px

เรื่อง : การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi )
ตอนที่ 19: แม่ของทั้งสาม


หมายเหตุ:ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปผมขอเปลี่ยนใช้คำแทนตัวในบทบรรยายที่เกี่ยวข้องกับพระเอกว่า ‘ฉันหรือผม’ ตามต้นฉบับนะครับ พอดีตอนแรกคิดว่าใช้ ‘เขา’ หรือ ‘ชื่อตัวละคร’ จะดูสมกับเป็นบทบรรยายมากกว่า แต่พอมาปรับตลอดมันค่อนข้างใช้เวลา ผมเลยขอกลับมาอิงตามต้นฉบับดีกว่าครับ

*********************************************************************************

ตั้งแต่เรื่องวุ่นวายในครานั้นเวลาก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว ด้วยความที่มีเรื่องวุ่นๆมากมาย, จึงแทบไม่มีความเคลื่อนไหวในสงครามผู้สืบทอดที่สังเกตเห็นได้ชัดเลย

 

ในช่วงเวลานี้เอง, ฉันกับลีโอก็กำลังเดินทางไปเยี่ยมสถานที่แห่งนึง

 

สถานที่แห่งนี้ถูกเรียกว่าตำหนักใน

 

มันคือสถานที่ที่เหล่าสนมของจักรพรรดิใช้ชีวิตอยู่

 

มันตั้งอยู่ข้างหลังปราสาทดาบหลวง, ปราสาทสำหรับผู้หญิงที่ซึ่งมีแค่จักรพรรดิและผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่มีสิทธิเข้ามาได้

 

เหตุผลที่พวกเรามาสถานที่แบบนี้มีอยู่แค่เรื่องเดียว

 

นั่นก็คือมาเจอแม่ของพวกเรา

 

นี่เราไม่ได้เจอแม่มานานขนาดไหนแล้วนะ บางทีน่าจะซักสามเดือนได้ เอาเถอะ, นั่นคงจะมีแค่เราหล่ะมั้ง

 

ดูเหมือนว่าลีโอจะมาเยี่ยมเธอทุกครั้งที่เขามีเวลาว่าง เขาช่างเป็นลูกชายที่กตัญญูจริงๆ

 

“ท่านแม่, อัลกับลีโอมาเยี่ยมครับ”

 

“เข้ามาๆ, แม่อบขนมเอาไว้ด้วย มากินสิ”

 

คนๆเดียวที่สามารถพูดคุยกับลูกชายได้อย่างตรงไปตรงมาแม้ว่าจะไม่ได้เจอกันมาตั้งนานบางทีคงจะมีแค่แม่ของฉัน

 

เธอมีชื่อว่ามิทสึบะ เธอมีผมสีดำยาวและดวงตาสีดำ เธอดูสาวและสวยมากจนคนอื่นคงคิดไม่ถึงว่าเธอมีลูกชายสองคนที่โตเต็มที่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องหลีกเลี่ยงหัวข้อนี้ในตอนที่อยู่กับเธอ

 

เธอเป็นนักเต้นจากตะวันออก, เธอคือตำนานที่พ่อคนนั้นตกหลุมรักในความงามและขอหมั้นในสถานที่ที่ได้เจอกันเลย เรื่องราวของพวกเขายังคงโด่งดังในเมืองหลวงของจักรวรรดิจนถึงทุกวันนี้

 

เอาเถอะ, ที่เป็นตำนานนั้นมันก็มาจากการที่พระราชาขอหมั้นเธออย่างรวดเร็ว แต่ว่าการอบรมลูกๆไม่เคยออกมาจากปากของเธอเลยมันจะไม่เป็นอะไรหรอ? เธอค่อนข้างแปลกในแง่นี้แต่ก็เอาเถอะ, มันก็ฟังดูสมกับเป็นแม่ของเราดี

 

อันที่จริง, แม่คนนี้ไม่เคยพูดเรื่องการอบรมกับจักรพรรดิด้วยซ้ำ

 

และต้องขอบคุณเรื่องนี้, คนอย่างฉันถึงถูกสร้างขึ้นมา, แต่เนื่องจากลีโอโตมาเป็นคนที่น่านับถือก็ดูเหมือนว่าจะไปได้ด้วยดีหล่ะนะ

 

พวกเราเข้ามานั่งที่โต๊ะที่จัดเตรียมเอาไว้แล้วยื่นมือหยิบขนม จากนั้น

 

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ, อัล”

 

“ครับ, นานจริงๆ ท่านแม่”

 

“มันเป็นเพราะเจ้าเอาแต่เที่ยวเล่นจนลืมแม่ใช่ไหมหล่ะ? หรือว่าเจ้าจะเจอคนที่ตัวเองรักแล้ว?”

 

“แบบแรกครับ”

 

“เห้อ, ช่างเป็นคำตอบที่น่าเบื่อจริงๆ รู้ไหมพวกเจ้าทั้งสองคนรู้จักกับผู้หญิงน้อยเกินไปแล้ว ช่วยแบ่งปันเรื่องราวน่ารักใสๆให้แม่ของพวกเจ้าฟังซักครั้งเถอะ”

 

บางครั้งก็คิดนะว่าคนๆนี้คงลืมไปแล้วว่าลูกชายของเธอเป็นเจ้าชาย

 

พักเรื่องของฉันเอาไว้ก่อน, มันคงจะเป็นข่าวใหญ่ถ้าลีโอมีคนรัก ถึงยังไงก็คงต้องมีคนสืบแน่ๆว่าใครเป็นคู่ของเขาหรือเธอคนนั้นมาจากตระกูลที่ดีรึเปล่า

 

ก็นะ, พวกเราถูกเลี้ยงดูในฐานะเด็กธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้น พวกเราถูกสอนเรื่องมารยาทพื้นฐานมาบ้างนิดหน่อยแต่นั่นคือทั้งหมดแล้ว

 

นโยบายการอบรมของเธอคือการปล่อยให้ลูกๆได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ด้วยความที่แม่ของพวกเราเป็นแบบนี้, ดังนั้นต่อให้ฉันเจอคาบเรียนที่น่าเบื่อแล้วแอบโดด, เธอก็ไม่เคยโกรธพวกเราเลย อย่างไรก็ตาม, เธอมักจะบอกพวกเราว่าถ้าคิดว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับอนาคตก็จงตั้งใจศึกษาเรื่องนั้น

 

พอตอนนี้มาคิดดูแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลย นี่เธอคิดว่าการอบรมเจ้าชายคืออะไรกัน?

 

ในส่วนของผลลัพธ์จากความเป็นอิสระของพวกเราก็คือ, คนโตกลายเป็นคนที่ไม่เก่งอะไรเลยในขณะที่คนน้องโตมาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม คงพูดได้ว่าวิธีการของเธอนั้นสามารถดึงเอาตัวตนของพวกเราออกมาได้อย่างสมบูรณ์

 

“แล้วทำไมครั้งนี้พวกเจ้าทั้งสองคนถึงมาด้วยกันหล่ะ?”

 

“ท่านแม่ ครั้งนี้, ข้าถูกแต่งตั้งให้เป็นทูตที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จแล้วท่านพี่ก็ถูกแต่งตั้งให้อยู่ข้างกายข้าครับ พวกเราคงต้องออกจากจักรวรรดิในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นพวกเราก็เลยอยากจะมาบอกให้ท่านรู้เอาไว้ก่อน”

 

“อะไรกัน? เป็นแบบนั้นหรอกหรอ? ถ้างั้น, ข้าขอของฝากเป็นของกินได้ไหม? เพราะถ้าพวกเจ้าเอาเครื่องประดับมาให้ข้าคงจะมีปัญหาเอาได้”

 

“เห้ออ.....”

 

แม้ว่าเธอจะมีนิสัยแบบนี้, แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักในได้เป็นอย่างดี

 

ตอนนี้, ตำหนักในเองก็อยู่ในระหว่างการแย่งชิงอำนาจ เห็นได้ชัดเลยว่า, แม่ของคนที่อยากให้ลูกได้เป็นจักรพรรดินั้นกำลังวางแผนการบางอย่างอยู่ แต่เนื่องจากสายตาของจักรพรรดินีและจักรพรรดินั้นจับจ้องมาที่ตำหนักใน, พวกเธอจึงเคลื่อนไหวอะไรมากไม่ค่อยได้แต่ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสถานที่แห่งนี้ก็จำเป็นต้องระวังตัวให้ดีเหมือนกัน

 

“ท่านแม่, ไม่กังวลหรอครับ?”

 

“เจ้าอยากให้ข้ากังวลหรอ? เจ้านี่เด็กจังเลยนะ, ลีโอ ข้าไม่คิดจะบอกลูกชายอายุสิบแปดปีของข้าหรอกนะว่าต้องทำอะไรบ้าง แต่ถ้าองค์จักรพรรดิมอบหมายงานให้เจ้าทำ, ข้าก็คิดว่าเขาคงจะประเมินแล้วว่าเจ้ามีความสามารถพอที่จะทำเรื่องนั้นได้”

 

“เข้าใจแล้วครับ.... ถ้างั้นข้าก็จะทำงานของข้าด้วยความมั่นใจ”

 

“ในเมื่อท่านพ่อมอบหมายงานให้ข้าทำข้าก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถครับ”

 

“เอาที่เจ้าสบายใจเถอะ ถึงยังไงต่อให้ล้มเหลวเจ้าก็ไม่ถูกฆ่าหรอก”

 

แม่พูด, ในขณะที่จิบชา

 

ถ้าเป็นคนอื่นคงจะบอกกับพวกเราว่าห้ามล้มเหลวเด็ดขาดหรือไม่ก็นี่คือโอกาสที่จะทำให้เป็นที่ชื่นชอบขององค์จักรพรรดิอย่างแน่นอน

 

ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้, เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตู

 

ในตอนที่แม่ตอบรับ, คริสต้าก็โผล่มาอย่างคาดไม่ถึง

 

“อ้าว, คริสต้า เชิญจ้ะ”

 

“ท่านแม่คะ!”

 

ด้วยใบหน้าที่สดใสหาดูได้ยาก, คริสต้าก็วิ่งมาหาแม่แล้วขึ้นไปนั่งบนตักของเธอ

 

คริสต้าจัดตำแหน่งของเธอบนตักแม่แล้วจ้องของหวานที่อยู่บนโต๊ะ

 

ดูเหมือนเธอจะเข้าใจว่าของหวานพวกนี้ถูกเตรียมเอาไว้ให้พวกเรา

 

“ถ้าเจ้าอยากกินก็หยิบได้เลย ปกติอัลกับลีโอก็กินกันไม่เยอะอยู่แล้ว”

 

“ได้ใช่ไหมคะ? ท่านพี่อัล, ท่านพี่ลีโอ”

 

“อืม, กินเถอะ กินได้ตามที่เจ้าต้องการเลย”

 

“ข้าเองก็กินไปบ้างแล้วเพราะฉะนั้นพวกเรามากินด้วยกันเถอะนะ, คริสต้า”

 

“ค่ะ!”

 

การได้เห็นคริสต้าหยิบของหวานพวกนี้ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้จริงๆ

 

มันดูเหมือนกับว่าพวกเธอเป็นแม่ลูกกันจริงๆ

 

แม่ของคริสต้าจากไปตั้งแต่ตอนที่คริสต้ายังเด็ก ในตอนนั้นคนที่บอกว่าจะดูแลคริสต้าก็คือแม่ของฉัน

 

ตั้งแต่นั้นมา, คริสต้าก็นับถือแม่ของพวกเราเหมือนกับเป็นแม่แท้ๆของเธอ พอเห็นพวกเธอเป็นแบบนี้, มันก็ชวนให้คิดถึงจริงๆ

 

“จะว่าไป, เอลน่ามาหาเมื่อวันก่อน เธอมาขอโทษข้าเกี่ยวกับเรื่องอัล, นี่เจ้าไปทำอะไรหรอ?”

 

“ช่างมันเถอะครับ, เธอทำอะไรนั้นมันไม่สำคัญหรอก แต่ต้องขอบคุณเรื่องนั้น, ตอนนี้ข้าเลยอยู่ในตำแหน่งที่เป็นปัญหา”

 

“ท่านพี่นั่นแหล่ะที่เป็นตัวปัญหา—!”

 

คริสต้าใช้แขนของตุ๊กตากระต่ายของเธอชี้มาที่ฉัน

 

เห็นได้ชัดเลยว่า, ฉันกำลังถูกตุ๊กตาตำหนิ ในตอนที่ฉันขมวดคิ้วใส่เธอ, ทุกคนก็หัวเราะ

 

ช่วงเวลาอันแสนสงบสุขผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ในตอนที่คิดว่าใกล้จะได้เวลากลับนั้นเอง, แม่ก็ถามคำถามนึงขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

“อ้ะ, นั่นสินะ ข้าลืมถามเรื่องนี้เลย”

 

“เรื่องอะไรครับ?”

 

“พวกเจ้าคนไหนที่จะรับเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินเป็นเจ้าหญิงหรอ?”

 

“พรื่ดดด!!”

 

ลีโอกับฉันพ่นชาออกมาพร้อมกัน

 

พวกเรากำลังสำลักชาในขณะที่กำลังใช้ผ้าที่คริสต้ายื่นให้เช็ดปากอยู่

 

จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้เนี่ย, ยัยแม่คนนี้

 

“ท่านแม่, พวกเราไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบนั้นกับท่านฟีเน่หรอกครับ......”

 

“แต่มันผิดปกติไม่ใช่หรอที่พวกเจ้าทั้งคู่มีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตแบบนี้? นี่แสดงว่า, เป็นของลีโอใช่ไหม?”

 

“ก็นะครับ, ผู้คนเขาพูดกันว่าพวกเขาดูเข้ากันดีมากเลย”

 

โยนเรื่องนี้ให้ลีโอดีกว่า

 

สีหน้าของลีโอเหมือนกำลังบอกว่า [ท่านพี่ทรยศข้าหรอ!?] หรือบ่นอะไรประมาณนี้แต่ช่วยรับเรื่องที่เป็นปัญหาแบบนี้ไปแทนฉันทีเถอะ

 

ในตอนที่ฉันคิดว่ามันได้เวลาขอตัวกลับแล้ว, การลอบโจมตีก็มาจากทิศทางที่คาดไม่ถึง

 

“ท่านแม่คะ ฟีเน่เป็นเพื่อนของท่านพี่อัลค่ะ”

 

“แหม! เป็นแบบนี้เองหรอกหรอ?”

 

“ใช่ค่ะ ฟีเน่สวยมากและเธอก็ดูเหมาะสมกับท่านพี่อัลมากเลยค่ะ”

 

“โถ่ โถ่”

 

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ.....”

 

ดูเหมือนว่าฉันจะไม่สามารถดูถูกเธอได้เหมือนกันสินะ, ไม่อย่างนั้นแม่ของเราคงไม่มองมาที่เราด้วยสายตาน่าอึดอัดแบบนี้

 

นี่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังได้ยังไง, ยัยน้องสาวคนนี้นี่ ฟีเน่ดูเหมาะกับข้าหรอ? ถ้าเจ้ากระจายเรื่องนี้ไปในเมืองหลวงเจ้าได้ถูกหัวเราะเยาะแน่

 

“พวกเราก็แค่อยู่ด้วยกันบ่อยขึ้นเพราะเรื่องเกี่ยวกับดยุคไคลเนลต์ครับ มันไม่มีอะไรระหว่างพวกเราหรอก”

 

“แต่เธอเป็นคนที่สวยที่สุดในจักรวรรดิเลยนะ ใช่ไหม, คริสต้า?”

 

“ค่ะ......แต่ข้าว่าท่านแม่สวยกว่า!”

 

“ขอบใจนะจ้ะ, คริสต้า ข้าเองก็คิดว่าเจ้าน่ารักที่สุดเลย”

 

พอเห็นทั้งสองคนกำลังกอดกันด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง, ฉันก็ถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้น

 

เขาโค้งทำความเคารพแล้วเตรียมตัวกลับ

 

“ท่านพี่จะกลับแล้วหรอครับ?”

 

“ก็อยู่มาพักนึงแล้วนี่นะ วันนี้ข้าต้องไปพบคนๆนึงด้วย เจ้าอยู่ที่นี่ต่ออีกหน่อยก็ได้”

 

“ท่านพี่อัล, ไว้เจอกันนะคะ”

 

“อา, ไว้เจอกันนะ ท่านแม่ด้วย”

 

“โอเค, ดูแลตัวเองดีๆนะ เจ้าหน่ะชอบฝืนตัวเองอยู่ตลอด”

 

“ท่านแม่ก็รู้นี่ว่าในชีวิตของข้าข้าไม่เคยทำเรื่องฝืนตัวเองเลยซักวันเดียว ถึงยังไงข้าก็ใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว”

 

“งั้นหรอกหรอ? ก็ได้, จะเอาแบบนั้นก็ได้ พยายามเข้าแล้วกันนะ”

 

พอแยกมาจากท่านแม่แล้ว, ฉันก็ออกจากตำหนักในด้วยแรงจูงใจใหม่

 

ฉันยังต้องคิดเกี่ยวกับสิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้

 

ฉันต้องปกป้องที่แห่งนี้เอาไว้

 

ฉันไม่สามารถพักได้

 

“เซบาส”

 

“ครับ”

 

“ตามหาจุดอ่อนของขุนนางที่อยู่ฝ่ายเป็นกลางให้หน่อย ข้าต้องทำสิ่งที่ทำได้ในขณะที่ยังได้อยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ”

 

“เข้าใจแล้วครับ”

 

ด้วยประการฉะนี้เอง, ฉันจะทำการเคลื่อนไหวแบบลับๆต่อ

 

รีวิวผู้อ่าน