ณ พระราชตำหนัก ที่ฉาบด้วยสีทองสลับสีเขียวมรกต โอ่อ่าภูมิฐาน ในตัวพระราชตำหนักมีแท่นเตากำลังลุกโชนด้วยเพลิงเผาผลาญศิลาสีฟ้า ก่อให้เกิดควันสีฟ้า หมุนวนล้อมทั่วในตัวตำหนัก
นี้เป็นศิลาฟ้าจันทรา หากมันถูกเผาผลาญจะก่อให้เกิดกลิ่นหอมลอยอบอวล ส่งผลให้จิตใจสงบ เหมาะใช้ยามที่บ่มเพาะ แน่นอนว่ามูลค่าราคาของมันไม่ใช่น้อยๆ ถือเป็นทรัพยากรชั้นเลิศ บ่งบอกว่า ผู้เป็นเจ้าของพระราชตำหนัก มีศักดิ์ฐานะไม่ธรรมดา
ในภายตำหนัก มีชายวัยกลางคนสวมชุดสีเหลืองอร่าม ยืนตรงสง่าหมัดนึงกำแน่น ใบหน้าคมคายอาจหาญ แววตาเด็ดเดี่ยวประดุจผู้มากบารมี เมื่อเขาก้าวเข้ามาได้ไม่นาน สายฟ้าก็พลันคำรามอึกทึก
หากมองจ้องไปยังแขนข้างขวา จะพบว่าแขนข้างนั้นของเขาหายไป
ข้างกายเขามีสตรีผู้นึงแต่งกายงดงาม ร่างผอมบางอ่อนช้อย รูปโฉมงดงามสง่า แต่ทว่าใบหน้ากลับดูซีดเซียวไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
ในเวลานี้ ทั้งชายและหญิงคู่นั้นใบหน้าต่างฉาบด้วยความกังวล สายตาจ้องมองไปยังเตียง ที่มีเด็กหนุ่ม อายุ 13 - 14 ปี นั่งไขว้ขาขัดสมาธิ ร่างกายเด็กหนุ่มผู้นั้นดูบอบบาง เปลือกตาปิดสนิท ขณะกำลังโคจรกระแสปราณโลหิต อันแข็งแกร่ง
น่าแปลก ขณะที่กระแสปราณโลหิต ซึมซับเข้าสู่ชั้นผิวหนัง ลมที่โคจรรอบๆจะส่งเสียงราวกับมังกรคำรามด้วยความพิโรธ
สามารถบอกได้ว่าเสียงคำรามของมังกรดังขึ้นมาจาก เด็กหนุ่มผมสีฟ้าดำขลับ ที่ร่างกายกำลังสั่นเทา ใบหน้าดุดันยากปกปิดระงับความเจ็บปวด
ข้างกายเด็กหนุ่ม มีผมผู้เฒ่าผมขาว ที่กำลังคว้ากระจกทองแดง เปร่งแสงเรืองรองอ่อนๆ เมื่อแสงนั้นสาดสู่ร่างกาย ภายใต้ประกายแสง กระแสปราณโลหิตก่อนหน้าก็ค่อยๆกลับคืนสู่ภาวะเดิม
เมื่อกระแสปราณโลหิตค่อยๆจาง จนในที่สุดมันก็ไหลกลับคืนสู่ฝ่ามือของเด็กหนุ่ม
ผู้เฒ่าผมขาว เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับคลายความวิตก ก่อนจะหันไปหา ชายวัยกลางคนและสตรีที่สวมอาภรณ์งดงาม ขณะที่กล่าวขึ้นว่า " ขอแสดงความยินดีต่อ ฝ่าบาทและฮองเฮา ในระยะเวลา 3 ปี นี้ อาการขององค์ชาย จะไม่กำเริบ "
เมื่อชายวัยกลางคนและสตรีผู้รูปโฉมสคามได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของทั้งคู่ก็พลันปรากฏความสุข หมัดข้างที่กำแน่นก็คลายออก
" ผู้เฒ่าฉิน ตอนนี้ หยวนเอ๋อ อายุ 13 ปีแล้ว ปกติหนุ่มสาววัยนี้ แปดชีพจรจะถูกเบิก เป็นเวลาที่ หยวนเอ๋อ ควรเริ่มบ่มเพาะ " ชายวัยกลางคนที่สวมชุดเหลือง จ้องไปยังผู้เฒ่าผมขาว พร้อมกับเอ่ยถาม
ได้ยินคำถามเช่นนั้น ผู้เฒ่าผมขาว ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ พร้อมเอ่ยปากบอก " เรียนฝ่าบาท ผู้เฒ่ายังตรวจสอบไม่พบ 8 ชีพจรภายในร่างขององค์ชาย "
บุรุษผู้ทรงภูมิฐานได้ยินแบบนั้น ก็มีท่าทางเหมือนกับขบคิิด
ในสวรรค์และปฐพี กล่าวว่า การบ่มเพาะ จะเริ่มจากที่ร่างกาย ในกายมนุษย์ จะมีจุดชีพจรอยู่มากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือชีพจรทั้ง 8 ยกเว้นบางกรณีที่พิเศษออกไป คนปกติ 8 ชีพจรจะถูกเบิก เมื่อ มีอายุ 12 - 13 ปี แล้วค่อยๆทำการทะลวงจุดไปเรื่อยๆ ซึ่งเวลานี้ จำเป็นต้องค้นหา 8 ชีพจร หากพบว่าชีพจรทั้ง 8 ถูกเบิก ก็จะสามารถเริ่มดูดซับปราณฟ้าดิน เข้าสู่ 8 ชีพจร เพิ่มความแข็งแกร่ง
ฉะนั้นการเบิกชีพจร จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการบ่มเพาะ
ผู้บ่มเพาะฝึกฝนจะอาศัยการดูดซับหมุนเวียนปราณฟ้าดิน มาเป็นพลัง จึงเรียกกันว่า ผู้ใช้พลังปราณ
ผู้เฒ่าฉิน มองไปยังใบหน้าของชายวัยกลางคนที่หดหู่ พร้อมกับถอนหายใจเบาๆ กล่าวว่า " องค์ชายมีชะตาชีวิตเป็นมังกรเทวะ ซึ่งเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ กลับกัน คาดว่ามันจะนำมาพร้อมซึ่งภัยพิบัติ "
ชายผู้นั้นถึงกับตะลึง บริเวณใกล้เคียง สตรีรูปโฉมสคาม ขอบตาแดงก่ำ นำมือกุมปากไอออกมาอย่างรุนแรง
" ฮองเฮา โปรดถนอมพระวรกาย ท่านเสียโลหิตไปมากจากการช่วยรักษาองค์ชาย " ผู้เฒ่าฉินเห็นเช่นนั้นก็รีบกล่าว
สตรีรูปโฉมงดงามใช้ดวงตาจับจ้องไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วกล่าวว่า " พิษภายในร่างกาย หยวนเอ๋อ กำเริบทุกๆสามปีเป็นครั้งราว ตลอดเวลาเป็นท่านที่คอยขจัดมัน แต่ต่อจากนี้เขาต้องพึ่งตัวเอง แล้วหลังจาก 3 ปี เขาจะทำเช่นไร "
ผู้เฒ่าฉินเงียบไปครู่นึง จึงค่อยๆเอ่ยขึ้นว่า " สามปีต่อจากนี้หากยังหาทางยับยั้งมันไม่ได้ บางทีชีวิตขององค์ชายคงยากจะรักษาไว้ "
เมื่อได้ยินคำดังกล่าว ทั่วทั้งพระราชวังต่างเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ขณะที่ชายวัยกลางคนได้แต่กำหมัดแน่น ร่างกายสั่นสะท้าน ส่วนสตรีรูปโฉมงดงามต่างใช้มือกุมปากป้องเสียงสะอึ้นร่ำไห้
" ชีวิตของข้า เหลืออีกแค่ 3 ปี สินะ " ขณะที่ทุกอย่างจมอยู่ในความเงียบ เสียงของ เด็กหนุ่ม ก็ดังขึ้น
ทั้งสามคนที่อยู่ในตำหนักได้ยินเสียงนั้นล้วนพากันตกใจ ขณะที่หันมองไปยังเตียง โดยที่ไม่รู้ว่ามีดวงตาคู่นึง กำลังมองมาที่พวกเขา
ทั้งสามคนหันมองหน้ากันด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะได้สติเร็วเช่นนี้ ต้องรู้ก่อนว่าปกติยามที่อาการกำเริบเขาต้องนอน 2 - 3 พลบค่ำกว่าจะฟื้น
" หยวนเอ๋อ "
เด็กชายที่ถูกเรียกหาว่า หยวนเอ๋อ มีนามว่า โจวหยวน ชายวัยกลางคนและสตรีผู้งดงาม มีศักดิ์ฐานะเป็นจักรพรรดิ(ฮ่องเต้)และมเหษี(ฮองเฮา) แห่งราชวงศ์โจว โจวฉิง , ฉินหยู่
โจวหยวน ขบริมฝีปาก ใบหน้ายังคงซีดเซียว สาเหตุอาจเป็นเพราะร่างกายที่บอบบางกำลังอยู่ในสภาพอ่อนแอ ดูฉลาดเฉลียว ยามนี้เขานั่งเงียบ ขณะที่ยืดฝ่ามือออกมาช้าๆ
จะเห็นว่าฝ่ามีลวดลายอักขระสีแดงกลุ่มนึงขดอยู่ ที่สำคัญรอยแดงที่ฝังอยู่เนื้อหนังส่วนลึก กำลังบิดตัวช้าๆ ราวกับมังกรทะยานวนบนอากาศ ด้วยความพิโรธ ภาพที่ปรากฏจึงทำให้ดูน่ากลัว
" เสด็จพ่อ เสด็จแม่ ท่านควรบอกข้า ว่าจริงๆข้าเป็นอะไร "
โจวหยวนจดจ้องไปยังฝ่ามือน้อยๆที่มีลวดลายคล้ายมังกรสถิต ขณะที่กัดฟันแน่น สิ่งนี้มันทำให้เขาตระหนักได้ว่า สิ่งใดที่เรียกว่า ตายทั้งเป็น
ทุกๆ 3 ปี เจ้าสิ่งนี้เริ่มส่งผลร้ายต่อเขา มันค่อยๆกัดกินร่างกายของเขา การกัดกินของมันแต่ละครั้งได้นำพาความเจ็บปวดที่ไม่มีที่สิ้นสุดมาสู่เขา
ได้ยินคำพูดของ โจวหยวน , สีหน้าของ โจวฉิง , ฉินหยู่ ก็เปลี่ยนไป ก่อนจะขมวดคิ้วบนใบหน้า คล้ายกับทบทวนด้วยความสำนึกผิด
ขณะที่เงียบไปพักนึง โจวฉิง ก็ถอนหายใจ จากนั้นก็ระบายความอัดอั้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง " นี้คือ พิษมังกรพิโรธ "
" พิษมังกรพิโรธรึ " โจวหยวน ขมวดคิ้วลงด้วยความสับสน
มือของ โจวฉิง สั่นขณะที่กล่าวกับ โจวหยวน อีกว่า " เรื่องเหล่านี้ เจ้าควรรู้ตอนนี้ หยวนเอ๋อ เจ้ารู้ไม๊ว่า ราชวงศ์โจว เราเป็น มังกรเทวะ "
โจวหยวน ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างเต็มฝืน เพราะ มังกรเทวะ ทำให้การหา 8 ชีพจรจึงไม่พบ
โจวฉิง เข้าไปข้างๆ โจวหยวน พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำว่า " หยวนเอ๋อ ตอนนี้ ราชวงศ์โจวของเรา แม้มีดินแดนกว้างใหญ่ไพรศาล แท้จริงเป็นแค่แผ่นดินเล็กๆ เจ้าคงไม่รู้ว่าเมื่อ 15 ปี ก่อน ราชวงศ์โจวของเราเคยยิ่งใหญ่เพียงใด ยิ่งใหญ่ขนาดที่หลายอาณาจักรต่างๆต้องส่งมอบเครื่องบรรณาการ มาถวายเพราะความยำเกรง "
โจวหยวน ปรากฏสีหน้าประหลาดใจ เมื่อก่อนราชวงศ์โจวเคยมีดินแดนไม่มีที่สิ้นสุด อาณาจักรจำนวนมากยำเกรง แต่ตอนนี้ราชวงศ์โจวไม่ได้อยู่ในสายตาแว่นแคว้น ไม่นึกเลยว่าอดีตจะมีสถานะดังกล่าว
" เจ้าน่าจะรู้จัก ราชวงศ์ ต้าอู่ " โจวฉิง เมื่อเอ่ยมาถึงชื่อนี้ ก็ทำหน้าเหมือนว่าเขาหวนย้อนนึกกลับไปถึงเรื่องที่ไม่อยากจำ
" ราชวงศ์ต้าอู่ " โจวหยวน พยักหน้า ราชวงศ์ต้าอู่ มีดินแดนกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาเป็นอาณาจักรที่รุ่งเรืองเกรียงไกร เมื่อเทียบกับ ราชวงศ์โจว อาจกล่าวได้ว่าเปรียบดั่ง ยักษ์กับคนแคระ
เวลานี้ภายในดวงตาของ โจวฉิง เวลานี้เผยให้เห็นถึงความเกลียดชัง " เจ้ารู้ไม๊ว่าเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ราชวงศ์ต้าอู่ เคยอยู่ภายใต้อาณัติ ราชวงศ์โจว ของเรา "
ยามนี้แววตาของโจวหยวน ก็ปรากฏความตะลึง ไม่ถึงว่า ราชวงศ์ต้าอู่ ที่แสนจะยิ่งใหญ่ เมื่อก่อนจะเคยอยู่ใต้อาณัติของราชวงศ์โจว ฉะนั้นราชวงศ์โจว เมื่อ 15 ปีก่อน จะยิ่งใหญ่เพียงใด
" แล้วเหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้ " โจวหยวน อดที่จะถามไม่ได้
" ตระกูลโจวของข้า คบหา ตระกูล อู่ มาหลายร้อยปี อดีตยามที่ตระกูลโจวบุกตะลุยไปทั่วทั้งจัสตุรทิศ ตระกูลอู่ ล้วนถวายความจงรักภักดีและอุทิศชีวิต ช่วยตระกูล โจว สร้างดินแดน ด้วยความดีความชอบผู้นำตระกูลอู่ จึงได้รับตำแหน่งอ๋องชายแดน ได้รับอภิสิทธิ์มากมาย ร้อยปีที่ผ่านมาตระกูลอู่ จึงเป็นผู้ปกป้องชายแดนอาณาจักรโจว ทั้งสี่ทิศ "
โจวฉิง ร่างกายสั่นสะท้าน ขณะที่เลือดขึ้นตาขณะที่กล่าวด้วยความเจ็บแค้น " อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อ 15 ปีก่อน ตระกูลอู่ ตั้งตัวเป็นกบฎ แต่กว่าจักรพรรดิราชวงศ์โจวจะรู้ก็สายเกินการณ์เนื่องจากตลอดเวลาหลายปีเรื่องนี้ถูกปกปิดไว้ จนกระทั้งตระกูลอู่ ที่ความแข็งแกร่งจนน่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีอีกหลายราศวงศ์ที่ส่งองค์ชายเป็นเชลยศึก "
" ระยะเวลากว่าหนี่งปี ตระกูลโจวเราได้นำทัพหนีลงใต้ไปยังดินแดนบรรพบุรุษ ซึ่งก็คือแผ่นดิน ที่ราชวงศ์โจว ตั้งอยู่ตอนนี้ "
" ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดตระกูลอู่จึงก่อกบฏ ตระกูลโจวดีกับพวกมันมาโดยตลอดมีศักดิ์ฐานะก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า เชื้อพระวงศ์ "
" กว่าสายลับจะล้วงข้อมูลมาจากตระกูลอู่ได้ ซึ่งภายในปีนั้น พบว่าเมื่อร้อยปีก่อน ตระกูลอู่ ได้พบคำนาย "
" คำทำนาย " โจวหยวน สะดุ้ง
โจวฉิง กัดฟันและกล่าวว่า " ปักษากลืนกินมังกร ตระกูลอู่ ก็คือ ปักษา "
" ปักษาจะกลืนกินมังกร ตระกูลอู่ คือ ปักษา " โจวหยวน ทวนคำเบาๆ แต่ก็ไม่อาจเข้าใจความหมาย จึงเอ่ยถามว่า " มันคืออะไร "
ดวงตาของ โจวฉิง แดงก่ำยิ่งขึ้นเขาจ้องมอง โจวหยวน ด้วยความโศกเศร้า " เดิมทีก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆมันหมายความว่ายังไง จนกระทั่งถึงวันนั้น "
" ราชวงศ์โจวเราในตอนนั้น ข้าเป็นผู้นำซึ่งได้นำทัพโจวถอยหนีไม่ลดละ จนตระกูลอู่ ไล่ต้อนทัพเรามาจนถึงแผ่นดินบรรพบุรุษของเรา ทว่า ตระกูลอู่เพียงปิดล้อมไม่ทำการบุกโจมตี เหมือนรอบางอย่าง "
" รออะไร " โจวหยวน รู้สึกกระวนกระวาย
โจวฉิง จ้องมอง โจวหยวน ด้วยสีหน้าราวกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ประดั่งความสิ้นหวังผสมความพิโรธ จนทำให้ หัวใจ โจวหยวน เต้นไม่เป็นสั่น
" พวกมันกำลังเฝ้ารอวันที่เจ้าถือกำเนิด "
เมื่อ โจวฉิง กล่าวมาถึงตรงนี้ หัวใจของ โจวหยวน ก็เหมือนกับถูกบีบรัด
บริเวณใกล้ๆ มารดาโจวหยวน ฉิน หยู๋ ได้แต่กัดผ้าที่นำมากุมปาก
" เจ้ารู้ไม๊ ว่าเมื่อเจ้ากำเนิดเกิดอะไรขึ้น " โจวฉิง มอง โจวหยวน ด้วยดวงตาสีแดงโลหิต เอ่ยวาจาว่า " หยวนเอ๋อ วันที่เจ้าเกิด บนท้องฟ้าได้มีปราการณ์ เฆมหมอกสีฟ้า มังกรกระโจนทะยาน ส่งเสียงคำรามสั่นสะเทือน ไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี เป็น มังกรเทวะ จุติ "
" นับแต่ที่เจ้ากำเนิด ชีพจรทั้ง 8 จะถูกเบิก สามารถเริ่มการบ่มเพาะ ปราณพลัง "
" นี่เป็นตำนาน 'ปราณมังกรเทวะ' ซึ่งเป็นโอกาส หนึ่งในล้าน ภายภาคหน้าจะเป็นใหญ่เหนือสวรรค์และปฐพี สุริยันและจันทราอยู่ในร่างเดียว เจ้าคือมังกรเทวะ ผู้เดียวที่ข้าเคยพบในราชวงศ์โจว "
โจวฉิง แสดงความตื่นเต้นผ่านยังร่าง ที่สั่นสะท้าน เมื่อครั้งที่ โจวหยวน ถือกำเนิด นั้นเป็นวันที่เขาตื่นเต้นที่สุดในชีวิต วันที่ตระกูลโจวจะรอดพ้นจากความพินาศ สถานการณ์ในช่วงความเป็นความตายตระกูล โจว ได้มี มังกรเทวะ มาจุติ
โจวหยวน ยังลืมตาค้าง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อาจจินตนาการถึงปรากฏการณ์ ครั้งที่เขาเกิดมา
" แล้วทำไมละ " ฝ่ามือน้อยๆของโจวหยวน สั่นเทา ขณะที่สำรวจร่างตนเอง เนื่องจากเมื่อครั้งที่เขากำเนิด 8 ชีพจรสมควรถูกเบิก แต่ทำไมภายในร่างกายถึงยังไม่พบ 8 ชีพจร
โจวฉิง ระงับความตื่นเต้น เมื่อเสียงเงียบลง เขาก็ก้มหน้าลงพร้อมกับพูดสีหน้าเสียใจ คล้ายกับผู้ที่พบความพ่ายแพ้ " ในวันที่เจ้ากำเนิด ฮองเฮาของจักรพรรดิ อู่ ก็ได้ให้กำเนิด ทารก ชายและหญิง ทารกชาย ทารกชายนั้นมีปราณงูหลาม(มังกรเล็ก) แต่ทารกหญิงมีปราณปักษา ในคำทำนาย "
" ตามรายงานที่เราได้รับ ฮองเฮาของจักรพรรดิอู่ ได้ตั้งครรภ์ เป็นเวลา 3 ปี ตลอดเวลาไม่คลอดตามกำหนด จนสุดท้ายก็คลอด "
" ในอดีตข้ายังไม่อาจทราบ แต่จนวันนี้ก็ได้เข้าใจ ที่เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นในวัน เดือน ปี เดียวกัน มักเป็นเพราะมีชะตากรรมลิขิตร่วมกัน ปรากฏว่าที่ ตระกูลอู่ได้วางแผนมาหลายปี ไม่ได้มีเป้าที่ราชวงศ์โจว แต่เล็งที่ มังกรเทวะ ที่จุติในราชวงศ์โจว "
โจวหยวน อ้าปากค้างสูดลมหายใจเข้าไปแล้วกล่าวออกมาว่า " นี่คือจุดประสงค์สินะ "
แผนการเช่นนี้นับว่าเป็นแผนที่แยบคายรัดกุม เห็นได้ชัดว่าร้อยปี ที่มุ่งเป้าไปที่ราชวงศ์โจวของเขา แท้จริงแล้ว เป็นการเล็งมาที่เขาโดยเฉพาะ
ด้วยเหตุนี้ ฮองเฮาของจักรพรรดิ อู่ จึงอดทนรอคอยเวลาถึง 3 ปี
โจวฉิง พยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า " แผนการของตระกูลอู่ใช้เวลาสั่งสมนับร้อยปี สร้างความไว้ใจถวายให้ แผ่นดินต้าโจว ได้การยอมรับเชื่อถือ แต่ใครจะคิดว่าร้อยปีที่ตระกูลอู่อดทนรอ เป็นเพราะข้าให้กำเนิดเจ้า "
" วันนั้น จักรพรรดิอู่นำกำลังทัพนับร้อยล้านบุกเข้า แผ่นดินต้าโจว บีบบังคับให้ข้าและมารดาเจ้าทำลายปราณมังกรเทวะของเจ้า" เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น้ำตาของ โจวฉิง ก็ไหลเป็นสายเลือด
บริเวณใกล้ๆ ผู้เฒ่าฉิน ก็แสดงสีหน้าทุกข์ระทม กล่าวด้วยความยากลำบากว่า "วันนั้นฝ่าบาทเพื่อปกป้ององค์ชาย จึงได้ประลองต่อสู้กับจักรพรรดิอู่ที่เขาต้าโจว แต่ก็ปราชัย ฝ่าบาทจึงสูญเสียแขนข้างหนึ่ง หากไม่กลัวว่าจักรพรรดิอู่จะดึงไพร่ฟ้าประชากรมาเกี่ยว ข้าเกรงว่าฝ่าบาทคงต้องยอมตายอย่างมีเกียรติในสนามรบ "
" จากเหตุการณ์ในวันนั้น จักรพรรดิอู่ จึงสาบานต่อบรรพบุรุษว่าในร้อยปี ราชวงศ์ต้าอู่ จะไม่มาเหยียบแผ่นดินแคว้นโจว แม้แต่ครึ่งก้าว "
ภาพเหตุการณ์ในอดีตที่น่ากลัวได้ก่อตัวปะทุขึ้นภายในส่วนลึกจิตใจของ ฉิน หยู๋ จนไม่อาจเก็บระงับไว้ ได้แต่คุกเข่าลงต่อหน้า โจวหยวน เอนกายแนบชิด ขณะที่ร้องไห้ออกมาด้วยความขมขื่นสะอึกสะอื้น
" หยวนเอ๋อ ลูกที่น่าสงสารของแม่ เป็นแม่ที่ไม่ยุติธรรมกับเจ้า "
ความทรงจำที่โหดร้ายในวันนั้นย้อนมาอีกครั้ง นางใช้เลือดนางล้างความทรงจำของ โจวหยวน ที่เพิ่งกำเนิดลืมตาบนแท่นบูชา ตามที่จักรพรรดิอู่บังคับ
ในขณะที่ บนนั้นยังมีทารกอีกคู่ของจักรพรรดิอู่ ที่ถือกำเนิด
เพียงแต่ อีก 1 คนถูกผนึกจับ อีก 2 คนถูกวาง
ฉับพลันกระแสปราณโลหิตก็ถูกดึงออกจากเนื้อหนัง เป็นความเจ็บปวดที่ยากจะจินตนาการ
ยามนั้น ฉิน หยู๋ ยังเป็นเพียงสาวนางนึง จ้องมองดูทารกที่อยู่บนแท่นบูชาถูกลมหนาวเย็นพัดผ่าน กรีดร้องดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด จนเสียงของทารกแหบแห้ง
ความเจ็บปวดและความทรมานจิตใจ ช่วงเวลาที่นางทุกข์ทรมารเกินยากจะทนรับ ทำให้นางแทบจะขาดใจตายในอดีต
* อั๊กกก *
ด้วยความทุกข์ทะรม ทำให้ ฉิน หยู๋ หน้าซีด กระอักเลือดออกมา จนเลือดกระเด็นใส่ผมเผ้าของ โจวหยวน
" เสด็จแม่ เป็นเช่นไรบ้าง " โจวหยวน ที่ตื่นตกใจ รีบใช้มือเช็ดเลือดที่มุมปากของ ฉิน หยู๋ ด้วยความร้อนรน
ใกล้เคียง ผู้เฒ่าฉิน ก็รีบโคจรกระแสปราณโลหิต ก่อนที่จะส่งไปยังฮองเฮา ฉิน หยู๋ เพื่อช่วยให้เลือดภายในร่างนางเข้าสู่สภาวะคงที่ ขณะที่มองดูใบหน้า ฉิน หยู๋ พร้อมกับถอนหายใจพูดกับโจวหยวน ว่า " องค์ชาย ท่านยังไม่ทราบ ในตอนนั้น ฝ่าบาทและฮองเฮา เพื่อปกป้องท่านจึงต้องทำทุกอย่าง จนเกือบต้องตายในสงคราม "
" อย่างไรก็ตาม ฮองเฮาตอนแรกที่ท่านถูกตัดขาดจากชะตากรรม นางได้ถ่ายเลือดของนางเข้าไปในตัวท่าน ฉะนั้นท่านจึงยังมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้ แต่สำหรับฮองเฮาเพราะเหตุนี้จึงต้องแลกด้วยค่าตอบแทนมหาศาล ทุกครั้งที่นางถ่ายเลือด องค์ชายจะมีชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 3 ปี ด้วยเวลา 12 ปีของท่าน อายุขัยนางจะลดลงไป 36 ปี อวัยวะเสียหาย ขณะนี้อายุขัยนางเหลือไม่ถึง 10 ปี "
" อะไร ท่านพูดว่าอะไร "
โจวหยวน ได้ยินเช่นนั้น ราวกับถูกฟ้าผ่าใส่ แววตาปรากฏเส้นเลือดแดงฉาน ก่อนหน้าแม้ได้ยินว่าชะตากรรมตนถูกพรากไป เขายังสามารถคุมอารมณ์ให้มั่นคง สิ่งทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนั้นเขายังจำความไม่ได้ และไม่รู้ว่าสิ่งใด ที่เรียกว่า ปราณมังกรเทวะ แม้มันจะถูกตัดขาด เขาจึงเพียงรู้สึกตกใจ
แผนการณ์หลายร้อยปีของตระกูลอู่ แม้ว่าในใจเขาเหมือนจะมีคลื่นลูกยักษ์ซัดใส่ เขาก็สามารถระงับมันเอาไว้ แต่การที่พวกมันทำให้มารดาอันเป็นที่รักผู้ให้กำเนิดเขาต้องเป็นเช่นนี้ มันก็ทำให้จิตสังหารปรากฏขึ้นภายในจิตใจเขาเป็นครั้งแรก ซ้ำยังมิอาจยับยั้งสะกด
ดังนั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่ ผู้เฒ่าฉินกล่าว โจวหยวน จึงไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป เวลานี้เลือดลมที่โคจรไหลเวียนอยู่ภายในร่างแล่นสู่ห้วงสมอง ทำให้สีหน้าเขากลายเป็นสีแดงฉาน ใบหน้าที่อ่อนโยนปรากฏความดุร้ายกระหายเลือดอย่างไม่คาดคิด
" ตระกูลอู่ เป็นพวกเจ้าทำร้ายเสด็จแม่ของข้า ไอ้พวกบัดซับ "
โจวหยวน ร่างกายสั่นสะท้าน เนตรกลายเป็นสีแดงฉานจนน่ากลัว ขณะที่จิตสังหารปะทุออกมาจากจิตใจ
โจวฉิง ประคอง ฉิน หยู๋ ไปยังเตียงหยก เวลานี้สีหน้าของเขาเหมือนจะซีดลง ท่าทางองอาจหายไปหมดไม่เหลือ จากนั้นก็ได้แต่กล่าวออกมาว่า " ตามลิขิตสวรรค์และปฐพี ประวัติความเป็นมา ตระกูลอู่ ที่อ่อนแอ ต้องการสร้างแผ่นดินให้สืบต่อ เพื่อให้ลูกหลานสืบทอดปกครองแผ่นดินทั้งสี่ทิศ จำเป็นต้องให้ชะตากรรมหนุนนำ แต่ ปราณมังกรเทวะ ถือเป็น ปราณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด "
" เมื่อจักรพรรดิอู่พรากชะตากรรมเจ้าไป ทารกชายและหญิง ที่มีปราณมังกรและปักษา จะทำให้แผ่นดินรุ่งโรจน์เกรียงไกร พวกมันจึงทำทุกอย่างเพื่อพรากชะตากรรมของเจ้า "
" อย่างไรก็ตาม ปราณมังกรเทวะ ได้ถูกพรากไปโดย ปราณมังกร และ ปราณปักษา เป็นธรรมดาที่ปราณมังกรเทวะจะเกรี้ยวกราดโกรธแค้น ที่จักรพรรดิอู่ต้องการให้มังกรเทวะที่สถิตอยู่ภายในร่างเจ้าเกิดความพิโรธ จนกัดกินเลือดเนื้อไม่วายสิ้น กระทั้งสวรรค์ก็ยังพิโรธ ส่งผลให้การบ่มเพาะปราณพลังเจ้าถูกขัดขวางทำลาย "
" เจ้าที่ถูกพรากปราณมังกรเทวะ ไปตั้งแต่กำเนิด ทำให้จนกระทั้งวันนี้ก็ยังหา 8 ชีพจรไม่พบ ไม่สามารถเริ่มต้นการบ่มเพาะ "
โจวฉิง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ว่างเปล่า เหมือนผ่านความโหดร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด ยากเกินกว่าที่จะจินตนาการ เหตุการณ์ในวันนั้น ถือเป็นวันแห่งความสิ้นหวังของตระกูล โจว
ในวันเดียวกัน นอกอาณาจักร วันนั้นได้มี มังกร และ ปักษา ส่งเสียงกึกก้องไปหลายหมื่นลี้ พร้อมกับแสงสว่างสาดส่องไปทั่ว เปี่ยมล้นด้วยอำนาจ
ขณะเดียวกัน ในอาณาจักรก็มีเสียงมังกรเทวะคำรามไปทั่ว ขณะที่หมอกควันสีฟ้า แผ่ขยายปกคลุม
นี่คือ ปักษากลืนกินมังกร