px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่ 4 ความแข็งแกร่งของรูปแบบก่อเกิด


สำนักวังต้าโจว ณ ลานฝึก

 

ที่กำลังจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น หนุ่มสาวมากมายจึงส่งเสียงตะโกน ด้านล่างลานฝึกเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเฝ้าดูเหตุการณ์ ผ่านไปไม่นานที่นี่ก็แออัดไปด้วยหนุ่มสาวรุ่นเยาว์ บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างจ้องไปบนลานประลอง เฝ้าจับตารอชมสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 

ใน พระราชฐานต้าโจว ที่ ลานฝึก เห็นได้ชัดว่าได้รับความนิยมสนใจไม่น้อย

 

ตอนนั้น สู่หลิน ก้าวมาอย่างช้าๆตรงเข้าสู่ลานประลอง เร็วๆนี้มีข่าวว่าเขาจะประลองกับ โจวหยวน ที่สนามฝึก

 

 " อะไรนะ  องค์ชาย โจวหยวน จะประลองกับ สู่หลิน  "

 

 " เป็นไปได้ยังไง องค์ชาย โจวหยวน กระทั้งชีพจรจุดเดียวก็จะไม่เบิก แต่ สู่หลิน เบิกไปถึง 2 ชีพจร "

 

 " นี่ สู่หลิน มันจงใจแกล้งกันชัดๆ มันใช้วิธีน่ารังเกียจอะไร ถึงทำให้ องค์ชาย โจวหยวน ประลอง "


 " . . . . . . . "


หลังจากที่บรรดาศิษย์มากมายได้ยินข่าวนี้ ก็เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ กระทั้งศิษย์บางคนก็คิดว่านี่ไม่ยุติธรรมต่อโจวหยวน เพราะการประลองครั้งนี้ มันไม่มีความเป็นธรรม

 

ทุกๆครั้งที่เบิกชีพจร มันจะทำการเชื่อมต่อกับอวัยวะต่างๆในร่างกาย ช่วยเพิ่ม พลังทำลาย ความเร็ว ความแข็งแกร่ง ปฏิกิริยาในการตอบสนอง และ อื่นๆ การเบิกชีพจรแม้ไม่สามารถพูดได้ว่ามันลึกซึ้ง แต่การเบิกชีพจรก็สามารถนำมาใช้สู้พลิกแพลงได้หลากหลาย ทั้งยังใช้ง่ายดาย

 

สู่หลิน ที่ก้าวขึ้นไปบนสนาม แม้จะได้ยินเสียงเหล่านั้นเขาก็เพียงแค่ยิ้มออกมา ไม่ว่าคนอื่นๆจะพูดยังไง แต่หลังจากวันนี้ เรื่องที่ โจวหยวน ถูกทุบตีคงแพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักวังต้าโจว มันจะต้องทำให้ชื่อเสียงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย และเขาก็จะกลายเป็นที่พูดถึงของผู้คน ขณะที่ โจวหยวน กลายเป็นตัวตลก

 

เจตนาความคิดที่ชั่วร้ายของเขาก็ต้องหยุดชะงักแค่นั้น เมื่อ สู่หลิน มองเห็นผู้คนที่แน่นขนัดค่อยๆแยกทางออก ขณะที่มีเด็กหนุ่มผู้นึงก้าวตรงเข้ามา

 

เด็กหนุ่มผู้นั้นหน้าตาหมดจรด เพียบพร้อมด้วยความองอาจ มารยาทเป็นเลิศ ดูไปคล้ายศิษย์ผู้อ่อนโยนบอบบาง


แน่นอนว่านั้นคือ โจวหยวน

 

ภายใต้สายตาของคนรอบๆมันมีความแตกต่าง โจวหยวน นั้นมองจ้องไปยัง สู่หลิน ที่อยู่บนลานประลอง

 

 " องค์ชาย " หลังจากที่เห็นเขาปรากฏ ซูโหยวเหว่ย ก็มีสีหน้ากังวล เห็นได้ชัดว่านางต้องการให้ โจวหยวน ล้มเลิกความคิดที่จะสู้กับ สู่หลิน


 " มาถึงขั้นนี้แล้วย่อมไม่อาจหันหลังกลับ มิเช่นนั้นข้าคงกลายเป็น องค์ชาย ขี้ขลาดหดหัว " โจวหยวน กล่าวพร้อมกับยิ้มให้ ซู โหย่วเวย

 

ยามนั้น ซูโหยวเหว่ย ได้แต่ชะงักเท้า ฟันสีขาวขบริมฝีปากแดงๆแน่น นางรู้ว่า ถ้าบอกให้ โจวหยวน ล้มเลิก มันจะเท่ากับเป็นการทำลายเกียรติชื่อเสียงของเขา

 

ซูโหยวเหว่ย หันใบหน้าอันงดงามจ้องไปยัง สู่หลิน ที่อยู่บนลานประลอง ขณะที่ดวงตาแคบลง จริงจังและดุดัน



" องค์ชาย เป็นข้าที่ไม่ดีเอง จึงสร้างปัญหาให้กับองค์ชาย คราวหน้า ข้าจะไม่ประมาทและจะไม่เปิดช่องว่างอีก " ซูโหยวเหว่ย กล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน

 

ก่อนหน้าที่นางพลาดท่าให้กับ สู่หลิน จริงๆแล้วมันมีเหตุผลหลักๆ นั้นเพราะนางไม่ได้ใช้วิธีการต่ำช้า ไม่เช่นนั้น สู่หลิน ต่อให้ใช้อาวุธก็ไม่มีโอกาส แต่บทเรียนครั้งนี้ก็ทำให้นางเข้าใจคำว่า เจออสรพิษอย่าประมาท

 

โจวหยวน ตกใจอยู่บ้าง ขณะที่กระพริบตามอง ซูโหยวเหว่ย แล้วเอ่ยขึ้นว่า " เราเป็นสหายกัน เพื่อนย่อมช่วยเพื่อนในยามที่มีปัญหา มันเป็นเรื่องธรรมดา "

 

ระหว่างที่กล่าว เขาก็ก้าวไปบนลานประลอง


ซูโหยวเหว่ย จ้องมองแผ่นหลังเขา ด้วยรอยยิ้มบางๆ เวลาในภายในใจนางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น ขณะที่แววตาเปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว นางตัดสินใจแล้วว่าตราบใดที่ สู่หลิน กล้าทำร้าย โจวหยวน นางจะต้องทำให้มันรู้ว่าสิ่งใดที่เรียกว่า ความโกรธแค้นของสตรี

 

 " ไง องค์ชาย ไม่คิดเลยว่าจะกล้ามา ข้าคิดว่าท่านจะวิ่งหนีกลับวังหลวงซะอีก " สู่หลิน ที่เห็น โจวหยวน ก้าวขึ้นมาก็เริ่มยั่วยุ


 " ดูเหมือนเจ้าจะมั่นใจในตัวเองมากสินะ " โจวหยวน กล่าวเบาๆ พร้อมกับจัดระเบียบแขน

 " ไม่นึกว่าก่อน ว่าองค์ชายเองก็จะโกรธเป็น เขาก็ไม่ต่างจากคนหนุ่มสาว ช่างน่าแปลกใจยิ่ง " ต่อคำของ สู่หลิน เห็นได้ชัดว่ามันทำให้ โจวหยวน มีท่าทางหุนหัน จึงทำให้ ซูโหยวเหว่ย แปลกใจ


 " มาเริ่มกัน " โจวหยวน คร้านจะต่อปากต่อคำไร้สาระ ขณะที่ใช้เท้าตั้งท่า พร้อมกับใช้มือกวักเรียก สู่หลิน พร้อมเอ่ยขึ้นว่า " เชิญเจ้าโจมตีก่อน "

 

ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นบนลานประลองมันก็ทำให้เหล่าบรรดาหนุ่มสาวต่างต้องตกใจ พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่า โจวหยวน กำลังคิดอะไรอยู่ เห็นชัดๆว่าเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ

 

" องค์ชาย หากต้องการจะขายหน้าเร็วขึ้น งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจ " เมื่อ สู่หลิน ถูก โจวหยวน กวักมือท้า ความโกรธก็พลันปะทุขึ้น ขณะที่ดีดตัวพุ่งจากพื้น ราวกับลูกศรที่ถูกปล่อย โดยใช้หมัดที่กำแน่นซัดเข้าใส่ โจวหยวน

 

พลังหมัดที่แหวกผ่านอากาศนั้นแสนจะรุนแรง แม้กระทั้งหินก็ต้องแตกละเอียดหากถูกกระทบ

 

มองหมัดที่หนักหน่วง โจวหยวน ไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยง กลับกันเขาได้ยกแขนขึ้นบดบังร่างกาย

 

อย่างไรก็ตาม การที่เขาทำเช่นนั้น ทำให้ผู้คนด้านล่างสีหน้าเปลี่ยนแปลง ถึงหมัดนี้จะไม่เชื่อมต่อกับ 2 ชีพจร แต่การโจมตีของ สู่หลิน ก็แรงพอที่จะหักกระดูกของ โจวหยวน ได้

 

ท่ามกลางสายตามากมายที่ตึงเครียด สู่หลิน ก็เกิดความหึกเหิมดั่งนักรบที่อาจหาญ เตรียมมุ่งใช้หมัดซัดเข้าไปที่แขนทั้งสองข้างของ โจวหยวน


ตุ้บบบ

 

ทันใดนั้นเสียงกระทบก็ดังขึ้น ทำให้สายตาทุกคนมองไปที่ หยวน โจว แต่ทว่า เท้าทั้งสองข้างของเขากลับยืนหยัดอยู่ที่เดิมไม่เขยื่อนไปไหน


อ๊ากก

 

ต่อมาเสียงโอดครวญอันน่าเวทนาก็ดังขึ้น

 

ความจริงนั้นไม่ใช่เสียงที่ดังมาจาก โจวหยวน แต่มันดังมาจาก สู่หลิน ที่กำลังกุมหมัด

 

ทุกคนต่างก็ต้องตะลึง เมื่อเห็น สู่หลิน ที่กุมหมัดร้องโอดครวญออกมา เวลานี้หมัดของเขามีรอยแดง ราวกับมันไปชนกับเหล็กกล้า

 

" เจ้า ซ่อนอะไรไว้ในแขนเสื้อ    " สู่หลิน ที่น้ำตาเล็ด เอ่ยถาม โจวหยวน ด้วยความเจ็บปวด

 

คนที่อยู่รอบๆต่างมองไปที่ โจวหยวน ด้วยความตะลึง หากองค์ชายทำเช่นนั้นจริงคงไม่ใช่เรื่องเล็ก


ท่ามกลางสายตามากมาย โจวหยวน ก็ค่อยถกแขนเสื้อ แล้วผู้คนก็ได้เห็น ว่าบนแขนทั้งสองข้างของเขามันมีลวดลายซับซ้อนส่องแสง โดยที่มันปกคลุมห่อหุ้มแขนของโจวหยวน จนแขนเขากลายเป็นเหล็กกล้าที่มีความแข็งหาสิ่งใดเปรียบ


 „นั้นมัน . . . . . . "


บรรดาศิษย์ถึงกับตกใจ ทันทีที่เห็นลวดลายส่องแสง พร้อมกับปลุกปลอบสติแล้วกล่าวขึ้นว่า " รูปแบบมังสาเหล็ก ที่ท่านอาจารย์สอน "

 

ผู้คนถึงกับเข้าใจกระจ่าง ที่แท้มันคือ รูปแบบก่อเกิด

 

ซูโหยวเหว่ย ที่จิตใจเหมือนถูกบีบรัดเวลานี้ค่อยผ่อนคลาย กล่าวขึ้นว่า " เดิมที องค์ชายก็ได้วาดรูปแบบก่อเกิดไว้บนร่างกาย "


 " เจ้านี่ ไม่นึกเลยว่าจะวาดรูปแบบก่อเกิดไว้บนร่าง " สู่หลิน ที่พึ่งหายเจ็บ เขาก็มองไปที่รูปแบบก่อเกิดบนแขนของโจวหยวนทั้งสองข้าง ด้วยท่าทางเหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะมีวิธีนี้


แม้ว่าก่อนหน้าในศาลาชั้นเรียน เขาจะเห็น โจวหยวน วาดรูปแบบมังสาเหล็ก บนกระดานหยก แต่หากจะเขียนมันบนร่าง จะต้องวางตามตำแหน่งจุดชีพจรบนร่างกายมนุษย์ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้ รูปแบบก่อเกิดส่งผลกระทบให้กับร่างกาย ฉะนั้นการจะเขียนมันลงบนร่างจึงมีความยากกว่าการเขียนลงบนกระดาน

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขากระทั้งจะเขียนรูปแบบก่อเกิดบนกระดานหยกก็ไม่สามารถทำได้ โจวหยวน ที่ศึกษามันอย่างถ่องแท้. .. ทำให้เกิดความต่างที่ไม่ใช่แคบๆ

 

 " คิดจริงๆหรอว่าข้าที่ไม่สามารถเบิกชีพจร แล้วจะไร้ซึ่งพลัง เป็นไก่รอถูกเชือด  " โจวหยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

สู่หลิน ถึงกับผิวเปลี่ยนสี ขณะที่พูดด้วยความโกรธด้วยเสียงเย็นชา " แล้วคิดจริงๆหรอว่าด้วยรูปแบบมังสาเหล็ก วันนี้เจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้ "


 " ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็น ความต่างระหว่างผู้เบิกชีพจรกับผู้ที่ยังไม่เบิกชีพจร "


 " เบิกชีพจร "

 

ระหว่างที่ สู่หลิน กล่าว ร่างกายของเขาก็มีแสงส่องออกมา กระแสลมรอบๆตัวปะทุขึ้น จนฝุ่นใต้ฝ่าเท้าถูกพัดปลิว ขณะที่ปราณฟ้าดินก่อตัว ไหลเข้าสู่ร่างกาย


วูบ วูบ

 

เสื้อคลุมที่คลุมร่างกายถึงกับพัดปลิว จนทำให้เกิดเสียง

 

ผิวของเขาค่อยๆกลับมาเป็นปกติ ขณะที่ทุกๆคนสัมผัสได้ว่า พลังของ สู่หลิน เพิ่มขึ้นในทุกขณะ

 

ขณะที่ผิวของบรรดาศิษย์เปลี่ยนแปลง ยามนี้ สู่หลิน เริ่มปลดปล่อยปราณในร่างกาย จนลมรอบๆตัวหมุนวน เพิ่มความแข็งแกร่งให้ สู่หลิน อย่างไม่ต้องสงสัย เช่นเดียวกับ ความเร็ว

 

ท่ามกลางสายตาของศิษย์ที่ตื่นตระหนก โจวหยวน เพียงจ้องไปยัง สู่หลิน กล่าวกับตัวเองว่า " เบิก 2 ชีพจร . . . "

 

 " ก่อนหน้าเจ้าเป็นฝ่ายโจมตี คราวนี้ถึงทีข้า "

 

ทันทีที่เสียงสิ้นสุด โจวหยวน ก็ตั้งท่าเตรียม จู่โจมใส่สู่หลิน

 

" ช่างอวดดี ความเร็ว พลังโจมตี พลังป้องกัน ทางกายภาพเจ้าด้อยกว่าข้าถึง 1 ใน 10 ส่วน แต่ยังคิดจะโจมตี  " สู่หลิน กล่าวขณะที่ มองไปยัง โจวหยวน


 " หึ  "


มุมปากของ โจวหยวน ยกขึ้นเหมือนแสยะยิ้ม

 

ต่อมา เท้าก็มีแสงเปล่งออกมาอีกครั้ง แสงนั้นส่องบนลวดลายบางอย่าง


ฟิ้วว


ทันทีที่แสงนั้นปรากฏขึ้นบนร่างของโจวหยวน ความเร็วของเขาก็เพิ่มสูงขึ้น ดั่งเสือชีต้าที่วิ่งไล่เหยื่อ

 

" นั้นมัน . . . . รูปแบบกายาแสง " ศิษย์บางคนที่มีสายตาเฉียบคม บังเอิญมองเห็นแสงที่ส่องจากเท้าของโจวหยวน ก็ตะโกนขึ้น

 

ในระหว่างที่คนคนนั้นตะโกนขึ้นมา แขนของโจวหยวน ที่ใกล้จะถึง สู่หลิน ก็ มีแสงเปล่งออกมาจากเสื้อผ้า ถึงแม้จะมองเห็นไม่ชัด แต่ทุกคนก็สัมผัสได้ว่าพลังหมัดของ โจวหยวน เพิ่มขึ้นไปทุกขณะ

 

" รูปแบบกระทิงคลั่ง " เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกัน

 

รูปแบบมังสาเหล็ก , รูปแบบกายาแสง, รูปแบบกระทิงคลั่ง

 

เวลานี้ ปากเล็กๆของ ซูโหยวเหว่ย ถึงกับหุบไม่ลง ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง เพราะในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ลมหายใจ โจวหยวน ได้ใช้ 3 รูปแบบก่อเกิด ในเวลาพร้อมกัน

 

สามรูปแบบก่อเกิดนี้อาจารย์พึ่งสอน แต่ โจวหยวน กับสามารถนำพวกมันทั้งหมด มาใช้กับร่างกายตัวเอง


 ปังงง

 

ท่ามกลางสายตาหลายคู่ ต่างจดจ้องไปยัง สามรูปแบบก่อเกิดที่ โจวหยวน ใช้ในเวลาพร้อมกัน พลังที่เกื้อหนุนกัน ทำให้หมัดอันทรงพลังเข้าถึงตัวของ สู่หลิน ด้วยความรวดเร็วและรุนแรง


ตุ้บบบบบ


ภายใต้การหนุนนำของสามรูปแบบก่อเกิด ทำให้เวลานี้ ความเร็ว พลังทำลาย และ ความแข็งแกร่ง ที่ สู่หลิน ไม่เคยรับรู้ แต่พอ สู่หลิน ได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งที่เหลือล้น แต่มันก็สายเกินไป เพราะหมัดนั้นซัดใส่ร่างเขา จนเขาต้องปลิว กระเด็นล่วงจากลานประลอง


เมื่อผลการประลองออกมา เวลานี้หนุ่มสาวมากมายต่างก็พากันเงียบสนิท ทุกคนต่างมองไปยัง โจวหยวน ที่อยู่บนลานด้วยสีหน้าประหลาดใจ


ทุกคนไม่เคยคาดหวังว่า ผลการต่อสู้จะออกมาเช่นนี้

 

บนลานประลอง โจวหยวน ค่อยๆลดหมัดลงช้าๆ ขณะที่แสงจากรูปแบบบนแขน ค่อยๆอ่อนกำลังลงไม่นานก็หายไป

 

เขาจับแขนสลับข้างซ้ายขวา ก่อนจะกระโดดลงจากลานประลอง ยื่นมือไปคว้า แผ่นหยกออกจากหน้าอกของ สู่หลิน แน่นอนมันคือสิทธิ์ในการเข้าสอบ

 

" กระทั้งคนที่ยังไม่เบิกชีพจรเจ้าก็ยังเอาชนะไม่ได้ เจ้าคงยังไม่เหมาะที่จะไปสอบ " โจวหยวน จ้องไปยัง สู่หลิน ขณะที่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

สู่หลิน ที่ได้ยินเสียงคำพูดนั้น ก็รู้สึกว่าตนกำลังถูกเยาะเย้ย ในใจเหมือนถูกบีบรัดจนไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง ทำให้ปัจจุบัน เขาเป็นลมหมดสติ


เขารู้ว่านับแต่พรุ่งนี้ไป เขาคงกลายเป็นตัวตลกในสำนักวังต้าโจว เป็นที่หัวเราะของศิษย์มากมาย. . . . . .


จบตอน 4

 

 

รีวิวผู้อ่าน