LS ตอนที่ ๑๕ ฝึกงาน?
“สาวน้อย มากับข้าเถอะ”
ฉีเซี่ยนชิงกวักมือเรียกนางด้วยความตื่นเต้น การอยู่กับนางในวันที่ผ่าน ๆ มาทำให้เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้มีคุณสมบัติเหมาะสม นางบริสุทธิ์ ใจดี ขยัน และมีอารมณ์สุขุมที่จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับปฏิภาณของนาง
นางเป็นตัวแทนที่เหมาะสมต่อตำแหน่งผู้สืบทอดของเขาอย่างแน่นอน อายุของนางมากกว่าเกณฑ์ปกติเล็กน้อย แต่เรื่องนี้ก็ถือว่ายอมกันได้
ฉีเซี่ยนชิงเดินไปยังสถานที่ลับตาพร้อมกับซูเอ้อร์หยาและเอ่ยถาม “สาวน้อย เจ้ารู้ไหมว่าข้าคือใคร?”
ซูเอ้อร์หยากระพริบตาและเอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ “ข้ารู้...ท่านคือท่านหมอและอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงในเมืองนี้เจ้าค่ะ”
“ฮ่าๆๆ…” ฉีเซี่ยนชิงหัวเราะร่า “ข้าไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในเมืองของเรา เมื่อเจ้าออกสู่โลกกว้าง เจ้าจะรู้ว่าชื่อฉีเซี่ยนชิงไม่ได้เป็นที่รู้จักกันแค่ดินแดนต้าฮั่นหรอก!”
“ยังมีดินแดนอื่นนอกจากดินแดนต้าฮั่นอีกหรือเจ้าคะ?” ซูเอ้อร์หยาถามพลางเอียงศีรษะ เห็นชัดว่านางจับประเด็นไม่ได้
ฉีเซี่ยนชิงยิ้มขื่น “แน่นอน เมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าจะได้ออกไปเห็นโลกภายนอกอีกมาก”
จากนั้นฉีเซี่ยนชิงก็มีท่าทีจริงจังและเอ่ยขึ้น “หากเจ้าต้องการก้าวหน้า นอกจากเรียนวรรณกรรมแล้ว มันยังมีอีกทางหนึ่งสำหรับเจ้า นั่นก็คือการฝึกเสวียนกง!”
หลังจากที่เขาพูด บรรยากาศก็พลันเงียบกริบ
ชายชรากับสาวน้อยจ้องมองกันครู่ใหญ่ จากนั้นซูเอ้อร์หยาก็ถามอย่างใคร่รู้ “อาจารย์ เสวียนกงคืออะไรหรือเจ้าคะ?”
ฉีเซี่ยนชิงยิ้มขื่นมากกว่าเดิม เขาลืมไปแล้วว่าแม่นางน้อยที่ยืนตรงข้ามเขาไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ผู้ฝึกวรยุทธ์เมื่อได้ยินคำว่าเสวียนกงจะรู้สึกตื่นเต้นกันจนชนิดที่ว่าเป็นลมล้มพับ แต่เด็กสาวผู้นี้...ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย
“เสวียนกงก็คือการฝึกวรยุทธ์ที่เน้นวรยุทธ์ชั้นยอด ผู้คนจะมีความพิเศษหลังจากฝึกมันในระดับสูง...ช่างเถอะ ข้าจะบอกเจ้ามากกว่านี้ในภายหลังแล้วกัน เจ้าจะนับถือข้าเป็นซือฝู(อาจารย์) หรือไม่?”
ฉีเซี่ยนชิงมองใบหน้าสับสนของซูเอ้อร์หยา และในที่สุดก็ถามนางด้วยวิธีใหม่
“ข้าไม่ใช่ศิษย์ของท่านอยู่แล้วหรือเจ้าคะ?”
ซูเอ้อร์หยายังดูสับสนขณะที่ในใจของนางกำลังหัวเราะ ชายชราคนนี้ต้องการให้นางเป็นผู้สืบทอดของเขานี่เอง
“มันต่างกัน ข้ามีศิษย์จำนวนมาก แต่ผู้สืบทอดของข้ามีเพียงคนเดียว และนั่นก็คือเจ้า” ฉีเซี่ยนชิงหัวเราะราวกับจอมโกหกผู้แนบเนียน “ตราบใดที่เจ้านับถือข้าเป็นซือฝู เจ้าก็ไม่โดนรังแกอีกต่อไป ข้าจะสอนเจ้าด้วยความรู้และทักษะทั้งหมดที่ข้ามี และเมื่อเจ้าโตขึ้น เจ้าก็สามารถรักษาผู้ป่วยและทำอะไรก็ได้ที่เจ้าอยากทำ”
ดวงตาของซูเอ้อร์หยาพลันเบิกกว้าง “ข้าตกลงเจ้าค่ะ!”
ภายใต้การชี้แนะของฉีเซี่ยนชิง ซูเอ้อร์หยาก็ได้เข้าพิธีมอบตนเป็นศิษย์ ซูเอ้อร์หยาไม่มีชาเป็นของมอบให้กับฉีเซี่ยนชิง แต่เขาก็ไม่สนใจ หลังคุกเข่าคารวะแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็ยืนขึ้น ฉีเซี่ยนชิงมองซูเอ้อร์หยาอย่างเมตตามากกว่าเดิมและหยิบหนังสือเล่มเล็กที่เขาเขียนมานานมากแล้วออกมาจากแขนเสื้อ
“ผู้สืบทอดของข้า ใช้เวลาสามวันทำความเข้าใจและท่องจำสิ่งนี้เสีย ข้าจะตรวจดูว่าเจ้ามีความรู้ความเข้าใจมากเท่าใดในอีกสามวันให้หลัง”
ซูเอ้อร์หยาหยิบมันและเอ่ยอย่างเชื่อฟังราวกับว่าถูกสอนมา “เจ้าค่ะอาจารย์”
“ฮ่า ๆๆๆ…”
ฉีเซี่ยนชิงจากไปพร้อมเสียงหัวเราะ ซูเอ้อร์หยารู้สึกราวกับว่าหากนางไม่ได้อยู่ที่นี่ ชายชราก็คงจะเต้นไปแล้ว
ซูเอ้อร์หยาคว้าหนังสือและเขม่นตา
โชคดีที่นางเรียนศาสตร์แห่งพิษมาโดยไม่มีใครแนะนำ มันช่างโง่เฉลานักหากนางไม่ได้นับถือท่านหมอฉีเป็นอาจารย์ นอกจากนี้นางยังต้องการดูว่าเสวียนกงที่อยู่ในคลังตำราศาสตร์แห่งพิษนั้นคือเสวียนกงแบบไหนกันแน่
คิดดังนี้แล้วนางก็เปิดหนังสือน้อย มันมีเพียงคำสี่คำอยู่ที่หน้าแรก คู่มือแพทย์แห่งหุบเขาผี
จากนั้นนางก็พลิกไปยังหน้าทั่ว ๆ ไป นางพลันเบิกดวงตารูปเมล็ดชิ่งขึ้นด้วยความตกใจเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดใหม่
นี่มันไม่ใช่คลังแห่งศาสตร์พิษหรือ?
ฉีเซี่ยนชิงเรียนศาสตร์สายเดียวกับนางจริง ๆ ด้วย!
กลับไปที่เรือนแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็ไม่ได้ทานอาหารเย็น นางอ่านหนังสือเล่มนี้จบตอนเที่ยงคือ เมื่อคลังแห่งศาสตร์พิษอยู่ในใจของนางแล้ว นางก็สูดหายใจลึกและทำใจให้ปลอดโปร่ง
“ถ้าอย่างนั้น...เนื้อหาภายในของเสวียนกงนี้ก็ไม่สมบูรณ์น่ะสิ มันมีแค่ครึ่งแรกเท่านั้น”
ไม่เเปลกเลยว่าทำไมฉีเซี่ยนชิงถึงไปยังสถานที่สกปรกอย่างค่ายโสเภณี บางทีเขาไปที่นั่นเพื่อตามหาหนังสืออีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ แต่โชคร้ายที่นางมีหนังสือครึ่งนั้นอยู่กับตัว เขาไม่ได้หนังสือไปทั้งเล่มตอนตายในชาติที่แล้ว
“ถึงว่าทำไมข้าถึงฝึกมันได้ยากเย็นนัก สิ่งที่ข้าคิดว่าเป็นเสวียนกงระดับแรกจริง ๆ แล้วคือระดับหกนี่เอง…”
ซูเอ้อร์หยาดูพิกลไป เนื่องจางนางคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามขั้นที่ห้าของเสวียนกงเพื่อไปฝึกขั้นที่หก แต่นางฝึกขั้นที่หกสำเร็จแล้วทั้งในชีวิตชาติที่แล้วและชาตินี้ ฉีเซี่ยนชิงจะรู้เรื่องนี้ไหมนะ?
ซูเอ้อร์หยาส่ายหน้าและสลัดความสงสัยออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็อ่านหนังสือน้อยอย่างละเอียดใต้ตะเกียงน้ำมัน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นหลังจากการฝึกวรยุทธ์ภายในที่ไม่สมบูรณ์ ตอนนี้นางมีคู่มือแพทย์แห่งหุบเขาผีสิบสี่ระดับเต็มอยู่ในมือแล้ว! เพื่อความปลอดภัย นางตัดสินใจเริ่มฝึกจากระดับแรก ในชาติที่แล้วนางฝึกถึงระดับเจ็ด แม้ว่านางเกือบจะบ้าบิ่นแต่นางก็มีประสบการณ์โชกโชน การเรียนเสวียนกงชั้นสูงห้าระดับเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น
เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ซูชิงถานก็จากบ้านไปสู่ตัวเมือง และฮูหยินสองก็ร้องไห้คร่ำครวญไปหลายวัน นางใช้เวลาหลายวันกว่าจะออกมาจากห้อง
ซูเอ้อร์หยาเรียนรู้อย่างรวดเร็วและนางก็รู้คำศัพท์มากมายแม้กระทั่งคำที่ไม่ค่อยพบเห็น นางเริ่มอ่านบทกวีและวรรณกรรมภายใต้การชี้แนะของฉีเซี่ยนชิง ความสามารถด้านเสวียนกงของนางแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด ต่อให้นางฝึกขั้นที่สองแล้ว นางก็ยังเเสร้งทำเป็นว่าเพิ่งฝึกระดับแรกสำเร็จ
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ฉีเซี่ยนชิงก็ตกใจและเอ่ยรำพึงขึ้น “นางเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ นางช่างไม่ธรรมดาจริง ๆ ด้วย! ข้าใช้เวลาตั้งครึ่งปีกว่าจะสำเร็จระดับเเรก…”
เมื่อซูเอ้อร์หยาตั้งใจจะเรียนระดับที่สาม จูเหยียนก็กลับมาในที่สุด
“อะไรนะ? นายท่านปล่อยให้ซูเอ้อร์หยาร่ำเรียนวิชางั้นหรือ! เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
ฮูหยินหนึ่งที่ดูราวกับว่าเดินทางมาไกลมีใบหน้าบูดบึ้งเมื่อได้ยินข่าวจากแม่บ้านเจิ้งที่เป็นสายสืบ นางเกือบจะคิดว่าตนเองกลับมาผิดบ้านเสียแล้ว