“ย้ากกก!!!”
“เออ เออ.....เอาที่สบายใจเลย ยัยนี่....”
พอได้เห็นการต่อสู้ของเอลน่าเขาก็ทำสีหน้าเหนื่อยหน่าย
เอลน่ากำลังสู้อยู่กับฝูงมอนส์เตอร์หมาป่าสีแดงที่มีชื่อว่าหมาล่าเนื้อ(บลัดฮาวด์) จำนวนของพวกมันนั้นมีมากกว่า 30 ตัว, พวกมันเป็นมอนส์เตอร์ที่ออกล่าเป็นฝูงและแต่ละตัวก็อยู่ในคลาส A ด้วยฝูงหมาล่าเนื้อกว่า 30 ตัวนี้, พวกมันจึงเป็นมอนส์เตอร์ตัวปัญหาที่มีความยากเทียบเท่ากับคลาส AAA ได้เลย
อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เอลน่ากำลังไล่เตะก้นพวกมันโดยไม่สนใจเรื่องจำนวนเลยซักนิด ต่อให้เป็นนักผจญภัยแรงค์สูงก็คงจะประหลาดใจกับภาพที่เห็นนี้
เอลน่ากำจัดหมาล่าเนื้อทุกตัวได้ในเวลาไม่กี่นาที จากนั้นเธอก็เอาอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีลักษณะเป็นผลึกแก้วชนิดพิเศษออกมาเพื่อทำการบันทึกผลการต่อสู้ของเธอ
จากนั้นผลการต่อสู้ก็ถูกส่งไปยังศูนย์ใหญ่ในเคียร์และประกาศให้คนที่นั่นได้ทราบในทันที ตอนนี้กลุ่มของเขาขึ้นนำด้วยการเอาชนะฝูงมอนส์เตอร์ที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับคลาส AAA
อย่างไรก็ตาม, เนื่องจากนี่เป็นเทศกาล, ถ้ากลุ่มอื่นเอาชนะตัวเบ้งๆได้ซักตัว, อันดับก็จะต้องตกไปอย่างแน่นอน
“อัล! ข้าเห็นมอนส์เตอร์ตรงนั้น! พวกเราจะไล่ตามมันไปนะ!”
“ไม่ไป, วันนี้ข้าเหนื่อยแล้ว เราไปหาเมืองแถวนี้พักซักหน่อยไม่ได้รึไง?”
“ทำไมเจ้าถึงทำตัวเฉื่อยชาแบบนี้นะ? พวกเราจะเอาชนะในเทศกาลนี้ไม่ใช่หรอ?”
“ข้าเคยบอกว่าอยากชนะด้วยหรอจำไม่เห็นได้เลย.....”
เขาไม่สามารถยอมให้เอลน่ากับอัศวินของเธอรุดหน้าต่อไปทั้งแบบนี้ได้
ลูกๆของจักรพรรดิที่ออกมากับอัศวินนั้นสวมอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีรูปร่างเหมือนกำไลเอาไว้อยู่ และหัวหน้าของอัศวินแต่ละหน่วยเองก็สวมสิ่งนี้เป็นคู่กัน, ซึ่งกำไลพวกนี้ถูกออกแบบมาให้ทำลายตัวเองถ้าพวกเขาอยู่ห่างกันในระยะนึง ประมาณ 1 กิโลเมตร ดังนั้นด้วยสิ่งนี้, มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่อัศวินจะทำงานคนเดียว
“เจ้าอาจจะไม่เป็นไรแต่คนอื่นเหนื่อยกันแล้วนะ แถมนี่มันแค่วันแรกเองคะแนนคงไม่ต่างกันมากหรอก ถึงยังไงเทศกาลก็จัดตั้งสามวัน, ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้นี่หน่า”
“เจ้านี่มันจริงๆเลย....”
“อะไร? ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นหัวหน้าของเจ้าไม่ใช่หรอ? นี่เจ้าคิดจะขัดขืนคำสั่งของข้ารึไง?”
“ชิ....ก็ได้ๆ ข้าจะทำตามคำสั่งของเจ้า.....”
“ดี ถ้างั้น, มุ่งหน้าไปที่เมืองใกล้ๆกันเถอะ”
พอพูดจบ, พวกเขาก็ออกเดินทางไปที่เมือง
เมืองนี้เองก็กำลังอยู่ในบรรยากาศงานเทศกาล พวกเขามุ่งหน้าไปยังโรงเตี๊ยมที่จักรพรรดิจองเอาไว้ให้ล่วงหน้า
ณ ตอนนี้ทั่วทั้งฝั่งตะวันออกกำลังอยู่ในอารมณ์เทศกาล ถ้าเป็นช่วงเวลาปกตินั้น, เมืองแบบนี้คงจะไม่ได้เห็นราชวงศ์หรืออัศวินที่มีชื่อเสียงอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้เอง, พวกเขาจึงรู้สึกตื่นเต้น แม้ว่าพวกเขาจะตื่นเต้นแค่กับเอลน่าคนเดียวก็เถอะ แต่มันก็ยังดีที่พวกเขามีเหตุผลให้รู้สึกตื่นเต้น
“พวกเขาดูตื่นเต้นกันจังเลยนะ”
“นี่เป็นเป้าหมายขององค์จักรพรรดิ ถึงยังไงเทศกาลนี้ก็จัดขึ้นเพื่อลดความไม่พอใจของชาวตะวันออกหล่ะนะ”
เอลน่าเข้ามาในห้องที่ถูกจัดเตรียมไว้เพื่อเขา
ช่างเป็นเพื่อนที่ไร้มารยาทจริงๆ, เธอไม่ได้เคาะประตูด้วยซ้ำ ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เปิดประตูทิ้งไว้ก็เถอะ
“อย่างน้อยก็ช่วยเคาะประตูหน่อยได้ไหม”
“อ้าว? จำเป็นด้วยหรอ?”
“ถ้างั้นข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าจะทำยังไงถ้าข้าเดินดุ่มๆเข้าไปในห้องของเจ้าโดยที่ไม่เคาะประตู?”
“ก็คงฟันเลยหล่ะมั้ง”
“มันจะไม่ดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อยรึไง!?”
เขาเถียงโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย
และก็ด้วยเหตุนี้เอง, เขาก็เลยทำไวน์หกใส่มือนิดหน่อย โถ่, เสียดายชะมัด
“เจ้านี่มันทำตัวไม่สมกับเป็นราชวงศ์เลย....ก็แค่ทำเครื่องดื่มหกนิดหน่อยอย่าทำหน้าเหมือนกับโลกจะถึงจุดจบได้ไหม”
“เป็นอัศวินแท้ๆ แต่ไม่รู้จักคุณค่าของเครื่องดื่มนี่นะ ว่าแล้วเชียวเจ้านี่สมกับเป็นเจ้าหญิงของพวกอัศวินจริงๆ ช่างไม่เข้าใจอะไรเลย”
“ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องแบบนั้นจากนายน้อยที่ไม่เคยออกจากเมืองหลวงของจักรวรรดิหรอกนะ.....แล้วก็, เริ่มดื่มตอนนี้คิดว่าโอเคแล้วรึไง? ถ้าพรุ่งนี้เจ้าเมาค้างขึ้นมาข้าไม่ช่วยหรอกนะรู้ไหม?”
เอลน่าพูดอย่างเหนื่อยหน่ายในขณะที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามเขา
พอไม่มีชุดเกราะแล้ว, ร่างกายเพียวๆของเอลน่าก็ดูไร้การป้องกันลงมาก เธอสวมเสื้อสีขาวกับกระโปรงสั้นสีแดงที่ทำให้เคลื่อนไหวได้คล่อนตัว แน่นอนว่าสายตาของเขานั้นมองไปยังเรียวขาอันงดงามของเธอที่เผยออกมา จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
ใช่ มันผ่านมาหลายปีแล้วตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก เขาเองก็เป็นผู้ชายสุขภาพดีที่มีความหื่นนิดๆ ถ้ามีสาวงามมาอยู่ตรงหน้าหล่ะก็, เขาจะทำการตรวจสอบอย่างแน่นอน หรือจะให้พูดก็คือ, เขารู้สึกเหมือนกับว่าหน้าอกของเอลน่าไม่ได้ใหญ่ขึ้นเลยทั้งๆที่ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว
“อัล? นี่เจ้ากำลังมองอะไรอยู่?”
“หน้าอกของเจ้า”
“อย่างน้อยก็ช่วยโกหกข้าซักหน่อยเถอะ! โถ่ว....!”
พอพูดจบ, เอลน่าก็ซ่อนหน้าอกที่กระทัดรัดของเธอ
อย่างไรก็ตาม, เขาไม่สนใจ, และมองหน้าอกของเธอต่อ เอลน่ามีอายุ 17 ปี, แก่กว่าเขาหนึ่งปี แต่ถ้าพิจารณาจากขนาดหน้าอกของเธอแล้ว, คือว่ามัน, เขาจะว่ายังไงดี, น่าเสียดายหล่ะมั้ง ไม่สิบางทีคำว่าน่าเศร้าอาจจะตรงกว่า
ฟีเน่, ในอีกด้านนึง, เธอมีหน้าอกใหญ่มาก ถึงแม้ว่าจะสวมเสื้อผ้าหลวมๆ, ก็ยังใหญ่อยู่ดี ว่าแล้วเชียว, สงสัยคงเพราะเอาแต่ฝึกสินะ, ก็เลยไม่มีสารอาหารไปเลี้ยงที่หน้าอกเลย
“เข้มแข็งไว้นะ”
“อย่าพูดเรื่องแบบนั้นด้วยสีหน้าจริงจังแบบนี้สิ! อะไรกัน! ทั้งๆที่จ้องมาตั้งนานแต่นี่คือคำๆเดียวที่ออกมาจากปากของเจ้าเนี่ยนะ!?”
“ข้าก็แค่คิดว่ามันไม่โตขึ้นเลย มันไม่โตขึ้นจริงๆนะ.....”
“มันกำลังโตอยู่! ก็แค่โตช้ากว่าคนอื่นเท่านั้น! มันไม่ได้เล็กซะหน่อยเข้าใจไหม!!”
“.........อย่างนี้นี่เอง”
มันคือทฤษฎีที่ฟังดูน่าเจ็บปวดแต่เขาก็ยอมรับมัน นี่ก็เพื่อเอลน่า
ในขณะที่เขากำลังคิดแบบนี้อยู่นั้นเอง, ไหล่ของเอลน่าก็เริ่มสั่นด้วยความโกรธ เวรหล่ะ, นี่มันไม่ดีแล้ว
“ข้า, ข้าคิดว่าแบบนี้ก็ดีแล้วหล่ะ! มันยังมีใครซักคนที่อยู่ที่ไหนซักแห่งที่ชื่นชอบความแบนนะ!”
“อย่าพูดว่าแบนนะ! มันก็แค่โตช้ากว่าคนอื่นเฉยๆ! อีกไม่กี่ปีมันก็จะใหญ่บึ้มเลยหล่ะ!”
“แบบนั้นคงไม่ไหวมั้ง.....อย่างเก่งก็คงจะได้แค่ขนาดธรรมดาไม่ใช่รึไง?”
“อัล..., ข้าว่า, มาออกกำลังกายหลังอาหารซักหน่อยไหม......?”
“มันจะใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นแน่ๆ! มันจะใหญ่บึ้มเลยหล่ะเพราะฉะนั้นทำใจร่มๆเข้าไว้นะ!”
พอพูดจบ, เขาก็ถ่อยห่างจากเอลน่าที่เริ่มสูดหายใจเข้าลึกๆเหมือนกับที่เธอชอบทำในการต่อสู้
ในตอนที่เห็นเขาตัวสั่นอยู่ตรงมุมห้อง, เอลน่าก็กลับไปนั่งเก้าอี้ของเธอราวกับว่าเธอหมดอารมณ์จะสู้แล้ว
“จริงๆเลย....เจ้านี่มันไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ, อัล”
“คนเรามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงกันง่ายๆในเวลาแค่ไม่กี่ปีหรอกนะ นี่เจ้าคิดภาพข้าเป็นคนยังไงกันเนี่ย?”
“เจ้าชายธรรมดาคนนึง, คนธรรมดาๆ และอย่างน้อยที่สุด, ข้าก็ไม่อยากให้คนอื่นมาล้อเลียนเจ้าหรอกนะ......”
“มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าไม่ใช่รึไง? ถึงยังไงข้าก็ชอบทำเรื่องโง่ๆอยู่แล้ว ไร้พรสวรรค์และเอาแต่เที่ยวเล่นไม่ยอมทำงาน, เจ้าชายไร้ค่าที่โยนทุกอย่างให้ลีโอ เห้อรู้สึกแปลกเหมือนกันนะที่ข้าพูดออกมาด้วยตัวเองเนี่ย”
“ข้าทั้งหดหู่และเสียใจแทนเจ้าจริงๆ.....”
“เอาเถอะ, ขอบใจนะ”
ในตอนที่เขาขอบคุณเธอ, เธอก็จ้องมาที่เขา
เอลน่าไหล่ตกแล้วถอนหายใจออกมา เธอกังวลมากเกินไป แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่มีเวลาว่างพอจะมาห่วงเรื่องของเขา
“เจ้าเข้าใจจริงรึเปล่า? มันเป็นเพราะเจ้านั่นแหล่ะที่ไม่เคยพูดหรือทำอะไรซักอย่างจนมีพวกที่ทำกับราชวงศ์เหมือนกับของเล่น รู้ไหมมีขุนนางบางคนล้อเลียนเจ้าอย่างเปิดเผยเลยนะ? ข้าเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงไม่พอใจเจ้า, เจ้าไม่เคยทำอะไรที่สมกับเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์เลย แต่ถึงอย่างนั้น, ขุนนางก็ยังคงเป็นลูกน้องของเจ้าอยู่ดี, พวกเขามีหน้าที่ต้องเคารพเจ้า, ต่อให้มันจะเป็นแค่การแสดงออกภายนอกก็ตาม”
“ถึงแม้พวกขุนนางจะล้อเลียนข้า แต่มันก็ปกติไม่ใช่หรอที่จะบอกคนไม่ดีว่าเขาเป็นคนไม่ดี? ข้าคิดว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ”
“เจ้าพูดแบบนี้อีกแล้วนะ! ก็เห็นอยู่ไม่ใช่หรอว่าพวกเขาไม่ได้ลองแนะนำเจ้าเลย? พวกเขาแค่ดูถูกเจ้าเพื่อความสนุก! นี่มันแตกต่างจากเด็กแกล้งกันเหมือนตอนที่เรายังเด็กนะ!”
การที่เธออารมณ์เดือดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ
นี่กีโด้หลุดพูดอะไรต่อหน้าเธอรึเปล่านะ? หรือว่าจะเป็นพวกรัฐมนตรี? แต่ไม่ว่ายังไง, ข้ามั่นใจเลยว่ามันทำให้เอลน่าหงุดหงิด
และมันก็คงเป็นเหตุที่เอลน่าดึงดันจะมาหาเขาให้ได้
“แบบนี้เองสินะ? เจ้าคงคิดว่าถ้าทำให้ข้าชนะการแข่งได้มันจะช่วยลบชื่อเสียงไม่ดีของข้าสินะ? แล้วเจ้าอยากให้ข้าเป็นคนแบบไหนหล่ะ?”
“ตราบเท่าที่ลีโอนาร์ดกำลังพุ่งเป้าที่จะกลายเป็นจักรพรรดิ, ข้าเองก็อยากจะให้เจ้าจริงจังขึ้นเหมือนกัน อัล, ข้าเชื่อในตัวเจ้านะ เจ้าก็แค่ไม่ชอบจริงจังกับเรื่องต่างๆเท่านั้นเอง เจ้าเป็นแบบนี้ตลอด พยายามหลีกเลี่ยงทุกอย่าง ยิ่งชื่อเสียงของเจ้าต่ำเท่าไหร่, ชื่อเสียงของลีโอก็จะสูงเท่านั้น นี่คงเป็นสาเหตุที่เจ้าไม่เคยทำอะไรจริงจังใช่ไหม”
เธอเป็นคนที่รู้ทันเขาจริงๆ
สมแล้วที่เป็นเพื่อนสมัยเด็ก
อย่างไรก็ตาม, ถ้าเธอเข้าใจจุดนี้เธอก็น่าจะรู้คำตอบของเขาอยู่แล้วด้วย
“สำหรับข้าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันก็ดีอยู่แล้ว หลังจากจบเทศกาลเจ้าเองก็ควรเลิกยุ่งกับข้าได้แล้วนะ”
“แต่ข้า!”
“ข้าพึ่งจะเกือบถูกลอบสังหารมา”
“.......หา?”
ด้วยประโยคที่พูดโพล่งออกมาอย่างกระทันหันนี้, เอลน่าก็ตัวแข็งทื่อ
จากหน้าต่าง, เขามองเห็นชาวเมืองกำลังเฉลิมฉลองกันอยู่
เขาเริ่มอธิบายในขณะที่มองทัศนียภาพนี้
“มีคืนนึง, ข้าถูกโจมตีในตอนที่เดินเล่นอยู่ในปราสาท ถ้าตอนนั้นเซบาสไม่อยู่ด้วย, ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น ส่วนเหตุผลที่ข้าโดนแบบนี้คงไม่ต้องบอกเจ้าใช่ไหม?”
“...มันเป็น....ความผิดของข้าสินะ.....?”
“เทศกาลนี้มีความสำคัญต่อศึกผู้สืบทอด ถึงยังไงมันก็มีรางวัลเป็นถึงตำแหน่งทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จหล่ะนะ ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่พวกพี่ๆของข้าไม่อยากจะเสียตำแหน่งนี้ให้ใครไป และแน่นอนว่าพวกเขาจะจัดการผู้เข้าแข่งขันทุกคน แม้กระทั่งข้าด้วย”
“แบบนั้นมัน.....”
“ในเมื่อเจ้าต้องออกไปทำภารกิจอยู่ตลอดเจ้าก็คงจะไม่รู้เรื่องแต่ว่าช่วงนี้, พวกพี่ๆค่อนข้างจะไร้ความปราณี พวกเขายอมใช้แผนการทุกรูปแบบเพื่อให้ได้บัลลังก์ ถึงยังไงพวกเขาก็คงรู้ตัวดีว่าถ้าตัวเองแพ้ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ พวกเขาจะไม่ยอมแพ้หรือแสดงความอ่อนแอออกมา แม้กระทั่งข้า, ถ้าลีโอไม่ได้กลายเป็นจักรพรรดิก็คงจะถูกฆ่าเหมือนกัน และเนื่องจากการที่คนไร้พลังอำนาจอย่างข้าจู่ๆก็มีอำนาจขึ้นมานั้น, พวกเขาก็เลยหันมาทำเรื่องแบบนั้น ดังนั้นอย่ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย เจ้าแข็งแกร่งเกินไป”
พอพูดจบ, เขาก็ทำตัวเย็นชากับเอลน่า
ที่ทำแบบนี้มันก็เพื่อเอลน่าด้วย มันคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงของบ้านแอมส์เบิร์กอย่างเอลน่ามาสนับสนุนใครซักคน
ในอนาคต, พวกพี่ๆของเขาจะต้องหาทางจัดการเอลน่าอย่างแน่นอน คำว่าจัดการที่ว่านี้ไม่ได้จัดการความสามารถของเธอแต่เป็นอำนาจทางการเมืองของเธอ
ในอดีตเองก็มีคนบ้านแอมส์เบิร์กถูกจัดการเพราะเรื่องนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่ก้าวเข้ามายุ่งเรื่องการเมือง
และมันก็คือเหตุผลที่เอลน่าไม่ควรมาเข้าร่วมในสงครามผู้สืบทอด, ซึ่งเป็นการต่อสู้ทางการเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิด้วย
การได้เธอมานั้นจะทำให้มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน แต่ในทำนองเดียวกันมันก็จะสร้างศัตรูที่แข็งแกร่งพอๆกันด้วย ดังนั้นการให้เอลน่าอยู่ห่างจากเรื่องนี้จะดีที่สุด, ทั้งในแง่ของอารมณ์และสถานการณ์
“........ข้าขอโทษ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก แค่เต็มที่กับเทศกาลก็พอ”
“.....อืม”
พอพูดจบ, เอลน่าก็เดินคอตกออกจากห้องไป
แผ่นหลังของเธอดูโดดเดี่ยวอย่างน่าเหลือเชื่อแต่เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
นับจากวันนั้น, ประสิทธิภาพการทำงานของพวกเขาก็ลดลงอย่างรวดเร็ว