LS ตอนที่ ๑๘ คิดถึงอดีต
ซูเอ้อร์หยายิ้มบาง แต่เมื่อนางหันหน้ามานางก็ดูน่าสงสาร นางเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่อฟังเหมือนกับเมื่อก่อนไม่มีผิด
แม่บ้านหลี่ตามไปอย่างเหนียม ๆ และมองไปรอบ ๆ หวังว่าจะได้เจอพ่อบ้าน แต่โชคร้ายในขณะที่พวกนางเดินไปยังเรือนตะวันตก นางก็ไม่เห็นเขาบนถนนเลย
ปังง!
ประตูไม้ของเรือนฝั่งตะวันตกถูกปิดอย่างรุนแรง และฮูหยินหนึ่งก็หันหน้าไร้อารมณ์มา นางเอ่ยขึ้น “แม่บ้านหลี่ ขอบคุณที่เจ้าดูแลเอ้อร์หยามาตลอดเวลาที่ผ่านมา นับจากตอนนี้แม่บ้านเจิ้งที่มาจากเรือนตะวันตกจะดูแลนางเอง แม่บ้านเจิ้ง ให้เงินนางและปล่อยให้นางไปซะ ถ้านางไม่ไป...ก็จงทุบตีแล้วลากนางออกไป!”
ตุบ!
ไม้ท่อนหนาถูกวางไว้ด้านหน้านาง และแม่บ้านหลี่ก็หวาดกลัวเสียจนตัวสั่นเทิ้มรุนแรง ไม้ขนาดใหญ่เท่านั้นสามารถตีนางขาหักได้ แต่นางก็ไม่รับเงินหรือผละจากไป
แม่บ้านเจิ้งยิ้มเหี้ยมเกรียม เมื่อนางเงื้อท่อนไม้เตรียมฟาด นางก็ได้ยินเสียงของซูเอ้อร์หยา
“แม่บ้านหลี่ ท่านทำหน้าที่ได้ถึงแค่นี้แหละ”
ซูเอ้อร์หยายืนอยู่ตรงกลางระหว่างแม่บ้านทั้งสอง แม้เสียงของนางจะเบา แต่แม่บ้านหลี่ก็รู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าพลังมาจากไหน และนางก็ผลักแม่บ้านเจิ้งออกไปในทันทีแล้วสวมกอดซูเอ้อร์หยาไว้แน่น
หากนางไป คุณหนูสองก็ไม่อาจสานต่อความฝันของนางได้!
“อาจารย์ฉีจะมาอีกไม่นาน ท่านจากไปเสียแล้วไม่ต้องมาที่บ้านตระกูลซู ท่านสามารถกลับมาได้อีกสองหรือสามวันต่อมา”
เสียงในหูของนางเย็นชาอย่างยิ่ง แม่บ้านหลี่ประหลาดใจนักจนร่างกายเกร็งค้างพร้อมกับรู้สึกตกใจ - นี่มัน...เสียงของคุณหนูสองหรือ?
แต่ปกติคุณหนูสองจะอ่อนโยน ทำไมจู่ ๆ นางถึงมีเสียงเย็นชาแบบนี้ได้?
นางถูกซูเอ้อร์หยาผลักออกไปเบา ๆ และออกจากบ้านตระกูลซูไป จิตใจของนางสับสนวุ่นวาย แต่สิ่งที่ซูเอ้อร์หยาพูดนั้นชัดเจน
หลังแม่บ้านหลี่จากไปแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็ถอนหายใจ ทันในนั้นนางก็รู้สึกว่าอ้อมแขนว่างเปล่า นางมองลงมาแล้วก็เห็นว่าสำเนาหนังสือแห่งต้าฮั่นถูกซูจื่อเผยหยิบฉวยไป
“หนังสือสำเนานี่ละเอียดอ่อนนัก เจ้าไม่รู้สึกขัดบ้างหรือเวลาถือมัน? เจ้าต้องขโมยมันมาจากห้องของข้าแน่!” ซูจื่อเผยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นนางก็ย่นคิ้วและเอ่ยอย่างเร่งร้อน “แม่บ้านเจิ้ง ถอดเสื้อผ้านางซะ อย่าระบายผ้าไหมด้วยลายเมฆสีรุ้งเลย!”
“เจ้าค่ะคุณหนู!”
ซูเอ้อร์หยาสวมเสื้อผ้าป่าน ดวงตาสีดำของนางจ้องมองซูจื่อเผยที่กำลังสัมผัสเสื้อผ้าที่นางถอดออกอย่างชื่นชม
“มากับข้าเถอะเจ้าค่ะ คุณหนูสอง ท่านซ่อนตัวอยู่ในเรือนตะวันออกมาหลายเดือนแล้ว งานในฝั่งเรือนตะวันตกกองสูงราวกับภูเขาเลยทีเดียวเชียว”
แม่บ้านเจิ้งแสยะ ใบหน้าของซูเอ้อร์หยาซีดเผือดและร่างกายของนางก็สั่นเทาเล็กน้อย คนรับใช้หลายคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซูต่างรู้สึกแย่ไปกับนาง
“ซักให้ดี ๆ ล่ะ ข้าไม่อยากให้มันมีกลิ่นเหมือนกับพี่สาวสองของข้าตอนที่ข้าสวมมัน!” หลังจากซูเอ้อร์หยาจากไป ซูจื่อเผยก็โยนเสื้อผ้าไปให้สาวใช้ของนาง นางเกาะแขนท่านแม่ด้วยดวงตาเป็นประกายและเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ท่านนี่เยี่ยมจริง ๆ เจ้าค่ะ!”
ฮูหยินหนึ่งยิ้มและไม่เอ่ยอะไร แต่กำลังคำนวณถึงผลกระทบของแผนนี้ในใจนาง นายท่านต้องเชิญอาจารย์มาให้ซูชิงฮ่าว และไม่ใช่เพื่อซูเอ้อร์หยาอย่างแน่นอน
อาจารย์ทุกคนไม่ใช่พวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน อาจารย์ฉีคงไม่สนใจว่าซูเอ้อร์หยาจะหายไปไหนหรือไม่ ยิ่งกว่านั้นนางก็จะส่งบุตรสาวที่ฉลาดกว่าไปเอาใจเขา นางจะให้เครื่องเงินบางชิ้นกับเขาในวันรุ่งขึ้น อุปสรรคนี้ก็คงจะสิ้นสุดในไม่ช้า
คิดดังนี้แล้วฮูหยินหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างโล่งอก ซูเอ้อร์หยาอยู่ใต้การควบคุมของนางอีกครั้งแล้ว และในที่สุดนางก็นอนหลับสบายได้สักที!
ฤดูใบไม้ผลิมาถึงในที่สุด มันไม่ร้อนเลยสักนิด กลับมีหมอกหนาในตอนเช้าตรู่
ซูเอ้อร์หยาสวมเสื้อผ้าป่านเนื้อบางนั่งอยู่บนม้านั่งไม้เล็ก ๆ ด้านหน้าบ่อน้ำและดูเหน็ดเหนื่อยนัก กองเสื้อผ้าสกปรกตั้งอยู่ข้าง ๆ บ่อน้ำกองสูงท่วมหัวนาง สาวใช้หลายคนต่างปิดจมูกยามเดินผ่านกลิ่นเหม็นสาบ
“ฮัดเช้ยย!”
แม่บ้านเจิ้งเพิ่งตื่นและเดินออกไป นางจามยกใหญ่แล้วกระซิบบ่นว่าทำไมอากาศไม่อุ่นมากกว่านี้ นางกระชับผ้าคลุมเดินมาที่บ่อน้ำและตกใจกับสิ่งที่เห็น
เอ้อร์หยานั่งอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งคืนและตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำค้าง แต่นางไม่ได้ซักผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว!
แม่บ้านเจิ้งบันดาลโทสะและคว้าแส้หวายด้านข้างบ่อน้ำขึ้น นางฟาดมันลงกับพื้นและเอ่ยขู่ “คุณหนูสอง ท่านอยู่ที่เรือนตะวันออกไม่กี่เดือน ตอนนี้กลับซักผ้าไม่เป็น บางทีคุณหนูสองคงจะความจำเสื่อม ตอนนี้ข้าจะช่วยทำให้ท่านจำได้เอง!”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
แม่บ้านเจิ้งฟาดแส้ลงบนหลังของซูเอ้อร์หยาสุดแรงที่มี
ความเจ็บปวดเสียดแทงแล่นขึ้นมาจากหลังจนถึงหัวใจ ซูเอ้อร์หยาครางสองครั้ง จากนั้นก็เม้มปากแน่น ความรู้สึกนี้เกือบตรงกับแปดส่วนของความทรงจำจากชาติที่แล้ว นางคิดถึงมันจริง ๆ
หลังจากนั้นไม่นานนัก...
หลังของซูเอ้อร์หยามีเลือดซึม แต่นางไม่ส่งเสียงใด ๆ นอกจากเสียงครางสองเสียงแรก แม่บ้านเจิ้งรู้สึกโมโหนางขึ้นมาจริง ๆ เพราะว่าเมื่อก่อนเอ้อร์หยาจะกรีดร้อง แต่ตอนนี้นางกลับเหมือนศพเด็กสาวที่ไม่ส่งเสียงใด ๆ เรื่องนี้ทำให้การเฆี่ยนตีนางกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อไป
แต่แม่บ้านเจิ้งก็กลัวจะถูกฮูหยินหนึ่งลงโทษหากนางเฆี่ยนเอ้อร์หยาจนถึงตาย นางเหวี่ยงเเส้หวายลงและกลับเข้าห้อง จากนั้นก็หยิบชามขนมปังข้าวโพดที่ทำจากแป้งหยาบแข็งยิ่งกว่าหินมา
นางเขม่นตาและหัวเราะ “คุณหนูสอง หากท่านไม่อยากซักผ้า ข้าก็ไม่อาจบังคับท่านได้ นี่คืออาหารวันนี้ของท่าน อย่ากินทิ้งกินขว้างล่ะ”
แม่บ้านเจิ้งวางชามข้างกายเอ้อร์หยาขณะพูด จากนั้นนางก็ยืนขึ้นแล้วเตะชาม จนขนมปังข้าวโพดเปื้อนน้ำโคลนเหม็นสาบน่ารังเกียจ