140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
140 วันที่แล้ว
555
ตอนที่ 2 สตีฟ โรเจอร์ส
มันคือ การ์ดความสามารถ?
นี่คือระบบของฉันหลังจากมาที่โลกมาร์เวล…..
ลู่หมิง ยังไม่ได้เจาะลึกไปถึงขนาดนั้นและในตอนนี้เขาได้ใช้การ์ด“ ความรู้พื้นฐานภาษาอังกฤษ” ที่ได้จากชายหนุ่มร่างเล็กในทันที
ใช้เวลากว่าสามวินาทีความรู้ด้านภาษาอังกฤษก็ได้หล่อหลอมรวมเข้าไปในร่างกายของ ลู่หมิง และได้สิ้นสุดกระบวนการลงอย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็ได้ยินคำพูดของชายหนุ่มดังขึ้นมาอีกครั้ง“ เฮ้ นายโอเคไหม? ใบหน้าของนายดูแย่มาก ให้ฉันไปตามแพทย์ทหารมาให้ไหม?”
“ โอ้ ฉันสบายดี” ลู่หมิง พูดภาษาอังกฤษออกมาราวกับว่าเป็นภาษาแม่ และเขาก็คุ้นเคยกับสำเนียงท้องถิ่น
"ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว." ชายหนุ่มรู้สึกโล่งอกโล่งใจพร้อมกับยื่นยาที่อยู่ในมือของเขาให้กับ ลู่หมิง และเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มว่า“ อ่ะนี่ยาของนาย กินซ่ะอาการของนายจะได้ดีขึ้น”
ลู่หมิง พยักหน้ากลืนเม็ดยาพร้อมกับดื่มน้ำตามลงไป“ อ่า ในตอนนี้หัวของฉันยังคงวิงเวียนอยู่เล็กน้อย นี่ฉันอยากจะยืนยันอะไรบางอย่างกับนาย - บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันคือใคร แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
เมื่อเห็นท่าทางที่จริงจังของ ลู่หมิง ชายหนุ่มรู้สึกตกใจเล็กน้อยจากนั้นก็หัวเราะออกมาราวกับว่าคำถามนี้เป็นเรื่องตลก:“ ไคล์ นี่นายล้อฉันเล่นรึไง? ที่นี่คือฐานฝึกของทหารสหรัฐฯ”
“ ไคล์? ฐานฝึกทหาร?”ในที่สุด ลู่หมิง ก็ได้รู้แล้วว่าชื่อเดิมของร่างนี้ก็คือ ไคล์ ถ้าอย่างนั้นเขาจะใช้ชื่อ “ไคล์” เป็นชื่อใหม่ของเขา
จากนี้ไปจะไม่มี ลู่หมิง อีกต่อไปมันจะมีแค่เพียง ไคล์
ชายหนุ่มพูดต่ออีกว่า“ ใช่ ที่นี่คือฐานฝึกทหาร เราได้รับการฝึกอบรมอยู่ที่นี่หลังจากสมัครเข้ามาเป็นทหารเพียงหนึ่งวัน บางทีอากาศอาจร้อนเกินไปจึงทำให้นายเป็นลมในระหว่างการฝึกวิ่ง”
เป็นลม? ดูเหมือนว่าร่างกายดั้งเดิมจะไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
ไคล์ นิ่งเงียบไปซักพักและนึกถึงบางสิ่งบางอย่างจากนั้นเขาได้ยื่นมือไปจับไหล่เล็ก ๆ ของชายหนุ่มและรีบถามขึ้นว่า“ ใช่แล้วฉันถามอะไรนายหน่อย นายรู้จัก กัปตันอเมริกา, ฮัค และ ไอรอนแมน หรือไม่? คนเหล่านี้สำคัญกับฉันมากนายช่วยบอกฉันหน่อยหากว่านายรู้”
“หยุดๆนายใจเย็นๆก่อน”ร่างกายผอมบางราวกับคนขาดสารอาหารสั่นคลอนด้วยแรงเขย่าของ ไคล์ และเมื่อ ไคล์ หยุดเขย่าชายหนุ่มก็ตอบออกมาอย่างอ่อนแรง:“ ฉันไม่รู้จักคนที่นายเอ่ยถึง” นายหมายถึงใคร? กัปตันอเมริกา? เป็นเจ้าหน้าที่เหรอ?”
“นายไม่รู้?” ไคล์ ขมวดคิ้วและในไม่ช้าดูเหมือนจะนึกถึงบางสิ่งบางอย่างเขาลังเลและถามว่า:“ เดี๋ยวก่อนน่ะ ตอนนี้ปีไหน?”
“ ไคล์ หัวของนายได้รับความกระทบกระเทือนรึเปล่า” ชายหนุ่มพูดด้วยความประหลาดใจ
“บอกฉันหน่อย”
“ ตอนนี้ปี 1943 ในเดือนกุมภาพันธ์”
“ ปี 1943 ที่จริงแล้วตอนนี้มันอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ….” ไคล์ ก็ตระหนักได้ว่าแม้แต่ โลกมาร์เวล ก็ยังไม่มีฮีโร่ของ อเวนเจอร์ส ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ไม่สิ มี มันมีอยู่คนหนึ่ง...
“ คำถามสุดท้าย” ไคล์ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วถามว่า:“ มีชายคนหนึ่งที่ชื่อ สตีฟ อยู่ในค่ายฝึกนี้ไหม?”
“สตีฟ?” การแสดงออกของชายหนุ่มเริ่มแปลกๆ
“ ใช่ สตีฟ โรเจอร์ส” ไคล์ สรุปกับตัวเองแล้วว่าช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ 2 ของ โลกมาร์เวล มีวีรบุรุษแห่งอเวนเจอร์ส อยู่คนหนึ่ง
กัปตันอเมริกา เขาควรเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนแรกของ มาร์เวล
“ ไคล์ นี่นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร? หรือว่านายลืมแม้กระทั่งชื่อของฉัน” ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะกระพริบตา ภายใต้ดวงตาที่สับสนของ ไคล์ ชายหนุ่มก็ชี้ที่ตัวเองและยิ้มแล้วพูดว่า“ ก็ฉันนี่ไง สตีฟ โรเจอร์ส”
“ อืม นายคือ สตีฟ…อะไรนะ! สะ..สตีฟ เหรอ” ไคล์ เบิกตาของเขาและมองไปที่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเปรียบเทียบกับชายหนุ่มทั่วไป ชายตรงหน้าดูผอมและเล็กกระทัดรัดผมบลอนด์เรียบง่ายดูเหมือนอ่อนแอ แต่ถูกต้อง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีความคุ้นเคยเล็กน้อย หากไม่ใช่ สตีฟ โรเจอร์ส ผู้ที่จะกลายเป็น “ซูเปอร์โซลเยอร์” อย่าง กัปตันอเมริกา มันจะเป็นใครไปได้อีกถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า
การที่เขาได้มาที่นี่มันช่างเป็นสิ่งมหัศจรรย์จริงๆ
ไคล์ ไม่รู้ว่าเขามีความสุขหรือว่ากลัวกันแน่ เขาตื่นเต้นเมื่อเขาคิดว่าจะได้สัมผัสกับ ซูเปอร์ฮีโร่ ที่อยู่ในภาพยนตร์ แม้ว่ามันอาจจะน่าปวดหัวเมื่อเขานึกถึงจอมวายร้ายที่ทรงพลังแห่ง จักรวาลมาร์เวล
อย่างไรก็ตามนี่คือ มาร์เวล ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นการยากที่จะบอกว่าเขาจะสามารถใช้ชีวิตไปจนถึงศตวรรษที่ 21 หรือไม่ มันเร็วเกินไปที่จะมากังวลเกี่ยวกับ ธานอส
“ในตอนนี้ กัปตันอเมริกา อยู่กับฉันซึ่งเป็นบุคคลแรกใน จักรวาลมาร์เวล….” ไคล์ คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมกับจ้องมองไปที่ สตีฟ โดยไม่วางตาซึ่งทำให้ สตีฟ ถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
"อ่ะ..จริงสิ." ดูเหมือน สตีฟ จะนึกถึงบางสิ่งที่สำคัญออก เขาพูดออกมาอย่างกังวล“หัวหน้าเบรนต์ ใช้ให้ฉันมาบอกกับนายว่าหลังจากนายตื่นขึ้นมาให้ไปรายงานตัวในทันที”
“รายงานตัว?” ไคล์ รู้สึกประทับใจเล็กน้อยเกี่ยวกับบทบาทการฝึกฝนของทหารสหรัฐ
เขาจำได้ว่าก่อนที่ สตีฟ จะกลายเป็น กัปตันอเมริกา เขาถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากเพื่อนร่วมทีมและครูฝึกเพราะรูปร่างผอมบางของเขา
และการที่เขาถูกเรียกตัวให้ไปพบมันน่าจะเป็นเพราะวีรกรรมที่เจ้าของร่างเดิมสร้างเอาไว้ ในฐานะทหารใหม่การเป็นลมแดดในวันแรกของการฝึกมันช่างน่าขายหน้าจริงๆ
ไคล์ ยิ้มเบาๆจากนั้นก็พูดอย่างใจเย็น“ ฉันจำไม่ได้ว่าที่ทำงานของหัวหน้าอยู่ที่ไหนนายช่วยพาฉันไปที”
“ โอเค ตามฉันมา” สตีฟ พยักหน้า
สตีฟ พา ไคล์ ออกจากหอพักทหาร ซึ่งด้านนอกเป็นสนามฝึกขนาดใหญ่ โดยมีเหล่าทหารใหม่สวมกางเกงขาสั้นกำลังวิ่งอยู่รอบๆพร้อมกับร้องเพลงปลุกใจ
“เฮ้เฮ้ ดูนั่นสิ ไคล์ และ สตีฟ ไม่ใช่เหรอ”
“ วันแรกของการฝึกซ้อมก็เป็นลมล้มพับช่างอ่อนแอจริงๆ”
“คนอ่อนแอมันก็เหมาะสมแล้วที่จะอยู่ด้วยกัน”
เหล่าทหารใหม่วิ่งผ่านทั้งสองคนพร้อมกับพูดจาเยาะเย้ยขึ้นมา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนร่วมรุ่นและพักอยู่ในหอพักเดียวกัน
“ ไคล์ นายไม่ต้องไปสนใจพวกเขา” สตีฟ หันกลับมาพร้อมกับปลอบโยน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของ ไคล์ ที่ไม่มีความโกรธ แต่กลับเผยรอยยิ้มที่สามารถมองเห็นได้อย่างแผ่วเบา เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น
แน่นอน ไคล์ ไม่ได้ใส่ใจกับทหารใหม่เหล่านี้ สำหรับเขาที่มีระบบการ์ด ซึ่งเป็นตัวช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาในอนาคต และ สตีฟ ที่ในไม่ช้าก็จะกลายเป็น กัปตันอเมริกา ซึ่งมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นสหายเพียงคนเดียวของเขา
ระหว่างทางไป ห้องทำงานของหัวหน้าเบรนต์ ไคล์ ก็ทำการทดสอบความสามารถของการ์ดที่เขาได้รับมาอยู่ตลอดเวลา
ก่อนอื่นตราบใดที่มีคนอยู่ใกล้เขาในระยะสามเมตรเขาจะได้รับการ์ดข้อมูลจากอีกฝ่ายในทันที
การจำแนกการ์ดในปัจจุบันแบ่งออกเป็น การ์ดรายการ และ การ์ดความสามารถ การ์ดรายการไม่สามารถใช้ได้ ส่วน การ์ดความสามารถ เขาสามารถใช้ได้อย่างอิสระ
การ์ดความสามารถนั่นคือทักษะและความสามารถของบุคคลนั้นๆอย่างเช่น: พื้นฐานภาษาอังกฤษ, การขับขี่รถยนต์, เป็นต้นหากการ์ดเป็นระดับทั่วไปมันจะเป็นสีขาว เมื่อทักษะมีความเชี่ยวชาญในระดับมืออาชีพเช่น ความเชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษ ความเชี่ยวชาญด้านการใช้ปืนพก การ์ดก็จะเป็นสีเขียว พูดให้เข้าใจง่ายขึ้น ระดับของการ์ดจะแบ่งออกตามสีจาก ขาว ไป เขียว….
“การ์ดความสามารถสีเขียวสามารถสกัดใช้ได้ แต่เวลาที่ใช้ ... ”
ไคล์ ยังคงศึกษาความสามารถของการ์ดทันใดนั้น สตีฟ ก็ตบไหล่เตือนเขาหลังจากใกล้มาถึงหน้าห้องทำงานของ หัวหน้าเบรนต์
"รายงาน! ผมได้พา พลทหารไคล์ มาพบตามคำสั่งแล้วครับผม”
ไคล์ ติดตาม สตีฟ และทั้งสองยืนอยู่ที่หน้าประตูของห้องทำงานพร้อมกับตะโกนรายงาน
"เข้ามา!" เสียงที่เงียบสงบดังขึ้นจากด้านในห้องทำงาน ทั้งสองจึงเดินเข้าไปและยืนเคียงข้างกัน ภายในนั้นเรียบง่ายและดูดีในรูปแบบของค่ายทหาร มีโต๊ะทำงานอยู่ตรงกลาง
ชายวัยกลางคนที่สวมเครื่องแบบทหารกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้และดูเหมือนว่าจะเป็น หัวหน้าเบรนต์ นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หญิงสวมกระโปรงเล็กๆ ยืนถือเอกสารอยู่ข้างโต๊ะ
“พลทหาร อาการของนายเป็นอย่างไรบ้าง” หัวหน้าเบรนต์ มองอย่างเย็นชาไปที่ ไคล์ ไคล์ ก็ตอบกลับไปว่า:“ ดีขึ้นมากแล้วครับ ผมสามารถฝึกฝนต่อได้ในทันที”
“โอ้?” หัวหน้าเบรนต์ ขมวดคิ้วสีน้ำตาลแล้วพูดอย่างใจเย็น:“ ไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอีกต่อไป นายกลับไปเก็บข้าวของ พรุ่งนี้เช้าจะมีคนส่งนายกลับบ้าน"
ใบหน้าของ สตีฟ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าประโยคนี้มันเหมือนเป็นการตัดสินลงโทษประหารในอาชีพทหารของ ไคล์ ในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดสั้นๆ ของ หัวหน้าเบรนต์ หญิงสาวที่อยู่ข้างๆก็ก้มลงมองเอกสารที่อยู่ในมือ
มีเพียงใบหน้า ไคล์ เท่านั้นที่ยังคงสงบสติอารมณ์ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาและเขาได้เอ่ยขึ้นว่า:“ด้วยความเคารพครับหัวหน้า ผมยังคงยืนยันที่จะอยู่ต่อเพื่อฝึกฝนในฐานะทหาร”
หัวหน้าเบรนต์ เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ฝึกต่อ? แค่เพียงวันแรกของการฝึกนายก็เป็นลม แล้วยังมีหน้ามาขอฝึกต่อ ไปซ่ะ ทหารสหรัฐไม่มีคนอ่อนแอ!”
“และนายไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็นทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หัวหน้าเบรนต์ กวาดสายตามองไปที่ สตีฟ ด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อเผชิญหน้ากับน้ำเสียงที่สบประมาท ไคล์ สูดหายใจเข้าลึก ๆ และก้าวไปข้างหน้าตอบอย่างมั่นใจ:“ ให้โอกาสผม ผมจะแสดงความสามารถและคุณสมบัติของผม ต่อหน้าหัวหน้า”
ในขั้นตอนนี้ ไคล์ ได้ก้าวเข้าสู่ระยะสามเมตรของ หัวหน้าเบรนต์ และทันใดนั้นการ์ดที่มีมากกว่าสามสิบใบทั้งสีขาวและสีเขียวปรากฏออกมาให้ได้เห็น
ระดับหัวหน้าครูฝึกทหารเกณฑ์ มี การ์ดสีเขียว ถึงเก้าใบ!
[การใช้ปืนพก], [การใช้ปืนไรเฟิล], [ความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ทหาร], [มวยทหาร], [การฝึกซ้อมทหาร] …
“โฮ่ น้ำเสียงมั่นใจไม่เบานายต้องการแสดงอย่างไร” หัวหน้า เบรนต์ แสยะยิ้มออกมาอย่างเย็นชา การที่สามารถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแบบนี้สามารถเข้าใจได้คือต้องเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอยู่ในระดับสูงเท่านั้น
อะไรคือความสามารถและความมั่นใจของทหารเกณฑ์คนนี้ผู้ที่เป็นลมล้มพับตั้งแต่วันแรกของการฝึกฝน
หญิงสาว ที่อยู่ถัดจากโต๊ะก็อดที่จะส่ายหน้าอย่างลับๆไม่ได้
“ในเมื่อคุณไม่เชื่อเอาอย่างนี้ไหมล่ะ เรามาเดิมพันกัน” หลังจากเห็น การ์ด ของ หัวหน้าเบรนต์ เขาก็พูดอย่างใจเย็นขึ้นอีกว่า“ ถ้าผมชนะ ผมจะอยู่ในค่ายทหารต่อไป แต่ถ้าผมแพ้คุณ ผมจะพับเสื่อกลับบ้านในทันที”
"เดิมพัน? นายจะพนันยังไง เล่นไพ่? โยนเหรียญหัวก้อย?” หัวหน้าเบรนต์ มอง ไคล์ ราวกับมองคนงี่เง่า
“ ไม่แน่นอน ผมต้องการท้าดวล หัวหน้าเบรนต์! ในแบบฉบับของทหาร!” ไคล์ กล่าว
"พอ! พลทหาร นายอย่าอวดดีให้มันมากเกินไป!” หัวหน้าเบรนต์ ตบโต๊ะและยืนขึ้น เขาพูดด้วยความโกรธผสมเล็กน้อย:“ นายเป็นพลทหารที่น่าอับอายที่สุด ฉันสามารถร้องเรียนต่อศาลทหารเพื่อตัดสินลงโทษนาย!”
ไคล์ ไม่เพียงแต่ไม่กลัว เขากลับพูดอย่างจริงจัง:“ ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะหัวหน้า แต่ผมต้องการแสดงความสามารถในฐานะทหาร”
"แก!" หัวหน้าเบรนต์ พยายามที่จะพูดอะไร แต่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยถามขึ้นว่า“ พลทหารไคล์ คุณต้องการประลองกับ หัวหน้าเบรนต์ อย่างไร?”
“ประลองกันด้วยปืน” ไคล์ ตอบอย่างใจเย็น
ดวงตาที่สวยงามของหญิงสาวมอง ไคล์ ราวกับพยายามค้นหาบางสิ่งจากใบหน้าของเขาและในที่สุดเธอก็พูดขึ้นว่า“ ฉันคิดว่าคุณควรให้โอกาสเขาแสดงความสามารถ” จากนั้นเธอก็กลับสู่ความเงียบดังเดิม
“ก็ได้ ในเมื่อนายต้องการประลองกับฉัน ฉันไม่รู้ว่านายพกความมั่นใจนั่นมาจากไหน...” หัวหน้าเบรนต์ นั่งเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็เอนกายลงบนเก้าอี้แล้วพูดว่า“....ฉันจะมอบความพ่ายแพ้ให้กับนายแล้วส่งนายกลับบ้าน วันนี้ห้าโมงเย็น ไปเจอกันที่สนามฝึกยิงปืน”
"ครับ" ไคล์ พยักหน้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คาด ในตอนนี้ความสนใจของเขาตกอยู่ที่หญิงสาว
เธอสามารถเปลี่ยนความตั้งใจของ หัวหน้าเบรนต์ แสดงว่าตำแหน่งของเธอนั้นไม่ธรรมดา ขอดูหน่อยสิว่าเธอมีการ์ดความสามารถที่มีประโยชน์หรือไม่
เมื่อ ไคล์ อยู่ในระยะสามเมตรห่างจากหญิงสาวและมองไปที่เธอเขาก็เกือบจะตกตะลึง
มีการ์ดความสามารถจำนวน 70 ใบกระโดดออกมาจากหญิงสาว ซึ่งมีทั้งการ์ดสีขาวและสีเขียว มันเกือบจะครอบคลุมทั่วทั้งร่างกาย
[ความเชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา], [ความเชี่ยวชาญการดูแลทางการแพทย์], [ความเชี่ยวชาญรหัสมอส], [ความเชี่ยวชาญการลอบสังหาร], [ความเชี่ยวชาญปืนไรเฟิล], [ความเชี่ยวชาญในพิธี] …
มี การ์ดสีเขียว ไม่น้อยกว่ายี่สิบใบ! และในหมู่พวกมันมีการ์ดที่มีสีเขียวเข้มกว่าการ์ดสีเขียวทั่วไป ซึ่งมีความเงางามเป็นประกาย
“ เนื่องจากเป็นการประลองถ้าจะให้ดีที่สุดมันก็ต้องมีพยานและหลักฐานที่เป็นรายลักษณ์อักษรดังนั้นขอเชิญคุณเป็นพยานในการประลองครั้งนี้ด้วย” ไคล์ ยิ้มพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้หญิงสาวในระยะหนึ่งเมตร ราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวตอนี้
เขาใช้เวลานานกว่าสามนาทีในการดึง การ์ดความสามารถสีเขียว เกือบทั้งหมดของหญิงสาว
555
555
555
555
555
555
555
555
555
555