ด้วยการที่บ้านผู้กล้าหาญคุ้มกันฟีเน่, พวกเราจึงสามารถทำการเคลื่อนไหวได้อย่างสบายใจ
มันผ่านมาได้สองวันแล้ว ซานดร้ายังคงดึงผู้สนับสนุนที่พวกเราคิดว่าจะย้ายข้างออกไป อย่างไรก็ตาม, ในคืนวันที่สอง, ในที่สุดซานดร้าก็เริ่มเปิดฉากรุกเต็มขั้น
“ศัตรูสินะ”
“ในที่สุดพวกเขาก็มาสักทีนะครับ”
เซบาสพึมพำในขณะที่พวกเรากำลังอยู่บนรถม้า
แม้ว่าฉันจะคาดเอาไว้แล้ว, แต่ฉันก็ยังคงถอนหายใจออกมาอยู่ดี เลือดในหัวเธอคงเดือดพล่านแล้วจริงๆ การที่เธอทำแบบนี้ มันก็เหมือนกับการเปิดช่องโหว่ของเธอให้เอริคกับกอร์ดอนด้วยตัวเอง ฉันมีเซบาสอยู่ข้างตัวและต่อให้เธอลอบสังหารฉันสำเร็จ, อำนาจของเธอก็จะลดลงอยู่ดี
ถึงขนาดยอมรับมือกับการโจมตีจากทั้งสองขั้วอำนาจ, นี่เธอคงอยากจะสั่งสอนฉันจริงๆสินะ
“เป็นผู้หญิงที่ไม่หัดมองการไกลเลยนะ”
“ถ้ามองอีกแง่, ก็ถือว่าเธอมองการไกลนะครับ การที่เล็งมาที่ท่านก็แสดงว่าเธอตาสูงใช้ได้”
“ขอบใจที่ชม แต่การโจมตีของเธอก็ยังน่ารำคาญอยู่ดี”
“นั่นสิครับ ผู้สนับสนุนขององค์หญิงซานดร้าเป็นพวกขยันจริงๆ”
อิทธิพลของซานดร้ามาจากนักเวทย์ที่สนับสนุนเธอ
แน่นอนว่า, มีผู้สนับสนุนบางคนที่ไม่ใช่นักเวทย์แต่พวกรัฐมนตรีกับเจ้าหน้าที่ทหารเก่งๆไปเข้าร่วมกับเอริคหรือกอร์ดอนกันหมดแล้ว ซึ่งผลก็คือ, ซานดร้ามีผู้สนับสนุนไม่กี่คนเท่านั้นที่เก่งเรื่องการเมือง และนี่ก็คือสาเหตุที่ถึงแม้จะมีนักเวทย์ที่แข็งแกร่งมากมายอยู่ฝั่งเธอ, แต่เธอก็ยังไม่สามารถเอาชนะกอร์ดอนกับเอริคได้
มันคงจะแตกต่างกันคนละเรื่องเลยถ้าซานดร้ามีกุนซื่อเก่งๆอยู่ฝั่งเธอ
“เดี๋ยวข้าจัดการเองครับ”
“โอเค งั้นข้าจะมุ่งหน้าไปที่ปราสาทนะ”
“ระวังตัวด้วยนะครับ อาจจะมีการดักซุ่มโจมตีในระหว่างทางก็ได้”
“ถ้าถึงเวลาเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
หลังจากพูดคุยกันเสร็จ, เซบาสก็กระโดดลงรถม้าในขณะที่ยังวิ่งอยู่
เอาหล่ะ, 8 หรือ 9 เต็มสิบ, น่าจะมีทหารบางส่วนรอซุ่มโจมตีฉันนะ ในอีกด้านนึง, ฉันก็แค่ให้รถม้าขับโดยมีฉันอยู่ด้วย จากสายตาของศัตรู, มันต้องดูเหมือนว่าพวกนั้นสามารถล่อเซบาสออกห่างจากฉันได้สำเร็จแน่ๆ และถ้าเป็นแบบนั้น, ครั้งนี้ก็น่าจะมีนักฆ่าบางส่วนที่รู้ข้อมูลวงในของฝ่ายนั้นนะ
เรามาใช้โอกาสนี้เก็บรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมอีกสักหน่อยดีไหม?
ในตอนที่ฉันกำลังวางแผนการร้ายอยู่, คนขับรถม้าก็ส่งเสียงร้องออกมา
“หวะ เหวออ!!?? อะ, องค์ชาย! มีคนอยู่ข้างหน้าพวกเราครับ!?”
“ไม่ต้องกลัว, ขับต่อไปเรื่อยๆ”
“มะ, ไม่เอาหรอกครับ!? ข้า, ข้ายังไม่อยากตายนะ!”
ตามที่คาดเอาไว้, มีนักฆ่ามาดักรอข้างหน้าพวกเราจริงๆ
คนขับหนุ่มหยุดรถม้าแล้วทิ้งฉันหนีไปในทันที
ฉันถอนหายใจออกมาในขณะที่อยู่ข้างในรถม้า ฉันรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้และแน่นอนว่าการปล่อยไปนั้นจะทำให้จัดการกับนักฆ่าได้ง่ายกว่าแต่ฉันก็ยังคงถอนหายใจให้กับความนิยมอันน้อยนิดของฉัน ถ้าคนที่กำลังนั่งอยู่ในรถม้าเป็นลีโอแทนที่จะเป็นฉันหล่ะก็คนขับคงจะไม่มีหวันหนีไปเองแบบนี้หรอก”
“ลงมาจากรถซะ ถ้าไม่ยอม, ข้าจะเป็นคนลากลงมาเอง”
“เจ้าก็แค่อยากจะยืนยันตัวตนของข้าไม่ใช่รึไง”
ในขณะที่ตอบนักฆ่า, ฉันก็ลงมาจากรถม้าอย่างเชื่อฟัง
ข้างหน้ารถม้ามีชายวัยกลางคน, ที่มีผมเสยขึ้นสีน้ำตาล ใบหน้าของเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าเขารับราชการทหารมาเป็นเวลานานแล้ว เห็นได้ชัดว่า, ครั้งนี้ซานดร้าค่อนข้างจะเอาจริง ในบรรดาคนของซานดร้า, เขาอาจจะเป็นห้าอันดับต้นๆของเธอด้วยซ้ำ
ด้วยการมองเพียงปาดเดียว, ฉันก็เห็นว่าเขาน่าจะมีพลังพอๆกับนักผจญภัยแรงค์ A
ความจริงที่ว่าเขาสามารถบุกมาแบบนี้ได้นั้นก็หมายความว่าเขาเป็นนักฆ่าที่ค่อนข้างจะมีทักษะ แม้ว่าจะเป็นนักผจญภัยแรงค์ A ก็น่าจะถูกฆ่าได้ง่ายๆถ้าเจอคนที่มีความสามารถพอๆกันโผล่มาข้างหลังอย่างกระทันหัน ถึงยังไงนักฆ่าก็แตกต่างจากนักผจญภัยเพราะพวกเขาเป็นมืออาชีพด้านการฆ่าคนโดยเฉพาะ
“การที่คนรับใช้ของตัวเองหนีไปแบบนี้, มันทำให้เจ้าดูน่าสมเพชใช้ได้เลย”
“ข้าก็ไม่ได้เป็นที่นิยมมาตั้งแต่แรกแล้วนี่”
“เข้าใจหล่ะ เจ้าคงไม่สนใจเรื่องพวกนั้นสินะ คงเป็นเพราะเจ้าเชื่อใจพ่อบ้านคนนั้นมากเลยหล่ะสิ?”
“ใช่ เดี๋ยวเซบาสก็จะมาจัดการแกแล้ว”
“เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับข้ารับใช้ที่ดูสวยงามจังนะแต่ครั้งนี้เขาคงมาช่วยเจ้าไม่ได้หรอก ไม่ว่าเขาจะเป็นพ่อบ้านที่มีทักษะสูงแค่ไหน, เขาก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ในขณะที่จัดการกับนักฆ่าสิบสองคน”
“เดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน”
ฉันไม่ได้ทำลายนิสัยไม่สนโลกของฉัน
บางที, เขาคงจะคิดว่ามันเป็นการบลัฟ, ชายที่เข้ามาหาฉันนั้นมีรอยยิ้มอันแสนขมขื่นแสดงอยู่บนใบหน้า
จากนั้นเขาก็สร้างมีดขึ้นมาในมือด้วยเวทย์ไฟ
“คำสั่งก็คือลอบสังหารเจ้าแต่ข้าจะไม่เอาชีวิตเจ้าหรอก ข้าจะทำให้เจ้าสิ้นหวังและพาเจ้าไปพบกับเจ้านายของข้า”
“แต่ข้าไม่อยากไปเจอพี่สาวจอมซาดิสที่ชื่นชอบการทรมานสักหน่อย”
เขาเป็นลูกน้องที่ค่อนข้างหัวดีใช้ได้เลย
การเปลี่ยนจากการลอบสังหาร, เป็นการลักพาตัวฉันนั้นจะเป็นการดีกว่า ถ้าฉันหายตัวไป, พวกเขาก็จะสามารถทำกับฉันได้ตามใจชอบ เอริคกับกอร์ดอนเองก็คงไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรมากนักในการช่วยเหลือฉันและถ้าให้มันดีที่สุด, พวกเขายังสามารถกลายเป็นผู้ช่วยของลีโอแทนฉันได้ด้วย
ในตอนนี้, พวกเขาสามารถพาฉันออกไปข้างนอกเมืองหลวงได้ก่อนที่การค้นหาจะเริ่มขึ้นและพวกเขาก็จะทำการทรมานฉันที่นั่น ถ้าจิตใจของฉันถูกทำลาย, ซานดร้าก็จะสามารถเล่นงานฉันได้ตามที่เธอต้องการ ต่อให้ฉันหนีไปได้, คนที่จิตใจแตกสลายจากการทรมานของซานดร้าก็จะไม่มีวันพูดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แถมเธอยังสามารถทำลายสตินึกคิดของฉันและทำให้ฉันพิการได้อีก ด้วยวิธีนี้, พวกเขาก็จะสามารถสร้างความเสียหายให้กับเราได้มากกว่าและมันก็มีความเสี่ยงน้อยกว่าการลอบสังหารเยอะ
“ช่างน่าอับอายจริงๆ, ถ้าเจ้าอยากจะเกลียดใครสักคนเพราะเรื่องนี้ก็ไปเกลียดน้องชายคนเก่งของเจ้าแล้วกันนะ”
พอพูดจบ, เขาก็เขวี้ยงมีดเพลิงใส่ฉัน
อย่างไรก็ตาม, ฉันมีบาเรียป้องกันอยู่รอบตัว เขาไม่สามารถทะลวงมันมาได้ด้วยเวทมนตร์ระดับนั้น
ที่ฉันทำตัวไม่สนโลกได้ก็เพราะสิ่งนี้แต่ว่าทันใดนั้นเองมีดเพลิงนี้ก็ถูกดาบที่ปรากฎขึ้นจากด้านข้างปัดเอาไว้ได้อย่างกระทันหัน
“!?”
“เจ้าเป็นใคร?”
“ก็แค่นักผจญภัยคนนึงที่เดินผ่านทางมา”
ฉันหันไปมองผู้บุกรุกคนนี้ด้วยความประหลาดใจ
มีเด็กสาวคนนึงที่ไว้ผมทรงหางม้าอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ตาม, ความจริงที่ว่าเธอกำลังสวมหมวกอยู่ผนวกกับการแสดงออกที่แข็งกร้าวของเธอทำให้เธอดูเหมือนกับเด็กผู้ชาย
ฉันจำได้ว่าเคยเจอเด็กสาวคนนี้มาก่อน
เธอคือหนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ A ที่เข้าร่วมภารกิจจัดการมาเธอร์สไลม์ในอาณาเขตของดยุคไคลเนลต์
“ถ้าเจ้าเป็นนักผจญภัยก็ถอยไปซะ ดูๆแล้วเจ้าไม่น่าจะได้รับภารกิจให้ปกป้องมันไม่ใช่หรอ?”
“ใช่, ข้าไม่ได้รับคำขอแบบนั้นมาหรอก แล้วข้าก็ไม่รู้ด้วยว่าคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังข้าเป็นใครหรือทำไมเขาถึงถูกโจมตี ข้าไม่มีหน้าที่หรือภาระผูกพันธ์อะไรที่จะต้องช่วยเหลือเขา”
“ถ้างั้น—”
“แต่ว่าการเห็นคนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาตัวเองมันจะทำให้ข้ากินอะไรไม่อร่อย ยิ่งไปกว่านั้น, เขาก็พึ่งถูกคนรับใช้ทิ้งไปด้วย ถ้าข้าไม่ช่วยเขาในตอนนี้เขาก็จะดูน่าสงสารเกินไปไม่ใช่หรอ?”
“ยัยนี่......การเป็นพันธมิตรกับมันก็หมายความว่าเจ้ายอมที่จะให้คนที่มีอำนาจอันยิ่งใหญ่หันมาเป็นศัตรูกับเจ้านะรู้รึเปล่า? เจ้ายอมรับเรื่องนั้นได้รึไง?”
“แทนที่จะเสียใจเพราะทิ้งเขา, ข้าว่ามันจะรู้สึกดีกว่าถ้ามาเริ่มเสียใจหลังจากที่ช่วยเขา”
พอได้ฟังคำตอบ, ชายคนนี้ก็ตัดสินใจว่าเด็กสาวคนนี้เป็นศัตรู
เขาเอามีดออกมาไว้ทั้งสองมือแล้วเริ่มเขวี้ยงใส่เด็กสาว ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้, มีดของเขาไม่ได้สร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์
เด็กสาวใช้ดาบปัดพวกมันทิ้งไปได้แต่ก็มีมีดที่สร้างขึ้นจากน้ำแข็งพุ่งตามการโจมตีระลอกแรกมาติดๆ ถ้าเธอหลบ, มีดพวกนี้ก็จะโดนฉันที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอ
เธอตอบโต้การเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติเช่นนี้ด้วยการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติยิ่งกว่า
เธอเปลี่ยนดาบของเธอเป็นโล่แล้วป้องกันมีดน้ำแข็งเอาไว้ได้
“ดาบเวทมนตร์ที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างงั้นหรอ, ดูเหมือนเจ้าจะพกของแปลกติดตัวมาด้วยนะเนี่ย.....”
“ข้าได้มาจากซากปรักหักพังสักแห่งนึง แล้วมันก็ทำแบบนี้ได้ด้วยนะ”
“พอพูดจบ, เด็กสาวก็เปลี่ยนดาบเป็นหอก เธอเหวี่ยงมันลอบตัวแล้วพุ่งเข้าหาชายคนนั้นอย่างเชื่องช้า
ในแวบแรก, มันดูเหมือนกับหอกธรรมดาแต่เขาก็รู้สึกถึงความพิเศษของมันได้ในทันที
“หืมม.....!?”
“สมแล้ว, เจ้าไม่ได้หลับไปในทันทีสินะ เสียงที่แผ่ออกมาจากสิ่งนี้สามารถส่งมอนส์เตอร์ที่แข็งแกร่งไปสู่ห้วงนิทราได้เลยรู้รึเปล่า”
“เสียงหรอ.....!”
แสดงว่ามันปล่อยเสียงที่ขับกล่อมเป้าหมายให้หลับได้สินะ ฉันไม่รู้ว่าเสียงมันเป็นยังไงจากจุดที่ฉันอยู่แต่ดูเหมือนว่าชายคนนั้นกำลังฟังอะไรบางอย่างที่เหมือนกับเพลงกล่อมเด็กอยู่ตรงนั้น
ช่างเป็นความสามารถที่น่ารำคาญจริงๆ การผลอยหลับไปในการต่อสู้ที่จริงจังนั้นมันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ต่อให้สามารถทนง่วงได้, ก็ไม่มีใครที่จะต่อสู้ได้ดีในสภาพนั้นหรอก
ชายคนนี้ก็น่าจะรู้เรื่องนั้นดีเหมือนกัน
เขาทิ้งระยะห่างจากเด็กสาวในทันที จากนั้นเขาก็จ้องมาที่ฉันพร้อมกับเดาะลิ้นแล้วถอยไป
หลังจากนั้นไม่นาน, เซบาสก็มาถึง
“แล้วนี่ข้าพาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไรเนี่ย?”
“เจ้ามาช่วยข้าในช่วงเวลาที่สำคัญพอดี ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก, ถึงยังไงข้าก็ทนเห็นคนถูกฆ่าไม่ได้อยู่แล้ว ว่าแต่, ถ้าดูจากรถม้าเจ้าต้องเป็นคนที่สำคัญแน่ๆเลยใช่ไหม?”
“อืม, ขอโทษที ข้าชื่ออาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์, เจ้าชายลำดับเจ็ดของจักรวรรดิ”
“เจ้าชายลำดับเจ็ดหรอ? พอจะเข้าใจแล้วหล่ะ, มันมีข่าวลือเกี่ยวกับสงครามผู้สืบทอดอยู่นี่นะ ข้าก็แค่พยายามจะช่วยคนแต่ดูเหมือนว่าข้าจะก้าวเข้าใกล้เป้าหมายของข้าไปเยอะเลยนะ”
จากนั้นเด็กสาวก็ถอดหมวกแล้วคุกเข่าลงกับพื้น
ฉันเห็นใบหน้าที่ดูทั้งสวยและหล่อแฝงไปด้วยความเรียบร้อยของเธอ อายุของเธอน่าจะพอๆกับฉัน
“องค์ชาย ข้าชื่อลินเฟีย จะมองว่าข้ากำลังหาผลประโยชน์จากการช่วยชีวิตท่านก็ได้แต่ช่วยฟังคำขอร้องของข้าหน่อยได้ไหม?”
ไม่, ไม่, ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่าขอให้เธอช่วย แล้วฉันก็เสียโอกาสจับตัวนักฆ่าของศัตรูไปแล้วด้วย
ต่อให้นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากจะพูด, แต่เธอไม่รู้ว่าฉันคือซิลเวอร์ และในฐานะอาร์โนลด์, ฉันคงไม่สามารปฏิเสธคำขอของเธอได้เพราะเธอพึ่งจะช่วยชีวิตของฉันเอาไว้ ถ้าฉันปฏิเสธเธอก็จะไม่มีใครยอมช่วยเหลือฉันหรือลีโออีกในอนาคต
แต่ว่า, ฉันสามารถบอกได้จากประสบการณ์
มันจะต้องเป็นคำขอที่สร้างปัญหาให้ไม่ผิดแน่
อย่างไรก็ตาม,
“เอาเป็นว่าไปคุยกันต่อที่ปราสาทแล้วกัน เชิญขึ้นรถม้าได้เลย แต่ข้าไม่รับประกันนะว่าด้วยอำนาจที่ข้ามีจะทำตามคำขอของเจ้าได้รึเปล่า”
พอพูดจบ, ฉันก็เชิญลินเฟียขึ้นรถม้า
เอาจริงดิ, พอจบเรื่องนึงไปได้ก็มีอีกเรื่องเข้ามา, การสลัดปัญหาให้หลุดออกไปนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆสินะ
ด้วยการถอนหายใจออกมาสั้นๆ, ฉันก็ทำได้แค่คร่ำครวญให้กับความโชคร้ายของฉัน