140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
ตอนที่ 1 เข้าสู่โลกมาร์เวล
“แฮ๊ก แฮ๊ก แฮ๊ก...“
เสียงหอบหายใจของ กัปตันอเมริกา สตีฟ โรเจอร์ส ดังขึ้น
เขามองร่างไร้วิญญาณของ วิชั่น ที่กลายเป็นสีเทาพร้อมกับหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรง เหล่าผู้คนมากมายกลายเป็นเถ้าถ่านและกระจายไปตามสายลม หลังจาก ธานอส รวบรวมอัญมณีอินฟินิตี้ทั้งหกได้สำเร็จ พร้อมกับดีดนิ้ว
ในที่สุดหน้าจอภาพยนต์ก็มาถึงฉากที่ กัปตัน เอ่ยถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสงสัย
ใช่แล้วนี่คือโรงภาพยนตร์ที่ฉายหนังภาพยนต์เรื่อง อเวนเจอร์ ภาคสาม มหาสงครามล้างจักรวาล
ที่หน้าจอมีรายชื่อของคนที่อยู่เบื้องหลังเริ่มปรากฏออกจากเพื่อยืนยันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้จบลงแล้ว
“มันจบแล้วเหรอ? ธานอส ยังไม่ตาย”
ผู้ชมหลายคนต่างก็พากันบ่นอุบอิบและหยิบข้าวของออกจากโรงภาพยนตร์
นักเรียนมัธยม ลู่หมิง นั่งอยู่ในตำแหน่งที่นั่งที่ดีที่สุดเขาถือป๊อปคอร์นอยู่ในมือและยังคงจมอยู่ในเรื่องราวของ มาร์เวล
“การได้มาดูหนังเรื่องนี้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการรอคอย”
“ผู้คนนับล้านสูญสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน”
“ฉันไม่รู้ว่าการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จะจบลงเช่นไร”
“ ธานอส ได้ดีดนิ้วสังหารผู้คนไปครึ่งหนึ่งของจักรวาล”
“ สไปเดอร์แมน แบล็กแพนเทอร์…เหล่าอเวนเจอร์และซูเปอร์ฮีโร่มากกว่าครึ่งหนึ่งตายไปแล้ว พวกเขาจะสามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้หรือไม่? น่าเสียดายที่ อเวนเจอร์ ภาคสี่ จะต้องรอจนถึงปีหน้า”
ลู่หมิง ส่ายหน้าสำหรับแฟนมาร์เวลตัวยงอย่างเขาที่ต้องให้รอภาคต่อไปอีกเป็นปีๆมันช่างทรมานจริงๆ
มันเหมือนเป็นการลงโทษ!
“ฉายรอบสองเหรอ?” ลู่หมิง ลุกขึ้นจากที่นั่งและมองหน้าจอซึ่งตอนนี้ชื่อของผู้ผลิตได้หายไปหมดแล้ว แต่กลับมีข้อความเพิ่มขึ้นจากด้านล่าง
[คุณต้องการเข้าสู่ โลกมาร์เวล หรือไม่? 】
[ใช่/ไม่ใช่]
เมื่อเห็นข้อความที่อธิบายไม่ได้บนหน้าจอ ลู่หมิง ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยและพึมพำออกมา มันเป็นเทคนิคพิเศษในรูปแบบ 3 มิติหรือไม่? เพราะข้อความดูเหมือนว่าจะหลุดออกมาจากหน้าจอภาพยนต์
หนังที่จะฉายรอบสองเป็นแบบ 3 มิติ?
ความสงสัยเกิดขึ้นในใจของ ลู่หมิง เขามองไปรอบๆและเห็นว่าผู้ชมได้ออกไปหมดแล้ว ในโรงภาพยนต์มีเพียงเขาคนเดียวที่ยังเหลืออยู่
เมื่อมองไปที่หน้าจอข้อความจะยังคงลอยอยู่ตรงกลางและสีของตัวอักษรเริ่มจางหายไปจากสีดำเป็นสีขาวและใกล้จะหายไปอย่างสมบูรณ์
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณจะสามารถส่งฉันไปยัง โลกมาร์เวล ได้จริงๆ”
ลู่หมิง ยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับวางนิ้วมือของเขาคลิกไปยังตัวเลือกที่เขาเลือกไว้จากนั้นความรู้สึกเสียวซ่านราวกับถูกไฟฟ้าช็อตกระจายไปทั่วทั้งร่างกายซึ่งถูกส่งมาจากปลายนิ้วมือของเขา
นี่...วิญญาณของฉันจะหลุดออกจากร่างใช่ไหม?
ลู่หมิง อยากจะอาเจียนหลังจากนั้นไม่นานสติของเขาก็ดับวูบไปในทันที
......
เขาไม่รู้ว่าหมดสติไปนานแค่ไหน ลู่หมิง ตื่นขึ้นมาในสภาพวิงเวียน
เขาพยายามลุกขึ้นนั่งและพบว่าตัวเองอยู่บนเตียงเดี่ยวในห้องไม้ขนาดใหญ่ที่มีแสงสไตล์ย้อนยุค รอบๆเขามีเตียงทหารหลายๆเตียงเรียงๆเป็นแถวๆมากมาย
“ นี่ฉันอยู่ที่ไหน…” ลู่หมิง ตกตะลึง เขาสงสัยว่าเขาคงตาฝาดและกำลังตกอยู่ในความฝันดังนั้นเขาจึงหยิกไปที่แขนของตนเองและรู้สึกเจ็บ จึงทำให้รู้ได้ในทันทีว่าเขาไม่ได้ฝันไป
ถูกต้อง. ถ้าเดาไม่ผิดเขาน่าจะอยู่ในค่ายทหารเมื่อดูจากรูปแบบแล้วมันน่าจะเป็นค่ายทหารสไตล์ยุโรปและอเมริกายุคกลาง
“นี่ฉันมาที่โลกมาร์เวล?” ลู่หมิง พยายามเรียบเรียงความคิดอย่างเร่งด่วน
เขาปลดเข็มขัดกางเกงแล้วตรวจสอบพร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
โชคดีที่น้องชายของเขายังอยู่ ไม่เพียงแค่นั้นมันยังมีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย
“ ดูเหมือนว่าวิญญาณของฉันจะข้ามมาที่ โลกมาร์เวล และอยู่ในร่างนี้จริงๆ”
แม้ว่า ลู่หมิง จะมองไม่เห็นใบหน้าในปัจจุบันของเขา แต่เมื่อดูผิวสีขาวผ่านแขนขาและร่างกาย เขาก็สามารถสรุปได้ว่า..เขาได้เกิดใหม่ในร่างที่มีอายุไม่แตกต่างไปจากก่อนนี้มากนัก
บางทีมันอาจเป็นเพราะเขาอ่านนิยายข้ามโลกมามากจึงทำให้ ลู่หมิง สามารถทำใจให้สงบและค่อยๆยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ถ้าเขามาที่นี่พร้อมกับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเขาคงจะยอมรับไม่ได้
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นเขาอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าในเมื่อเขาถูกส่งมาที่ โลกมาร์เวล มันก็ต้องมีลูกเล่นหรือระบบอะไรซักอย่างเหมือนในนิยายที่เคยอ่านให้เขาบ้าง เพราะถ้าส่งเขามาแบบคนธรรมดาอัตราการตายในโลกนี้มันค่อนข้างสูง!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ลู่หมิง กำลังเตรียมที่จะสำรวจว่ามีระบบอะไรในตัวหรือไม่ ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับ ชายหนุ่มผมบลอนด์ ที่มีร่างกายผอมบางเดินเข้ามา
เมื่อเห็น ลู่หมิง ตื่นขึ้นชายหนุ่มร่างเล็กก็ก้าวเข้ามาหาด้วยความดีใจ
ลู่หมิง ก็ตอบสนองได้ดีเช่นกันเพราะรู้ว่าคนที่มาพบเขาน่าจะเป็นเพื่อนของเจ้าของร่างดั้งเดิมนี้
บางทีเขาอาจจะทราบข้อมูลประจำตัวของเจ้าของร่างนี้ รวมถึงสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและข้อมูลปัจจุบันของโลกมาร์เวลจากชายคนนี้ก็ได้
ปรับตัวให้เข้ากับร่างใหม่และกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมขนาดใหญ่นี้!
ปากของ ลู่หมิง ยิ้มขึ้นแล้วและทำให้แน่ใจว่าเขายิ้มได้อย่างเป็นมิตร และประโยคแรกของชายหนุ่มร่างเล็กก็ดังขึ้นมา
“ ไคล์ นายสบายดีไหม?” ชายหนุ่มถาม
มันเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน
ลู่หมิง มองไปที่ชายหนุ่มด้วยความกังวลรอยยิ้มของเขาจางหายไปริมฝีปากของเขาถูกปิดสนิดและเขาก็อดไม่ได้ที่จะบ่นอยู่ในใจ
พระเจ้า! ให้ทั้งจักรวาลพูดภาษาจีนจะได้ไหม ส่วนมากนวนิยายและการ์ตูนมันใช้แต่ภาษาจีนทั้งนั้นไม่ใช่รึไง? !
ชีวิตในอดีตของเขาเป็นเพียงนักเรียนมัธยมปลายและภาษาอังกฤษของเขาแย่มาก ไม่สามารถสื่อสารกับชาวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษได้เลยแม้แต่น้อย ในตอนนี้เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่ชายร่างเล็กพูด
เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดขาวของ ลู่หมิง ชายร่างเล็กก็หลงคิดไปว่าอาการของเพื่อนเขาคงจะกำเริบขึ้นมา เขาจึงพูดกูลีกุจอด้วยภาษาอังกฤษที่ ลู่หมิง ไม่เข้าใจด้วยความเป็นห่วง
ลู่หมิง บีบเค้นรอยยิ้มที่น่าเกลียดและฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เขาไม่เคยคิดเลยว่าอุปสรรคด้านภาษาจะทำให้เกิดปัญหาได้มากถึงเพียงนี้
เมื่อเขาต้องการที่จะปล่อยวางอย่างไม่ใส่ใจ บนหัวของชายหนุ่มร่างเล็กก็มีการ์ดสีขาวโปร่งแสงสามสี่ใบลอยออกมาและมันได้ลอยอยู่รอบ ๆ ร่างกายของอีกฝ่าย
ชายหนุ่มร่างเล็กดูเหมือนจะไม่เห็นการ์ดสีขาวที่ล้อมรอบร่างกายและยังคงเอ่ยกับเขาด้วยท่าทางที่เป็นห่วง
การ์ดสีขาวสี่ใบ
มันราวกับเป็นรุ่งอรุณแห่งความหวังของ ลู่หมิง ในตอนนี้ ความสนใจของเขาก็เปลี่ยนไปที่การ์ดเหล่านั้นในทันที
[ชุดรายการฝึกฝนของทหารอเมริกัน]
[การขับขี่จักรยาน]
[ทักษะการต่อสู้บนท้องถนน]
[ความสามารถพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ]
การ์ดใบแรกเป็น 'การ์ดรายการ' มันไม่สามารถใช้ได้ 'การ์ดความสามารถ' อีกสามใบอยู่ในสถานะที่สามารถนำมาใช้ได้
เมื่อ ลู่หมิง เห็นเช่นนั้นเขาเพิกเฉยต่อการ์ดที่เหลือและมุ่งเน้นไปที่การ์ดความสามารถด้าน [ทักษะพื้นฐานภาษาอังกฤษ] ใบสุดท้ายในทันที
[ความสามารถพื้นฐานภาษาอังกฤษ]:
สามารถพัฒนาทักษะการพูดและการเขียนเป็นภาษาอังกฤษ การ์ดความสามารถระดับสีขาว
สถานะปัจจุบัน: สามารถใช้ได้
“การ์ดนี้สามารถนำมาใช้ได้”
555
555
555
555
555
555
555
555
555
555