Chapter 7: เขตการค้าและร้านขายของชำ
เป็นตามธรรมดาเพราะเมืองนี้ก่อตั้งขึ้นมาโดย CSIF เมืองนี้จึงมีการค้าขายที่คึกคัก
เขตการค้านั้นตั้งอยู่ที่ที่ดีที่สุดในตัวเมือง มันไกลจากเขตผลิตและอยู่ส่วนด้านบนของเขตทิศตะวันออก เขตการค้าในเมืองแบล็คฮ็อตนั้นคึกคักอย่างมาก ของกินของใช้จะซื้อขายกันในเขตรุ่งเรืองที่สุดในเขตการค้า การขายพวกถ่าน, เหล็ก, เหล็กกล้าทำให้เมืองนี้รุ่งเรืองขึ้นมา มักจะมีรถไฟที่บรรทุกสินค้าเข้ามาในเมืองอยู่เสมอ
ร้านของชำเล็กๆที่ จางเทีย ทำงานอยู่นั้นตั้งอยู่ในเขตรุ่งเรืองของเมืองแต่มันถือว่าเป็นร้านเล็กๆถ้าเอาไปเทียบกับห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ
สถานีรถไฟนั้นห่างจากร้านไม่ถึง 300 ม. ร้านตั้งอยู่ใกล้กับตลาดมือสองที่ซึ่งตั้งขึ้นมาโดยคนแถวนั้น ทุกวันจะมีเสียงดังอยู่ตลอด ดูจากการแต่งกายแล้วพวกคนที่เดินตลาดนั้นจะเป็นคนระดับต่ำ พวกเขาต้องดิ้นรนเพื่อให้มีชีวิตรอยอยู่ได้ ผู้คนที่นี่ฝันว่าจะได้เจออะไรสักอย่างตามนิทานที่ทำให้พวกเขารวยขึ้นมา นิทานเหล่านั้นทำให้คนต่างก็เดินทางขึ้นไปยังทิศตะวันตกและทิศเหนือของเมืองเพื่อหวังว่าจะได้พบบางอย่างที่มีค่า โดยปกติแล้วถ้าคนใดมีโชคพอและมีสายตาที่ดีล่ะก็พวกเขาอาจจะได้ของดีๆจากที่นี่ไปก็ได้
ในตอนที่ จางเทีย มาถึงร้าน ดอนเดอร์ ชายอ้วนที่เป็นเจ้าของร้านนั้นก็นั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าร้านอยู่แล้ว เขากำลังดูพระอาทิตย์ตกดินพร้อมกับมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา นอกซะจากว่าจะมีสาวสวยเดินผ่านร้าน เขาจะไม่ขยับตัวเลยสักนิด ถ้ามีสาวเดินผ่านมา เขาจะดูพวกนั้นตั้งแต่เดินผ่านหน้าจนลับสายตาไป
ตามปกติแล้วหน้าที่อย่างแรกของ จางเทีย คือทำความสะอาดร้าน ต่อมาก็คือทำความสะอาดเคาท์เตอร์ สุดท้ายเขาก็ต้องคำนวณของที่เหลืออยู่ หลังจากทำงานมาหลายปี ความสำเร็จสูงสุดที่เขารู้คือวิธีใช้เครื่องคิดเลขแปลกๆที่เรียกว่าลูกคิด นี่เป็นทักษะทั่วไปที่เขาไม่เคยได้เรียนรู้ในโรงเรียน จางเทีย คิดเสมอว่ามันน่าจะช่วยเขาได้ดีในอนาคตเพราะพ่อของเขาเองอยากให้เขาเป็นนักบัญชีในโรงงานแรกเปลี่ยนถ่านของเมือง โดยปกติแล้วเขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้จนกว่าเขาจะรับใช้กองทัพเสร็จ สำหรับคนธรรมดาแล้วมันเป็นเรื่องน่าพอใจที่หางานในเมืองได้หลังจากที่รับใช้กองทัพมา ไม่ว่างานอะไรก็ตาม
ในตอนที่เขาคิดบัญชีเสร็จก็ได้มีลูกค้าเข้ามา ก่อนที่ ดอนเดอร์ จะลุกขึ้นนั่ง จางเทีย ก็ปิดสมุดบัญชีและทักทายกับลูกค้า
“ มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ ? “ – จางเทีย ถาม ลูกค้านั้นเป็นชายวัย 40 ปีซึ่งสวมเครื่องแบบของคนเฝ้าประตูที่สถานีรถไฟและมีกลิ่นถ่านลอยออกมาจากตัวเขาด้วย จางเทีย เดาว่าชายคนนี้แค่แวะเข้ามาเพราะมันเกือบได้เวลาปิดร้านแล้ว
“ ฉันอยากดูคริสตัลสีขาว ! “ – ชายคนนั้นพูดขึ้นพร้อมกับมองดูที่ตู้ใส่คริสตัลตรงเคาท์เตอร์ คริสตัลส่วนมากนั้นเป็นของระดับ 1 มีบางอันที่เป็นระดับ 2 คริสตัลสีขาวนั้นเป็นคริสตัลที่มีจำนวนมากที่สุดในบรรดาคริสตัลทั้งหมด คริสตัลสีขาวบางอันนั้นเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ, บางอันสร้างขึ้นมา เทียบคริสตัลที่มีขนาดเดียวกันและคุณภาพระดับเดียวกันแล้ว คริสตัลสองหัวนั้นแพงกว่าคริสตัลหัวเดียว และคริสตัลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้นก็แพงกว่าของที่ทำขึ้นมาแม้ว่าอย่างหลังจะดูสวยกว่าก็เถอะ ยังไงซะผลจากการใช้คริสตัลที่ทำขึ้นมานั้นก็ได้ผลไม่ดีเท่าอันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ มีคำพูดบอกว่าก่อนเกิดภัยพิบัตินั้นคริสตัลมีไว้แค่ประดับตกแต่งเท่านั้น ตอนนั้นคนไม่รู้ว่าคริสตัลนี่จะช่วยในการบ่มเพาะของคนได้ การใช้คริสตัลนั้นกลายเป็นเรื่องทั่วไปที่ทุกคนรู้ คริสตัลในยุคนี้นั้นถือเป็นของทั่วไปที่ใช้ในการดำรงชีวิต
“ มีแค่นี้เหรอ ทั้งหมดน่ะ ? “ – ชายคนนั้นดูเหมือนผิดหวังเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยพอใจกับของทั่วไปเท่าไหร่ จางเทีย แปลกใจเล็กน้อยกับสีหน้าของอีกฝ่ายเพราะแม้แต่คริสตัลระดับ 1 เองก็ไม่ใช่ของถูกๆสำหรับคนทั่วไป
“ เรายังมีดีกว่านี้แต่มันแพงกว่านี้อีก คุณอยากดูมั้ยล่ะ ? “
ชายคนนั้นยิ้มออกมาและค่อยๆตบไปที่กระเป๋าตรงเอว จางเทีย รู้ว่าชายคนนั้นหมายความว่าไง เขาใส่ถุงมือสีขาวและหยิบเอาถาดที่ตกแต่งอย่างดีออกมาจากลิ้นชักข้างหลัง จางเทีย วางมันบนเคาเตอร์และค่อยๆเปิดให้ชายคนนั้นดู ถาดนี้มีคริสตัลสีขาว 4 อันบรรจุอยู่ 2 อันเป็นคริสตัลสองหัว ส่วนอันที่เหลือนั้นเป็นคริสตัลหัวเดียว พวกมันดูบริสุทธิ์แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือมันมีฝุ่นที่รูปร่างเหมือนพีระมิดอยู่ข้างในคริสตัลแต่ละอัน คริสตัลสองหัว 2 อันนั้นมีพีระมิดที่ดูสวยกว่าของที่เหลือ ถ้าดูดีๆแล้วพีระมิดแต่ละอันแต่ลอันนั้นส่องแสงลึกลับออกมา มันเหมือนกับเป็นเส้นแบ่งระหว่างสวรรค์กับโลกและหมือนกับเป็นพลังงานธรรมชาติที่อยู่ในจักรวาลมาหลอมรวมกัน ไม่ใช่แค่พีระมิดสีขาวนี้จะช่วยให้ผู้ใช้เข้าสู่การพักฟื้นได้เร็วขึ้นแต่ยังช่วยให้ผู้ใช้ดูดซับพลังงานของจักรวาลได้เร็วยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความอึดและการเติบโตของร่างกายขึ้นด้วย
ก็อย่างที่คาดไว้ อาการของชายตรงหน้าไม่ต่างอะไรกับตอนที่ จางเทีย เห็นคริสตัลนี่ครั้งแรก คริสตัลระดับ 3 นั้นเป็นของที่ดีที่สุดที่มีในร้าน คริสตัลแต่ละก้อนมีราคามากกว่า 2 ทอง ในเมืองแบล็คฮ็อต แค่ทองเดียวก็ทำให้ครอบครัว 3 คนอยู่ได้นานกว่า 2 เดือนแล้ว
ราคาของคริสตัลแต่ละอันมีเขียนไว้ด้านล่าง ตอนที่ชายคนนั้นเห็นราคา เขาก็ลังเลและชี้ไปที่คริสตัลหัวเดียว – “ เป็นไปได้มั้ย....ที่จะลดราคาให้ ? “
“ 218 เงิน สุดๆแล้ว สินค้าของเราน่ะขายตามราคาหมด นี่คุณจะซื้อไปเป็นของขวัญเหรอ ?”
“ เอ่อ ? ลูกชายฉันจะอายุ 16 ปีแล้วและฉันอยากเซอร์ไพรส์เขาหน่อย เขาน่ะคืออัจฉริยะ ! “ – ชายคนนั้นพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างภูมิใจซึ่งทำให้ จางเทีย คิดถึงพ่อของตัวเอง
“ งั้น 215 เงินและผมจะให้ห่อทรายคริสตัล 100 ก. เป็นของขวัญ นี่น่ะราคาต่ำสุดแล้วที่จะให้ได้.. “- จางเทีย อธิบายอย่างจริงใจ เพราะชายคนนี้อาจจะแนะนำเพื่อนว่าร้านนี้น่ะขายราคาที่แฟร์ที่สุดในเมืองแล้วและยังให้ของขวัญอีก ชายคนนั้นตกลงทันที
ชายคนนั้นค่อยๆหยิบกระเป๋าเงินออกมาและจ่ายเงิน 2 ทองและอีก 15 เงินให้ก่อนจากไปพร้อมกับของขวัญที่ จางเทีย ห่อให้อย่างดี การซื้อขายที่ทำเงินได้มากกว่า 2 ทองน่ะถือเป็นเรื่องใหญ่แม้แต่ร้านค้าอื่นก็เถอะ
ความโชคดีของร้านอาจถูกใช้ไปหมดแล้วเพราะนอกจากคนที่เข้ามาดูสองคนแล้วก็ไม่มีใครมาซื้ออะไรอีกเลย
จางเทีย นั่งอยู่ด้านหลังเคาเตอร์พร้อมกับเอามือเท้าคางงและมองไปที่นอกถนนก่อนจะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
พระอาทิตย์ตกดินแล้วและความมืดมิดก็ได้มาเยือน ไอ้แก่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้บิดตัวพร้อมกับลุกขึ้นยืนก่อนจะลากเก้าอี้เข้ามาในร้าน
“ เกิดอะไรขึ้น ? นี่แกโดนอัดมาเหรอ ? “
บอสยิ้มให้อย่างดีใจเมื่อเห็นแผลบนหน้า จางเทีย
“ ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่ล้ม ! “ - จางเทีย ตอบกลับ
“ ไม่ต้องเสแสร้งน่า ไม่มีอะไรจริงจังสักหน่อย ตอนฉันอายุเท่าแกเนี้ย ฉันเองก็มีเรื่องบ่อยๆ การไปตีรึโดนตีมันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าแพ้แกก็เอาคืนสิ ! “ – ดอนเดอร์ สอนเขาอย่างใจดี
สิ่งเดียวที่อยู่ในหัว จางเทีย คือหน้าตาโง่ๆของเขาตอน มิสไดน่า เห็นเขา การได้ยิน ดอนเดอร์ พูดแบบนี้ทำได้เขาอดไม่ได้ที่จะพึมพำกลับมา – “ แล้วถ้าฉันเอาคืนไม่ได้ล่ะ ? “
“ เด็กน้อย แกน่ะยังเด็ก แกเอาคืนได้เสมอ มีแค่คนโง่และพวกที่ไม่มีกึ๋นเท่านั้นแหละที่จะเอาชนะไม่ได้ ถ้าคู่ต่อสู้ของแกแข็งแรงกว่า งั้นแกก็ต้องพยายามมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่า จากนั้นแกจะได้อัดมันได้เพราะแกมีแรงมากกว่าแล้ว ถ้าแกไปถึงระดับนั้นไม่ได้ แกก็เล่นสปรกหน่อย แกใส่หน้ากากแล้วแอบไปจัดการมันก็ได้ ! “ – บอสสอนเขาพร้อมกับทำท่า หน้าโง่ๆของ จางเทีย นั้นทำให้บอสเหมือนจะไม่พอใจ เขาตบไหล่ จางเทีย อย่างแรง – “ เด็กน้อย ฉันคิดว่าแกฉลาดนะ ดังนั้นฉันจะสอนสิ่งที่ฉันเรียนรู้มาหลายปีมา ตอนแกสู้ไม่ได้ด้วยหมัด งั้นแกก็ต้องใช้นี่... “ – เขาชี้ไปที่หัว จางเทีย เขาเงยหน้าขึ้น – “ ฟังนะ ! ลิ้นน่ะคืออาวุธที่คมยิ่งกว่าอาวุธไหนๆเพราะมันสามารถทำลายกระดูกรึสมองได้ ! “
คำพูดสุดท้ายนั้นทำให้ จางเทีย ตื้นตันใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าคำพูดนี้มันมีเหตุผล – “ ใครเป็นคนพูดเอาไว้ล่ะ ? “
“ ดอลเดอร์ ! “
“ โกหก ผมไม่เชื่อหรอก ! “
“ แล้วแต่เลย เอิ่ม งั้นฉันจะไม่เลี้ยงข้าวเย็นแก ! “ - ดอลเลอร์ ตอบกลับ