“ ทำไมมันถึงรีบกลับขนาดนี้ ?” – เมื่อเห็น จางเทีย โบกมือให้และหายไป แบร์ลี่ ก็พูดขึ้นมา
“ เขาจะไปร้านของชำรึเปล่า ? “ - ชอร์วิน พูดขึ้น
“ เขาต้องไปที่นั่นทุกวันอังคารกับพฤหัส เมื่อวานเขาไปที่นั่นแล้วและวันนี้เป็นวันศุกร์ แล้วเขาจะไปทำอะไรที่นั่น ? “ - แบร์ลี่ อธิบาย
“ บางทีเขาอาจจะรีบกลับบ้านก็ได้ ! “ - ดั๊ก ช่วย จางเทีย เป็นครั้งแรกทั้งแต่ที่สงบศึกกันมา
“ พวกผู้ชายที่รีบกลับบ้านน่ะคือพวกขี้แพ้ ! “ – แบกแดด พูดพร้อมกับกอดอกด้วยท่าทีภูมิใจ
“ นายจะไปไหนมั้ย ? “ - ลีซ ถาม แบกแดด
“ ฉันจะไปสมัครงานพาร์ทไทม์ที่สนามต่อสู้เสือ อาทิตย์นี้เขารับพนักงานเสิร์ฟอยู่ ถ้าฉันได้งานที่นั่น ฉันจะสามารถใช้อุปกรณ์ฝึกที่นั่นได้ฟรีๆและถ้าฉันโชคดี ฉันอาจจะเจอนักสู้เก่งๆหลายคนข้างในก็ได้ ! “
“ ดี โชคดีละกัน ที่นั่นน่ะเป็นของพวกคนรวย ฉันได้ยินมาว่า เกรซ เองก็ไปฝึกที่นั่นทุกวันเหมือนกัน.. “ - ลิซ ยักไหล่
“ เกรซ น่ะมักจะไปที่สนามนั่นซึ่งที่นั่นน่ะถือว่าเป็นที่หนึ่ง ที่ดีที่สุดในเมืองเลย ! “ - แบกแดด พูดอย่างชื่นชม – “ แต่กลับมีงานให้ทำแค่เด็กเสิร์ฟพาร์ทไทม์นี่สิ ! “
คำพูดสุดท้ายที่ แบกแดด พูดทำให้ แบร์ลี่ เคือง
“ แล้วนายล่ะ ลิซ ? อาทิตย์นี้นายจะไปทำอะไร ? “ - ชอร์วิน ถามออกมา
หลังจากลังเลอยู่สักพัก ลิซ ก็บอกความจริง – “ พ่อฉันจะพาฉันไปหาเพื่อนเก่าเขา เพื่อนเขาได้มาเมืองนี้เมื่อสองวันก่อนและได้นัดรองผู้อำนวยการของกลุ่มสตอร์กรุ๊ปในเมืองนี้ พ่อฉันน่ะว่าจะปูทางในอนาคตให้ฉัน ! นายล่ะ ชอร์วิน ? “
“ ฉันจะไปเป็นครูสอนพิเศษ ได้ 40 ทองแดงต่อวัน ! “ - ชอร์วิน พูดขึ้นอย่างอายๆ
“ พ่อนายนี่ใจแคบจริงๆเลย นายอายุแค่ 15 ปีแต่เขากลับอยากให้นายหาเงินในวันหยุดเนี้ยนะ ? “ -ดั๊ก ถามออกมาโง่ๆ
“ มันก็พอเข้าใจได้ ชอร์วิน น่ะโตที่สุดและเขามีน้องอีกสองคน เขาน่ะน่าจะรับผิดชอบในฐานะพี่ชายคนโตได้แล้ว “
“ ใช่ นายล่ะ ฮิสต้า ? นายมีแผนอะไร ? “
“ โฮ่โฮ่ ฉันมีเงินเหลือในอาทิตย์นี้ ฉันเลยว่าจะไปหาผ่อนคลายซะหน่อย ! “ – เขาพูดขึ้นพร้อมกับโยกสะโพกไปมา
“ !@#$% นี่เมิงเก็บเงินทั้งเดือนรวมถึงเงินค่าข้าวเช้าไปตีหรี่เนี้ยนะ ? “ - แบกแดด พูดขึ้นมาพร้อมมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูถูก
“ ถ้าไม่มีผู้หญิงฉันจะตาย ! หลังจากที่ฉันได้ทำครั้งแรกแล้วฉันก็เข้าใจว่าฉันมีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะผู้หญิง.. “ - ฮิสต้า ตอบกลับด้วยท่าทีจริงจัง จากนั้นเขาก็พึมพำบางอย่างกับ แบร์ลี่ พร้อมเอามือกอดคออีกฝ่ายไว้
ในยุคแบบนี้ในวันสุดท้ายของการเรียนในอาทิตย์ สมาชิกหลักขององค์กรต่างก็พูดคุยหยอกล้อกันก่อนที่จะแยกตัวออกไปทำธุระของตัวเอง
จางเทีย รีบวิ่งข้ามตรอกข้างโรงเรียนมา หลังจากวิ่งผ่านสองซอย ในที่สุดเขาก็ได้มาถึงที่ที่เขามักจะมา---สถานีรถไฟที้ Wesley Avenue จางเทีย ยืนอยู่ตรงหน้าทางเข้าซอยข้างๆสถานีรถไฟพร้อมกับหอบอย่างรุนแรงและมองไปที่มุมที่อยู่อีกด้าน
สองปีที่ผ่านมานั้นเขามักจะมานั่งรออยู่ที่นี่ เขามักจะเห็นคนที่เขารอเจออยู่ ในอดีตเขามักจะมารอหน้าโรงเรียนและรอให้โรงเรียนเลิกก่อนจะเดินตามเธอไปเกือบสองซอยแต่ตั้งแต่ที่ชายตาเดียวโผล่ออกมาซึ่งถ้าใครแอบมาตามเธอแล้วไอ้โหดนั่นรู้ มันจะอัดเด็กอย่างพวกเขาทำให้ไม่มีใครกล้าตามเธออีกต่อไปแต่ จางเทีย ก็ยังทำแบบนี้ต่อ เขาไม่กล้าที่จะตามเธอแบบเดิม ดังนั้นเขาจึงต้องมาที่นี่เพื่อมาดักรอเธอหลังจากโรงเรียนเลิกทุกวัน แม้ว่าจะทำได้แค่มองก็เถอะ
หลังจากที่รอมานานกว่า 10 นาที ก็มีคนเดินผ่านมาจากอีกมุมโดยห่างจากสถานีไป 40 ม. ในตอนที่ จางเทีย เห็น มิสไดน่า เขาก็รู้สึกว่าเธอราวกับภาพวาดไม่ใช่คนจริงๆ ในตอนที่เขามองเธอนั้นราวกับโลกได้มีชีวิตชีวาขึ้นและทำให้เขาถึงกับกลั้นหายใจ
เธอเดินผ่านเขาไปถึงสถานีรถไฟ แม้ว่าขาของเธอจะอยู่ห่างเขาไปมากกว่า 20 ม.แต่เขาก็ยังพบว่ามันสวยทุกสัดส่วน จางเทีย รู้สึกว่า มิสไดน่า คงเป็นเทพธิดากลับมาเกิดแน่ๆ
ผมของเธอมีกลิ่นหอมเหมือนกับน้ำหอมที่อยู่บนตัวของเธอ เมื่อมองไปที่ผมของเธอ จางเทีย ได้คิดกับตัวเอง- “ ถ้าฉันไปจับมัน มันจะรู้สึกยังไงนะ ? “- วัยรุ่นคนนี้กำลังเพ้อฝันกับตัวเองอยู่...
ที่ลานตรงสถานี้มีผู้คนมากมายรอคอยให้รถมาและพูดคุยกันเสียงดังแต่เมื่อ มิสไดน่า มาถึง จางเทีย ก็ตระหนักได้ว่าคนพวกนี้ต่างก็เงียบลง แม้แต่ผู้ใหญ่สองคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ก็ต้องลุกขึ้นยืน มีคนแอบจัดผมตัวเองด้วย
จางเทีย หวังว่ารถจะไม่มา ถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะได้ชื่นชมเธอต่อไปแต่ใน 5 นาทีต่อมา รถรางก็ได้มาถึง รถรางแบบบนี้น่ะเล็กกว่าพวกรถไฟ มันช้ากว่า,ใช้พลังไอน้ำตัวเล็ก,และไม่ค่อยทนเท่าไหร่ รถแบบนี้มีเยอะในเมือง
ในตอนที่มันมาใกล้สถานี้ รถรางก็ค่อยๆช้าลงและได้พ่นไอน้ำออกมาจากหัวของมัน มีคนโผล่ออกมาจากตัวรถรางแล้วสั่นกระดิ่ง เขาเตือนทุกคนว่าให้เตรียมเงินให้พอกับค่าตั๋วด้วย ผู้โดยสารต่างก็เริ่มขึ้นไปหลังจากที่รถนั่นจอด
จางเทีย ยังไม่สามารถรวบรวมสติได้จนกระทั่ง มิสไดน่า ขึ้นรถไฟไปแล้ว เขาจึงค่อยๆเดินกลับบ้านต่อด้วยท่าทีสลด
...
เพราะเป็นวันหยุดพี่ชายของเขาเลยมักจะมาอยู่บ้าน วันศุกร์แต่ละครั้งนันครอบครัวของเขาจะมารวมตัวกันและทานมื้อเย็นด้วยกันและมื้อเย็นในวันนี้ก็เป็นของพิเศษด้วย แม่ของเขาได้ต้มซุปเนื้อถั่วกับเบคอนที่เหลือ ก่อนที่ จางเทีย จะเข้าไปในบ้านเขาก็ได้กลิ่นหอมๆของซุปเนื้อ ในตอนที่เขาเดินไปเจอควันที่ลอยออกมาจากหม้อเขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที เขาเดินไปเอาช้อนตักซุปนคั่นขึ้นมาก่อนจะเป่าสักพัก แม้ว่าซุปนี่จะยังร้อนอยู่แต่เขาก็กลืนมันไปอย่างรวดเร็วและรสชาติที่ได้ก็เหมือนความสุขที่กำลังไหลผ่านลำคอเขาไป
“ แมวขี้ขโมย ลูกกินได้ก่อนสักถ้วยนะถ้าลูกหิว ! “ – แม่ของเขาเดินเข้ามาจากร้านเบียร์ข้าวและเดินมาลูบหัว จางเทีย เหมือนที่เธอเคยทำมาตลอดสิบปี
จางเทีย กลืนน้ำลายพร้อมกับตอบกลับ – “ ไม่ ผมยังไม่หิวเท่าไหร่ รอพ่อกับพี่ก่อนดีกว่า ! “
“ กูกู ของเรานี่โตแล้วจริงๆ ! “ – แม่เขาพูดพร้อมกับมัดผมตัวเอง – “ พ่อทำโอที เขาเลยจะกลับมาช้าสักหน่อย ลูกไปดูที่ร้านให้หน่อยไป แม่จะทำอาหารอย่างอื่นต่อ ! “
“ ได้เลย ! “
ครึ่งชั่วโมงต่อมาพ่อของเขาก็กลับมาถึงบ้าน หลังจากที่ทักทาย จางเทีย แล้วพ่อของเขาก็เข้าไปช่วยแม่ในครัว 20 นาทีต่อมาในตอนที่เขากำลังจะไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวและคิดว่าพี่เขาจะไม่มา พี่เขาก็ได้มาถึง จางหยาง สูง 1.88 ม.และมีรูปร่างที่กำยำ ตาและคิ้วของเขายาวและดูแคบเหมือนกับ จางเทีย ซึ่งทำให้ดูเหมือนเป็นคนกระตือรือล้น เขาสวมชุดสีดำของกองทหารปกป้องของมือง เขาใส่เข็มขัดหนังสีเหลืองที่มีหัวเข็มขัดทองแดงและได้มีดาบยาวคาดอยู่ที่เอว ไหล่ของเขาก็มีเครื่องหมายบอกว่าเขาเป็นจ่า เพราะเมืองนี้มีหัวหน้าน้อย พี่ของเขาเลยถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพเหมือนกัน
ตั้งแต่ยังเด็ก จางเทีย มักมองพี่ตัวเองเป็นไอดอลมาเสมอ
จางหยาง เดินกลับมาพร้อมกับเป้ เขาเปิดเป้ออกและหยิบเอาของสองอย่างไปใส่ไว้ในมือ จางเทีย - “ เปิด มันน่าจะพอสำหรับข้าวเย็นนะ ! “
“ เนื้อกระป๋อง ! “ – เมื่อได้เนื้อกระป๋องมาตาของ จางเทีย เป็นประกายพร้อมกับน้ำลายที่เริ่มไหลออกมา ไม่คิดเลยว่าพี่เขาจะเอาของดีๆกลับมาด้วย
“ นั่งนี่แหละ แม่จะไปเปิดเอง .. “ – แม่ของเขาเอาเนื้อกระป๋องไปจากมือ จางเทีย ก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับ เธอเอาเนื้อกระป๋องหนึ่งไปเก็บและเปิดแค่กระป๋องเดียว เมื่อเห็นแบบนั้นชายทั้งสามคนที่โต๊ะก็เริ่มหัวเราะออกมา แม่เขานี่งกจริงๆแต่ทุกคนก็ชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว
“ พี่ ในกระเป๋ามีอะไรอีก ? “ – จางเทีย จ้องไปที่กระเป๋า ในสายตาของ จางเทีย แล้วพี่ชายเขาน่ะคือพ่อมดที่มักจะเสกหลายๆอย่างออกมาได้
“ ดู นี่ไง ! “ – จางหยาง โยนทั้งกระเป๋าไปใส่มือ จางเทีย อดไม่ได้ที่จะเปิดมันดูและตอนที่เปิดเขาก็พบกับรองเท้าหนัง อีกอย่างมันยังมีเสื้อคลุมสีเขียวและกางเกงในอีกสองตัว รองเท้าหนัง, เสื้อ, กางเกงใน, ผ้าเช็ดตัวและสบู่พวกนี้น่ะได้มาจากกองทัพ ของพวกนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างมากในตลาดมืดของเมือง พี่ชายของเขามักจะเก็บมันมาให้ จางเทีย เมื่อเห็นถุงเท้าอันใหม่และถุงเท้าที่ขาดซึ่งอยู่ตรงเท้าของพี่ชายตัวเอง จางเทีย ก็รู้สึกอยากร้องไห้ออกมา
“ ฉันเก็บมันมาให้นาย ไซต์น่าจะพอดีกับนายนะ แม่บอกว่านายโตแล้วนิ งั้นก็อย่างร้องไห้ ! “ – ในตอนที่เขาพูด เขาก็ได้เกามือตัวเอพร้อมกับเอามืออีกข้างลูบหัว จางเทีย
เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้าย จางเทีย ก็รู้สึกอายขึ้นมา เขาหงุดหงิดขันมาทันที ในเวลาเดียวกันพี่ชายเขาก็รู้สึกขำและไปกระซิบบางอย่างกับพ่อ พ่อของเขาเองก็หัวเราะออกมาโดยไม่สนว่าเขาจะอายเท่าไหร่
“ แม่ ! “ – จางเทีย ร้องออกมาแบบไม่พอใจเท่าไหร่
“ เอาล่ะๆ กินข้าวได้แล้ว แม่รับปากว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดอีก ~~~~~ ! “ – แม่เทเนื้อกระป๋องลงในจานแล้วเดินกลับมา
ทั้งครอบครัวเริ่มกินข้าวกันอย่างมีความสุข...
“ อย่างไปเล่นด้านนอกในเวลาแบบนี้ ! “ – จางหยาง บอกกับ จางเทีย -“ เมืองนี้เริ่มไม่ค่อยสงบสุขแล้ว ! “
“ เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ ? “ – พ่อของเขากังวลเล็กน้อย แม่เองก็ตกใจ มีแค่ จางเทีย เท่านั้นที่กินเนื้ออยู่แบบไม่สนใจอะไร – “ มีข่าวอะไรมั้ย ? “ – พ่อของเขาถาม
“ ไม่กี่วันก่อน ซาร่า อันดับสองของกลุ่มโจรผ้าพันคอแดงได้ถูกจับในเมืองอันดามัน เมื่อวานรัฐได้โหวตว่าให้แขวนคอ ซาร่า กลุ่มโจรผ้าพันคอแดงเลยปล่อยข่าวว่าจะแก้แค้น ! “
“ นี่...มันจะส่งผลต่อเมืองแบล็คฮ็อตด้วยมั้ย ? “ – พ่อของเขาถามอย่างสงสัย
“ ในตอนที่โหวตว่าให้แขวนคอเธอน่ะมี 11 ใน 17 เมืองเห็นด้วยรวมถึงเมืองเราด้วย ไม่มีใครรู้ว่าผลการโหวตหลุดรั่วไปได้ยังไงแต่โจรผ้าแดงน่ะได้เล็งสมาชิก 11 คนที่โหวตเห็นด้วยเพื่อแก้แค้นคืน เมืองแบล็คคฮ็อตนั้นอยู่ด้านเหนือสุดและที่นี่มีเมืองแข็งแกร่งไม่เท่าไหร่ล้อมรอบด้วย ดังนั้นแล้วมันน่าจะเป็นเป้าหมายที่โจมตีได้ง่ายที่สุดของกลุ่มโจรนั้น ! “ – จางหยาง อธิบายอย่างใจเย็น
“ ใช่พวกพันธมิตรรึเปล่า ? ทำไมผลโหวตถึงได้รั่วออกมาได้ ? มันต้องมีสายลับในพันธมิตรแน่นอน สำหรับนักฆ่าอย่างโจรผ้าแดงนั้นจะมีบางคนที่ยอมทำงานให้เพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด... “ – พ่อของเขาด่าออกมา – “ ผมไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันจะมีสายรึเปล่าแต่วันหยุดของทหารน่ะได้ถูกยกเลิกเป็นเวลาสองเดดือน ดังนั้นแล้วผมคงไม่ได้กลับบ้านอีก 2 เดือน ! “ – พี่ชายเขาพูดขึ้นพร้อมกับยืดมือออกมา
“ ลูก มันอันตรายรึเปล่า ? “ – แม่ถามอย่างกังวล
“ แม่ เชื่อใจผมได้น่า โจรผ้าแดงน่ะไม่แข็งแกร่งพอที่จะโจมตีเมืองเราได้ ทหารและกองกำลังป้องกันของเมืองน่ะแข็งแกร่งพอ พวกนั้นน่าจะทำการลอบโจมตีแทน เราน่ะไม่ค่อยรู้สึกเครียดเท่าไหร่แต่แม่น่าจะระวังตัวเองไว้ด้วย ! “
จางเทีย อ้าปากเหมือนอยากบอกทุกอย่างเกี่ยวกับ Castle of Black Iron แต่เขาก็รู้ว่าถ้าเขาบอกความลับไป มันอาจจะเกิดภัยพิบัติที่ไม่คาดฝันกับครอบครัวของเขาก็ได้เพราะยังไงครอบครัวเขาก็เป็นได้แค่คนธรรมดาของเมือง จางเทีย ได้ยินเรื่องคล้ายๆกันมาหลายครัง เขาจำได้ว่าคนธรรมดาในเรื่องมักจะตายอย่างน่าสงสาร ดังนั้นแล้วเขาจึงตัดสินใจเก็บความลับเอาไว้จะเป็นการดีที่สุด
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ พี่เขาก็ได้กลับไป พ่อเขาเองก็ไปเล่นหมากรุกกับเพื่อนบ้านซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นงานอดิเรกที่พ่อเขาชอบทำ แม่ของเขานั้นไปที่โบสถ์ ก่อนที่เธอจะไปเธอได้ปิดประตูบ้านเอาไว้ทิ้ง จางเทีย อยู่บ้านเพียงคนเดียว หลังจากเก็บของและล้างจานเสร็จ จางเทีย ได้กลับไปที่ห้องตัวเอง ตอนนี้ถือเป็นเวลาที่เหมาะที่เขาจะศึกษาความลับของ Castle of Black Iron...