px

เรื่อง : Castle of Black Iron
Chapter 15: โจรผ้าพันคอแดง


 “ ทำไมมันถึงรีบกลับขนาดนี้ ?” – เมื่อเห็น จางเทีย โบกมือให้และหายไป  แบร์ลี่ ก็พูดขึ้นมา

“ เขาจะไปร้านของชำรึเปล่า ? “ - ชอร์วิน พูดขึ้น

“ เขาต้องไปที่นั่นทุกวันอังคารกับพฤหัส เมื่อวานเขาไปที่นั่นแล้วและวันนี้เป็นวันศุกร์ แล้วเขาจะไปทำอะไรที่นั่น ?  “ - แบร์ลี่ อธิบาย

“ บางทีเขาอาจจะรีบกลับบ้านก็ได้ ! “ - ดั๊ก ช่วย จางเทีย เป็นครั้งแรกทั้งแต่ที่สงบศึกกันมา

“ พวกผู้ชายที่รีบกลับบ้านน่ะคือพวกขี้แพ้ ! “ – แบกแดด พูดพร้อมกับกอดอกด้วยท่าทีภูมิใจ

“ นายจะไปไหนมั้ย ? “ - ลีซ ถาม แบกแดด

“ ฉันจะไปสมัครงานพาร์ทไทม์ที่สนามต่อสู้เสือ  อาทิตย์นี้เขารับพนักงานเสิร์ฟอยู่  ถ้าฉันได้งานที่นั่น ฉันจะสามารถใช้อุปกรณ์ฝึกที่นั่นได้ฟรีๆและถ้าฉันโชคดี ฉันอาจจะเจอนักสู้เก่งๆหลายคนข้างในก็ได้ ! “

“ ดี โชคดีละกัน ที่นั่นน่ะเป็นของพวกคนรวย  ฉันได้ยินมาว่า เกรซ เองก็ไปฝึกที่นั่นทุกวันเหมือนกัน.. “ - ลิซ ยักไหล่

“ เกรซ น่ะมักจะไปที่สนามนั่นซึ่งที่นั่นน่ะถือว่าเป็นที่หนึ่ง ที่ดีที่สุดในเมืองเลย ! “ - แบกแดด พูดอย่างชื่นชม – “ แต่กลับมีงานให้ทำแค่เด็กเสิร์ฟพาร์ทไทม์นี่สิ ! “

คำพูดสุดท้ายที่ แบกแดด พูดทำให้ แบร์ลี่ เคือง

“ แล้วนายล่ะ ลิซ ? อาทิตย์นี้นายจะไปทำอะไร ? “ - ชอร์วิน ถามออกมา

หลังจากลังเลอยู่สักพัก ลิซ ก็บอกความจริง – “ พ่อฉันจะพาฉันไปหาเพื่อนเก่าเขา  เพื่อนเขาได้มาเมืองนี้เมื่อสองวันก่อนและได้นัดรองผู้อำนวยการของกลุ่มสตอร์กรุ๊ปในเมืองนี้  พ่อฉันน่ะว่าจะปูทางในอนาคตให้ฉัน ! นายล่ะ ชอร์วิน ? “

“ ฉันจะไปเป็นครูสอนพิเศษ ได้ 40 ทองแดงต่อวัน ! “ - ชอร์วิน พูดขึ้นอย่างอายๆ

“ พ่อนายนี่ใจแคบจริงๆเลย  นายอายุแค่ 15 ปีแต่เขากลับอยากให้นายหาเงินในวันหยุดเนี้ยนะ ? “ -ดั๊ก ถามออกมาโง่ๆ

“ มันก็พอเข้าใจได้ ชอร์วิน น่ะโตที่สุดและเขามีน้องอีกสองคน  เขาน่ะน่าจะรับผิดชอบในฐานะพี่ชายคนโตได้แล้ว “

“ ใช่ นายล่ะ ฮิสต้า ? นายมีแผนอะไร ? “

“ โฮ่โฮ่ ฉันมีเงินเหลือในอาทิตย์นี้ ฉันเลยว่าจะไปหาผ่อนคลายซะหน่อย ! “ – เขาพูดขึ้นพร้อมกับโยกสะโพกไปมา

 “ !@#$% นี่เมิงเก็บเงินทั้งเดือนรวมถึงเงินค่าข้าวเช้าไปตีหรี่เนี้ยนะ ?  “ - แบกแดด พูดขึ้นมาพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก

“ ถ้าไม่มีผู้หญิงฉันจะตาย ! หลังจากที่ฉันได้ทำครั้งแรกแล้วฉันก็เข้าใจว่าฉันมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะผู้หญิง.. “ - ฮิสต้า ตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง  จากนั้นเขาก็พึมพำบางอย่างกับ แบร์ลี่ พร้อมเอามือกอดคออีกฝ่ายไว้

ในยุคแบบนี้ในวันสุดท้ายของการเรียนในอาทิตย์ สมาชิกหลักขององค์กรต่างก็พูดคุยหยอกล้อกันก่อนที่จะแยกตัวออกไปทำธุระของตัวเอง

จางเทีย รีบวิ่งข้ามตรอกข้างโรงเรียนมา หลังจากวิ่งผ่านสองซอย ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงที่ที่เขามักจะมา---สถานีรถไฟที้ Wesley Avenue   จางเทีย ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าซอยข้างๆสถานีรถไฟพร้อมกับหอบอย่างรุนแรงและมองไปที่มุมที่อยู่อีกด้าน

สองปีที่ผ่านมานั้นเขามักจะมานั่งรออยู่ที่นี่ เขามักจะเห็นคนที่เขารอเจออยู่ ในอดีตเขามักจะมารอหน้าโรงเรียนและรอให้โรงเรียนเลิกก่อนจะเดินตามเธอไปเกือบสองซอยแต่ตั้งแต่ที่ชายตาเดียวโผล่ออกมาซึ่งถ้าใครแอบมาตามเธอแล้วไอ้โหดนั่นรู้ มันจะอัดเด็กอย่างพวกเขาทำให้ไม่มีใครกล้าตามเธออีกต่อไปแต่ จางเทีย ก็ยังทำแบบนี้ต่อ  เขาไม่กล้าที่จะตามเธอแบบเดิม ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อมาดักรอเธอหลังจากโรงเรียนเลิกทุกวัน  แม้ว่าจะทำได้แค่มองก็เถอะ

หลังจากที่รอมานานกว่า 10 นาที ก็มีคนเดินผ่านมาจากอีกมุมโดยห่างจากสถานีไป 40 ม.  ในตอนที่ จางเทีย เห็น มิสไดน่า  เขาก็รู้สึกว่าเธอราวกับภาพวาดไม่ใช่คนจริงๆ  ในตอนที่เขามองเธอนั้นราวกับโลกได้มีชีวิตชีวาขึ้นและทำให้เขาถึงกับกลั้นหายใจ

เธอเดินผ่านเขาไปถึงสถานีรถไฟ แม้ว่าขาของเธอจะอยู่ห่างเขาไปมากกว่า 20 ม.แต่เขาก็ยังพบว่ามันสวยทุกสัดส่วน  จางเทีย รู้สึกว่า มิสไดน่า คงเป็นเทพธิดากลับมาเกิดแน่ๆ

ผมของเธอมีกลิ่นหอมเหมือนกับน้ำหอมที่อยู่บนตัวของเธอ  เมื่อมองไปที่ผมของเธอ จางเทีย ได้คิดกับตัวเอง- “ ถ้าฉันไปจับมัน มันจะรู้สึกยังไงนะ ? “- วัยรุ่นคนนี้กำลังเพ้อฝันกับตัวเองอยู่...

ที่ลานตรงสถานี้มีผู้คนมากมายรอคอยให้รถมาและพูดคุยกันเสียงดังแต่เมื่อ มิสไดน่า มาถึง  จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าคนพวกนี้ต่างก็เงียบลง  แม้แต่ผู้ใหญ่สองคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็ต้องลุกขึ้นยืน     มีคนแอบจัดผมตัวเองด้วย

จางเทีย หวังว่ารถจะไม่มา  ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะได้ชื่นชมเธอต่อไปแต่ใน 5 นาทีต่อมา รถรางก็ได้มาถึง  รถรางแบบบนี้น่ะเล็กกว่าพวกรถไฟ มันช้ากว่า,ใช้พลังไอน้ำตัวเล็ก,และไม่ค่อยทนเท่าไหร่ รถแบบนี้มีเยอะในเมือง

ในตอนที่มันมาใกล้สถานี้ รถรางก็ค่อยๆช้าลงและได้พ่นไอน้ำออกมาจากหัวของมัน  มีคนโผล่ออกมาจากตัวรถรางแล้วสั่นกระดิ่ง  เขาเตือนทุกคนว่าให้เตรียมเงินให้พอกับค่าตั๋วด้วย  ผู้โดยสารต่างก็เริ่มขึ้นไปหลังจากที่รถนั่นจอด

จางเทีย ยังไม่สามารถรวบรวมสติได้จนกระทั่ง  มิสไดน่า ขึ้นรถไฟไปแล้ว เขาจึงค่อยๆเดินกลับบ้านต่อด้วยท่าทีสลด

 

...

เพราะเป็นวันหยุดพี่ชายของเขาเลยมักจะมาอยู่บ้าน  วันศุกร์แต่ละครั้งนันครอบครัวของเขาจะมารวมตัวกันและทานมื้อเย็นด้วยกันและมื้อเย็นในวันนี้ก็เป็นของพิเศษด้วย  แม่ของเขาได้ต้มซุปเนื้อถั่วกับเบคอนที่เหลือ  ก่อนที่ จางเทีย จะเข้าไปในบ้านเขาก็ได้กลิ่นหอมๆของซุปเนื้อ ในตอนที่เขาเดินไปเจอควันที่ลอยออกมาจากหม้อเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที   เขาเดินไปเอาช้อนตักซุปนคั่นขึ้นมาก่อนจะเป่าสักพัก  แม้ว่าซุปนี่จะยังร้อนอยู่แต่เขาก็กลืนมันไปอย่างรวดเร็วและรสชาติที่ได้ก็เหมือนความสุขที่กำลังไหลผ่านลำคอเขาไป

“ แมวขี้ขโมย  ลูกกินได้ก่อนสักถ้วยนะถ้าลูกหิว ! “ – แม่ของเขาเดินเข้ามาจากร้านเบียร์ข้าวและเดินมาลูบหัว จางเทีย เหมือนที่เธอเคยทำมาตลอดสิบปี

จางเทีย กลืนน้ำลายพร้อมกับตอบกลับ – “ ไม่ ผมยังไม่หิวเท่าไหร่ รอพ่อกับพี่ก่อนดีกว่า ! “

“ กูกู ของเรานี่โตแล้วจริงๆ ! “ – แม่เขาพูดพร้อมกับมัดผมตัวเอง – “ พ่อทำโอที เขาเลยจะกลับมาช้าสักหน่อย ลูกไปดูที่ร้านให้หน่อยไป แม่จะทำอาหารอย่างอื่นต่อ ! “

“ ได้เลย ! “

ครึ่งชั่วโมงต่อมาพ่อของเขาก็กลับมาถึงบ้าน  หลังจากที่ทักทาย จางเทีย แล้วพ่อของเขาก็เข้าไปช่วยแม่ในครัว   20 นาทีต่อมาในตอนที่เขากำลังจะไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวและคิดว่าพี่เขาจะไม่มา พี่เขาก็ได้มาถึง   จางหยาง สูง 1.88 ม.และมีรูปร่างที่กำยำ ตาและคิ้วของเขายาวและดูแคบเหมือนกับ จางเทีย ซึ่งทำให้ดูเหมือนเป็นคนกระตือรือล้น   เขาสวมชุดสีดำของกองทหารปกป้องของมือง  เขาใส่เข็มขัดหนังสีเหลืองที่มีหัวเข็มขัดทองแดงและได้มีดาบยาวคาดอยู่ที่เอว  ไหล่ของเขาก็มีเครื่องหมายบอกว่าเขาเป็นจ่า   เพราะเมืองนี้มีหัวหน้าน้อย พี่ของเขาเลยถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพเหมือนกัน

ตั้งแต่ยังเด็ก จางเทีย มักมองพี่ตัวเองเป็นไอดอลมาเสมอ

จางหยาง เดินกลับมาพร้อมกับเป้  เขาเปิดเป้ออกและหยิบเอาของสองอย่างไปใส่ไว้ในมือ จางเทีย  - “ เปิด มันน่าจะพอสำหรับข้าวเย็นนะ ! “

“ เนื้อกระป๋อง ! “ – เมื่อได้เนื้อกระป๋องมาตาของ จางเทีย เป็นประกายพร้อมกับน้ำลายที่เริ่มไหลออกมา ไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะเอาของดีๆกลับมาด้วย

“ นั่งนี่แหละ แม่จะไปเปิดเอง .. “ – แม่ของเขาเอาเนื้อกระป๋องไปจากมือ จางเทีย ก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับ  เธอเอาเนื้อกระป๋องหนึ่งไปเก็บและเปิดแค่กระป๋องเดียว  เมื่อเห็นแบบนั้นชายทั้งสามคนที่โต๊ะก็เริ่มหัวเราะออกมา แม่เขานี่งกจริงๆแต่ทุกคนก็ชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว

“ พี่ ในกระเป๋ามีอะไรอีก ? “ – จางเทีย จ้องไปที่กระเป๋า  ในสายตาของ จางเทีย แล้วพี่ชายเขาน่ะคือพ่อมดที่มักจะเสกหลายๆอย่างออกมาได้

“ ดู นี่ไง ! “ – จางหยาง โยนทั้งกระเป๋าไปใส่มือ จางเทีย  อดไม่ได้ที่จะเปิดมันดูและตอนที่เปิดเขาก็พบกับรองเท้าหนัง  อีกอย่างมันยังมีเสื้อคลุมสีเขียวและกางเกงในอีกสองตัว  รองเท้าหนัง, เสื้อ, กางเกงใน, ผ้าเช็ดตัวและสบู่พวกนี้น่ะได้มาจากกองทัพ  ของพวกนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมากในตลาดมืดของเมือง  พี่ชายของเขามักจะเก็บมันมาให้ จางเทีย   เมื่อเห็นถุงเท้าอันใหม่และถุงเท้าที่ขาดซึ่งอยู่ตรงเท้าของพี่ชายตัวเอง    จางเทีย ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมา

“ ฉันเก็บมันมาให้นาย ไซต์น่าจะพอดีกับนายนะ  แม่บอกว่านายโตแล้วนิ งั้นก็อย่างร้องไห้ ! “ – ในตอนที่เขาพูด เขาก็ได้เกามือตัวเอพร้อมกับเอามืออีกข้างลูบหัว จางเทีย

เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้าย จางเทีย ก็รู้สึกอายขึ้นมา  เขาหงุดหงิดขันมาทันที  ในเวลาเดียวกันพี่ชายเขาก็รู้สึกขำและไปกระซิบบางอย่างกับพ่อ    พ่อของเขาเองก็หัวเราะออกมาโดยไม่สนว่าเขาจะอายเท่าไหร่

“ แม่ ! “ – จางเทีย ร้องออกมาแบบไม่พอใจเท่าไหร่

“ เอาล่ะๆ กินข้าวได้แล้ว แม่รับปากว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดอีก ~~~~~ ! “ – แม่เทเนื้อกระป๋องลงในจานแล้วเดินกลับมา

ทั้งครอบครัวเริ่มกินข้าวกันอย่างมีความสุข...

“ อย่างไปเล่นด้านนอกในเวลาแบบนี้ ! “ – จางหยาง บอกกับ จางเทีย  -“ เมืองนี้เริ่มไม่ค่อยสงบสุขแล้ว ! “

“ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? “ – พ่อของเขากังวลเล็กน้อย  แม่เองก็ตกใจ  มีแค่ จางเทีย เท่านั้นที่กินเนื้ออยู่แบบไม่สนใจอะไร – “ มีข่าวอะไรมั้ย ? “ – พ่อของเขาถาม

“ ไม่กี่วันก่อน  ซาร่า อันดับสองของกลุ่มโจรผ้าพันคอแดงได้ถูกจับในเมืองอันดามัน เมื่อวานรัฐได้โหวตว่าให้แขวนคอ ซาร่า  กลุ่มโจรผ้าพันคอแดงเลยปล่อยข่าวว่าจะแก้แค้น ! “

“ นี่...มันจะส่งผลต่อเมืองแบล็คฮ็อตด้วยมั้ย ?  “ – พ่อของเขาถามอย่างสงสัย

“ ในตอนที่โหวตว่าให้แขวนคอเธอน่ะมี 11 ใน 17 เมืองเห็นด้วยรวมถึงเมืองเราด้วย  ไม่มีใครรู้ว่าผลการโหวตหลุดรั่วไปได้ยังไงแต่โจรผ้าแดงน่ะได้เล็งสมาชิก 11 คนที่โหวตเห็นด้วยเพื่อแก้แค้นคืน  เมืองแบล็คคฮ็อตนั้นอยู่ด้านเหนือสุดและที่นี่มีเมืองแข็งแกร่งไม่เท่าไหร่ล้อมรอบด้วย ดังนั้นแล้วมันน่าจะเป็นเป้าหมายที่โจมตีได้ง่ายที่สุดของกลุ่มโจรนั้น ! “ – จางหยาง อธิบายอย่างใจเย็น

“ ใช่พวกพันธมิตรรึเปล่า ? ทำไมผลโหวตถึงได้รั่วออกมาได้ ? มันต้องมีสายลับในพันธมิตรแน่นอน  สำหรับนักฆ่าอย่างโจรผ้าแดงนั้นจะมีบางคนที่ยอมทำงานให้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด... “ – พ่อของเขาด่าออกมา – “ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันจะมีสายรึเปล่าแต่วันหยุดของทหารน่ะได้ถูกยกเลิกเป็นเวลาสองเดดือน ดังนั้นแล้วผมคงไม่ได้กลับบ้านอีก 2 เดือน ! “ – พี่ชายเขาพูดขึ้นพร้อมกับยืดมือออกมา

“ ลูก มันอันตรายรึเปล่า ? “ – แม่ถามอย่างกังวล

“ แม่ เชื่อใจผมได้น่า  โจรผ้าแดงน่ะไม่แข็งแกร่งพอที่จะโจมตีเมืองเราได้  ทหารและกองกำลังป้องกันของเมืองน่ะแข็งแกร่งพอ  พวกนั้นน่าจะทำการลอบโจมตีแทน  เราน่ะไม่ค่อยรู้สึกเครียดเท่าไหร่แต่แม่น่าจะระวังตัวเองไว้ด้วย ! “

จางเทีย อ้าปากเหมือนอยากบอกทุกอย่างเกี่ยวกับ Castle of Black Iron แต่เขาก็รู้ว่าถ้าเขาบอกความลับไป มันอาจจะเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดฝันกับครอบครัวของเขาก็ได้เพราะยังไงครอบครัวเขาก็เป็นได้แค่คนธรรมดาของเมือง  จางเทีย ได้ยินเรื่องคล้ายๆกันมาหลายครัง  เขาจำได้ว่าคนธรรมดาในเรื่องมักจะตายอย่างน่าสงสาร  ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจเก็บความลับเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด

หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ พี่เขาก็ได้กลับไป  พ่อเขาเองก็ไปเล่นหมากรุกกับเพื่อนบ้านซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกที่พ่อเขาชอบทำ   แม่ของเขานั้นไปที่โบสถ์  ก่อนที่เธอจะไปเธอได้ปิดประตูบ้านเอาไว้ทิ้ง จางเทีย อยู่บ้านเพียงคนเดียว  หลังจากเก็บของและล้างจานเสร็จ  จางเทีย ได้กลับไปที่ห้องตัวเอง  ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะที่เขาจะศึกษาความลับของ Castle of Black Iron...

รีวิวผู้อ่าน