px

เรื่อง : การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi )
ตอนที่ 15 ขุนนาง


 

“น่ากลัวจังเลย.....!”

 

“ไม่เป็นไรนะคะองค์หญิง อีกไม่นานพวกอัศวินก็มาถึงแล้วค่ะ”

 

ข้างในคฤหาสน์, ฟีเน่พยายามปลอบคริสต้าด้วยการลูบผมของเธออย่างอ่อนโยน

 

ในตอนนี้เองคนรับใช้ก็เข้ามาหาฟีเน่ด้วยสีหน้าไม่สบายใจ

 

“ทะ, ท่านฟีเน่คะ....คือว่า....”

 

“อะไรหรอ?”

 

“คือว่า....พวกชาวเมืองกำลังเรียกร้องขอเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ค่ะ.......”

 

จักรพรรดิห้ามไม่ให้พวกเขาออกมาจากบ้านของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม, มันเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้สึกกังวลถ้ามีการต่อสู้เกิดขึ้นใกล้ๆดังนั้นพวกเขาจึงอยากจะขอลี้ภัยเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด

 

ฟีเน่ไม่ได้คิดจะโทษพวกเขาสำหรับเรื่องนี้

 

“แล้วภรรยาท่านขุนนางหล่ะ?”

 

“เธอไม่สามารถตัดสินใจได้ค่ะ, เธอบอกว่าให้องค์หญิงคริสต้ากับท่านฟีเน่ตัดสินใจได้เลย....”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ....องค์หญิงคะ, จะเอายังไงดีคะ.....”

 

“....ข้าไม่รู้......ข้ากลัวจังเลย....”

 

คริสต้าจับเสื้อของฟีเน่แน่นด้วยความกังวล

 

พอเห็นแบบนี้ฟีเน่ก็จับมือเล็กๆของเธอ, แล้วตอบกลับไป

 

ตอนนี้ลอร์ดกำลังต่อสู้เคียงข้างองค์จักรพรรดิ ภรรยาของลอร์ดไม่สามารถตัดสินใจได้เพราะตอนนี้ความเห็นของคริสต้าใหญ่ที่สุด

 

“เข้าใจค่ะ....แล้ว, องค์หญิงจะละทิ้งผู้คนที่มีความรู้สึกเหมือนองค์หญิงหรอคะ?”

 

“ทำแบบนั้น....ไม่ได้หรอก....”

 

“ทำไมหล่ะคะ?”

 

“...เดี๋ยวท่านพี่จะโกรธเอา”

 

“ใช่ค่ะ, องค์ชายคงจะโกรธแน่ ถ้างั้นตอนนี้เอาแบบนี้ดีไหมคะ, พวกเราจะรับคนแก่, เด็ก, แล้วก็คนป่วยเข้ามาในคฤหาสน์ก่อน?”

 

“เอาแบบนั้นก็ได้....”

 

“ข้าจะออกไปข้างนอกซักพักนึง องค์หญิงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหมคะ? ตอนนี้ทุกคนกำลังกังวลอยู่, ข้าจะไปช่วยให้พวกเขาสงบใจลงบ้าง”

 

“.....อืม.....”

 

คริสต้ายังคงดูเศร้าโศกแต่ฟีเน่ก็พาเธอไปนั่งด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ออกจากห้องไปหลังจากที่บอกให้คนใช้คอยดูแลคริสต้า

 

ฟีเน่นั้นได้มุ่งหน้าไปที่ทางเข้า

 

ที่นั่นเธอเห็นอัศวินกำลังชักดาบใส่ประชาชนอยู่

 

“รีบๆกลับไปที่ม้าของพวกเจ้าซะ! ไม่ได้ยินคำสั่งขององค์จักรพรรดิรึไง!?”

 

“ข้าขอหล่ะ! ให้พวกเราเข้าไปเถอะนะ!”

 

“นี่พวกเจ้า!”

 

“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!”

 

ด้วยความที่อยู่ในสถานการณ์ที่อ่อนไหว, ฟีเน่จึงตะโกนสั่งพวกอัศวิน

 

แม้ว่าตัวฟีเน่เองนั้นจะเป็นลูกสาวของดยุค, แต่เธอก็เป็นที่รู้จักเนื่องจากชื่อเสียงในฐานะเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน, ชื่อที่จักรพรรดิเป็นคนตั้งให้ด้วยตัวเองและเธอก็ถูกปฏิบัติเหมือนกับส่วนหนึ่งของราชวงศ์

 

ณ จุดๆนี้, เสียงของราชวงศ์ถือว่ามีน้ำหนักมากที่สุด ดังนั้น, พวกอัศวินจึงลดดาบลงและขุกเข่าในทันที

 

“ทะ, ท่านฟีเน่.....”

 

“สิ่งที่พวกเจ้าควรชี้ดาบใส่นั้นไม่สมควรจะเป็นประชาชนหรอกนะ, ถูกไหม?”

 

“ครับ, เป็นดังที่ท่านว่า โปรดยกโทษให้กับความหยาบคายของพวกข้าด้วย.....”

 

ด้วยความพึงพอใจกับคำตอบของพวกเขา, ฟีเน่ก็มองไปยังฝูงชนที่อยู่หน้าประตู

 

จำนวนของพวกเขานั้นไม่ใช่แค่ร้อยสองร้อย

 

เธอเห็นทั้งสามัญชนและขุนนางที่มาดูงานเทศกาลเช่นเดียวกับพวกพ่อค้าด้วย แต่ละคนนั้นต่างก็ดูมีสีหน้าเป็นกังวล

 

“ข้าฟีเน่ ฟ็อน ไคลเนลต์ พวกท่านคงจะรู้จักข้าดีในฐานะเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน”

 

ในขณะที่พูดเธอก็ชี้ไปยังเครื่องประดับผมนกนางนวลสีน้ำเงินของเธอ

 

มันคือหลักฐานของความสวยชั่วนิรันดร์ที่จักรพรรดิเป็นคนมอบให้ด้วยตัวเอง

 

ผู้คนรู้ดีว่าองค์จักรพรรดินั้นรักและเอ็นดูลูกสาวคนนี้ของดยุคไคลเนลต์เหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม, ในฝูงชนนั้น, มีคนหนุ่มบางคนที่ผลักคนอื่นออกมายืนข้างหน้าฝูงชน

 

“โอ้! ท่านฟีเน่ครับ! นี่ข้าเอง! กีโด้!”

 

สำหรับฟีเน่, นี่คือเสียงที่เธอไม่อยากได้ยินมากที่สุด

 

คนที่ทำร้ายอาร์โนลด์, เพื่อนสมัยเด็กของเขาและคนที่เธอไม่สามารถมองข้ามการกระทำได้ กีโด้ ฟ็อน ฮอร์วาธและคณะผู้ติดตามของเขายิ้มออกมาในตอนที่พวกเขาเห็นฟีเน่

 

การที่เขาผลักฝูงชนออกมานั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าในใจของเขาคิดว่าเธอจะให้พวกเขาเข้าไป โดยไม่คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้, เขากลับให้ความสำคัญกับชีวิตตัวเองและมองหาที่ซ่อนที่ปลอดภัย

 

ในขณะที่มองพวกเขา, ฟีเน่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าสายเลือดขุนนางในตัวเธอถูกทำให้ด่างพร้อย

 

เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้ในตอนที่มองพ่อของตัวเอง แม้กระทั่งการกระทำของพี่ชายแสนดีของเธอก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกแบบนี้ การกระทำของกีโด้นั้นมันทำให้คำว่าขุนนางดูไม่มีความหมายไปเลย

 

เพื่อที่จะได้รับความเคารพ, คุณจะต้องทำตัวให้สมควรได้รับมันก่อน

 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฟีเน่ไม่สนใจเขา

 

“พวกเราจะรับเด็ก, ผู้สูงอายุและคนป่วยเท่านั้น ส่วนคนที่แข็งแรงดีช่วยไปรวมตัวกันในอาคารหลังใหญ่ที่สุดที่ทุกคนหาได้แล้วสร้างแนวป้องกันที่ทางเข้าเอาไว้นะคะ สึนามิเป็นแค่การเคลื่อนไหวของมอนส์เตอร์กลุ่มใหญ่ พวกมันไม่สนใจชีวิตของมนุษย์หรอกค่ะ ในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างการมีมอนส์เตอร์เข้ามาในเคียร์นั้น, ทุกอย่างจะไม่เป็นไรค่ะถ้าพวกเรามีเวลาซักพักนึง ตอนนี้ข้าจะเปิดประตูแล้วนะคะ”

 

“ทะ, ท่านฟีเน่ครับ? ข้าเอง! กีโด้! ท่านลืมไปแล้วหรอครับ?”

 

“ข้าจำได้ค่ะ ท่านกีโด้จากบ้านดยุคฮอร์วาธ”

 

“โอ้, ข้าดีใจจริงๆ ถ้างั้นพวกเราเข้าไปได้ใช่ไหมครับ?”

 

พอได้ฟังแต่คำพูดที่สมกับเป็นเขา, ฟีเน่ก็ปรี้ดแตกขึ้นมา

 

ถ้าคิดถึงอาร์โนลด์, ทางเลือกที่ฉลาดก็คงจะเป็นการยอมให้เขาเข้ามา ถึงยังไงการสร้างศัตรูโดยไม่จำเป็นนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

อย่างไรก็ตาม, ฟีเน่เลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น แม้ว่ามันจะขัดกับความต้องการของอาร์โนลด์ก็ตาม

 

ด้วยเหตุนี้เอง

 

“หัดรู้จักอายบ้างสิคะ! นอกจากท่านไม่คิดจะไปสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์จักพรรดิ, ท่านยังเอาแต่มองหาสถานที่ที่รับรองความปลอดภัยของตัวเองอีก! นี่ท่านไม่รู้สึกผิดกับบรรพบุรุษที่สานต่อสายเลือดของบ้านฮอวาร์ธมาจนถึงตอนนี้บ้างเลยหรอ!?”

 

“หา….!? นี่เจ้า! เจ้าคิดว่าข้าเป็นใครกัน!”

 

“ท่านเป็นใครนั้นไม่สำคัญหรอกค่ะ คนที่จะเข้ามาในคฤหาสน์หลังนี้ได้มีแค่เด็ก, ผู้สูงอายุ, และคนป่วยเท่านั้น คนที่นอกเหนือจากนี้ช่วยไปหาที่อื่นอยู่นะคะ นี่คือการตัดสินใจขององค์หญิงคริสต้า ถ้าท่านยืนกรานจะทำให้เสียเวลาไปมากกว่านี้, หลังจบเรื่องท่านก็ไปยื่นอุธรณ์กับองค์จักรพรรดิได้เลยค่ะ แต่เมื่อถึงตอนนั้น, ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครกันแน่ที่จะถูกลงโทษสำหรับเรื่องนี้, แม้ว่ามันจะชัดเจนสำหรับข้าก็ตาม!”

 

“ชิ....! อย่าลำพองตัวเองให้มากนักกับแค่เพราะมีลีโอนาร์ดคอยหนุนหลังอยู่! จำเอาไว้ให้ดีหล่ะ! ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้าแน่!”

 

พอพูดจบ, กีโด้ก็ออกไปจากคฤหาสน์พร้อมกับผู้ติดตามของเขา

 

หลังจากที่เห็นว่ากีโด้เดินจากไปแล้ว, ฟีเน่ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วสั่งให้อัศวินเปิดประตูด้วยรอยยิ้ม

 

พอได้เห็นการกระทำเมื่อก่อนหน้านี้ของฟีเน่, ผู้คนก็ทิ้งลูกๆ, คนแก่และคนป่วยที่มากับพวกเขาเอาไว้และออกไปโดยไม่ปริปากบ่นอะไร

 

หลังจากที่เธอรับคนเหล่านี้เข้ามาแล้ว, ฟีเน่ก็กลับเข้าไปในคฤหาสน์และสั่งให้คนใช้ทำแนวป้องกันที่ทางเข้า

 

“ช่วยทำแนวป้องกันเอาไว้ให้หนาแน่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ! ในตอนที่มอนส์เตอร์เข้ามาจะได้ช่วยกันยื้อพวกมันได้, มันจะไม่เป็นไรแน่นอนค่ะตราบใดที่พวกเราสามารถยื้อเอาไว้จนกว่าพวกมันจะเปลี่ยนเส้นทางได้”

 

“ครับ! ท่านฟีเน่!”

 

“ท่านฟีเน่คะ! องค์หญิงคริสต้าเรียกหาท่านค่ะ!”

 

“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ ทุกคน, ไม่ต้องกลัวนะคะ พวกอัศวินจะมาช่วยพวกเราอย่างแน่นอน”

 

ฟีเน่บอกกับทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์ด้วยอารมณ์ที่สดใสที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

เธอคิดว่าอย่างน้อยเธอก็ต้องเป็นคนที่ยังยิ้มได้ อันที่จริง, นี่คือทั้งหมดที่เธอสามารถทำได้แล้ว

 

ในฐานะลูกสาวของดยุค, เธอสามารถใช้เวทมนตร์ได้อยู่บ้างแต่เธอเก่งแค่เวทย์ฟื้นฟูเท่านั้น เธอไม่สามารถใช้เวทย์โจมตีที่นิยมใช้กันในการต่อสู้ได้

 

เธอไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเฉิดฉายเหมือนกับเอลน่า

 

เธอรู้สึกเจ็บใจกับเรื่องนี้ เธอออกจากดินแดนของตัวเองมาเพื่อหวังทำประโยชน์ให้กับอาร์โนลด์แต่จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่มีประโยชน์กับเขาซักเท่าไหร่เลย

 

สำหรับฟีเน่, การดูแลคริสต้าคืองานแลกที่อาร์โนลด์ขอให้เธอทำ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเธอถึงคิดว่าเธอจะไม่ออกห่างจากคริสต้าไม่ว่ายังไงก็ตาม, แต่ว่า

 

“ถ้าพวกเราไม่ชิงขลุ่ยมาพวกมอนส์เตอร์จะเข้ามาเรื่อยๆ!!”

 

พอเห็นคริสต้ากรีดร้องออกมา, ฟีเน่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

มันคือบทสนทนาระหว่างอาร์โนลด์กับคริสต้า

 

คริสต้าบอกว่าเคียร์จะถูกห้อมล้อมด้วยมอนส์เตอร์ และมันก็เกิดขึ้นจริงๆ

 

ตราบใดที่อาร์โนลด์ให้ความสำคัญกับคำพูดของเธอ, ฟีเน่เองก็ตัดสินว่าเธอต้องเชื่อด้วยเหมือนกัน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ฟีเน่กอดคริสต้าแน่น

 

“องค์หญิง ไม่เป็นไรนะคะ ข้าจะไปชิงขลุ่ยมาให้เอง ท่านบอกได้ไหมว่ามันอยู่ไหน?”

 

“ไม่ได้นะ...เดี๋ยวเจ้าก็ตายหรอก.....”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าเป็นคนโชคดีอยู่แล้ว และถ้าตกอยู่ในอันตรายจริงๆ, ท่านอัลจะต้องมาช่วยข้าแน่นอนค่ะ”

 

 

“....จริงนะ?”

 

“ค่ะ, จริงๆค่ะ เพราะงั้นช่วยบอกมาเถอะนะคะว่าข้าจะไปหาขลุ่ยนั่นได้ที่ไหน?”

 

“....ข้าเห็นมันกำลังร่วงลงมาจากหอนาฬิกา.....นั่นน่าจะเป็นสาเหตุ......”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าจะไปเอามันมานะคะ”

 

พอพูดจบ, แม้ว่าคนใช้จะคัดค้านแต่ฟีเน่ก็ออกไปยังหอนาฬิกา, ซึ่งเป็นอาคารที่สูงที่สุดที่ใจกลางเมือง

 

ขนาดหอนาฬิกาของเคียร์นั้นแตกต่างจากเมืองอื่นๆ

 

มันมีความสูงหลายเมตรและดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวที่มาเคียร์, มันคือแลนด์มาร์คสำคัญของที่นี่

 

ฟีเน่วิ่งขึ้นหอนาฬิกานั้นด้วยความเหนื่อยหอบ

 

ในอีกด้านนึง, เอลน่ากำลังต่อสู้กับแซมและดีนอยู่บนฟ้าอย่างสูสี

 

“ชิ! น่ารำคาญชะมัด!”

 

ดีนตัดใจจากการต่อสู้ซึ่งๆหน้ากับเอลน่า มันไม่ใช่ว่าพวกเขาร่วมมือกันแล้วจะเอาชนะเธอไม่ได้แต่มันจะใช้เวลามากเกินไป

 

มันถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะใช้วิธีโกง

 

ดีนเอาขลุ่ยเวทมนตร์ที่สามารถสั่งการมอนส์เตอร์ได้(ขลุ่ยฮาเมลุน)ออกมา ถ้าเขาเพิ่มจำนวนมอนส์เตอร์, ในฐานะอัศวินเอลน่าจะต้องไปคุ้มกันจักรพรรดิแน่ๆ

 

และถ้าเป็นแบบนั้น, ดีนกับแซมก็จะเป็นฝ่ายเหนือกว่าเธอ

 

เพื่อที่จะให้มอนส์เตอร์มาที่เคียร์มากขึ้น, ดีนก็เอาขลุ่ยฮาเมลุนมาไว้ที่ปากของเขา อย่างไรก็ตาม, เอลน่ารู้สึกได้ตามสัญชาตญาณว่าเธอไม่สามารถยอมให้เป็นแบบนี้ได้ดังนั้นเธอจึงพุ่งตรงไปโจมตีดีน

 

“ไม่ยอมหรอกหน่า!”

 

“หนอยย!?”

 

ดีนสามารถหลบการโจมตีของเธอได้แต่ขลุ่ยฮาเมลุนกลับหลุดมือของเขาไปและกำลังตกไปที่เมืองเคียร์

 

พอเห็นแบบนี้, ดีนก็รีบไล่ตามมันไป

 

“บ้าจริง!”

 

“กลับมานี่นะ!”

 

 

ขลุ่ยนี้ไม่ใช่ของดีน มันคือสิ่งที่ผู้สนับสนุนของพวกเขาให้มา ด้วยการใช้สิ่งนี้, ดีนจึงสามารถวางแผนดึงคาร์ลอสเข้ามาพัวพันเพื่อสร้างสถานการณ์นี้ได้

 

อย่างไรก็ตาม, ผู้สนับสนุนบอกกับพวกเขาว่าพวกเขาต้องทำลายมันทิ้งหลังจากจบงาน มันคือสัญญาที่พวกเขาให้ไว้กับผู้สนับสนุน

 

หากไม่มีผู้สนับสนุนคนนั้น, มันก็คงจะเป็นเรื่องยากในการหนีหรือแม้กระทั่งเอาตัวรอดจากสถานที่แห่งนี้ การทำลายขลุ่ยนี่เกี่ยวโยงกับความอยู่รอดของพวกเขา

 

และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ดีนไล่ตามมันอย่างไม่ลดละ พอเห็นดีนมีท่าทีแบบนี้, เอลน่าเองก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติและไล่ตามขลุ่ยไป

 

พวกเขาทั้งคู่ปะทะกันบนฟ้าอยู่หลายครั้ง, ซึ่งขลุ่ยก็กำลังร่วงลงไปที่พื้นอย่างรวดเร็ว

 

และในตอนที่มันไปถึงหอนาฬิกานั้นเอง, มือสีขาวก็ยื่นออกมาจากหอนาฬิกาแล้วคว้าขลุ่ยเอาไว้

 

!!?”

 

ฟีเน่ที่รับขลุ่ยที่ตกลงมาอย่างแรงนั้น, สามารถทิ้งร่างลงทางฝั่งหอนาฬิกาได้สำเร็จอย่างพอดิบพอดี

 

เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกกับการที่สามารถคว้าขลุ่ยเอาไว้ได้แต่ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงแหลมดังมาจากเอลน่า

 

“หนีไปซะ! ฟีเน่!!”

 

ในตอนที่เธอเงยหน้าขึ้นมา, ดีนก็ยิงเวทมนตร์จำนวนมากใส่หอนาฬิกา

 

ซึ่งนี่ก็ทำให้เธอสูญเสียที่ยืนแล้วร่วงลงไป

 

อย่างไรก็ตาม, ฟีเน่ไม่สนใจเรื่องนั้น

 

เธอรู้ถึงความอันตรายมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่คือเหตุผลที่ทำไมฟีเน่ถึงโยนขลุ่ยไปทางเอลน่าที่กำลังมุ่งหน้ามาหาเธอ จากนั้นเธอก็เห็นเอลน่ารับขลุ่ยเอาไว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจ, และเธอก็ยิ้มออกมา

 

 

“เห้อ....ในที่สุดเราก็ได้ทำตัวให้มีประโยชน์บ้างแล้ว”

 

“นังเด็กนี่!!”

 

ด้วยความโกรธ, ดีนยิ่งเวทมนตร์ใส่ฟีเน่ที่กำลังร่วงอยู่

 

เธอไม่มีทางหนีจากเวทมนตร์ที่กำลังพุ่งมาได้เลย

 

“ฟีเนนนน่!!??”

 

เอลน่าตะโกน

 

ด้วยความมั่นใจว่าเธอสามารถฝากฝังอาร์โนลด์ไว้กับเอลน่าได้, ฟีเน่ก็หลับตาลง

 

และในตอนที่เธอทำแบบนั้นเอง, เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างสว่างวาบขึ้นมาจากบนฟ้าแต่ฟีเน่ไม่มีเวลามาสนใจมัน

 

แม้ว่าเธอจะเตรียมเผชิญหน้ากับความตายและหลับตาลงแล้ว, แต่ความเจ็บปวดและแรงกระแทกที่เธอคิดว่ากำลังจะเกิดขึ้นก็ไม่ได้มาถึง

 

มันตรงกันข้ามเลย, เธอกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่น

 

ในตอนที่เธอลืมตาออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ, ฟีเน่ก็รู้สึกตัวว่าเธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของนักผจญภัยที่สวมหน้ากากเงิน

 

คำพูดของเธอนั้นได้ถูกความประหลาดใจพรากหายไปจนหมด ที่เธอบอกคริสต้าว่าเขาจะมาช่วยเธอมันก็แค่เพื่อทำให้คริสต้าใจเย็นลง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าเขาจะมาช่วยเธอจริงๆ

 

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง, ก็มีอีกคนนึงที่ประหลาดใจพอๆกับฟีเน่

 

คนๆนั้นก็คือดีน

 

“หนอย....แกสามารถยกเลิกกระสุนเวทมนตร์ของข้าได้, นี่แกเป็นใครกันแน่.......? บอกชื่อมาซะ!!”

 

“.....นักผจญภัยภายใต้สังกัดกิลด์สาขาเมืองหลวงของจักรวรรดิ, นักผจญภัยแรงค์ SS, ซิลเวอร์....ข้ามาที่นี่เพื่อเอาชนะเจ้า”

 

หน้ากากเงินและเสื้อคลุมสีดำนั้นคือสัญลักษณ์ของซิลเวอร์

 

นักผจญภัยที่เป็นที่รู้จักในฐานะนักผจญภัยที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิ

 

รีวิวผู้อ่าน