แสงสว่างนั้นเจิดจ้าจนมิอาจลืมตาได้อีกทั้งยังมีพลังถาโถมพรั่งพรูเข้ามาจนทำให้ร่างของเขานั้นหมุนวนจนรู้สึกมึนหัว มันคล้ายกับว่าเขานั้นตกลงไปกลางมรสุมพายุก็มิปาน
อย่างไรก็ตาม โชคยังดีนักที่ไม่นานนัก โจว หยวน ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วเขาก็สัมผัสได้ว่าร่างของเขานั้นกำลังลอยดิ่งลงอยู่กลางเวหา
ปุก
ร่างของโจว หยวน หล่นกระแทกกับพื้นดิน จมปากกินโคลนเข้าไปเล็กน้อย แต่เขานั้นเป็นคนรอบครอบเมื่อจะตกสู่พื้นดินนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายเขาจึงรีบลุกขึ้นและหาที่หลบทันที
ในเวลานั้นแขนของเขาก็ได้ปรากฏรูปแบบมังสาเหล็กขึ้น ทำให้ร่างของเขาประกายแสงวูบวาบเล็กน้อย
แต่โชคดีนักที่ไม่มีการโจมตีแบบฉับพลันใดๆเกิดขึ้น โจว หยวน จึงสลายรูปแบบมังสาเหล็กไปและเริ่มสังเกตรอบๆด้าน
”นี่มันที่ไหนกัน”
และ โจว หยวนก็ต้องตกใจมากเพราะพื้นที่รอบๆนั้นราวกับถ้ำได้หายไปโดยไร้ร่องรอยโดยสมบูรณ์ แต่บัดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยป่าทึบอันเงียบสงบและสันโดษปราศจากผู้คน ในป่านั้นได้มีต้นไม้อันใหญ่โตสูงตระหง่านอยู่มากมาย ซึ่งมันก็สูงจนสามารถบดบังแสงอาทิตย์ไว้ได้
ด้านข้างของเขานั้นมีลำธารไหลริน จนได้ยินเสียงน้ำไหลเห็นชัดว่ามันเป็นทัศนียภาพที่เงียบสงบมาก
“ที่นี่ที่ไหนกัน ?” โจว หยวนรู้สึกประหลาดใจมาก เขาจำได้ว่าก่อนหน้านี้เขานั้นยังอยู่ในถ้ำวิหารบรรพชน เหตุใดเขาถึงมาโผล่สถานที่แปลกๆเช่นนี้ในชั่วพริบตาได้
“แปลกยิ่งนัก” โจว หยวนขมวดคิ้วพร้อมทอดสายตามองทุกทิศทาง เพื่อหาจุดสนใจในที่แห่งนี้
”แม้แต่เงาของผู้คนก็หามิได้เลยหรือ” โจว หยวนกล่าวพร้อมกวาดสายตารอบๆ แต่ต่อมานั้นดวงตาของเขาก็หดตัวลงและจับจ้องไปที่บางอย่าง
เพราะในตอนนั้นเขาได้สังเกตเห็นว่า ใต้ต้นไม้นั้นมีสตรีโฉมงามที่เขาไม่รู้จักอยู่
และเมื่อมองดูดีดีแล้วก็รู้ว่า นางนั้นคือสตรีสวมเสื้อสีฟ้ารูปร่างเพรียวบางกำลังยืนพิงต้นไม้สูงและจ้องมองเขาอย่างเงียบๆ
เมื่อดวงตาของ โจว หยวน ประสานกับนางแล้ว ทำให้เขารู้สึกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเขาก็รีบทำตัวให้กับสู่ปกติและใจเย็นลง ต่อจากนั้นบนใบหน้าของเขานั้นก็ยิ้มออกมาเดินเข้าไปหานางพร้อมประสานมือคารวะกล่าวว่า”พี่สาว ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ใด ผู้น้อย โจว หยวนเพียงอยากทราบไม่ได้คิดมิดีมิร้ายขออย่าได้กังวล”
หญิงสาวผู้นั้นดูแล้วอายุอานามต่างกับเขามิเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงใช้คำพูดที่อ่อนน้อมกล่าวออกไป
และด้วยคำพูดของโจว หยวนนั้น เด็กสาวไม่ได้สนใจมากนักนางนั้นกุมมือเดินก้าวออกมาจากเงา และก้าวมาทาง โจวหยวน
เมื่อนางก้าวออกมาจากร่มไม้ ทำให้แสงอาทิตย์สอดส่องเข้ามาที่ร่างของนางจนทำให้เห็นรูปลักษณ์ได้ชัดเจน เมื่อโจว หยวนนั้นได้เห็นรูปลักษณ์หญิงสาวตรงหน้า มันก็ทำให้เขาตกใจมาก
หญิงสาวผู้นี้นั้นมีผิวขาวราวหิมะ มีผมสีดำเงา และชุดคลุมสีฟ้านั้นปรากฏส่วนโค้งทีน่าดึงดูด นางนั้นงดงามมากโดยเฉพาะดวงตาของนางที่ดูลึกล้ำ นุ่มนวลและลึกซึ้ง
ในเวลานี้ หญิงสาวนั้นอยู่ใต้แสงอาทิตย์โดยมีเบื้องหลังเป็นต้นไม้โบราณขนาดยักษ์พร้อมกับสายลมที่พัดผ่านทำให้หน้าม้าของนางนั้นถูกยกขึ้นเผยให้เห็นคิ้วที่ได้รูป ภาพตรงหน้านั้นมันงดงามจนทำให้ โจว หยวนถึงกับตะลึง
“พี่สาว” โจว หยวนยิ้มบางๆ แม้ว่ามันจะงดงามมาก แต่เขาก็กระตุ้นตัวเองอยู่เสมอ เพราะสถานที่อันแปลกประหลาดอีกทั้งหญิงสาวที่ไม่รู้จัก ในตอนนั้นเขาจะถูกโจมตีหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้
”พี่สาวหรือ ?” เมื่อได้ยิน โจว หยวน กล่าว มุมปากของนางก็โค้งขึ้นเล็กน้อยแสดงให้เห็นท่าทีสนใจขึ้นมา
”อะไรหรอ ? ”โจว หยวน กล่าวเขานั้นได้ยินที่นางพูดไม่ชัดเจน
อย่างไรก็ตามหญิงสาวไม่ตอบเขาและหันหลังกลับเข้ามองไปในป่าโบราณ และเมื่อมาถึงต้นไม้ใหญ่นั้นนางก็ตะโกนเสียงดังลั่น
“ถุนถุน กลับบ้านมาได้แล้ว”
เมื่อได้ยินหญิงสาวกล่าว โจวหยวน ก็มองไปยังใต้ต้นไม้ทันที ตรงจุดนั้นมีสัตว์อสูรสีเทาขนาดเล็กนอนราบอยู่ สัตว์อสูรนั้นมีรูปร่างคล้ายลูกสุนัขก็กล่าวได้ไม่ผิด
“ลูกสุนัขหรอ” โจว หยวนกล่าวขึ้นเบาๆ
* แฮ่ แฮ่ *
เมื่อได้ยินคำพูดของโจว หยวน เจ้วสัตว์อสูรตัวน้อยก็พลันอารมณ์เสีย และส่งเสียงขู่ โจว หยวน ด้วยท่าทางไม่พอใจ แต่เพราะขนาดของมันนั้นยังเล็กมากนัก ทำให้มันไม่น่ากลัวเอาเสียเลย กลับกันมันกลับน่ารักเสียมากกว่า
เจ้าอสูรน้อย มันรู้ว่ามันไม่สามารถขู่ โจว หยวนได้มันก็เลยกระโดดขึ้นบนก้อนหินขนาดยักษ์พร้อมเปิดปากแยกเขี้ยวอันแหลมคมของมัน
* กั้ช กั้ช กั้ช *
ต่อมานั้น หินขนาดยักษ์ก็ถูกบดเป็นชิ้นเล็กๆ ในเวลาสั้นๆ หินขนาดใหญ่ๆก็ได้หายไปเหลือเพียงเนินหินเล็กๆ แน่นอนว่าเนื้อหินนั้นแข็งมาก แต่มันกลับถูกเขี้ยวน้อยๆของอสูรน้อยบดอย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นเช่นนั้น โจว หยวนก็พลันเงียบลงแล้วจ้องมองดูพลางสงสัยว่าเจ้าหมาน้อยตัวนี้มันคืออะไรกัน เหตุใดมันสามารถขย้ำหินที่ขนาดใหญ่กว่ามัน 2 – 3 เท่าได้
มันช่างแข็งแกร่งและทรงพลังยิ่งนัก!
โจว หยวน นั้นเหงื่อไหลซึมออกมา และไม่กล้าดูแคลนเจ้าอสูรน้อยอีกต่อไป ขนาดหินก้อนใหญ่ยังถูกเคี้ยวบดได้ง่ายขนาดนั้นแล้วนับประสาอะไรกับเนื้อหนังของเขา
ไม่แปลกใจเลยทำไมถึง ถูกเรียกว่าถุนถุน(กลืนกิน)
เมื่อเห็นท่าทางตกใจของโจว หยวน เจ้าอสูรน้อยก็ยืดตัวอย่างภาคภูมิใจและแกว่งหางเดินตามหญิงสาวไปทันที
หญิงสาวนั้นได้เดินเข้าไปในเงาป่าก็หันหลังมองโจว หยวนเล็กน้อย
“หากเจ้าแสวงหาโอกาสครั้งใหญ่ ที่นี่แหละคือโอกาสของเจ้า”
จากนั้นนางก็ก้าวเข้าไปในป่า และร่างอันงดงามของนางก็ได้หายลับเข้าไปในป่าทึบ
เมื่อ โจว หยวนเห็น หญิงสาวและอสูรตัวน้อยทิ้งห่างออกไป เขาก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย เพราะที่แห่งนี้ช่างลึกลับยิ่ง มันทำให้เขานั้นสงสัยและก็มิอาจเข้าใจได้ว่าทำไม ถ้ำวิหารบรรพชนของเขานั้นถึงได้มาโผล่ในที่แปลกๆเช่นนี้
แต่เมื่อมาแล้วเขาก็ไม่มีแผนทีจะกลับบ้านมือเปล่า
* เห้ออออ
โจว หยวน ถอนหายใจเสียดัง และก็ก้าวตามไปด้วยความไม่ลังเล
1 หนุ่ม 1 สาว และอีก 1 ตัว ได้เดินอยู่ท่ามกลางป่าโบราณ พื้นหญ้าเขียวขจี บางทียังได้ยินเสียงคำรามอันน่าเกรงขามของเหล่าอสูรลมปราณ ดังขึ้นจากไกลๆ และเมื่อพวกมันเหมือนจะเข้ามาใกล้หญิงสาว ทุนทุน จะส่งเสียงคำรามเพื่อขู่ขึ้นมา แม้ว่ามันจะไม่ได้ดังมากนัก แต่ก็มันทำให้ป่านั้นพลันเงียบสงบอย่างรวดเร็ว ราวกับเกรงกลัวในพลังของอสูรน้อย
นี่ทำให้อสูรน้อยตัวนี้ลึกลับเข้าไปอีก มันทำให้ โจว หยวน อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าอสูรตัวน้อยนี่ไม่ธรรมดาจริงๆเสียแล้ว
หญิงสาวนั้นไม่ได้กล่าวอะไรกับ โจว หยวน มากนัก ดังนั้น โจว หยวน จึงก้าวตามนางไปอย่างเงียบๆ
หลังจากเดินทางผ่านไปได้ราวๆ 2 ชั่วยาม โจว หยวนก็สัมผัสได้ว่า หญิงสาวชุดฟ้านั้นก็หยุดลง
“ถึงแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว โจว หยวนก็เงยหัวเล็กน้อยและมองไปตามที่นางมอง เขาก็พบที่โล่งเล็กๆภายในป่า และที่โล่งนั้นก็ได้มีกระท่อมตั้งอยู่
กระท่อมนั้นมีรั้วกั้นอยู่เรียงราย และเมื่อโจว หยวนมองผ่านไปนั้น สายตาของเขาก็มาหยุดที่ เก้าอี้นวมในกระท่อม บนเก้าอี้นวมนั้นมีชายชรากำลังนอนบนเก้าอี้ที่โยกและเขย่าเบาๆอยู่
แต่เมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของ โจว หยวน ชายชรา ก็ได้เปิดตาทั้ง 2 ขึ้นมองมาที่เขา
เมื่อเห็นสายตานั้น ใจของโจว หยวนก็พลันสั่นเล็กน้อย เพราะสายตานั้นมันมิอาจกล่าวเป็นคำพูดได้
ในขณะเดียวกัน โจว หยวนก็รู้สึกได้ว่าเขานั้นเขากำลังตกอยู่ภายใต้พลังบางอย่างจากชายชราผู้นั้น
ยามนั้น โจว หยวนก็รู้สึกได้ว่า ความลับในร่างของเขานั้นถูกค้นพบโดยหมดสิ้นโดยชายชราผู้นั้นแล้ว
“หึหึ ผู้ที่มาใหม่นี้ เป็นเด็กหนุ่มที่มีชะตาเป็นมังกรเทวะจริงๆสินะ” ชายชราชุดดำถอนสายตาออกมาอย่างแช่มช้า ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยเสียงอันแหบแห้ง แต่มันก็ชัดเจนราวกับฟ้าร้องคำรามก้องอยู่ในหู ของ โจว หยวน
“ น่าเสียดาย ชะตามังกรเทวะ กลับถูกผู้อื่นช่วงชิงไปเสียแล้ว แถมรากฐานมังกรศักดิสิทธิ์ก็ยัง..... โห้ พิษมังกรพิโรธ ?”
“น่าเวทนา ช่างน่าเวทนายิ่งนัก”
จบตอนที่ 7