ตอนที่ 8 เข้าช่วยแนวหน้า
เมื่อการต่อสู้ได้จบลงในช่วงเวลาสั้นๆ ไคล์ ก็เดินเก็บยุทโธปกรณ์ที่ริบมาจากศพ
หลังจากการตายของทหารเยอรมันสิ่งของเหล่านี้ล้วนอยู่ในสถานะไร้เจ้าของดังนั้นมันจึงสามารถสกัดเป็นการ์ดได้
“หืม! นี่มันอะไร?” ไคล์ มองไปที่ม้วนหนังแกะสองผืนที่พบจากศพของทหารเยอรมัน เมื่อเขาพลิกดูก็มีข้อความลอยออกมา
[แผนที่เข้าด้วยรหัสลับ 1]: แผนที่ภูมิประเทศโดยละเอียดของเขตสู้รบในท้องถิ่น รวมถึงฐานที่ตั้งชั่วคราวของกองทัพฝ่ายนาซีเยอรมัน
[แผนที่เข้าด้วยรหัสลับ 2]: มีข้อมูลที่รวบรวมโดยหน่วยข่าวกรองชั้นยอดของกองทัพนาซีเยอรมันซึ่งแสดงถึงที่ตั้งของค่ายทหารของ ฝ่ายสัมพันธมิตร รวมถึงเส้นทางการลำเลียงเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์
“ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกมันกล้าเข้ามาลึกถึงแนวหลังของศัตรู กลับกลายเป็นว่าพวกมันเป็นหน่วยรบชั้นยอดที่ส่งมาจากนาซีเยอรมนี” ไคล์ เผยสีหน้าครุ่นคิดและนำแผนที่หนังแกะทั้งสองผืนมาเก็บไว้กับตัว
มีแผนที่ก็เหมือนมีอาวุธที่ร้ายแรงอยู่ในการครอบครอง มันสามารถกำหนดจุดยุทธศาสตร์ ชัยภูมิที่ได้เปรียบ และตำแหน่งที่ตั้งของข้าศึกได้ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่นาซีเยอรมันจะสามารถสร้างแรงกดดันให้กับกองทัพสหรัฐฯได้เป็นอย่างมาก
ไคล์ ดึงอุปกรณ์จากทหารเยอรมันอย่างรวดเร็วจากนั้นย้ายทั้งหมดไปยังรถบรรทุกลำเลียงของเขา
สำหรับอาวุธปืนและกระสุน ไคล์ ก็นำไปด้วยทั้งหมดโดยไม่ให้หลงเหลือ อาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารที่ถูกปล้นโดยฝ่ายศัตรูล้วนถูกนำไปใช้เพื่อฝ่ายตนเองทั้งหมดดังนั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็จะไม่มีใครรู้สึกผิด
หลังจากมอง อาวุธยุทโธปกรณ์บนรถบรรทุกลำเลียงที่ถูกปล้นโดยเขา ไคล์ ก็ครุ่นคิดเล็กน้อยพร้อมกับมองไปยังพื้นที่สู้รบซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนั้นก็เอ่ยพึมพำขึ้นว่า "ถึงเวลาแล้วที่จะเข้าร่วมรบในแนวหน้า"
หลังจากลงมือสังหารศัตรูครั้งแรกในชีวิต ไคล์ มีความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเขา เขาเชื่อว่าการพึ่งพาการ์ดความสามารถและการ์ดไอเท็มจะทำให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่ในสงครามครั้งใหญ่นี้ได้
ในเมื่อเขามีโอกาสเกิดใหม่ในโลกใบนี้เขาก็จะใช้สงครามโลกครั้งที่ 2 นี้ขัดเกลาความแข็งแกร่งของเขา!
………………….
แนวหน้าในเขตสู้รบ
'ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!'
'วีดดด ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!'
เสียงปืนเสียงระเบิดจำนวนมากดังกึกก้องราวกับเสียงฟ้าร้องฟ้าฝ่า เปลวไฟสีแดง แสงไฟจากปากกระบอกปืนกระพริบอย่างต่อเนื่อง มันสวยงามมากเมื่อมองในเวลากลางคืนแต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะอยู่นิ่งๆเพื่อยืนมอง ทหารอเมริกันและเยอรมันต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ทหารอเมริกา เน้นการป้องกันเป็นหลักโดยขุดหลุมเพลาะเป็นแนวยาวไว้เป็นที่กำบังเรียงกันเป็นแถวๆเพื่อป้องกันการโจมตีของทหารเยอรมันและหยุดการรุกคืบหน้าของข้าศึก
แม้ว่ากระสุนปืนทั้งเล็กทั้งใหญ่จะยังคงเก็บเกี่ยวชีวิตของทหารนาซีเยอรมันแต่พวกมันก็ยังรุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้ระยะห่างของทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
“ไอ้พวกสารเลวเหล่านั้นถูกล้างสมองพวกมันเป็นคนบ้าที่ไร้ความหวาดกลัว!”
จ่าสิบเอก ของฝ่ายอเมริกา ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันของเขาเอาไว้แน่น และมองไปยังทหารข้าศึกที่พุ่งเข้ามาด้วยดวงตาที่เปื้อนเลือด เขากำหมัดของเขาเอาไว้แน่นพร้อมกับทุบลงไปที่พื้นดินและเอ่ยขึ้นว่า“ กระสุนของเราเกือบจะหมดแล้ว กำลังเสริมและยุทโธปกรณ์ก็ยังมาไม่ถึง!”
“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเราต้องสูญเสียแนวป้องกันนี้ภายในสิบนาที…..“
ในขณะที่จ่าสิบเอกยังพูดไม่ทันจบการโจมตีที่รุนแรงก็เกิดขึ้นกระสุนปืนใหญ่ถูกยิงมาที่หลุมเพลาะต่อหน้าต่อตาห่างจากตัวเขาไม่กี่สิบเมตรและทหารที่อยู่ข้างๆก็แหลกระเอียดเป็นเศษเนื้อในทันที
“นั่นมันอะไร?" หลังจากที่จ่าสิบเอกกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยแรงระเบิดอันน่าเกรงขามของลูกกระสุนปืนใหญ่เขาดิ้นรนลุกขึ้นแม้ว่าหูจะอื้อและรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกาย เขามองไปยังฝั่งตรงข้าม เขาเห็นเครื่องจักรเหล็กขนาดใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาราวกับสัตว์ประหลาดโดยไม่สนใจร่างของทหารเยอรมันจำนวนนับไม่ถ้วนที่นอนอยู่บนพื้น
“แม้แต่พวกตนเองมันก็ยังไม่สนใจ? เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าก่อนหน้านี้เขาพูดผิดมันไม่ใช่สิบนาที แต่เป็นสิบวินาทีแนวป้องกันนี้จะถูกทำลาย! จ่าสิบเอก เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เครื่องจักรเหล็กขนาดใหญ่ของกองทัพเยอรมันยังคงเดินหน้าเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับปรับทิศทางของกระสุน ก่อนที่มันจะทันได้ยิงปืนใหญ่รอบที่สอง จู่ๆ เสียงจรวดก็กรีดร้องคำรามดังขึ้น!
'ฟิ้ววว ตูมม! '
จรวดถูกยิงมาจากทางเหนือของเขตสู้รบห่างจากแนวป้องกัน 40 เมตร และถูกตัวถังของเครื่องจักรเหล็กขนาดใหญ่อย่างแม่นยำ
เครื่องจักรนั้นระเบิดเป็นเศษเหล็กและทำให้ทหารนาซีเยอรมันที่อยู่ด้านข้างได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
“ดี!”
ทหารของกองทัพสหรัฐที่เห็นฉากนี้ต่างก็กระโดดขึ้นอย่างยินดี
แม้แต่ จ่าสิบเอก ที่ก่อนหน้านี้หลับตาลงอย่างสิ้นหวังก็เปิดตาของเขาขึ้นและมองไปยังทิศทางที่จรวดถูกยิงออกมา
ที่นั้นเขาเห็นชายหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแกร่งหน้าตาหล่อเหลายืนถือจรวดประทับไว้บนไหล่ซึ่งก็คือ ไคล์ ที่พึ่งเดินทางมาถึง
เมื่อเห็นดวงตาของเหล่าทหารหลายคนจดจ่อมาที่ตัวเขา ไคล์ ก็เผยรอยยิ้มเบา ๆ :
“ขอโทษที่มาช้า ผมพลทหารไคล์ ได้รับมอบหมายให้มาที่นี่!”
……………………….
สงครามที่โหดร้ายและการป้องกันที่แนวป้องกันนี้ดำเนินไปเป็นเวลาหนึ่งคืน!
ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีขาวและแสงแรกของดวงอาทิตย์ก็ตกกระทบสนามรบ กองทัพนาซีเยอรมันถอยกลับราวกับกระแสน้ำลดลง
ด้วยวิธีนี้มันถือได้ว่าเป็นชัยชนะระยะสั้นสำหรับกองทัพสหรัฐ
และถือว่าเป็นชัยชนะที่น่ากลัว! แนวป้องกันนี้เป็นตัวตัดสินชีวิตและความตาย ร่างที่ไร้วิญญาณของทหารจากทั้งฝั่งเยอรมันและสหรัฐอเมริกากองเป็นบนภูเขาเลากาในสนามรบของถิ่นทุรกันดาร ดินแดนหลายไมล์กลายเป็นพื้นดินที่ไหม้เกรียมผสมปนเปไปกับเลือดสีแดงฉาน
ทหารอเมริกาจำนวนมากที่รอดชีวิตไม่มีกระจิตกระใจที่จะตะโกนโห่ร้องยินดี พวกเขาประสบกับการต่อสู้ที่หนักหน่วงซึ่งกินเวลาหนึ่งคืน ร่างกายและจิตใจหมดไปแล้ว หลายคนเป็นลมล้มพับลงไปนอนกับพื้น ในขณะที่ยังถือปืนไว้ในมือ
ไคล์ นั่งอยู่ในหลุมเพลาะเขารู้สึกเหน็ดเหนื่อย ร่างกายของเขาก็เต็มไปด้วยเลือดและดินโคลน ประสบการณ์ยามค่ำคืนที่ผ่านมาเขาไม่เคยประสบมาก่อน
แม้เขาจะมีความแข็งแกร่งและมีความแม่นปืน แต่กระสุนปืนก็ยังสามารถเก็บเกี่ยวชีวิตของเขาได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่รุนแรงของสนามรบควบคู่ไปกับการถาโถมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวต่อความตายของกองกำลังข้าศึกมันช่างหนักหน่วงกินแรงจริงๆ
มันเหมือนเป็นการแข่งขันชักเย่อกับความตาย ร่างกายต้องเตรียมความพร้อมและตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่คุณหละหลวมกระสุนของศัตรูอาจก็จะเปิดรูเลือดในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายของคุณ
เพราะนี่คือสงครามครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ!
มันไม่สามารถผ่อนคลายได้แม้ชั่วครู่ชั่วยาม จนกว่าข้าศึกจะถอยทัพกลับไป
ไคล์ ขว้างปืนลงบนพื้นหลังจากมันถูกใช้งานอย่างหนัก
“พลทหารนายชื่อว่า ไคล์” จ่าสิบเอก ได้เอ่ยถาม ไคล์ การสู้รบอย่างหนักหน่วงเมื่อคืนทำให้เขาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายอย่างถาวร มือข้างหนึ่งของเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากกระสุน แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มและหัวเราะออกมา “ ดูนายยังเด็ก นายคงมาสนามรบนี้ครั้งแรกสินะ”
"ใช่." ไคล์ หอบหายใจพร้อมกับพยักหน้า
“ โอ้ เข้าสู่สนามรบครั้งแรก และยังเป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ การแสดงของนายมันยอดเยี่ยมมาก แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นทหารเกณฑ์ ราวกับว่านายได้รับการฝึกฝนในระดับสูงจากโรงเรียนสงครามหรือเป็นพวกหน่วยรบพิเศษยังไงยังงั้น” จ่าสิบเอก เอ่ยออกมาพร้อมกับถอนหายใจ
"จ่าสิบเอก ชมเชยเกินไป หลังจากประสบกับการสู้รบเมื่อคืนทำให้ผมรู้สึกว่าการที่ผมสามารถมีชีวิตรอดอยู่นี่นับว่าเป็นพรของเทพธิดาแห่งชัยชนะอย่างแท้จริง " ไคล์ พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์
"ใช่. มันเป็นพรจากเทพธิดาแห่งชัยชนะ” จ่าสิบเอก ยิ้มและพูดว่า“ รออีกหน่อยจะมีกำลังเสริมจากแนวหลังเขามาสับเปลี่ยนกำลังพลกับพวกเรา เมื่อถึงตอนนั้นเราสามารถพักผ่อนได้”
"พักผ่อน? ผมเกรงว่าจะทำไม่ได้” ไคล์ ส่ายหน้าจากนั้นก็กล่าวว่า“ ผมมีของสำคัญที่ต้องส่งมอบให้กับผู้พันด้วยตนเองกับมือ!”