ในตอนที่กลับบ้าน จางเทีย เก็บความตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ เขาเอามือจับกระเป๋าเพราะกลัวว่ามันจะหายไป ในตอนที่เขาหยิบมันขึ้นมา เขาก็พบกับวัตถุกลมๆที่เล็กกว่าไข่ไก่อยู่ตรงใจกลางแร่นั่น ดูเหมือนว่าจะมีรอยตกแต่งไว้อย่างดี ไม่มีใครรู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างในแร่นี้ถ้ามันไม่ถูกฟาดกับพื้นโดยนักสำรวจสองคนตะกี้ แน่นอนว่ามันคงไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ อีกอย่างมันดูเหมือนมีอายุอย่างน้อยหลายร้อยล้านปีก่อนที่แร่ไพไรต์จะก่อตัวขึ้นมาได้ จางเทีย นั้นทึ่งที่วัตถุสามารถเข้าไปอยู่ในแร่ไพไรต์ได้....
หลายร้อยล้านปี...
ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ..
มีการประดับที่สวยอีกต่างหาก....
ในตอนที่ จางเทีย คิดได้แบบนั้นก็ทำให้เขาช็อค
ในตอนที่กลับบ้าน ตอนแรกนั้น จางเทีย ยังเดินด้วยความเร็วปกติแต่เขาก็อดวิ่งไม่ได้ตอนที่ใกล้ถึงบ้านแล้ว เขาจับกระเป๋าตัวเองแน่นในตอนที่วิ่งไปด้วย จางเทีย อาจจะกังวลเกินไป เขารู้สึกเหมือนราวแร่ธรรมดานี่เริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนที่เขามาถึงบ้าน แม่ของเขานั้นกำลังทำเบียร์ข้าวอยู่ เมื่อได้ยินเสียงของ จางเทีย เธอก็รีบตะโกนขึ้นโดยไม่ได้หันกลับมา – “ มื้อเย็นได้แล้วนะ ยังร้อนๆอยู่เลย กินช้าๆล่ะ ! “
“ แม่ ผมกินจากข้างนอกมาแล้ว ! “
หลังจากที่คุยกันแล้ว จางเทีย ก็รีบขึ้นไปชั้นบน เพราะวันนี้พี่ชายเขาไม่อยู่บ้าน บ้านจึงเงียบสงบกว่าปกติ เขาดึงบันไดลงมาและรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเอง เขาจุดไฟที่ตะเกียงก่อนจะปิดม่านลงแล้วเอาแผ่นไม้ปิดกั้นอีกรอบ ตอนนี้เขาไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาเห็นแล้ว เขานั่งลงที่เตียงพร้อมกับรีบสูดอากาศ
ในตอนที่เขากำลังหอบอยู่นั้น จางเทีย อดไม่ได้ที่จะเอาแร่ครึ่งหนึ่งออกมาให้ตะเกียงส่อง ตาของเขาเบิกกว้างทันที...
สิ่งของที่อยู่ด้านในแร่นั้นเป็นคริสตัลที่มีขนาดประมาณไข่ไก่ที่รอยสลักตกแต่งที่ดูซับซ้อน รอยสลักพวกนั้นคล้ายๆของที่ตกแต่งตามประตู เขาเห็นว่ามีต้นไม้ขนาดเล็กด้านในไข่ด้วยซึ่งน่าจะเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ
2 ใน 3 ของไข่นั้นโผล่ออกมาแล้ว โดยส่วนที่เหลือยังติดอยู่ในแร่อยู่ จางเทีย พยายามที่จะดึงมันออกมา จากนั้นเขาก็เห็นวัตถุนั้นทั้งใบได้ มันไม่ได้มี ‘ ไข่แดง’ แต่มีแค่ต้นไม้แทน ในขณะส่วนที่เป็น ‘ ไข่ขาว ‘ นั้นเป็นเหมือนสารที่คล้ายปรอท จางเทีย ค่อยจ้องไปที่ ‘ ปรอท ‘ พวกนั้นและพบว่ามันมีหมอกแสงที่สวยงาม หมอกแสงพวกนั้นวนไปรอบๆต้นอ่อนนั่นอย่างลึกลับ แสงขุ่นๆที่ จางเทีย มองเห็นในตอนแรกก็มาจากหมอกแสงพวกนี้
แผลต่างๆบนมือของ จางเทีย ที่ได้จากการฝึกห่อในตอนบ่าย บางทีเป็นเพราะเขากำแร่นี่แน่นเกินไปตอนกลับมาบ้านทำให้โดนส่วนแหลมของแร่นี่ตำเขาไป ผลก็คือแร่นี่เต็มไปด้วยเลือดของ จางเทีย คริสตัลไข่ นั้นโดนย้อมไปด้วยเลือด มันไม่ได้สวยเหมือนแต่ก่อน ในตอนที่ จางเทีย ใช้เสื้อเช็ดคราบเลือดออก แทนที่จะลบรอยเลือดได้แต่มันกลับเข้าไปในไข่แทน ในตอนที่เลือดถูกดูดเข้าไป ไข่นั่นก็เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ
“ อ๊ากก... “ - จางเทีย รู้สึกร้อนขึ้นมาและปล่อยมือที่ถือคริสตัลไข่ ทิ้ง เขาอึ้งเพราะไข่นี่กลับลอยในอากาศตรงหน้าเขาได้ เขาตกใจและกลัวจนตาเบิกกว้างอย่างกังวล ในตอนที่เขาทั้งสับสนและกลัวก็ได้มีเลือดหยดลงไปที่ด้านบนไข่และไหลลงไปตรงใจกลางของคริสตัลก้อนนั้น
ในตอนที่เลือดหยดลงมา จางเทีย ก็หมดสติไป เขารู้สึกเหมือนกับตกลงมาจากที่สูง เขาเห็นไข่นั่นส่องแสงออกมาและลอยอยู่ตรงหน้าเขา ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างแทงเข้ามาในหว่างคิ้วเขา เหมือนกับได้มีบางอย่างเจาะเข้ามาในสมองของเขาและผลก็คือภาพที่เขาเห็นเริ่มมืดลงจนกระทั่งเขาหมดสติ...
เขาได้หมดสติไปแล้ว....
สักพัก จางเทีย ก็รู้สึกตัวสักที
สิ่งแรกที่เขารู้สึกคือความเย็นที่อยู่บนใบหน้า เขายังตกใจและยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ หลังจากคิดอยู่หลายรอบ จางเทีย ก็ลืมตาขึ้นมาและตระหนักได้ว่าหน้าของเขาได้แนบอยู่กับพื้น
เขากรอกตามองไปรอบๆและพยายามที่จะลุกขึ้น เขาลุกขึ้นมานั่งที่เตียงและพบว่าตะเกียงยังคงติดไฟอยู่ว่ามันจะหม่นลงเล็กน้อย เขาประมาณว่าเวลาน่าจะผ่านไปสัก 3-4 ชม. เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปดึงแผ่นไม้ที่ปิดตรงหน้าต่างออก ข้างนอกนั้นมืดสนิทและมีเสียงหมาห่าจากที่ไกลๆซึ่งทำให้เขามั่นใจว่าตอนนี้ยังคงค่ำอยู่
เดี๋ยวนะ...แล้วไข่นั่นอยู่ไหน ?
จางเทีย เริ่มลนลาน เขามองไปที่มือก่อนจะมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบกับไข่ที่ว่าในห้องเขาเลย เขาหยิบแร่นั้นขึ้นมาดู สิ่งเดียวที่เขาเห็นอย่างชัดเจนคือร่องที่เรียบเนียนของไข่ซึ่งบอก จางเทีย ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้คือความจริง
เป็นไปได้มั้ยว่ามัน...มันบินหายไปแล้ว ...
ในตอนที่ จางเทีย จำได้ว่าไข่นั่นมันลอยในอากาศ เขาก็รีบไปเช็ครอบๆห้องรวมถึงทั้งตรงกำแพง,ประตูและหน้าต่างด้วย เขาไม่พบอะไรเลยและคงต้องยอมรับกับสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้
เขาหยิบกระจกขึ้นมาจากลิ้นชักตรงหัวเตียง นอกจากใบหน้าที่ซีดเผือดของเขาแล้ว เขาไม่พบบาดแผลใดๆตรงหว่างคิ้วเลย ดังนั้นเขาจึงนั่งอยู่ที่เตียงสักพัก จนท้องตัวเองร้องซึ่งมันบอกว่าเขายังไม่ได้กินข้าวเย็น อยู่ๆ จางเทีย ก็รู้สึกหิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนราวกับว่าเขาสามารถกินช้างได้ทั้งตัว
นอกจากเรื่องไข่ตะกี้แล้ว อีกเรื่องที่วิกฤตสำหรับเขาคือการเติมเต็มท้องตัวเอง นอกจากเรื่องกินแล้วตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องไข่บ้านั่นอีกเลย
จางเทีย ไม่กล้าส่งเสียงดังอะไร เขาค่อยๆลงไปที่ชั้นล่างพร้อมกับตะเกียงในมือ เขาลงไปที่ชั้นล่างและไปเจอกับข้าวที่อยู่ในครัว ต้องขอบคุณว่าข้าวมื้อนี้คือต้มมันฝรั่งหวานซึ่งเป็นของอร่อยในตอนที่มันยังร้อนๆอยู่ มีมันฝรั่งอยู่ 7-8 ลูกอยู่ในนั้น จางเทีย ไม่ได้คิดอะไรมากละจัดการซัดมันให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ น่าแปลกใจ เขาเห็นว่าความอยากอาหารของตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันฝรั่งหวานนี่หนักมากกว่า 1 กก.ด้วยซ้ำ ปกติแล้วเขาจะกินแค่ครึ่งเดียว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ที่น่าแปลกใจกว่านั้นเมื่อกินไปทั้งหมดแล้วเขารู้สึกเหมือนอีกครึ่งท้องยังว่างและยังกระหายน้ำ เขาดื่มน้ำไปสองเหยือกและซัดข้าวที่ไว้ใช้ทำเบียร์ไปอีก 3 ถ้วย นี่มันเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เมื่อกินเสร็จ เขาได้ไปแปรงฟันและล้างเท้าก่อนจะกลับขึ้นห้องตัวเองไป เขาถอดเสื้อผ้าออกทั้งหมดแล้วนอนลงที่เตียงก่อนจะพลิกกลับไปกลับมา เขาไม่ง่วงเลยสักนิด ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะทำการบ่มเพาะ เขานั่งอยู่ที่เตียงก่อนจะเริ่มปรับลมหายใจ ในตอนที่เขาปิดตาลง เขาก็มองเห็นภาพลูกคิดซึ่งเกี่ยวข้องกับหนังสือที่เขาซื้อมาอยู่ในหัว อยู่ๆเขาก็พบว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นในความคิดของเขา ในตอนที่ จางเทีย โฟกัสไปที่มัน เขาก็จำมันได้ทั้งหมดทันที เขาเกือบร้องออกมาเหมือนกับตอนที่เห็นคริสตัลไข่นั่น มันคือประตูที่เหมือนกับที่มีบนไข่ ประตูนั้นอยู่ลึกเข้าไปในความคิดของเขา ในตอนที่ จางเทีย เพ่งสมาธิไปที่มัน มันก็เริ่มขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ...
ดูเหมือนว่า...ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถเข้าไปได้ เสียงแหบๆคอยเตือน จางเทีย จางเทีย เองก็สับสนกับความคิดนั้น เขามองไปที่ประตูและพูดขึ้น – “ เข้า ! “ – เด็กชายผู้น่าสงสารอายุ 15 ปี นั้นไม่เคยคิดว่าชีวิตเขาจะมีอะไรแตกต่างจากเดิมจนกระทั่งเกิดเรื่องนี้ขึ้น....
……