ตอนที่ 12 ข้อมูลผิด?
พระอาทิตย์ตกสู่ขอบฟ้าท้องนภาก็อับแสง ช่วงเวลาตามที่กำหนดเอาไว้ก็ได้มาถึง
ในเวลานี้ค่ายรบชั่วคราวของกองทัพสหรัฐกำลังเตรียมการอย่างเงียบ ๆ
ทหารอเมริกันที่มีอายุน้อยหลายร้อยนายแต่งกายในชุดทหารแบกเป้สะพายหลังสีเขียว พร้อมอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับปฏิบัติการจู่โจมในคืนนี้
เป้าหมายของภารกิจคือทำลายค่ายทหารทั้งห้าแห่งของข้าศึกและแต่ละตำแหน่งอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันดังนั้นเวลาในการรวบรวมทหารชุดจู่โจมทั้งห้าหน่วยจึงไม่ได้อยู่ในเวลาเดียวกันมิฉะนั้นแล้วพื้นที่เปิดโล่งในค่ายชั่วคราวนี้มันต้องอัดแน่นไปด้วยทหารนับพันนายอย่างแน่นอน
ฟิวรี ได้รวบรวมทหารจู่โจมจำนวน 100 นายที่เขารับผิดชอบและได้อธิบายข้อควรระวังสำหรับการโจมตีในคืนนี้อย่างเคร่งครัด
“ ฉันรู้ว่าพวกนายบางคนเป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งย้ายมาจากฐานการฝึกอบรมดังนั้นอย่าปอดแหก อย่าหวาดกลัว และจงตื่นตัวอยู่เสมอ!”
“ ในสนามรบใครก็ตามที่ทำตัววุ่นวายและไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉัน ฉันจะไม่ส่งตัวให้ศาลทหาร แต่จะเปิดรูบนหน้าผากของใครก็ตามที่กล้าขัดคำสั่ง!”
ฟิวรี ที่เคยมีสีหน้าที่อ่อนโยนก่อนหน้านี้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องปฏิบัติภารกิจใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความเย็นชาและตาขวาที่เหลืออยู่ราวกับดวงตาของหมาป่าที่โหดร้าย
ทหารหลายนายล้วนตกตะลึงแต่ก็มีทหารหนุ่มนายหนึ่งที่ยืนอยู่ในหน่วยนี้ด้วยท่าทางที่มั่นคงพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆราวกับว่าเขากำลังมองหาใครอยู่
ทหารเกณฑ์ที่อยู่ข้างๆสังเกตุเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยกระซิบขึ้นว่า“ จอร์จ ที่นี่ไม่ใช่ฐานฝึกอบรมนายควรจริงจังให้มากกว่านี้หน่อย”
"อืม ฉันรู้แล้ว." จอร์จ ตอบด้วยเสียงต่ำ:“ นายพบ ไคล์ บ้างไหม? เขาถูกส่งมายังแนวหน้าเมื่อสองสามวันก่อนและมีแนวโน้มว่าจะอยู่ในค่ายรบชั่วคราวนี้”
ทหารนายนั้นก็กล่าวว่า“ ไคล์? เขาอาจตายไปแล้วก็ได้ ไม่ว่าคุณสมบัติของเขาจะดีแค่ไหนในฐานฝึก แต่ในสนามรบนั้นมันแตกต่างกันมาก”
“ ฉันหวังว่าเขาจะยังไม่ตายเพื่อคอยดูความสำเร็จของฉัน ที่จะก้าวข้ามเขาไป - สนามรบนี้จะเป็นสถานที่ที่ฉันจะสามารถแสดงพรสวรรค์ที่แท้จริงของฉันได้” จอร์จ กำหมัดของเขาเอาไว้แน่น สมรรถภาพทางกายและความสามารถของเขาดีที่สุดในกลุ่มทหารเกณฑ์ แต่เขากลับถูกบดบังรัศมีโดย ไคล์ เสมอมา
"นั่นใคร?!"
ทันใดนั้นเสียงของ ฟิวรี ก็ดังขึ้นทำให้ จอร์จ ตกใจกลัวและเขาก็กลับมาที่สู่ความรู้สึกของเขาและมองไปที่ ฟิวรี จากนั้นเขาค้นพบว่าจ่าไม่ได้ตะโกนใส่เขา
"ผมเอง."
ด้านนอกพื้นที่รวมพล มีชายหนุ่มที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเดินออกมาจากความมืดมิดในเวลากลางคืน
เมื่อใบหน้าที่อ่อนเยาว์และหล่อเหลาของบุคคลนี้ถูกเปิดเผยภายใต้แสงไฟ สมาชิกใหม่ที่มาจากค่ายฝึกอบรมต่างก็พากันอุทานออกมาทันที และบางคนก็อดไม่ได้ที่จะขยี้ตาตัวเอง
คะ..ไคล์?
ดวงตาที่เหลือเชื่อของ จอร์จ เบิกกว้าง ด้วยความเคารพตนเองอย่างสูงเขาจะลืมชายหนุ่มที่ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในเวลานี้ได้อย่างไร
ใช้เวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์ทำให้ครูฝึกระดับมืออาชีพชื่นชมทำลายสถิติทุกอย่างในฐานการฝึกอบรมและยังสร้างสถิติการยิงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ปืนพก ปืนยาว ปืนไรเฟิล และปืนกลจรวด
แม้ว่า ไคล์ จะไปรบที่แนวหน้า แต่การกระทำทุกอย่างที่เขาทำไว้ในค่ายฝึกอบรมก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นตำนาน
แม้แต่ครูฝึกเองก็มักจะยกย่อง ไคล์ ต่อหน้าเหล่าทหารเกณฑ์และให้พวกเขานำเอา ไคล์ มาเป็นแบบอย่าง
"เงียบ!" ฟิวรี ตะโกนหยุดความวุ่นวายพร้อมกับกวาดสายตามองเหล่าทหารในหน่วยทั้ง 100 นาย
ไคล์ ไม่ได้สะพายกระเป๋าเป้ทหาร แต่เขาสะพายปืนยาวจู่โจมไว้บนไหล่ และที่เอวทั้งสองข้างของเขามี มีดกรุตข่า และ ปืนพก ขนาดเล็กสอดอยู่
เขาเดินตรงไปยืนที่ด้านข้างของ ฟิวรี และเผชิญหน้ากับเหล่าทหารทั้ง 100 นายอย่างเยือกเย็น
เมื่อทหารเกณฑ์ในกองทัพยังตกอยู่ในความงงงวยการแนะนำของ ฟิวรี ก็ดังขึ้น“ นี่คือ สิบโทไคล์ และเป็นหนึ่งในหัวหน้าระดับสั่งการในคืนนี้ และคืนนี้พวกนายต้องฟังคำสั่งของเราอย่างเคร่งครัด พวกนายเข้าใจไหม? ”
"เข้าใจครับผม!" เหล่าทหารพากันตอบอย่างพร้อมเพียงแม้ว่าพวกเขาจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกซักสิบเท่า พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดคำว่า 'ไม่'
“ ไคล์…สิบโท?” เมื่อ จอร์จ เห็น ไคล์ เขาก็ชะงักแข็งค้างไปในทันที และหลังจากได้ยินตำแหน่งของ ไคล์ เขาก็อดที่จะก้มหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ เขากลัวแล้วในตอนนี้ เขากลัวว่า ไคล์ จะจดจำเขาได้
พลทหารที่เพิ่งพูดคุยกับ จอร์จ ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกราวกับว่าเขาถูกฆ้อนหนักๆทุบตีที่หัวพร้อมกับพึมพำกับตัวเองว่า“ นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ เขามีประสิทธิภาพในระดับสัตว์ประหลาด”
“ เกือบจะถึงเวลาออกเดินทางแล้วหรือยังครับจ่า” ไคล์ ถาม ฟิวรี เหตุผลที่เขาเพิ่งมาถึงนั้นเป็นเพราะเขาใช้เวลาในการสกัดใช้การ์ดที่เขาพึ่งได้รับมานานมากไปหน่อย
“ ใช่แล้ว ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทาง” ฟิวรี จ้องมองไปที่นาฬิกาพร้อมกับโบกมือให้ทหารทั้ง 100 นาย:“ ทหารทุกนายจงฟัง! วิ่งเยาะๆติดตามรถทหาร เพื่อไปยังพื้นที่ภารกิจ!”
หลังจากออกคำสั่ง เขาและ ไคล์ ก็นั่งบนรถทหารมุ่งหน้าไปยังพื้นที่เป้าหมายตามที่ได้กำหนดไว้
เมื่อมาถึงใกล้พื้นที่เป้าหมาย ฟิวรี และ ไคล์ ก็ทิ้งรถทหารและนำกำลังทหารนับร้อยนายข้ามเนินเขาที่เป็นป่าทึบ
“หากข้ามผ่านเนินเขานี้ไปมันจะอยู่ใกล้กับค่ายขนส่งของข้าศึก ทุกคนจงระมัดระวังและตื่นตัวอยู่เสมอ เมื่อเห็นศัตรูอย่าได้ตื่นตระหนกให้รอฟังคำสั่งก่อน”
ไคล์ ซึ่งอยู่แถวหน้าของกองทัพเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยียบ แม้ว่าเขาจะไม่เคยสั่งการและเป็นการสั่งการครั้งแรกของเขา แต่เขาก็มีความมั่นใจในตนเอง
ทันใดนั้น ฟิวรี ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขั้นว่า“ ไคล์ ฉันรู้สึกว่ามันผิดปกติ”
"หืม?" ไคล์ มองเขาอย่างประหลาดใจ
ฟิวรี กางแผนที่และใช้ไฟฉายขนาดเล็กส่องจากนั้นก็พูดอย่างเคร่งขรึม:“ ดูแผนที่นี่สิ หลังจากเราข้ามเนินเขานี้ไปมันก็อยู่ไม่ไกลจากเขตสู้รบ แต่มันกลับอยู่ไกลจากฐานทัพเยอรมันที่อยู่ในแนวหลัง ดังนั้นสถานที่นี้จึงไม่เหมาะสำหรับการขนส่งทรัพยากร”
“ คุณจะบอกว่าข้อมูลที่เราได้รับมานั้นเป็นของปลอมหรือไม่” ไคล์ เอ่ยขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ มันยากที่จะพูดมีแต่ต้องไปดูให้เห็นกับตา แม้ว่าข้อมูลจะเป็นของปลอม แต่ด้วยตำแหน่งที่เราอยู่ในตอนนี้หากคิดจะถอนตัวมันก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย” หลังจากวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ พวกเขายังคงปีนขึ้นไปบนยอดเขา
เหนือยอดเขา
ไคล์ และ ฟิวรี แหวกพุ่มไม้ที่ปิดกั้นการมองเห็นจากนั้นมองไปยังค่ายทหารที่อยู่ด้านล่างเนินเขา และเมื่อพวกเขาเห็นฉากตรงหน้ามันทำให้ร่างกายของทั้งสองคนแข็งทื่อไปในทันที
สิ่งที่เห็นคือรั้วตาข่ายเหล็กในพื้นที่รกร้างมันทอดยาวไปในระยะ 100 เมตรใต้เนินเขา รั้วที่ล้อมรอบในทุก ๆ สิบเมตรจะมีไฟส่องสว่างไปทุกหนทุกแห่งและยังมีทหารเยอรมันจำนวนมาก ตระเวนอยู่รอบๆ
“ พระเจ้าช่วย! นี่คือค่ายขนส่งเล็กๆ ตามที่ได้รับข้อมูลมาจริงๆเหรอ?” ฟิวรี อ้าปากค้างแทบจะพูดไม่ออก
“ ดูเหมือนว่าที่ตั้งค่ายนั้นจะถูกต้องตามข้อมูลที่ได้รับมา แต่...มันไม่ใช่ค่ายขนส่งเล็กๆ…...…” ไคล์ ยังคงสงบในขณะที่มองไปยังค่ายทหารและเอ่ยต่ออีกว่า
“...แต่มันเป็นฐานทัพของศัตรู!”