px

เรื่อง : War Sovereign Soaring The Heavens
บทที่ 338 : อู๋หย่งเฉียน


บทที่ 338 : อู๋หย่งเฉียน

บางทีอาจเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนแลดูน่าสงสาร   หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนได้ช่วยเหลือให้นางผ่านพ้นการทดสอบศิษย์สายใน...

สั่วฉิงพลันสลายรอยยิ้มบนใบหน้า

"ศิษย์น้องทั้งหลาย" สั่วฉิงค่อยๆกล่าววาจาออกมา ก่อนที่จะไปยืนบังด้านหน้าต้วนหลิงเทียน แล้วหันไปกวาดสายตามองเหล่าศิษย์สตรีทั้งหลาย "พอกันได้แล้ว ... ต้วนหลิงเทียนมาขุนเขาเหยากวงของเราวันนี้ เพราะอาจารย์ของข้าเรียกหาเขา  หากเขาไปหาอาจารย์ของข้าสายล่ะก็ ...ยามนั้นพวกเจ้าทุกคนมิพ้นโดนลงโทษกันแล้ว พวกเจ้ายังกล้ารั้งตัวเข้าไว้อีกหรือ?"

วาจาที่สั่วฉิงเอ่ยออกมานี้ แน่นอนย่อมมีประสิทธิภาพอันร้ายกาจ!  แม้ศิษย์สตรีของขุนเขาเหยากวงจะบังเกิดความไม่ยินยอมสักเท่าไร.. แต่สุดท้ายพวกนางก็จำต้องแยกย้ายกันไปอย่างเชื่อฟัง

แต่ในขณะที่เหล่าศิษย์สตรีเดินจากไปนั้น แน่นอนว่าพวกนางย่อมใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหลมองไปยังต้วนหลิงเทียน กระทั่งบางคนยังส่งสายตายั่วยวนอย่างเห็นได้ชัด ...นี่ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกช่วยไม่ได้อยู่บ้าง

"ศิษย์พี่สั่วฉิง ดูเหมือนพวกนางจะหวาดกลัวอาวุโสไป่ อาจารย์ท่านไม่น้อยเลยนะ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ?" หลังจากที่เดินออกมาห่างจุดเชื่อมสะพานโซ่ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองสั่วฉิงพร้อมกล่าวถามขึ้นมาอย่างสงสัย

"ย่อมแน่นอนที่พวกนางต้องหวาดกลัว" สั่วฉิงพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้ม "ปกติแล้วปรมาจารย์ขุนเขาเหยากวงจะมิค่อยมาจัดการเรื่องต่างๆในขุนเขาเหยากวงสักเท่าไร ... และงานทั้งหมดในขุนเขามักถูกมอบหมายให้อาจารย์ของข้าเป็นผู้จัดการเสมอ... กล่าวได้ว่าในขุนเขาเหยากวงนี้อาจารย์ของข้ามีอำนาจของปรมาจารย์ขุนเขาไปกว่าครึ่งแล้ว"

ต้วนหลิงเทียนย่อมเข้าใจเรื่องราวได้ในทันที

ในตอนนั้น ที่เขาอาศัยพลังวิญญาณและประสบการณ์ตลอดสองช่วงชีวิตของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาก็รับรู้ได้ว่าความแข็งแกร่งของอาวุโสไป่ไม่ได้ธรรมดา ...

นับว่าเหนือชั้นกว่าผู้อาวุโสไร้สาระทั้งหลายที่ประจำตำแหน่งในขุนเขาทั้งหลายมากมายนัก

ตอนนี้พอเขาได้รับรู้อีกสถานะหนึ่งของอาวุโสไป่ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกย่องนาง

เพราะสุดท้ายแล้วการจัดการเรื่องราวภายในขุนเขาเหยากวงเช่นนี้ หากไม่ได้มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอ  ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่จะอยู่ในสายตาปรมาจารย์ขุนเขาเลย กระทั่งศิษย์สายนอกยังไม่อาจยอมรับด้วยซ้ำ ไม่ยินดีเคารพเชื่อฟังด้วยซ้ำ!

"ตอนนี้อาจารย์ข้าไม่น่าจะอยู่ที่ขุนเขา... เอาล่ะเจ้าไปหาศิษย์น้องเถอะ ข้าไม่อยู่รบกวนพวกเจ้าแล้ว ฮิฮิ" สั่วฉิงส่งต้วนหลิงเทียนที่ทางเข้าหุบเขา ก่อนที่จะส่งยิ้มรู้กันให้ต้วนหลิงเทียน ก่อนที่นางจะกลับไป

"อ่า...ขอบคุณศิษย์พี่หญิงแล้ว" ต้วนหลิงเทียนเองก็ยิ้มให้สั่วฉิง สั่วฉิงคนนี้นับว่าเอาใจใส่ผู้อื่นนัก

ต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาในหุบเขาไม่นานก็ได้เห็นลี่เฟย ...ตอนนี้ดูเหมือนนางกำลังดูแลดอกไม้ ไม่ก็จัดการกับหญ้าใกล้ๆแปลงดอกไม้อยู่

ส่วนล่างของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะร้อนรุ่มพองตัวขึ้นมา เมื่อได้เห็นรูปร่างเย้ายวนอย่างร้ายกาจราวกับปีศาจสาวของลี่เฟย

รอยยิ้มลี้ลับปรากฏขึ้นที่มุมปากของต้วนหลิงเทียนในหัวบังเกิดความคิดสนุกสนานประการหนึ่ง ก่อนที่เขาจะค่อยๆย่องเข้าไปทางด้านหลังของลี่เฟย เมื่อถึงระยะเหมาะสม เขาก็พุ่งไปเข้ากอดร่างนางเอาไว้ทันที

"อ๊ะ! ผู้ใดกันปล่อยข้านะ?!" แน่นอนว่าลี่เฟยย่อมตกใจไม่น้อย และนางก็ร้องถามออกมาตามสัญชาตญาณ

"แม่สาวงามตัวน้อยอย่าได้ร่ำร้องให้เสียเวลา!  วันนี้ต่อให้เจ้าร่ำร้องจนคอแตก ก็ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าให้รอดเงื้อมมือของข้าได้ ฮี่ๆ"ปากของต้วนหลิงเทียนเอื้อมไปขบติ่งหูของนางเบาๆ ก่อนที่จะข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า ซ้ำยังแกล้งนางด้วยการเป่าลมเข้าไปเบาๆ

"ตัวเลวร้าย เจ้ามาแล้ว!" ลี่เฟยพลันฟื้นตัวจากอาการตกตะลึงและเริ่มเผยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขออกมา  แน่นอนว่านางจดจำได้ทันทีว่าเป็นต้วนหลิงเทียน

"อะไร! นี่เจ้ายังเจ้าข้าได้อีกหรือ?" ต้วนหลิงเทียนยิ้มออกมาอย่างขมขื่นและปล่อยมือจากลี่เฟย  ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักความอ่อนโยนในขณะที่จ้องมองนางหันกลับมาสบตากับเขา

"ตัวเลวร้าย วันนี้เจ้าใช่ไปเข้าร่วมการทดสอบศิษย์สายในด้วยหรือไม่?" ลี่เฟยกระพริบดวงตาคู่สวยปริบๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมา

"ใช่แล้ว ข้าไปเข้าร่วมมา" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ

"เจ้าอยู่ในระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 8เช่นนั้นการทดสอบศิษย์สายในครั้งนี้ ไม่ควรเป็นเรื่องยากอะไรสำหรับเจ้า...ศิษย์พี่หญิงข้าเองก็ไปสอบเช่นกัน แล้วนี่นางสอบผ่านหรือไม่?" ลี่เฟยกระพริบตาคู่สวยปริบๆ พร้อมกล่าวถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"อะไร? ในเมื่อเจ้าอยากรู้ขนาดนี้ ใยไม่ติดตามไปชมดูด้วยตัวเองเล่า?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้ม

"ก็ข้ามัวแต่นั่งบ่มเพาะจนเพลินน่ะสิ  พอออกมาดูเวลา  ก็เห็ยว่าการทดสอบสมควรใกล้จบแล้วข้าเลยมิได้ไปดูให้เสียเวลา" ลี่เฟยกล่าว พร้อมทำหน้ามุ่ย

"เอาล่ะเดี๋ยวข้าจะบอกเจ้าแต่ต้องหลังจาก...." ต้วนหลิงเทียนพูดจบก็พุ่งไปกอดลี่เฟยอีกครั้ง  เขาหอมแก้มนางฟอดใหญ่ ก่อนที่จะจับนางอุ้มท่าเจ้าหญิงเดินเข้าบ้านพักไปอย่างเร่งรีบเป็นเขาที่รอไม่ไหวแล้ว...

เสียงสนิทสนมพัวพันดังขึ้น ความสุขพัดพาโหมกระหน่ำดั่งระลอกคลื่นซัดสาด  คลื่นซัดสาดกระเซ็นระลอกแล้วระลอกเล่าราวกับจะไร้สิ้นสุด ไม่นานเมื่อสองคนนำพาไปถึงฝั่งฝันท้องทะเลที่คุ้มคลั่งพลันสงบลง...

หลังจากที่ทั้งคู่ได้สานรักที่ห่างหายไปนาน ลี่เฟยยามนี้ที่มีใบหน้าแดงระเรื่อซ้ำยังเผยแววตาเต็มไปด้วยความสุขสมพึงใจ พลันเอื้อมมือที่เรียวดั่งหยกขึ้นมาจี้วนเล่นบนอกแกร่งของต้วนหลิงเทียน "นี่...ตัวเลวร้าย...ตกลงศิษย์พี่หญิงของข้า นางผ่านการทดสอบหรือไม่?"

"เจ้าคิดหวังให้นางสอบผ่านหรือ?" ต้วนหลิงเทียนกระชับร่างบางลี่เฟยในอ้อมแขนโอบกอดนางแน่นขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่จะลูบไล้ไปทั่วเรือนผมอ่อนนุ่มหอมละมุนของนาง ขณะกล่าวถามด้วยรอยยิ้มบางๆ

"แน่นอนว่าข้าย่อมอยากให้ศิษย์หญิงพี่สอบผ่าน...แต่จากที่ข้าคาดไว้ นับว่ายังเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่ศิษย์สายนอกระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 7 จะผ่านการทดสอบเข้าเป็นศิษย์สายใน ... " เมื่อกล่าวจบใบหน้าของลี่เฟยก็เผยความกังวลออกมาไม่น้อย

"เอาล่ะ อย่าได้กังวลแล้ว ข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว ข้าบอกก็ได้" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมา เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของลี่เฟย เขาจูบศีรษะของนางเบาๆก่อนที่จะกล่าวคำ "มีบุรุษของเจ้าอยู่ด้วยทั้งคน เจ้ายังคิดว่านางไม่อาจผ่านการทดสอบได้อีกหรือ?"

คำกล่าวของต้วนหลิงเทียน ทำให้ประกายตาลี่เฟยเรืองวูบขึ้นมา “หือ!ศิษย์พี่หญิงผ่านการทดสอบศิษย์สายในได้จริงๆหรือ?”

"แน่นอนว่าย่อมผ่าน ข้าจะหลอกเจ้าไปทำไมกันเล่า...แต่อย่างไรก็ตามเจ้าต้องขอบคุณบุรุษของเจ้า!เพราะคนที่ช่วยให้นางผ่านการทดสอบแน่นอนย่อมเป็นข้าเอง" ต้วนหลิงเทียนเผยรอยยิ้มซุกซนออกมา สองมือเองก็ซุกซนไม่แพ้กันเริ่มเอื้อมไปลูบคลำหนั่นเนื้อนุ่มละมุนดั่งปุยเมฆ

"อ๊ะ...ตัวเลวร้าย...อย่าได้... เจ้านี่ใยยิ่งมายิ่งหน้าหนานักเล่า ...ศิษย์พี่หญิงของข้าผ่านการทดสอบก็ต้องเป็นเพราะฝีมือของนาง  ยังมีอันใดเกี่ยวข้องกับเจ้าอีก?" ลี่เฟยค้อนเล็กน้อยที่โดนสัมผัสจุดอ่อนไหว ก่อนที่นางจะยิ้มออกมาอย่างตลกขบขัน แน่นอนว่านางยังไม่เชื่อคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวสักเท่าไร

“อะไรกัน...ช่างเถอะ เจ้าไม่เชื่อคำข้า...ตัวข้าก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เฮ่อ...เช่นนี้เจ้าไปถามศิษย์พี่ของเจ้าเอาเองแล้วกัน”ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ปากเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ไม่คิดอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีก

"เอ๊ะ...นี่!ตัวเลวร้าย...นี่เจ้ากล่าวจริงหรือ?" ต้วนหลิงเทียนแกล้งทำท่าทางเช่นนี้ย่อมทำให้ในใจลี่เฟยบังเกิดความอยากรู้นัก นางรีบกล่าวถามออกมาอย่างซุกซน

"แน่นอนว่าย่อมเป็นความจริง ...เฮ่อเสี่ยวเฟยตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่ข้าคนนี้เคยโกหกเจ้า?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาเบาๆพร้อมยิ้มแย้มเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆรับกลิ่นหอมจากเรือนผมของลี่เฟย

"นี่ตัวเลวร้าย รีบกล่าวบอกเรื่องราวมาเร็วเข้า" ลี่เฟยเริ่มสนใจแล้วนางบีบๆไปที่คางของต้วนหลิงเทียน

"อะไร? ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือ?" ต้วนหลิงเทียนหัวเราะออกมา

สุดท้ายเมื่อโดนลี่เฟยเรียกร้องซ้ำๆ ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นออกมา ...

"อา...ตัวเลวร้าย เป็นข้าต้องขอบใจเจ้ามากแล้ว" ลี่เฟยกล่าวเบาๆ พร้อมทิ้งตัวลงอ้อมอกของต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะกอดเอาไว้แน่น

นางรู้ว่าที่ศิษย์พี่หญิงของนางผ่านการทดสอบได้ ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะบุรุษของนาง

"เสี่ยวเฟย ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้ายังต้องเกรงใจข้า?" ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวออกมาพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู มือเอื้อมไปลูบหัวนางเบาๆ

หลังจากนอนเล่นกับลี่เฟยอีกครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ลุกขึ้นสวมชุดของเขาเพื่อเตรียมตัวจะกลับ ...ในระหว่างนั้นเขาก็เอ่ยคำขึ้นมา "จริงสิเสี่ยวเฟย ...อีก 2 เดือนหลังจากนี้ ข้าตั้งใจว่าจะไปยังยอดเขาเดียวดายสักหน่อย"

ลี่เฟยหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ "หืม? ตัวเลวร้ายนี่ใช่...เจ้าคิดไปทำตามคำสั่งเสียของนายน้อยนิกายไร้สิ้นสุดนั่นหรือไม่?"

ในตอนนั้นยามที่ต้วนหลิงเทียนได้พบพานกับนายน้อยนิกายไร้สิ้นสุด ที่ป่าหมอกมรณะฝั่งเมืองออโรร่าแน่นอนว่าลี่เฟยย่อมอยู่ด้วยเช่นกัน...เช่นนั้นตัวลี่เฟยเองก็รู้ว่านายน้อยของนิกายไร้สิ้นสุดคนนั้นได้สั่งเสียเรื่องราวนี้ไว้แก่ต้วนหลิงเทียน

"ใช่แล้ว" ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ "อันที่จริงแล้ว ข้าแค่ต้องการนำหยกบันทึกเสียงไปมอบให้ ตามที่รับปากไว้เท่านั้นล่ะ ... แล้วเจ้าเล่า?ต้องการติดตามข้าไปด้วยหรือไม่”

"แน่นอนว่าข้าต้องอยากไปกับเจ้า  เช่นนั้นเอาไว้ใกล้ๆถึงเวลาแล้วเจ้าค่อยมาเตือนข้าอีกทีนะ" ลี่เฟยพยักหน้ารับด้วยความตื่นเต้น นางมาอยู่นิกายกระบี่ 7 ดาวได้ 7 เดือนกว่าแล้ว และนางก็ไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนเลย ยามนี้นางเบื่อแทบตายแล้ว

ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า "ดี!เอาล่ะถึงเวลานั้นแล้วข้าจะมาหาเจ้า ...เฮ่อ ข้าหวังว่าถึงเวลานั้นแล้วเค่อเอ๋อจะกลับมาด้วย  พวกเราทั้ง 3 จะได้ไปพร้อมกันกับฉงเฉวียน"

ต้วนหลิงเทียนกล่าววาจากับลี่เฟยอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่จะจากไป

ในขากลับออกจากขุนเขาเหยากวงนี้ ต้วนหลิงเทียนถึงกับต้องโคจรพลังงานต้นกำเนิดใช้ออกด้วยกำลัง110 ช้างแมมมอธโบราณพร้อมใช้วิชาท่าร่างอย่างสุดกำลัง! เพื่อไปถึงสะพานโซ่และข้ามผ่านให้เร็วที่สุด!!

เขาทำราวกับว่า...เขากำลังหลบหนีภยันตรายหมายเอาชีวิตอย่างไรอย่างนั้น!

แน่นอนว่าเหล่าศิษย์สตรีขุนเขาเหยากวงย่อมไม่อาจตอบสนองอันใดได้ทัน พวกนางเพียงเห็นเงาร่างต้วนหลิงเทียนไวๆเท่านั้น  เขาก็วิ่งห่างออกไปมากแล้วสุดที่พวกนางจะไล่ติดตามมาได้

"อ๊า เหตุใดศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนถึงวิ่งได้รวดเร็วเช่นนี้เล่า หมดกันข้าอุตส่ามาเฝ้ารอ?"

"โธ่เจ้ายังดี ข้าล่ะอุตส่าห์รีบไปนำขนมที่อุตส่าห์นำมาจากบ้านตั้งมากมาย หวังเพียงได้แบ่งปันให้ศิษย์พี่ได้ลองชิมดูบ้าง"

"ข้าเองก็คิดจักสนทนาเรื่องราวชีวิตกับศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสักหน่อย ... "

...

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนข้ามสะพานโซ่จนมาถึงขุนเขาเทียนชูแล้ว อดไม่ได้ที่เขาจะระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไปเปราะหนึ่ง...และไม่นานเขาก็เดินทางปะปนไปกับฝูงชนเพื่อกลับมายังขุนเขาเทียนเฉวียน

ทว่าต้วนหลิงเทียนมาถึงขุนเขาเทียนเฉวียนได้ไม่ทันไร ก็มีเรื่องราวที่ทำให้เขารำคาญใจเสียแล้ว

นี่เพราะเขากำลังเห็นเงาร่างคุ้นตากำลังเดินมาหาเขาจากเบื้องหน้า...

"ต้วนหลิงเทียน!" อู่หย่งเฉียนได้มาเผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง แน่นอนว่าประกายตาของมันย่อมฉายชัดออกมาถึงความเคียดแค้นชิงชัง  นี่เพราะศิษย์สายนอกเบื้องหน้าของมันเป็นคนที่ทำให้แขนข้างขวาของมันต้องพิกลพิการไม่อาจใช้วิชาอะไรได้อีกในอนาคต อันที่จริงกระทั่งหยิบจับสิ่งของก็ไม่อาจทำได้แล้ว...

"เจ้าต้องการอะไร ก็รีบๆพูดมา ข้าไม่ว่างคุยเล่นกับเจ้าทั้งวัน?" น้ำเสียงของต้วนหลิงเทียนในขณะกล่าวถามสงบนิ่งและไม่แยแส

"เหอะ! เป็นบิดาบุญธรรมของข้าต้องการพบเจอเจ้า" อู๋หย่งเฉียนกล่าวออกมาตรงๆอย่างไม่อ้อมค้อม

"ปรมาจารย์ขุนเขา ยังต้องการอะไรจากข้าอีก?" ต้วนหลิงเทียนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวของอู๋หย่งเฉียน แล้วเขาก็แกล้งกล่าวถามออกมาด้วยวาจาเสียงดัง เพื่อให้คนรอบๆได้ยินอย่างชัดเจน!

แน่นอนว่าเพียงพริบตาเดียว ก็เรียกร้องความสนใจจากเหล่าศิษย์ที่อยู่รอบๆ ได้ดีนัก

"อะไร? ปรมาจารย์ขุนเขา?"

"เอ๋! นั่นมิใช่ ศิษย์พี่อู๋หย่งเฉียน ที่เป็นบุตรบุญธรรมของปรมาจารย์ขุนเขาเทียนเฉวียนของเราหรือ?"

"อา...มิผิด ดูเหมือนท่านปรมาจารย์ขุนเขา คิดเรียกศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนไปพบ"

...

เหล่าศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนพลันสนทนากันอย่างสนุกสนาน

อู๋หย่งเฉียนพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อได้ยินบทสนทนาเสียงดังรอบๆ ของเหล่าศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียน มันหันไปถลึงตามองต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ "ต้วนหลิงเทียน ...เป็นบิดาบุญธรรมต้องการพบเจ้า แล้วใยเจ้าต้องส่งเสียงดังโวยวายเช่นนี้?  หรือกลัวคนอื่นจักมิรู้ว่าบิดาบุญธรรมของข้าเรียกหาเจ้าไปพบ?"

"ฮ่าๆ... " ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน เนิ่นนานกว่าจะหยุดลง "อู๋หย่งเฉียน เป็นข้าลงมือทำลายแขนขวาเจ้าจนพิการในวันนั้น...แล้วหลังจากเกิดเรื่องราวเช่นนั้น เจ้ามาบอกว่าปรมาจารย์ขุนเขาเรียกพบข้า...แล้วเช่นนี้ข้าจะมั่นใจได้อย่างไร  ว่าไม่ใช่ปรมาจารย์ขุนเขาคิดกลับคำขึ้นมา ต้องการทำอะไรข้า? เฮอะ!แน่นอนว่าข้าย่อมไม่มั่นใจ! และข้ารู้สึกว่าเรื่องราวนี้สมควรให้ทุกคนได้รับรู้ "

ทำลายแขนขวาจนพิการ?

เหล่าศิษย์ของขุนเขาเทียนเฉวียนทั้งหลายที่ได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน พลันนิ่งค้างราวกับเป็นหิน

ทันใดนั้นสายตาของทั้งหมดพลันเบนมาจับจ้องยังแขนขวาของอู๋หย่งเฉียน และในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นว่าแขนขวาอู๋หย่งเฉียนยามนี้...มันห้อยตกลงพร้อมทั้งแกว่งไกวไปมาตามแรงลม ซ้ำยังพลิกบิดเบี้ยวราวกับไร้กระดูก จากสภาพนี้แล้วทุกคนล้วนรับรู้ได้ทันที ว่าแขนนี้ไม่อาจใช้ทำอันใดได้แล้ว...

"อะไร!นี่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ถึงขั้นลงมือทำลายแขนขวาศิษย์พี่อู๋หย่งเฉียนถึงขั้นพิกลพิการเลยหรือ?"

“นี่มิใช่เรื่องราวร้ายแรงแล้วหรือไร?  จากวาจาที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าปรมาจารย์ขุนเขาเองก็รับรู้เรื่องนี้และอยู่ในเหตุการณ์เช่นกัน”

"อา! ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก! นับว่าตอนนี้สวรรค์ให้ข้าได้เกิดมาพบพานอัจฉริยะไร้ผู้ต้านอย่างแท้จริง"

...

สายตาของศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนจับจ้องไปยังร่างของต้วนหลิงเทียนด้วยความเคารพ และบังเกิดความกระตือรือร้นที่จะนำต้วนหลิงเทียนมาเป็นแบบอย่างในชีวิต

"ต้วนหลิงเทียน ศิษย์สายนอกอย่างเจ้าคิดกล่าววาจาอันใด กล้าไม่เกรงใจศิษย์สายในอย่างข้าหรือ!" ใบหน้าของอู๋หย่งเฉียนแปรเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก แววตาของมันยังส่งความรู้สึกเคียดแค้นชิงชังออกมาอย่างชัดเจน   ทั้งหมดเพราะต้วนหลิงเทียนกล้าเปิดเผยเรื่องราวน่าอับอายของมันต่อหน้าผู้คน!

"ศิษย์สายนอกหรือ? หึหึ!" มุมปากของต้วนหลิงเทียนเผยอรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำกล่าวจกตนข่มท่านของอู๋หย่งเฉียน  หลังจากนั้นเขาพลันยกมือขึ้นมาแบไว้ตรงหน้า ก่อนที่จะปรากฏป้ายประจำตัวป้ายหนึ่งผุดออกมาจากอากาศที่ว่างเปล่า "อู๋หย่งเฉียนทำไมเจ้าไม่ลองเบิ่งตาให้กว้างๆ แล้วมองสิ่งนี้ให้ชัดถนัดตาก่อนเล่า ลองดูมันดีๆ  ใช่ป้ายประจำตัวนี้...คุ้นตาเจ้าหรือไม่?"

ใบหน้าของอู๋หย่งเฉียนลดต่ำลงโดยพลัน เมื่อได้เห็นป้ายประจำตัวบนฝ่ามือต้วนหลิงเทียน

แน่นอนว่ามันย่อมจดจำได้ว่าสัญลักษณ์บนป้ายในมือต้วนหลิงเทียน...ไม่ได้ต่างอะไรกับป้ายประจำตัวมัน!!

สำหรับศิษย์สายนอกของขุนเขาเทียนเฉวียนที่อยู่ใกล้ๆนั้น ...ทั้งหมดล้วนเบิ่งตามองด้วยความตกตะลึง ประกายตาของทั้งหมดเรืองวูบขึ้นมาราวกับจะเปล่งแสงได้ "สวรรค์ นั่นมิใช่ป้ายประจำตัวของศิษย์สายในหรอกหรือ?"

“ดูเหมือนว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน จะสามารถผ่านการทดสอบศิษย์สายในวันนี้ได้แล้วจริงๆ”

"มีข่าวร่ำลือกันอย่างหนาหูว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนได้ตัดผ่านไปยังระดับกำเนิดแก่นขั้นที่ 8 ตั้งแต่ 1 เดือนที่แล้ว ...เช่นนั้นเรื่องที่เขาจะผ่านการทดสอบศิษย์สายในย่อมไม่นับว่าแปลกอันใด"

"เพ้ยนั่นมิใช่ปัญหา ... เจ้ายังไม่เข้าใจหรือไร นี่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนยังแลดูอายุกว่าน้อยกว่า 20 ปีด้วยซ้ำ?"

"ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสมแล้วที่ได้รับการยอมรับจากศิษย์สายนอกทุกคนของนิกายกระบี่ 7 ดาว... ก่อนที่เขาจะปรากฏตัว หากมีใครบอกว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ระดับกำเนิดแก่นแท้ขั้นที่ 8 ที่มีอายุเพียง 20 ปีอยู่ในอาณาจักรพนาครามล่ะก็ ต่อให้สาบานต่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ข้ายังมิอยากจะเชื่อ! "

...

สุดท้ายคำกล่าวของศิษย์ขุนเขาเทียนเฉวียนรอบๆ ยิ่งมายิ่งเป็นวาจายกย่องเทิดทูนต้วนหลิงเทียน...

รีวิวผู้อ่าน