px

เรื่อง : การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi )
ตอนที่ 24: คำขอคุ้มกัน


 

“เหวออ!?”

 

ในตอนที่รับหมอนที่เธอปาใส่มาเต็มแรง, ฉันก็ล้มกลิ้งจนหัวไปกระแทกกับกำแพง

 

“โอ๊ย!? หัวข้า!?”

 

ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วทั้งหน้าและหลังศรีษะของฉัน

 

ฉันนอนกลิ้งเกลือกกับพื้นในขณะที่ครุ่นคิดว่าทำไมถึงต้องมาโดนแบบนี้ด้วย

 

ในขณะเดียวกัน, เอลน่าก็ปิดประตูใส่

 

และในเวลาเดียวกันนั้นเอง, แอนนากับเซบาสก็มาถึงพร้อมกับน้ำชาและขนมในมือ

 

“เกิดอะไรขึ้น? อัล? นึกถึงอดีตที่น่าอับอายขึ้นมาได้หรอ?”

 

“ไม่ใช่ซักหน่อย! เอลน่ากับฟีเน่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ข้างในห้องพวกเธอก็เลยโจมตีข้า!”

 

คนร้ายตัวจริงที่ทำให้เป็นแบบนี้คือคุณแอนนาแท้ๆ, แต่เธอก็ยังทำเป็นใสซื่ออีก

 

คนๆนี้นี่จริงๆเลย......!

 

นี่เธอวางแผนจะทำอะไรกันแน่

 

“ข้าก็บอกแล้วนะว่าพวกเธอกำลังอาบน้ำอยู่.....เอาเถอะ, ช่างมันแล้วกัน จะว่าไป, เอลน่าเป็นยังไงบ้างหล่ะ? หลงสเน่ห์เธอเลยใช่ไหม?”

 

“มันไม่ได้ใกล้เคียงกับประสบการณ์ที่มีความสุขเลยครับ, ก่อนที่ข้าจะลงสเน่ห์ข้าน่าจะถูกฆ่าตายซะก่อน.....”

 

ทำไมเธอถึงพูดแค่ ‘เอาเถอะ, ช่างมันแล้วกัน’ และตัดประโยคทิ้งไปทั้งแบบนั้นหล่ะ? นี่เธอโง่รึเปล่า

 

ถ้ามันไม่ใช่หมอนฉันอาจจะตายไปแล้วก็ได้นะรู้รึเปล่า

 

ฉันยังเจ็บที่หน้าอยู่เลย แม้ว่าจะเป็นแค่หมอนนุ่มๆก็ยังสร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้ ถ้าเกิดมันเป็นอะไรที่แข็งกว่านี้หล่ะ?

 

ในขณะที่ฉันกำลังส่ายหน้าให้กับความคิดนั้น, ประตูก็เปิดออกอย่างรุนแรง

 

แน่นอนว่าคนที่ออกมาต้อนรับก็คือเอลน่า

 

“อัล? คิดถูกแล้วหล่ะที่ไม่หนีไป ข้าขอชมเลย และเห็นแก่เรื่องนี้ข้าจะให้โอกาสเจ้าอธิบาย เอาหล่ะ, อธิบายมาซะไอ้โรคจิตจอมถ้ำมอง”

 

“เห้ย, เห้ย! นี่ไม่ใช่ชั่วโมงฝึกดาบนะ!? ใจเย็นหน่อยสิ! มันเป็นฝีมือของคุณแอนนาต่างหากหล่ะ—!”

 

“อย่ามาโทษแม่ข้านะ! มันเป็นความผิดของเจ้านั่นแหล่ะที่ไม่ยอมเคาะประตู!”

 

“เจ้าเองก็ไม่เคยเคาะประตูในตอนที่เข้ามาในห้องของข้าเหมือนกันไม่ใช่รึไง!?”

 

“ถ้าข้าเป็นคนทำถือว่าไม่เป็นไร!”

 

“ไอ้คำตอบไร้เหตุผลนั่นมันอะไรกัน!?”

 

เอลน่าเหวี่ยงดาบของเธอลงมาแล้วฉันก็เริ่มกลิ้งหลบมัน

 

ตามที่ฉันคิดเอาไว้, เธอไม่ได้เอาจริงแต่ถึงแม้ว่าเอลน่าจะใช้ดาบสำหรับฝึกที่ไม่มีคม, มันก็ยังสร้างภัยคุกคามได้มากพอ ฉันคิดว่าฉันคงไม่ตายหรอกถ้าฉันโดนดาบนี้เข้าแต่มันก็ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้บอกลาความทรงจำของฉัน

 

“เอลน่า ทำแบบนี้ไม่น่าดูเลยนะ”

 

“ตะ, แต่ท่านแม่! ก็อัลหน่ะ—!”

 

“แค่เห็นชุดชั้นในของเจ้าเองไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่โตอะไรไม่ใช่หรอ, ตอนเด็กๆก็เคยอาบน้ำด้วยกันนี่?”

 

“นะ, นั่นมันนานมาแล้วนะคะ! ตอนนี้พวกเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว!”

 

“ถ้าเจ้าเป็นผู้ใหญ่แล้วจริงๆก็หัดควบคุมอารมณ์หน่อยสิ”

 

ถึงอย่างนั้น, เอลน่าก็ยังคงจ้องมาที่ฉันตาเขม็ง

 

ทำไมต้องเป็นฉันหล่ะ.......

 

คำพูดที่ไร้เหตุผลผุดขึ้นมาในหัวของฉันได้ซักพักนึงแล้ว ใช่ นี่มันเหมือนกับตอนที่พวกเรายังเด็กเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันอยู่กับเอลน่าคำที่ไร้เหตุผลมักจะเข้ามาในหัวของฉันเสมอ

 

“เอาเป็นว่าตอนนี้, สนใจรับชาไหม”

 

พอพูดจบ, แอนนาก็เข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้ม

 

เอลน่าตามเธอเข้าไปแล้วปิดประตูดังปั้ง ยัยคนนี้นี่.....

 

คนที่ถูกทิ้งเอาไว้นั้นมีแค่ฉันกับเซบาส

 

“คงเจอภัยพิบัติมาสินะครับ”

 

“นี่, เซบาส....”

 

“อะไรกัน? โถ่, ข้าขอบอกเอาไว้ก่อนเลยว่า, ข้าไม่รู้เรื่องนี้ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพวกนั้นกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง ข้าแค่คิดว่ากำลังทำอะไรซักอย่างอยู่เท่านั้นเอง”

 

ถ้ารู้ว่าเธอกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ก็บอกข้าหน่อยสิ, ฉันกล้ำกลืนเสียงที่กรีดร้องจากใจของฉัน

 

ตอนสมัยเด็กเองก็เหมือนกัน เซบาสไม่เคยพูดหรือทำอะไรเว้นเสียแต่ว่าจะมีอันตรายจริงๆ

 

“ข้าหล่ะรู้สึกประหลาดใจจริงๆ....พอมาคิดว่าตัวเองโตขึ้นมาเป็นคนซื่อตรงขนาดนี้”

 

“ซื่อตรงหรอครับ? ช่างเป็นคำกล่าวอ้างที่ดูน่าสนใจดีนะครับ”

 

“แน่จริงก็พูดอีกสิ”

 

ฉันเข้ามาในห้องในขณะที่เขม่นใส่เซบาสเบาๆ

 

ครั้งนี้ฉันไม่ได้ลืมเคาะประตู

 

....

 

“ขอโทษด้วยนะอัล ข้าไม่คิดว่าพวกเธอกำลังลองเสื้ออยู่ในห้องนี้”

 

“ไม่เป็นไรครับ, ขอเถอะ, จบเรื่องนี้เอาไว้แค่นี้เถอะครับ......”

 

“ข้าเองก็ขอโทษด้วยค่ะ....มันเป็นเพราะข้าทำเรื่องไม่จำเป็นแท้ๆ”

 

“มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าฟีเน่ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของอัล

 

ฟีเน่ที่รู้สึกผิดกับเอลน่าที่สำคัญตัวเองมากเกินไป แค่นี้ก็แสดงให้เห็นนิสัยของพวกเธอแล้ว

 

สรุปเรื่องราวเลยก็คือ

 

เพราะมีเสื้อผ้าสำหรับแขกอยู่เยอะ,  เอลน่ากับฟีเน่ก็เลยแวะมาเลือกก่อนที่จะไปอาบน้ำ และด้วยเหตุผลบางอย่าง, พวกเธอก็เริ่มจัดแฟร์ชันโชว์ขึ้นแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ

 

แน่นอนว่า, คุณแอนน่าที่คิดว่าพวกเธอเข้าไปในห้องน้ำแล้วก็บอกให้ฉันตรงมาที่ห้องนี้

 

และด้วยประการฉะนี้เอง, โศกนาฎกรรมก็เกิดขึ้น

 

เอาเถอะ, มันไม่มีอะไรที่ดูน่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าเรื่องราวมันเหมือนแต่งขึ้นมา ทำไมเธอถึงเจาะจงชี้ให้ฉันมาที่ห้องนี้หล่ะ? ฉันอดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังเล็งให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น อย่างไรก็ตาม, จะถามจี้ต่อมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันน่าจะไม่สามารถเอาชนะคุณแอนนาได้ด้วยการพูดคุย

 

“ช่างมันเถอะนะ, ในเมื่อข้าชดใช้กรรมไปแล้วก็ถือว่าเราดีกันแล้วนะ, เอลน่า”

 

“นี่เจ้าคิดว่าโดนแค่นี้แล้วข้าจะยอมยกโทษให้ง่ายๆหรอ!? เจ้าแอบดูผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานสองคนเลยนะรู้รึเปล่า!? ยิ่งไปกว่านั้น, พวกเรายังเป็นลูกสาวของบ้านผู้กล้าหาญกับบ้านดยุคอีก!”

 

“แสดงว่าเจ้าอยากให้เขารับผิดชอบสินะ? เอาสิ, ข้าไม่ขัดข้องอยู่แล้ว”

 

“ห้ะ!?”

 

“เอ๋!!??”

 

“หา......”

 

เอลน่าหันใบหน้าที่แดงก่ำของเธอไปหาแอนนาที่พึ่งจะทิ้งระเบิดกลางวงสนทนาอย่างเงียบๆในขณะที่ฟีเน่ไม่ได้ทันตั้งตัวเลยซักนิดและไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีด้วย

 

เอาจริงดิ, คนๆนี้.......

 

“ถ้าเป็นอัลหล่ะก็คนๆนั้นก็คงจะไม่คัดค้านเหมือนกันใช่ไหมหล่ะ? เจ้าจะเอายังไงหล่ะ?”

 

 

“จะ, จะเอายังไงหรอคะ?....คะ, คือว่า....ข้า, ข้าเป็นอัศวินเพราะฉะนั้นเรื่องแบบนั้นมัน.......”

 

“ถ้าไม่ว่ายังไงเจ้าก็ยกโทษให้เขาเรื่องที่มาเห็นชุดชั้นในของเจ้าไม่ได้, แน่นอนว่ามันก็ต้องแก้แบบนี้ไม่ใช่หรอ? แต่ปัญหาก็คงจะเป็นการที่ต้องเจรจากับดยุคไคลเนลต์นี่แหล่ะ อัล, ช่วงนี้เจ้านี่เนื้อหอมจริงๆนะ”

 

“นั่นสิ, พวกเราต้องติดต่อบ้านของคุณฟีเน่เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย”

 

“เอ๋!!!?, ติดต่อท่านพ่อหรอคะ!? แบบนั้นมัน......”

 

“ช่วยอย่าตัดสินใจเรื่องชีวิตของข้าอย่างสนุกปากแบบนี้ได้ไหมครับ ข้าขอโทษด้วยแต่ข้ายังไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน”

 

“นี่เจ้าจะไม่รับผิดชอบหรอ?”

 

“ไม่ครับ”

 

“อุ๊ย, น่าเสียดายจัง”

 

หลังจากที่เธอพูดแบบนี้ออกมา, คุณแอนนาก็หยิบขนมเข้าปาก

 

ณ จุดนี้, เอลน่าคงรู้สึกตัวแล้วว่าเธอโดนแกล้งมาโดยตลอด, ดังนั้นเธอจึงหันใบหน้าที่แดงก่ำของเธอหนีจากฉัน

 

ฟีเน่เองก็น่าจะรู้สึกตัวเหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่นเพราะใบหน้าของเธอแดงแจ๋แล้ว

 

“เอาหล่ะ, อัล น่าจะถึงเวลาที่เจ้าจะเข้าประเด็นหลักแล้วไม่ใช่หรอ? เจ้าคงไม่ได้มาที่นี่แค่เพื่อคุยเล่นกันเฉยๆถูกไหม?”

 

สมกับที่เป็นคุณนายแห่งบ้านแอมส์เบิร์ก เธอดูออกสินะ

 

ฉันหันไปเผชิญหน้ากับคุณแอนนา

 

“นี่อาจจะเป็นคำขอที่น่าอายแต่ข้าขอฝากฟีเน่เอาไว้ที่นี่ให้ท่านดูแลซักพักนึงได้ไหมครับ? แล้วก็, ข้าอยากให้เธออยู่ด้วยกันกับเอลน่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”

 

“มันเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดใช่ไหม? ถ้างั้นก็เป็นไปไม่ได้หรอก พวกเราบ้านผู้กล้าหาญจะไม่เอาตัวเองเข้าไปข้องเกี่ยวกับสงครามผู้สืบทอด”

 

ก็คงจะเป็นแบบนั้นหล่ะนะ

 

ฉันรู้ว่าเธอจะให้คำตอบที่ชัดเจนแบบนี้

 

การให้ฟีเน่อยู่ที่นี่สักสองสามวันมันก็อีกเรื่องนึงแต่ถ้าฉันทิ้งให้เธออยู่ที่นี่นานระดับนึงมันก็คงไม่แปลกอะไรถ้าผู้คนจะเริ่มคิดว่าบ้านผู้กล้าหาญกำลังสนับสนุนขุมอำนาจของเรา

 

พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นได้

 

อย่างไรก็ตาม

 

“เจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินเป็นคนโปรดของจักรพรรดิ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ, ฝ่าบาทคงไม่พอใจแน่ๆ ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไรนะครับที่บ้านผู้กล้าหาญจะปกป้องคนระดับนี้”

 

“อุ๊ยตาย? นี่เจ้าคิดจะมาไม้นี้หรอ?”

 

“ถ้าไม่พูดแบบนี้ก็คงจะไม่รับไม่ใช่หรอครับ?”

 

“ถึงเจ้าไม่พูดแบบนั้น, แล้วขอร้องว่าเห็นแก่หน้าผมสักครั้งเถอะข้าก็รับแล้ว เจ้านี่แสดงความรู้สึกออกมาไม่เก่งเหมือนเดิมเลย มันน่าเสียดายนะรู้ไหม?”

 

แอนนาพูดแบบนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

 

พูดอีกนัยนึงก็คือ, เธอรับคำขอของฉัน

 

แค่นี้ก็รับประกันความปลอดภัยของฟีเน่จนกว่าซานดร้าจะหยุดโจมตีได้แล้ว ตราบใดที่บ้านผู้กล้าหาญอยู่กับเธอ, ก็จะไม่มีทางที่จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเธอได้

 

“ข้าจะจำใส่ใจเอาไว้ครับ แล้วก็ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยข้า สักวันนึงข้าจะตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ให้อย่างแน่นอน”

 

“นั่นสินะ, สักวันจะให้ชดใช้คืนแน่ แล้วก็....จะให้รีบชดใช้ด้วย อัลคนนั้นเข้าร่วมสงครามผู้สืบทอดแล้วหรอเนี่ย.....เจ้าเป็นเด็กขี้แงสำหรับข้ามาโดยตลอด, แต่ดูเหมือนคงจะไม่ใช่แบบนั้นแล้วสินะ”

 

“ข้าคงขี้แง่ไปตลอดไม่ได้หรอกครับ แล้วก็, ฟีเน่ ช่วยอยู่ที่นี่ซักพักนะ ไม่ต้องห่วง, มันจะจบในอีกไม่กี่วันนี้แหล่ะ”

 

“ค่ะ...ว่าแต่, ตัวท่านไม่ได้อยู่ในอันตรายใช่ไหมคะท่านอัล?”

 

“มันเป็นเพราะเจ้าจะเป็นอันตรายได้ถ้าอยู่ใกล้ตัวข้า, ข้าก็เลยอยากให้เจ้ามาอยู่บ้านผู้กล้าหาญ พูดตามตรง, มันมีความเป็นไปได้ว่าซานดร้าจะไม่สนเหตุผลอะไรทั้งนั้นแล้วเข้ามาโจมตีข้า ตอนนี้, เธออยากจะฆ่าข้าสุดๆเลยหล่ะ”

 

นิสัยของซานดร้านโหดร้าย อารมณ์ของเธอเองก็แปรปรวน แค่การโจมตีในครั้งนี้ก็ชัดเจนแล้ว, ฝั่งอื่นๆนั้นไม่มีใครที่สามารถควบคุมซานดร้าได้อย่างสมบูรณ์ หรืออย่างน้อยคนๆนั้นก็ไม่ได้อยู่กับเธอในตอนนี้

 

ด้วยเหตุนี้เอง, ฉันจึงไม่สามารถคาดหวังได้ว่าเธอจะทำตามที่ฉันคิดเอาไว้

 

ในช่วงไม่กี่วันถัดจากนี้ถือว่าอันตรายสุดๆ ในช่วงเวลานี้กอร์ดอนจะโจมตีขุมอำนาจของซานดร้าอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นจะทำให้การโจมตีของเธอที่ทำกับฝั่งเราเบาบางลงแต่ไม่ว่ากอร์ดอนจะแข็งแกร่งแค่ไหน, พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรอต่อไปอีกสองสามวัน

 

มันคือการแข่งขันว่าพวกเราจะสามารถทนจนถึงตอนนั้นได้รึเปล่า

 

“ถะ, ถ้างั้นให้ท่านอัลมาซ่อนด้วยจะไม่ดีกว่าหรอคะ.......”

 

“ถ้าข้าซ่อนตัว, ลีโอก็จะตกเป็นเป้าหมาย ข้าไม่สามารถซ่อนตัวได้เพราะข้าต้องดึงดูดความสนใจของซานดร้ามาที่ข้า เอาเถอะ, ข้าคิดว่าอย่างน้อยที่สุดเธอก็คงจะส่งนักฆ่ามาหาข้าสักครั้งนั่นแหล่ะ”

 

“แต่ว่านั่นมัน!?”

 

“เถอะหน่า, ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ามีเซบาสอยู่ด้วยแล้วก็ยังมีคนที่จะช่วยพาออกไปถ้าพวกเราเจอปัญหาเข้า”

 

พอได้ฟังแบบนี้, ฟีเน่ก็ยอมถอดใจในที่สุด

 

ขอโทษด้วยนะที่ทำให้เจ้าต้องมีสีหน้าเป็นกังวลแบบนี้แต่ข้าจะไม่ถูกลอบสังหารหรอก

 

อีกฝ่ายคงจะคิดว่าสามารถจัดการฉันได้ถ้าสามารถผ่านเซบาสมาได้แต่ฉันเองก็มีวิธีปกป้องตัวเองเหมือนกัน

ถ้าอีกฝ่ายไม่รู้ว่าฉันเป็นซิลเวอร์, การที่จะมีคนลอบสังหารฉันนั้นก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก

 

 

รีวิวผู้อ่าน