ภายในพระราชวัง บรรยากาศจมอยู่ในความเงียบแสนจะน่าอึดอัด
โจวหยวน นั่งมอง โจวฉิง ที่ภายหลังใบหน้าปรากฏความเศร้าสลด ช่วงเวลาที่ผ่านพ้นมา เห็นได้ชัดว่า เขาได้ผ่านโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่
บุตรชายตนถูกศัตรูตรงหน้าทำร้าย โดยการพรากชะตากรรม สร้างความเจ็บปวดให้ร่างทารก แต่ตนกลับไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้เป็นบิดาย่อมถือเป็นความอัปยศ
โจวหยวน ขบริมฝีปากแน่น แต่ก็รู้นิสัยของ โจวฉิง หากเขาไม่ได้ทำเพื่อรักษาชีวิตประชาชนแคว้นโจว นับร้อยล้านชีวิต อย่างเขาคงจะเลือกให้จักรพรรดิอู่ฆ่าเสียดีกว่าอยู่
" ที่แท้ตลอดเวลาที่ 8 ชีพจรของข้ายังไม่ถูกเบิกขึ้น ก็เป็นเพราะฝีมือของจักรพรรดิอู่ " โจวหยวน มองฝ่ามือที่มีลวดลายสีแดงขยับเคลื่อนไหว ขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธ
จักรพรรดิอู่พรากชะตาเขา ทำลายปราณมังกรเทวะ วางแผนขุดรากถอนโขนโดยทำให้เขาถูก พิษมังกรพิโรธ
เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้ โจวหยวน โกรธแค้น ขีดสุด ก็คือทำให้ อายุมารดาตนถูกบั่นทอน จนมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึง 10 ปี
โจวหยวน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อจะระงับความโกรธที่เกาะกุมหัวใจจนกลายเป็นผลึก ขณะที่มองไปรอบๆ ก่อนจะไปหยุดที่ร่าง ฉิน หยู๋ ที่ใบหน้าซีดเผือด ทำให้รู้สึกราวกับถูกมีดกีดลงกลางใจ ได้แต่เอ่ยถามว่า " เสด็จพ่อจะต้องทำยังไงถึงจะช่วยชีวิตของ เสด็จแม่ ได้ "
โจวฉิง เงียบ ก่อนจะค่อยๆกล่าวขึ้นว่า " ในสวรรค์และปฐพี มีสมบัติช่วยยืดอายุขัยอยู่ หากได้มาครอบครอง ก็จะสามารถต่ออายุขัยให้เสด็จแม่ของเจ้า "
โจวฉิง ฝืนใจยิ้มและเอ่ยอีกว่า " แต่สมบัติบนโลกนี้ หาได้ยากยิ่ง ข้าเคยนำทัพใหญ่โจวออกค้นหา แต่ก็ไม่พบ "
" แผ่นดินต้าโจวเรา ตกต่ำกว่าที่ผ่านๆมา ซ้ำตอนนี้ยังถูกต้อนเข้ามุมอับจนหนทาง ที่ทำได้ก็แค่สามารถปกป้องตัวเองอย่างเต็มฝืน "
โจวหยวน กำหมัดแน่น มองเห็นความสำคัญของความแข็งแกร่ง หากเขามีความแข็งแกร่ง ต่อให้เป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวังไร้ซึ่งหนทาง มีเพียงภยันตรายรออยู่ เขาก็ต้องเสาะหาสิ่งที่เรียกว่า สมบัติยืดอายุขัย นั้นให้พบ
ทว่า 8 ชีพจรภายในร่างยังไม่พบ ทำให้หนทางการบ่มเพาะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเขายังไม่อาจเริ่ม
โจวหยวน กัดฟันและกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ " เสด็จพ่อ . . ข้าไม่สามารถเป็น ผู้ใช้พลังปราณ "
มารดาของเขาต้องสละเลือดที่สำคัญดั่งชีวิตเพื่อเขา ในฐานะบุตรชาย จะทนนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไรได้เช่นไร นอกจากนี้ยังมีตระกูลอู่ที่ต้องทำให้ตระกูลโจวต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้จะรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะไม่ง่ายดายดั่งเช่นในอดีต
แต่สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นไปได้หากว่าเขามีความแข็งแกร่งมากพอ
ไม่ว่าจะสวรรค์หรือปฐพี ล้วนอยู่ในกำมือของผู้ที่แข็งแกร่ง แน่นอนว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ใช้พลังปราณ
ได้ยินคำพูดของโจวหยวน โจวฉิงก็มีสีหน้าตรึงเครียด ราวกับลังเลจะตอบหลังจากที่ขบคิดอยู่นาน ก็มีเสียงดังกลับมาว่า " เจ้าคงไม่คิดจะถอดใจหรอกนะ "
โจวหยวน ส่ายหัวเบาๆ แม้ที่ผ่านพ้นมาในแต่ละปี มันจะทำให้เขาต้องทนทุกข์ทรมาน แต่มันก็ทำให้เขาอดทนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยว
เมื่อเขารู้ว่า พวกกบฎตระกูลอู่พรากปราณ ทำให้ทั้งสองตระกูล กลายเป็นปรปักษ์
ปัจจุบันแผ่นดินต้าโจวที่รอดพ้นจากการล่มสลาย นั้นเพราะจักรพรรดิอู่ได้ให้สัจจะสาบานไว้ แต่หากครบระยะเวลา 100 ปี ราชวงศ์อู่ คงบุกตีแผ่นดินต้าโจว
ดังนั้นหากคิดจะเปลี่ยนชะตากรรม เขาต้องมีพลังที่มากพอ
โจวฉิง ที่ได้เห็นความมุ่งมั่นของ โจวหยวน ที่ปรากฏ มันทำให้เขารู้สึกพอใจ หลังจากเงียบไปชั่วครู่ เขาก็ใช้มือตบลงบนไหล่ โจวหยวน และกล่าวว่า " ประเสริฐ การที่ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคง่ายๆสมแล้วที่เป็นบุตรของข้า โจวฉิง ในเมื่อเจ้ายังไม่ละทิ้งความหวัง บิดาผู้นี้ก็จะทุ่มเททุกสิ่งรู้เพื่อช่วยผลักดันเจ้า "
" เสด็จพ่อ หมายความว่าเช่นไร " ได้ยินคำที่ โจวฉิง กล่าว แววตา โจวหยวน ก็ฉายความประหลาดใจ
โจวฉิง ก้มหน้าเล็กน้อยขณะที่ยิ้มอย่างขมขื่นอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยว่า " จะยินดีตอนนี้ยังเร็วไป เพราะว่าวิธีที่ข้าจะใช้ต่อไปนี้ ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือไม่ "
" หมายถึงอะไร " โจวหยวน นั้นใจร้อน ซึ่งสมกับเป็นวัยของคนหนุ่ม
" หลังจาก 3 วัน จะเป็นพิธีสักการะบรรพชน เวลานั้นเจ้าต้องไปดินแดนของบรรพชนพร้อมข้า "
โจวฉิง ไม่ได้บอกเขาเกี่ยวกับรายละเอียด เพียงแต่ยิ้มและพูดว่า " แต่ข้ามีเงื่อนไข "
" เงื่อนไขอะไร " โจวหยวน ถามด้วยความสงสัยอยากรู้
โจวฉิง ก็เริ่มเปิดปากกล่าว " แม้เจ้ามุ่งเน้นด้านรูปแบบก่อเกิด ก็อย่าได้ละความพยายามเบิกชีพจร จงหมั่นเพียร ต่อให้ 8 ชีพจรจะไม่เบิก ก็สามารถใช้พลังจากรูปแบบก่อเกิด ซึ่งรูปแบบก่อเกิดนั้นยากแท้หยั่งถึง ไม่แน่ว่ามันอาจจะสามารถต้านทานพิษมังกรพิโรธที่อยู่ในร่างกายเจ้า "
ในสวรรค์และปฐพี ผู้ใช้พลังปราณ ถือเป็นสิ่งค้ำยัน ไม่ใช่แค่นั้น เส้นทางข้างหน้ามีอยู่หลายสาย ที่เต็มไปด้วยร้อยบุปผาเบ่งบาน ดั่งเช่น สิ่งที่เรียกว่า รูปแบบก่อเกิด ที่มีอยู่หลากหลาย และ ลึกซึ้ง
8 ชีพจร เวลานี้ไม่ใช่สิ่งที่มุ่งประเด็น โจวหยวน เขารู้ว่า โจวฉิง ได้ขบคิดเรื่องนี้ไว้แล้ว จึงศึกษารูปแบบก่อเกิด และวิธีอีกมากมายที่ไม่ต้องเกิดจากร่างกายทั้งหมด ผู้ใช้พลังปราณ จึงศึกษารูปแบบก่อเกิดผิวเผิน
โจวหยวน ที่ได้ยินคำพูดนั้น ก็พยักหน้ารับเบาๆ เขาเข้าใจสิ่งที่โจวฉิง พูดอย่างลึกซึ้ง จริงๆเขาเป็นกังวลว่า 8 ชีพจรมันจะไม่ถูกเบิก และหากไม่สามารถทำให้เขากลายมาเป็นผู้ใช้พลังปราณ ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมแพ้
โจวฉิง พยักหน้า ขณะที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
" เจ้าพักผ่อนก่อน 1 คืน พรุ่งนี้ต้องไปยังพระราชฐานตำหนักต้าโจว ที่ตั้งสำนัก หลังจากอีก 3 วัน ข้าจะพาเจ้าไปดินแดนบรรพชน "
" เยี่ยม " เด็กหนุ่มกล่าวด้วยเสียงที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวัง
โจวฉิง ลูบหัว โจวหยวน ด้วยรอยยิ้ม ขณะที่ประคอง ฉิน หยู๋ โดยที่ ผู้เฒ่าฉิน อยู่อีกข้าง ก่อนจะเดินออกจากในตำหนัก
โจวหยวน มอง โจวฉิง ที่เดินจากไป ตลอดวันเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยลืมความเจ็บปวดจวบจนถึงวันนี้ เขารู้ดีว่า บิดาเขามีความทะเยอทะยานและอุดมการณ์สูงส่ง แต่ความเป็นจริงที่โหดร้ายมันก็ทำร้ายเขา
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเพราะจักรพรรดิิ อู๋
โจวหยวน ขบริ้มฝีปาก จากใบหน้าที่เคยอ่อนโยนละเมียดละไม มันค่อยๆปรากฏความเย็นชา
" ตระกูลอู่ จักรพรรดิอู่ หวังว่าอีกไม่ช้า เราจะได้พบกัน "
วันถัดมา
เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน โจวหยวน ก็ออกเดินทาง ภายใต้การคุ้มครองจากองครักษ์วังหลวง ตรงไป พระราชฐานตำหนักต้าโจว ในทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ที่พระราชฐานตำหนักต้าโจว ตั้งประทับอยู่
สถานที่ที่เรียก พระราชฐานตำหนักต้าโจว หลายปีก่อน โจวฉิง ได้ก่อตั้งมันขึ้น ประกอบไปด้วยเหล่าปรมาจารย์และอาจารย์ เมื่อเข้ามาอยู่ในพระราชฐานตำหนักต้าโจวจะไม่มีการแบ่งแยกศักดิ์ฐานะ แม้กระทั้งประชาราษฏร์ตราบใดที่มีความสามารถพอ ก็จะได้รับอนุญาติให้เข้ามาที่พระราชฐานตำหนักต้าโจว
ปีที่ผ่านๆมา พระราชฐานตำหนักต้าโจว ได้ให้กำเนิดยอดฝีมือมากมาย ดังนั้น สถานภาพของพระราชฐานตำหนักต้าโจวนับวันจึงสูงขึ้น สูงขึ้น กระทั้งองค์ชาย โจวหยวน ก็เข้ารับการศึกษาที่นี่
เมื่อถึงพระราชฐานตำหนักต้าโจว ก็พบกับผู้เฝ้ายาม คนเหล่านั้นสวมเกราะและหมวกเต็มยศ หน้าที่พวกเขาคือตรวจสอบเอกสารแนะนำตัว อย่างเข้มงวด แต่ทว่า โจวหยวน ย่อมได้รับการยกเว้น เพราะไม่มีใครในนครต้าโจว ที่ไม่รู้จักองค์ชาย โจวหยวน
" คำนับองค์ชาย "
เมื่อโจวหยวน ปรากฏตัว ทหารที่เฝ้าตามจุดก็คุกเข่าลงคำนับให้เขา
" คารวะองค์ชาย " ศิษย์ของพระราชฐานตำหนักต้าโจวที่ผ่านมา ต่างก็ทักทายโจวหยวน พร้อมรอยยิ้ม ด้วยท่าทางที่นอบน้อม
โจวหยวน เองก็กุมมือขึ้นรับการทักทายจากคนอื่นๆเพื่อรักษามารยาท เขาทราบดีว่า ศิษย์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีศักดิ์ฐานะเป็นสามัญชน ดังนั้น พวกเขาจึงต้องให้ความเคารพต่อตน มันเป็นเพราะ บิดาเขาคือผู้ก่อตั้ง พระราชฐานตำหนักต้าโจวขึ้น ทำให้คนเหล่านี้มีโอกาส ได้เปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเอง
พระราชฐานตำหนักต้าโจว ณ อุทยานตะวันตก
ตำหนักกลางแสงที่สาดส่อง มีโต๊ะเตี้ยตั้งอยู่มากมาย บรรดาหนุ่มสาวต่างนั่งประจำที่ด้วยความตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบ
โต๊ะแถวแรก โจวหยวน นั่งคุกเข่าบนพื้น บนโต๊ะที่แสงส่องกระทบมีกระดานหยกที่สะอาดสะท้านวางอยู่ ถัดมาข้างๆก็มี พู่กันด้ามยาว
พู่กันตัวด้ามเป็นเนื้อหยกแดง ตัวแปรงเขียนทำด้วยขนหนูไฟน้ำหนักเบา มีแสงจางๆเป็นจุดเล็กๆ มันก็คือ แปรงก่อเกิด
ถ้าให้บอกว่าสิ่งสำคัญของรูปแบบก่อเกิดคืออะไร ทุกคนคงจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่ามันคือ แปรงก่อเกิด
รูปแบบก่อเกิดทั้งหมด ต้องใช้แปรงก่อเกิดเป็นสื่อนำโดยที่วาดโครงสร้างลึกลับของปราณก่อเกิด นั้นจะช่วยทำให้สามารถดูดซับปราณฟ้าดิน กลายมาเป็นพลังอันยิ่งใหญ่
ดังนั้น แปรงก่อเกิดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ หากไร้ซึ่งแปรงก่อเกิด ต่อให้มีความรู้เกี่ยวกับรูปแบบก่อเกิดเพียงใด ก็ไม่สามารถวาดโครงสร้างของรูปแบบก่อเกิดได้สมบูรณ์ ทำให้ลดทอนพลังบางส่วน
โจวหยวนหยิบกระดานหยกแดงและแปรงก่อเกิด สายตาจดจ่อ มุ่งมั่นวาดโครงสร้างลวดลาย ตามที่ชายวัยกลางคนกำลังสอนสั่ง
" สิ่งที่เรียกว่า รูปแบบก่อเกิด มาจาก จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ถูกรวบรวมไว้ที่ปลายพู่กัน โครงสร้างลวดลาย เครื่องหมายก่อเกิด 1 จังหวะสัมผัส จิตวิญญาณคือหมึก รูปแบบก่อเกิดจึงสำแดงฤทธา ชักนำให้ปราณฟ้าดินมาสู่ "
" เจ้าต้องจำไว้ว่า การวาดลวดลายรูปแบบก่อเกิดต้องให้ไหลลื่นเหมือนธารา อย่าได้วอกแวกเสียสมาธิแม้แต่น้อย ใช้แปรงก่อเกิดในมือให้เป็นส่วนหนึ่งของร่าง รวบรวมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปที่ปลายพู่กัน เคลื่อนไหวเป็นหนึ่ง ให้ทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน "
. . .
" หนึ่งเดือนที่ผ่านมาข้าได้สอน สามรูปแบบก่อเกิดให้เจ้า ข้าหวังว่าวันนี้ ข้าหวังว่าวันนี้จะมีสักคนที่ทำได้สำเร็จ " หลังจากอธิบายเสร็จ อาจารย์ก็เปิดปากกล่าว
แต่พอได้ยินแบบนั้น ณ อุทยาน ก็ค่อยๆมีเสียงโอดครวญ ของหนุ่มสาวทั้งหลายดังขึ้น แม้ว่าการฝึกรูปแบบก่อเกิดจะดูเหมือนง่าย แต่ถ้าได้ปฏิบัติจริง หลายคนก็ต้องสูญเสียจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดความท้อ
" เหอะ โอดครวญเข้าไป ข้าสอนไปแค่ 3 รูปแบบก่อเกิด รูปแบบกระทิงเถื่อน รูปแบบกายาแสง รูปแบบมังสาเหล็ก ที่เป็นแค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น " ได้ยินเสียงคร่ำครวญของศิษย์ อาจารย์ก็ตำหนิอย่างแรงด้วยความฉุนเฉียว จนเสียงดังไปทั่ว
หนุ่มสาวทั้งหลายที่เห็นว่าอาจารย์มีโทสะก็รีบก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยวาจาเสียงดัง ขณะเริ่มใช้แปรงก่อเกิด เริ่มวาดลวดลายไปบนกระดานหยกอีกครั้ง
โจวหยวน ที่เห็นเช่นนั้นก็ยิ้มเบาๆ ขณะที่มือหยิบถือแปรงก่อเกิด ด้วยจิตใจมุ่งมั่นไม่สั่นคลอน ดั่งสายน้ำที่ไหลบรรจบ เขาจ้องไปบนกระดานหยกที่สะอาดสะอ้าน ก่อนที่ปลายแปรงก่อเกิดจะมีแสงสีแดง ลุกโชน
โจวหยวน เริ่มวาดลวดลาย ปลายพู่กันค่อยๆสัมผัสกับกระดานหยกเป็นเครื่องหมายก่อเกิดที่ซับซ้อน สัญลักษณ์ที่ปรากฏดูน่าดึงดูดหลงใหล เมื่อพวกมันถูกลากมาบรรจบกัน มันก็ดูราวกับมีพลังลึกลับ
รูปแบบก่อเกิดแต่ละชนิด ขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเครื่องหมายก่อเกิด ยิ่งมีเครื่องหมายก่อเกิดมาก รูปแบบนั้นก็จะยิ่งแข็งแกร่ง
แต่โจวหยวน เวลานี้ เลือกวาดรูปแบบมังสาเหล็ก ที่มาจากสามรูปแบบ นี่เป็นรูปแบบก่อเกิดในระดับพื้นฐาน ที่มีกว่าร้อยเครื่องหมายก่อเกิดจึงจะสมบูรณ์ เห็นได้ชัดว่าต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก
ปลายพู่กันของ โจวหยวน ไหลลื่นเหมือนสายน้ำที่ไหลบรรจบอย่างเงียบๆ ไม่มีการติดขัดแม้แต่น้อย ราวกับได้มองเมฆาและสายน้ำทำให้เกิดความสุนทรี
ปีที่ผ่านมา เป็นเพราะในร่างกายเขายังหา 8 ชีพจรไม่พบ ดังนั้นเวลาทั้งหมด เขาจึงใช้มันศึกษา รูปแบบก่อเกิด ดังนั้น พื้นฐานของเขาจึงเหนือกว่าศิษย์คนอื่นๆ
ที่สำคัญที่สุด เขายังรู้สึกว่าจิตวิญญาณเขามันร้องบอกว่าเขาเหนือกว่าคนธรรมดา แม้ว่าในอดีตเขาจะถูกพรากเอาปราณมังกรเทวะไป แต่โชคดีที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้รับความเสียหาย อาจเป็นเพราะตอนนั้นเขายังเป็นแค่ทารก จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จึงยังไม่ปรากฏ
ภายใต้ปลายพู่กันที่ลื่นไหล ผ่านไปหลายนาที โจวหยวน ก็ยกมือขึ้น ขณะที่บนกระดานหยก เต็มไปด้วยลวดลาย รูปแบบก่อเกิดที่สมบูรณ์ ก็เริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ
" ดี ดีมาก เครื่องหมายสมบูรณ์แบบ ลวดลายก็เด่นชัด ดูออกทันทีว่ามันคือ รูปแบบมังสาเหล็ก ช่างเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก "ขณะที่ โจวหยวน วาดรูปแบบเสร็จ เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจก็ดังขึ้นข้างๆ
โจวหยวน เงยหน้าขึ้น ก็พบกับอาจารย์ที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้างๆเมื่อไหร่ แต่เขาตอนนี้มองมาที่รูปแบบก่อเกิดบนกระดานหยกด้วยความชื่นชม
หนุ่มสาวคนอื่นๆก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ โจวหยวน ด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ เพราะภายในที่นี่ไม่มีใครที่สามารถเขียนได้ แต่ทว่า โจวหยวน กลับทำได้สำเร็จ
อาจารย์ที่อารมณ์ดีขึ้น ก็ถอนหายใจให้กับศิษย์มากมาย " ถ้าพวกเจ้าทำได้ยอดเยี่ยมแบบนี้ ก็นับเป็นเรื่องดี "
หนุ่มสาวมากมายได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขณะที่ส่ายหัว องค์ชาย โจวหยวน มีความสามารถในด้านนี้เป็นเลิศ แต่จะบอกให้ทุกคนทำได้เช่นนี้มันไม่ประหลาดไปหน่อยหรอ
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเสียงหัวเราะเบาๆ ก็มีแสงหัวเราะแปลกๆดังแทรกขึ้นมา
" หึ หึ อาจารย์พูดเช่นนั้นก็ไม่ถูก พวกเราส่วนใหญ่เน้นการเบิกชีพจร ย่อมไม่มีความสามารถสูงส่งเหมือนดั่งองค์ชาย โจวหยวน ที่หัวใจและจิตวิญญาณ มุ่งศึกษารูปแบบก่อเกิดมาอย่างละเอียด มิเช่นนั้นคงไม่มีคำกล่าว ว่า เข็นรถก่อนม้า "
เมื่อเสียงหัวเราะนั้นดังขึ้น หลายคนต่างก็พากันเงียบ และพากันหันไปมอง
โจวหยวน เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สายตามองไปยังที่อยู่ห่างไปไม่ไกล เด็กหนุ่มสวมชุดผ้าไหม ยิ้มเบาๆมองมาที่เขา ขณะที่สะบัดแปรงในมือ
แต่รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนมุมปาก มันแสดงให้เห็นถึงการเยาะเย้ย
จบบทที่ 2