้วกัน ข้าได้ยินมาว่าตระกูลซูมีบุตรสาวอีกคนหนึ่ง บางทีนางอาจจะมาในวันถัดไป ข้าสามารถสอนพวกเขาได้ในทางปกติ แต่ในฐานะผู้สืบทอดแล้วจะสอนให้อย่างลับ ๆ”
หลังฉีเซี่ยนชิงตัดสินใจแล้ว เขาก็เปิดตำราสอนต่อไป
หนึ่งชั่วยามหลังจากนั้น ฉีเซี่ยนชิงก็หยิบตำราเดินจากไป ซูชิงฮ่าวอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เขายืนขึ้นและดึงตัวซูเอ้อร์หยา “พี่สาวสอง พี่สาวสอง มาเล่นทรายในสนามฝึกวรยุทธ์กันเถอะขอรับ!”
ซูเอ้อร์หยาไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือหัวเราะดีกับความต้องการของเด็กชาย จากนั้นนางก็เอ่ยตอบ “เจ้าไปที่นั่นเถอะ ท่านพ่อต้องดุข้าแน่หากข้าไปที่นั่น”
“ก็ได้ขอรับ…”
ซูชิงฮ่าวว่ิงออกไปอย่างผิดหวังแล้วคิดกับตัวเอง “พี่ชายใหญ่ไม่ถูกดุ แต่พี่สาวสองยังต่างจากเขาอยู่ไม่น้อย”
หลังทำความสะอาดบ้านแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็หยิบสำเนาตำราและเดินออกไป นางพบว่าฉีเซี่ยนชิงยังยืนอยู่ตรงประตูราวกับว่ารอนางอยู่
เขาต้องการจะช่วยเหลือนางหรือ?
ซูเอ้อร์หยาเหลือบมองชายชราผู้นี้อย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าเขามาที่ตระกูลซูก็เพราะนาง แต่ซูเอ้อร์หยาไม่รู้ว่าเขามีเจตนาดีหรือไม่