“น่ากลัวจังเลย.....!”
“ไม่เป็นไรนะคะองค์หญิง อีกไม่นานพวกอัศวินก็มาถึงแล้วค่ะ”
ข้างในคฤหาสน์, ฟีเน่พยายามปลอบคริสต้าด้วยการลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน
ในตอนนี้เองคนรับใช้ก็เข้ามาหาฟีเน่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ
“ทะ, ท่านฟีเน่คะ....คือว่า....”
“อะไรหรอ?”
“คือว่า....พวกชาวเมืองกำลังเรียกร้องขอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ค่ะ.......”
จักรพรรดิห้ามไม่ให้พวกเขาออกมาจากบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม, มันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกกังวลถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นใกล้ๆดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะขอลี้ภัยเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด
ฟีเน่ไม่ได้คิดจะโทษพวกเขาสำหรับเรื่องนี้
“แล้วภรรยาท่านขุนนางหล่ะ?”
“เธอไม่สามารถตัดสินใจได้ค่ะ, เธอบอกว่าให้องค์หญิงคริสต้ากับท่านฟีเน่ตัดสินใจได้เลย....”
“เข้าใจแล้วค่ะ....องค์หญิงคะ, จะเอายังไงดีคะ.....”
“....ข้าไม่รู้......ข้ากลัวจังเลย....”
คริสต้าจับเสื้อของฟีเน่แน่นด้วยความกังวล
พอเห็นแบบนี้ฟีเน่ก็จับมือเล็กๆของเธอ, แล้วตอบกลับไป
ตอนนี้ลอร์ดกำลังต่อสู้เคียงข้างองค์จักรพรรดิ ภรรยาของลอร์ดไม่สามารถตัดสินใจได้เพราะตอนนี้ความเห็นของคริสต้าใหญ่ที่สุด
“เข้าใจค่ะ....แล้ว, องค์หญิงจะละทิ้งผู้คนที่มีความรู้สึกเหมือนองค์หญิงหรอคะ?”
“ทำแบบนั้น....ไม่ได้หรอก....”
“ทำไมหล่ะคะ?”
“...เดี๋ยวท่านพี่จะโกรธเอา”
“ใช่ค่ะ, องค์ชายคงจะโกรธแน่ ถ้างั้นตอนนี้เอาแบบนี้ดีไหมคะ, พวกเราจะรับคนแก่, เด็ก, แล้วก็คนป่วยเข้ามาในคฤหาสน์ก่อน?”
“เอาแบบนั้นก็ได้....”
“ข้าจะออกไปข้างนอกซักพักนึง องค์หญิงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมคะ? ตอนนี้ทุกคนกำลังกังวลอยู่, ข้าจะไปช่วยให้พวกเขาสงบใจลงบ้าง”
“.....อืม.....”
คริสต้ายังคงดูเศร้าโศกแต่ฟีเน่ก็พาเธอไปนั่งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปหลังจากที่บอกให้คนใช้คอยดูแลคริสต้า
ฟีเน่นั้นได้มุ่งหน้าไปที่ทางเข้า
ที่นั่นเธอเห็นอัศวินกำลังชักดาบใส่ประชาชนอยู่
“รีบๆกลับไปที่ม้าของพวกเจ้าซะ! ไม่ได้ยินคำสั่งขององค์จักรพรรดิรึไง!?”
“ข้าขอหล่ะ! ให้พวกเราเข้าไปเถอะนะ!”
“นี่พวกเจ้า!”
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!”
ด้วยความที่อยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนไหว, ฟีเน่จึงตะโกนสั่งพวกอัศวิน
แม้ว่าตัวฟีเน่เองนั้นจะเป็นลูกสาวของดยุค, แต่เธอก็เป็นที่รู้จักเนื่องจากชื่อเสียงในฐานะเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน, ชื่อที่จักรพรรดิเป็นคนตั้งให้ด้วยตัวเองและเธอก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับส่วนหนึ่งของราชวงศ์
ณ จุดๆนี้, เสียงของราชวงศ์ถือว่ามีน้ำหนักมากที่สุด ดังนั้น, พวกอัศวินจึงลดดาบลงและขุกเข่าในทันที
“ทะ, ท่านฟีเน่.....”
“สิ่งที่พวกเจ้าควรชี้ดาบใส่นั้นไม่สมควรจะเป็นประชาชนหรอกนะ, ถูกไหม?”
“ครับ, เป็นดังที่ท่านว่า โปรดยกโทษให้กับความหยาบคายของพวกข้าด้วย.....”
ด้วยความพึงพอใจกับคำตอบของพวกเขา, ฟีเน่ก็มองไปยังฝูงชนที่อยู่หน้าประตู
จำนวนของพวกเขานั้นไม่ใช่แค่ร้อยสองร้อย
เธอเห็นทั้งสามัญชนและขุนนางที่มาดูงานเทศกาลเช่นเดียวกับพวกพ่อค้าด้วย แต่ละคนนั้นต่างก็ดูมีสีหน้าเป็นกังวล
“ข้าฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ พวกท่านคงจะรู้จักข้าดีในฐานะเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน”
ในขณะที่พูดเธอก็ชี้ไปยังเครื่องประดับผมนกนางนวลสีน้ำเงินของเธอ
มันคือหลักฐานของความสวยชั่วนิรันดร์ที่จักรพรรดิเป็นคนมอบให้ด้วยตัวเอง
ผู้คนรู้ดีว่าองค์จักรพรรดินั้นรักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้ของดยุคไคลเนลต์เหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม, ในฝูงชนนั้น, มีคนหนุ่มบางคนที่ผลักคนอื่นออกมายืนข้างหน้าฝูงชน
“โอ้! ท่านฟีเน่ครับ! นี่ข้าเอง! กีโด้!”
สำหรับฟีเน่, นี่คือเสียงที่เธอไม่อยากได้ยินมากที่สุด
คนที่ทำร้ายอาร์โนลด์, เพื่อนสมัยเด็กของเขาและคนที่เธอไม่สามารถมองข้ามการกระทำได้ กีโด้ ฟ็อน ฮอร์วาธและคณะผู้ติดตามของเขายิ้มออกมาในตอนที่พวกเขาเห็นฟีเน่
การที่เขาผลักฝูงชนออกมานั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าในใจของเขาคิดว่าเธอจะให้พวกเขาเข้าไป โดยไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้, เขากลับให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองและมองหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย
ในขณะที่มองพวกเขา, ฟีเน่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าสายเลือดขุนนางในตัวเธอถูกทำให้ด่างพร้อย
เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้ในตอนที่มองพ่อของตัวเอง แม้กระทั่งการกระทำของพี่ชายแสนดีของเธอก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ การกระทำของกีโด้นั้นมันทำให้คำว่าขุนนางดูไม่มีความหมายไปเลย
เพื่อที่จะได้รับความเคารพ, คุณจะต้องทำตัวให้สมควรได้รับมันก่อน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฟีเน่ไม่สนใจเขา
“พวกเราจะรับเด็ก, ผู้สูงอายุและคนป่วยเท่านั้น ส่วนคนที่แข็งแรงดีช่วยไปรวมตัวกันในอาคารหลังใหญ่ที่สุดที่ทุกคนหาได้แล้วสร้างแนวป้องกันที่ทางเข้าเอาไว้นะคะ สึนามิเป็นแค่การเคลื่อนไหวของมอนส์เตอร์กลุ่มใหญ่ พวกมันไม่สนใจชีวิตของมนุษย์หรอกค่ะ ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างการมีมอนส์เตอร์เข้ามาในเคียร์นั้น, ทุกอย่างจะไม่เป็นไรค่ะถ้าพวกเรามีเวลาซักพักนึง ตอนนี้ข้าจะเปิดประตูแล้วนะคะ”
“ทะ, ท่านฟีเน่ครับ? ข้าเอง! กีโด้! ท่านลืมไปแล้วหรอครับ?”
“ข้าจำได้ค่ะ ท่านกีโด้จากบ้านดยุคฮอร์วาธ”
“โอ้, ข้าดีใจจริงๆ ถ้างั้นพวกเราเข้าไปได้ใช่ไหมครับ?”
พอได้ฟังแต่คำพูดที่สมกับเป็นเขา, ฟีเน่ก็ปรี้ดแตกขึ้นมา
ถ้าคิดถึงอาร์โนลด์, ทางเลือกที่ฉลาดก็คงจะเป็นการยอมให้เขาเข้ามา ถึงยังไงการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร
อย่างไรก็ตาม, ฟีเน่เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น แม้ว่ามันจะขัดกับความต้องการของอาร์โนลด์ก็ตาม
ด้วยเหตุนี้เอง
“หัดรู้จักอายบ้างสิคะ! นอกจากท่านไม่คิดจะไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักพรรดิ, ท่านยังเอาแต่มองหาสถานที่ที่รับรองความปลอดภัยของตัวเองอีก! นี่ท่านไม่รู้สึกผิดกับบรรพบุรุษที่สานต่อสายเลือดของบ้านฮอวาร์ธมาจนถึงตอนนี้บ้างเลยหรอ!?”
“หา….!? นี่เจ้า! เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน!”
“ท่านเป็นใครนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ คนที่จะเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ได้มีแค่เด็ก, ผู้สูงอายุ, และคนป่วยเท่านั้น คนที่นอกเหนือจากนี้ช่วยไปหาที่อื่นอยู่นะคะ นี่คือการตัดสินใจขององค์หญิงคริสต้า ถ้าท่านยืนกรานจะทำให้เสียเวลาไปมากกว่านี้, หลังจบเรื่องท่านก็ไปยื่นอุธรณ์กับองค์จักรพรรดิได้เลยค่ะ แต่เมื่อถึงตอนนั้น, ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่จะถูกลงโทษสำหรับเรื่องนี้, แม้ว่ามันจะชัดเจนสำหรับข้าก็ตาม!”
“ชิ....! อย่าลำพองตัวเองให้มากนักกับแค่เพราะมีลีโอนาร์ดคอยหนุนหลังอยู่! จำเอาไว้ให้ดีหล่ะ! ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้าแน่!”
พอพูดจบ, กีโด้ก็ออกไปจากคฤหาสน์พร้อมกับผู้ติดตามของเขา
หลังจากที่เห็นว่ากีโด้เดินจากไปแล้ว, ฟีเน่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วสั่งให้อัศวินเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม
พอได้เห็นการกระทำเมื่อก่อนหน้านี้ของฟีเน่, ผู้คนก็ทิ้งลูกๆ, คนแก่และคนป่วยที่มากับพวกเขาเอาไว้และออกไปโดยไม่ปริปากบ่นอะไร
หลังจากที่เธอรับคนเหล่านี้เข้ามาแล้ว, ฟีเน่ก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์และสั่งให้คนใช้ทำแนวป้องกันที่ทางเข้า
“ช่วยทำแนวป้องกันเอาไว้ให้หนาแน่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ! ในตอนที่มอนส์เตอร์เข้ามาจะได้ช่วยกันยื้อพวกมันได้, มันจะไม่เป็นไรแน่นอนค่ะตราบใดที่พวกเราสามารถยื้อเอาไว้จนกว่าพวกมันจะเปลี่ยนเส้นทางได้”
“ครับ! ท่านฟีเน่!”
“ท่านฟีเน่คะ! องค์หญิงคริสต้าเรียกหาท่านค่ะ!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ทุกคน, ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกอัศวินจะมาช่วยพวกเราอย่างแน่นอน”
ฟีเน่บอกกับทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์ด้วยอารมณ์ที่สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
เธอคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเป็นคนที่ยังยิ้มได้ อันที่จริง, นี่คือทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้แล้ว
ในฐานะลูกสาวของดยุค, เธอสามารถใช้เวทมนตร์ได้อยู่บ้างแต่เธอเก่งแค่เวทย์ฟื้นฟูเท่านั้น เธอไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีที่นิยมใช้กันในการต่อสู้ได้
เธอไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเฉิดฉายเหมือนกับเอลน่า
เธอรู้สึกเจ็บใจกับเรื่องนี้ เธอออกจากดินแดนของตัวเองมาเพื่อหวังทำประโยชน์ให้กับอาร์โนลด์แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่มีประโยชน์กับเขาซักเท่าไหร่เลย
สำหรับฟีเน่, การดูแลคริสต้าคืองานแลกที่อาร์โนลด์ขอให้เธอทำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอจะไม่ออกห่างจากคริสต้าไม่ว่ายังไงก็ตาม, แต่ว่า
“ถ้าพวกเราไม่ชิงขลุ่ยมาพวกมอนส์เตอร์จะเข้ามาเรื่อยๆ!!”
พอเห็นคริสต้ากรีดร้องออกมา, ฟีเน่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
มันคือบทสนทนาระหว่างอาร์โนลด์กับคริสต้า
คริสต้าบอกว่าเคียร์จะถูกห้อมล้อมด้วยมอนส์เตอร์ และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ
ตราบใดที่อาร์โนลด์ให้ความสำคัญกับคำพูดของเธอ, ฟีเน่เองก็ตัดสินว่าเธอต้องเชื่อด้วยเหมือนกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฟีเน่กอดคริสต้าแน่น
“องค์หญิง ไม่เป็นไรนะคะ ข้าจะไปชิงขลุ่ยมาให้เอง ท่านบอกได้ไหมว่ามันอยู่ไหน?”
“ไม่ได้นะ...เดี๋ยวเจ้าก็ตายหรอก.....”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าเป็นคนโชคดีอยู่แล้ว และถ้าตกอยู่ในอันตรายจริงๆ, ท่านอัลจะต้องมาช่วยข้าแน่นอนค่ะ”
“....จริงนะ?”
“ค่ะ, จริงๆค่ะ เพราะงั้นช่วยบอกมาเถอะนะคะว่าข้าจะไปหาขลุ่ยนั่นได้ที่ไหน?”
“....ข้าเห็นมันกำลังร่วงลงมาจากหอนาฬิกา.....นั่นน่าจะเป็นสาเหตุ......”
“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าจะไปเอามันมานะคะ”
พอพูดจบ, แม้ว่าคนใช้จะคัดค้านแต่ฟีเน่ก็ออกไปยังหอนาฬิกา, ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดที่ใจกลางเมือง
ขนาดหอนาฬิกาของเคียร์นั้นแตกต่างจากเมืองอื่นๆ
มันมีความสูงหลายเมตรและดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเคียร์, มันคือแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่
ฟีเน่วิ่งขึ้นหอนาฬิกานั้นด้วยความเหนื่อยหอบ
ในอีกด้านนึง, เอลน่ากำลังต่อสู้กับแซมและดีนอยู่บนฟ้าอย่างสูสี
“ชิ! น่ารำคาญชะมัด!”
ดีนตัดใจจากการต่อสู้ซึ่งๆหน้ากับเอลน่า มันไม่ใช่ว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วจะเอาชนะเธอไม่ได้แต่มันจะใช้เวลามากเกินไป
มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะใช้วิธีโกง
ดีนเอาขลุ่ยเวทมนตร์ที่สามารถสั่งการมอนส์เตอร์ได้(ขลุ่ยฮาเมลุน)ออกมา ถ้าเขาเพิ่มจำนวนมอนส์เตอร์, ในฐานะอัศวินเอลน่าจะต้องไปคุ้มกันจักรพรรดิแน่ๆ
และถ้าเป็นแบบนั้น, ดีนกับแซมก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าเธอ
เพื่อที่จะให้มอนส์เตอร์มาที่เคียร์มากขึ้น, ดีนก็เอาขลุ่ยฮาเมลุนมาไว้ที่ปากของเขา อย่างไรก็ตาม, เอลน่ารู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าเธอไม่สามารถยอมให้เป็นแบบนี้ได้ดังนั้นเธอจึงพุ่งตรงไปโจมตีดีน
“ไม่ยอมหรอกหน่า!”
“หนอยย!?”
ดีนสามารถหลบการโจมตีของเธอได้แต่ขลุ่ยฮาเมลุนกลับหลุดมือของเขาไปและกำลังตกไปที่เมืองเคียร์
พอเห็นแบบนี้, ดีนก็รีบไล่ตามมันไป
“บ้าจริง!”
“กลับมานี่นะ!”
ขลุ่ยนี้ไม่ใช่ของดีน มันคือสิ่งที่ผู้สนับสนุนของพวกเขาให้มา ด้วยการใช้สิ่งนี้, ดีนจึงสามารถวางแผนดึงคาร์ลอสเข้ามาพัวพันเพื่อสร้างสถานการณ์นี้ได้
อย่างไรก็ตาม, ผู้สนับสนุนบอกกับพวกเขาว่าพวกเขาต้องทำลายมันทิ้งหลังจากจบงาน มันคือสัญญาที่พวกเขาให้ไว้กับผู้สนับสนุน
หากไม่มีผู้สนับสนุนคนนั้น, มันก็คงจะเป็นเรื่องยากในการหนีหรือแม้กระทั่งเอาตัวรอดจากสถานที่แห่งนี้ การทำลายขลุ่ยนี่เกี่ยวโยงกับความอยู่รอดของพวกเขา
และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ดีนไล่ตามมันอย่างไม่ลดละ พอเห็นดีนมีท่าทีแบบนี้, เอลน่าเองก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติและไล่ตามขลุ่ยไป
พวกเขาทั้งคู่ปะทะกันบนฟ้าอยู่หลายครั้ง, ซึ่งขลุ่ยก็กำลังร่วงลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว
และในตอนที่มันไปถึงหอนาฬิกานั้นเอง, มือสีขาวก็ยื่นออกมาจากหอนาฬิกาแล้วคว้าขลุ่ยเอาไว้
“!!?”
ฟีเน่ที่รับขลุ่ยที่ตกลงมาอย่างแรงนั้น, สามารถทิ้งร่างลงทางฝั่งหอนาฬิกาได้สำเร็จอย่างพอดิบพอดี
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกกับการที่สามารถคว้าขลุ่ยเอาไว้ได้แต่ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาจากเอลน่า
“หนีไปซะ! ฟีเน่!!”
ในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมา, ดีนก็ยิงเวทมนตร์จำนวนมากใส่หอนาฬิกา
ซึ่งนี่ก็ทำให้เธอสูญเสียที่ยืนแล้วร่วงลงไป
อย่างไรก็ตาม, ฟีเน่ไม่สนใจเรื่องนั้น
เธอรู้ถึงความอันตรายมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่คือเหตุผลที่ทำไมฟีเน่ถึงโยนขลุ่ยไปทางเอลน่าที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเธอ จากนั้นเธอก็เห็นเอลน่ารับขลุ่ยเอาไว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ, และเธอก็ยิ้มออกมา
“เห้อ....ในที่สุดเราก็ได้ทำตัวให้มีประโยชน์บ้างแล้ว”
“นังเด็กนี่!!”
ด้วยความโกรธ, ดีนยิ่งเวทมนตร์ใส่ฟีเน่ที่กำลังร่วงอยู่
เธอไม่มีทางหนีจากเวทมนตร์ที่กำลังพุ่งมาได้เลย
“ฟีเนนนน่!!??”
เอลน่าตะโกน
ด้วยความมั่นใจว่าเธอสามารถฝากฝังอาร์โนลด์ไว้กับเอลน่าได้, ฟีเน่ก็หลับตาลง
และในตอนที่เธอทำแบบนั้นเอง, เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างสว่างวาบขึ้นมาจากบนฟ้าแต่ฟีเน่ไม่มีเวลามาสนใจมัน
แม้ว่าเธอจะเตรียมเผชิญหน้ากับความตายและหลับตาลงแล้ว, แต่ความเจ็บปวดและแรงกระแทกที่เธอคิดว่ากำลังจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้มาถึง
มันตรงกันข้ามเลย, เธอกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น
ในตอนที่เธอลืมตาออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ, ฟีเน่ก็รู้สึกตัวว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของนักผจญภัยที่สวมหน้ากากเงิน
คำพูดของเธอนั้นได้ถูกความประหลาดใจพรากหายไปจนหมด ที่เธอบอกคริสต้าว่าเขาจะมาช่วยเธอมันก็แค่เพื่อทำให้คริสต้าใจเย็นลง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะมาช่วยเธอจริงๆ
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ก็มีอีกคนนึงที่ประหลาดใจพอๆกับฟีเน่
คนๆนั้นก็คือดีน
“หนอย....แกสามารถยกเลิกกระสุนเวทมนตร์ของข้าได้, นี่แกเป็นใครกันแน่.......? บอกชื่อมาซะ!!”
“.....นักผจญภัยภายใต้สังกัดกิลด์สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ, นักผจญภัยแรงค์ SS, ซิลเวอร์....ข้ามาที่นี่เพื่อเอาชนะเจ้า”
หน้ากากเงินและเสื้อคลุมสีดำนั้นคือสัญลักษณ์ของซิลเวอร์
นักผจญภัยที่เป็นที่รู้จักในฐานะนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ