Chapter 4: เอาคืน
ในป่าหลังโรงเรียน จางเทีย กำลังปล้ำกับชายคนนั้นสักพักก่อนจะลุกขึ้นมาและต่อยซ้ำไปอีกสองรอบ จากนั้นเขาก็โดนทุบอย่างแรงที่ด้านหลังและ จางเทีย ก็ถูกเตะให้ออกจากชายที่เขาคร่อมอยู่
จางเทีย ม้วนตัวเพื่อลดแรงกระแทกก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยใช้เทคนิค Carp Jump Carp Jump นั้นเป็นศิลปะการต่อสู้ชนิดหนึ่งซึ่งใช้แรงที่ขา,ข้อมือ และท้องเพื่อยืนขึ้นมาในตอนที่นอนอยู่ที่พื้น ( นอนแล้วเด้งตัวขึ้นมา ) ในตอนที่เขายืนขึ้นมานั้นเขาเห็นคนสองคนเข้ามาต่อยเข้าจากทั้งสองข้างพร้อมกัน จางเทีย เตะเข้าไปที่คนด้านขวาแต่เด็กนั่นเร็วมากและเอียงตัวหลบพร้อมกับยกขาตัวเองขึ้นเพื่อกันลูกเตะของ จางเทีย เด็กนั่นทำหน้าบูดก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างจับมือขวาของ จางเทีย ไว้ จางเทีย ใช้มือซ้ายต่อยไปที่เด็กนั่นแต่ก็มีมืออีกคู่มาจับหมัดของเขาไว้ก่อนที่จะได้ต่อยออกไป ในตอนที่เขากำลังจะดิ้นนั้นเขาก็โดนเตะเข้าที่ท้องและนั่นทำให้ จางเทีย หมดแรงที่จะสู้ต่อ
การต่อสู้ทั้งหมดจบลงในเวลา 30 วินาที ก็เป็นอย่างที่คาดไว้ จางเทีย สู้กับเด็ก 6 คนด้วยตัวคนเดียวทั้งๆที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก่อน ศัตรูเข้าโจมตีเขาโดยวางแผนกันมาอย่างดี เทียบกับเด็กหกคนที่เขามารุมแล้ว เด็กชายผิวเหลืองอย่าง จางเทีย นั้นอ่อนแอกว่าอย่างชัดเจน เขาสูง 175 ซม.อายุเพียง 15 ปี เทียบกับคนที่มารุมเขาแล้ว แม้แต่คนที่เตี้ยที่สุดยังสูงพอๆกับ จางเทีย เลย ส่วนคนที่สูงที่สุดนั้นสูง 180 ซม.และหนักกว่า จางเทีย 1.5 เท่า นี่แหละคือความต่างของพันธุกรรม
จางเทีย โดนล็อคแขนทั้งข้างเอาไว้แม้ว่าเขาจะอ้วกออกมาก็เถอะ คนที่เข้ามารุมนั้นคำรามออกมาก่อนจะใช้มือถูตรงที่เคยโดน จางเทีย ต่อยเอาไว้ตะกี้ ชายคนที่ จางเทีย ต่อยนั้นก็ลุกขึ้นมายืน เด็กนั่นรู้สึกเค็มๆในปากและลองเอามือแตะดูก็พบว่าเลือดกำเดาตัวเองไหล เขายิ่งหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิมและเดินเข้าไปต่อยที่จมูกของ จางเทีย เพื่อแก้แค้น ผลก็คือจมูก จางเทีย เองก็เลือดไหลเหมือนกัน จางเทีย ไอออกมาและคิดในใจ – “ ไอ้เหี้ยนี่ เอาคืนเร็วจริงๆเลยนะ ! “
ไม่นานหลังจากนั้นคนที่เหลือก็เริ่มรุมอัดเขา จางเทีย รับหมัดและตีนอยู่นาน เพราะเขาไม่ได้โดนล็อคอีกต่อไปทำให้เขาล้มลงไปกองที่พื้น จางเทีย พยายามที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขารู้สึกเหมือนปลาที่โดนโยนขึ้นมาบนฝั่ง เขาไม่มีแรงพอที่จะขยับนิ้วตัวเองด้วยซ้ำ
เด็กชายคนหนึ่งต่อยมาที่เขาอีกหมัดแต่มือของเขาก็ต้องชะงักลงเพราะมีชายอีกคนเข้ามาดึงไว้
“ พอแล้ว ดั๊ก จมูกมันจะหักนะถ้านายต่ออีกหมัด ถ้าหักนี่เรามีปัญหาแน่ ! “
“ ใช่ เราก็เอาคืนได้แล้ว ไม่ต้องไปอัดมันอีกหรอก ไอ้เหี้ยเอ้ย ซิปแมร่งหนีบหมอยฉันเมื่อเช้ายังเจ็บอยู่เลย.... “ – ชายคนที่จับแขนขวาของ จางเทีย พูดขึ้นมา
“ ไอ้ห่านี่ปกติไม่น่าจะเก่ง ถ้าเรามาแค่สองคนคงเอามันไม่อยู่แน่ ! “ - บาร์ลี่ พูดขึ้นมา เขาคือไอ้หื่นอ้วนที่ชวน จางเทีย มาชมวิวเมื่อเช้านี้และเป็นคนที่ได้ชื่อว่าหื่นที่สุดในโรงเรียน เขาได้ขโมยเงินพ่อตัวเองแล้วไปเอาเงินไปเปิดซิงตัวเอง เขามักจะเอาเรื่องนี้มาอวดเพื่อนเสมอ
ดั๊ก รีบม้วนกระดาษเอามาอุดจมูกตัวเองเพื่อหยุดเลือด เขาเงยหน้าขึ้นแล้วชี้มาที่จมูกตัวเองด้วยความโกรธและชี้แผลให้ทุกคนได้ดู – “ เหี้ย พวกแกไม่มีแผลเหมือนฉันนิ ทำไมฉันถึงซวยแบบนี้วะ ... “
เขาต่อยเข้าที่ท้องของ จางเทีย อีกครั้งเพื่อระบายความโกรธจน จางเทีย อ้วกมื้อเที่ยงที่กินไปเข้ามา อ้วกได้พุ่งเข้าไปรดหัวของ ดั๊ก คนอื่นๆอึ้งและต่างก็ทำหน้ารังเกียจออกมา ทุกคนพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ สองคนที่อยู่ข้างๆ ดั๊ก รีบถอยออกมาพร้อมกับเอามือปิดจมูก คนอีกสองคนที่ล็อคตัว จางเทีย ไว้เองก็รีบปล่อยมือทันที พวกนั้นกลัวว่าจะโดนอ้วก จางเทีย เข้าถ้ายังขืนอยู่ต่อไป
“ อ๊ากกกก... “ – ดั๊ก คำรามออกมาเสียงแปลกๆก่อนจะวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูง
เมื่อเห็น ดั๊ก วิ่งหนีออกไป อีกห้าคนก็หัวเราะขึ้นมาดัง ๆ จางเทีย เริ่มรู้สึกตัวหลังจากที่อ้วกออกมา เขารีบสูดลมหายใจและเริ่มลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นอีกฝ่ายลุกขึ้นมา ชายที่อยู่ใกล้ๆ จางเทีย สองคนก็ตื่นตัวและรีบถอยหลังกลับหนี่งก้าว พวกนั้นกลัวว่าจะโดน จางเทีย อ้วกใส่อีก
จางเทีย ลุกขึ้นมายืนและเงยหน้าขึ้นไปเห็นชายร่างหมีด้านหลังเด็กพวกนี้ เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น – “ กัปตันเคอร์ลิน ... “
“ ฮาฮา แกคิดว่าจะเล่นลูกไม้เดิมได้รึไง ? ไอ้ห่านี่ แกคิดว่าเราโง่เหรอ ? “
“ แกอยากโดนอัดอีกรึไง ? ! “
“ เล่นลูกไม้เด็กน้อยไปหน่อยนะ ! เราเลิกใช้ลูกไม้นี้มาหลายปีแล้ว .. “ - แบร์ลี่ ยิ้มพร้อมกับยักไหล่อ้วนๆของตัวเอง
“ จริงเหรอ ? “ – เสียงอันน่ากลัวดังขึ้นมาด้านหลังพวกนั้น อยู่ๆทั้งห้าคนก็ตัวแข็ง หน้าพวกนั้นซีดเผือดลงและเหงื่อแตกผลั่ก ขาเองก็เริ่มสั่นด้วย จางเทีย ทึ่งกับท่าทีที่พวกนี้แสดงออกมาจริงๆ เมื่อได้ยินเสียงของ กัปตันเคอร์ลิน แล้ว จางเทีย ดูเหมือนจะใจเย็นลงแต่ในหัวของเขากลับสับสนสุดๆ....
ชายตาเดียวที่ยืนกอดอกนี้คือคนที่น่ากลัวที่สุดในเมืองแบล็คฮ็อต เขาเดินออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลังพวกนั้น แม้ว่าเขาจะมีแค่ตาเดียวแต่สายตาที่เขามองคนอื่นนั้นเหมือนกับหมาป่าที่กำลังมองเหยื่อ
“ กะ...กะ..กัปตันเคอร์ลิน ! “ – ทั้งห้าคน พูดตะกุกตะกักขึ้นมาพร้อมกัน
“ เกิดอะไรขึ้น ? “- กัปตันเคอร์ลิน เงยหน้าขึ้นมาถาม
“ เรา...เรา... “ - แบร์ลี่ ที่พูดไม่ออกเมื่อโดนไอ้โหดจ้อง
“ หุบปาก แกไม่ต้องพูด ! “ - กัปตันเคอร์ลิน จ้องไปที่พวกนั้นด้วยสายตาโหดร้ายก่อนจะชี้ไปที่ จางเทีย ผู้น่าสงสาร – “ นาย ! บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น ! “
เมื่อได้ยิน กัปตันเคอร์ลิน ถาม จางเทีย ทั้งห้าคนนั่นก็หน้าซีดลงไปทันที พวกนี้เริ่มกลัวตายขึ้นมา ตาพวกนั้นเบิกกว้างและมองมาที่ จางเทีย โดยสายตาของพวกนั้นต่างก็เต็มไปด้วยความกลัว, เสียใจและสิ้นหวัง ถ้า จางเทีย บอกความจริงไป แบร์ลี่ พนันเลยว่าถ้า กัปตันเคอร์ลิน รู้ว่าพวกเขาใช้เพทธิดาของมันมาช่วยตัวเอง พวกเขาคงต้องพิการแน่ๆ เพราะระบบการศึกษาพิเศษของเมืองนี้ มันมีการอนุญาตให้ทำโทษได้จนถึงบาดเจ็บร้ายแรงรึแม้แต่ตายเลยก็ได้ซึ่งไม่ต้องมีใครมารับผิดชอบเลยด้วย
“ ครับ กัปตันเคอร์ลิ้น เรากำลังพนันกันอยู่.. “ - จางเทีย ตัดสินใจ เขาคิดว่าการทะเลาะกันเป็นเรื่องธรรมดาของเด็ก ปีที่ผ่านๆมาเขาก็มีเรื่องกับคนอื่นอยู่หลายครั้ง แม้ว่าเขาจะเจ็บตัวมากแต่มันก็ยังถือว่าโอเค ยังไงซะพ่อของเขาก็มักจะสอนให้เขายกโทษให้คนอื่นและเขาก็ไม่ต้องการผลตอบแทนด้วยเมื่อยกโทษให้แล้ว
“ พนัน... ? “ – กัปตันเคอร์ลิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยและมองไปที่ จางเทีย เขาหันหน้าไปมองเด็กอีกห้าคนและพูดขึ้รน – “ เขาบอกว่าพนัน จริงรึเปล่า ? “
พนัน ? ชัวร์อยู่แล้ว ทั้งห้าคนพยักหน้าเหมือนกับลูกหมา
“ พนันกันได้ยังไง ? พนันอะไร ? แกอยากโกหกต่อหน้า กัปตันเคอร์ลิน สุดฉลาดคนนี้เหรอ ? “ - กัปตันเคอร์ลิน มองมาที่ จางเทีย
“ เราพนันกันว่าถ้าพวกนั้นรุมอัดผมแล้วถ้าผมอัดพวกนั้นคืนได้ พวกนั้นจะเอาเงินที่มีทั้งหมดมาให้ผม ! ผมชนะพนัน งั้นผมของให้ กัปตันเคอร์ลิน เป็นพยานและทวงสิทธิให้ผมด้วย .. “ - แบร์ลี่ และคนที่เหลือมองไปที่ จางเทีย และรู้สึกโล่งใจขึ้นมา บางคนแอบด่าในใจ – “ นี่มันยังคิดปล้นเงินเราในสถานการณ์แบบนี้เนี้ยนะ ! “
จางเทีย เดินเข้าไปหาพวกนั้นพร้อมกับเอามือบีบจมูกตัวเอง จากนั้นเขาก็ต่อยไปที่จมูกและท้องของพวกนั้นทีละคนต่อหน้า กัปตันเคอร์ลิน ทันใดนั้นทั้งห้าคนก็เลือดกำเดาไหล พวกนั้นร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่ไม่มีใครกล้าเอาคืนเลย
ในตอนที่ทั้งห้าคนลุกขึ้นมายืน จางเทีย ก็ยื่นมือไปหาทั้งห้าคนแล้วกวักนิ้วให้ ทุกคนรู้ว่านี้หมายความว่าไง...
การได้เงินจากการอัดคนอื่นนี่ช่างเป็นชีวิตที่วิเศษจริงๆเลย !