px

เรื่อง : I Am In Mavel​ ฉันอยู่ในโลกมาร์เวล
ตอนที่ 19 ลูซี่ เจน


ตอนที่ 19 ลูซี่ เจน


 

ในช่วงสุดท้ายของการสู้รบ ไคล์ ที่ฝืนร่างกายมาเป็นเวลานานบวกกับร่างกายที่สูญเสียเลือดไปเป็นจำนวนมาก หลังจากผ่อนคลายลง เขาก็หมดสติไปในทันที

 

ฟิวรี สั่งให้ทหารหลายนายนำ ไคล์ และหญิงสาวที่ได้รับการช่วยเหลือกลับไปที่ค่ายพักชั่วคราว ส่วนพวกเขาก็ทำการโจมตีต่อ

 

เนื่องจากการระเบิดขนาดใหญ่ที่เกิดจากฝีมือของ ไคล์ การป้องกันของฐานขนาดใหญ่ก็เกิดรอยรั่ว

 

ทหารเยอรมันที่รอดชีวิตหลายร้อยนาย ต้องการช่วยเหลือทหารที่ได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ระเบิด แต่พวกเขาก็ถูกกวาดล้างโดยกองกำลังสหรัฐอย่างรวดเร็ว!

 

การสู้รบกินเวลาตั้งแต่ช่วงดึกจนถึงห้าโมงเช้า ฟิวรี ได้นำกำลัง 'ทำความสะอาด' ฐานขนาดใหญ่ แม้ว่าจะเป็นการโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว แต่ทางฝั่งทหารสหรัฐก็เกิดการสูญเสียกำลังทหารไปถึง 27 นายเช่นกัน

 

ผลของสงครามนั้นอยู่เหนือจินตนาการ - และมันได้กลายเป็นเกียรติประวัติส่วนตัวของ ไคล์ การบุกโจมตีของพวกเขาได้สังหาร ทหารเยอรมันไป 1,200 นาย และทำการยึดฐานทัพขนาดใหญ่ของข้าศึกได้อย่างสมบูรณ์

 

นี่คือความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของกองทัพสหรัฐ นับตั้งแต่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2!

 

แน่นอน ไคล์ ผู้สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมนั้น ในตอนนี้กำลังนอนพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเขาหมดสติมาเป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว

 

เมื่อเขาตื่นขึ้นก็เป็นเช้าของวันที่ 8

 

ไคล์ ลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงสีขาว ไหล่ซ้ายถูกพันด้วยผ้าพันแผลลงมาที่เอว ตรงข้อมือก็มีสายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด 

 

นี่ฉันหมดสติไปนานแค่ไหน?

 

ไคล์ พึมพำออกมา

 

เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากและร่างกายก็น่าจะฟื้นตัวได้เกือบสมบูรณ์

 

ไคล์ ลุกขึ้นนั่งและเอนไปพิงบนหัวเตียงจากนั้นมองไปรอบๆห้อง

 

ทั้งสองด้านของเตียงเต็มไปด้วยดอกไม้และผลไม้ สายลมพัด ผ่านหน้าต่างและผ้าม่านโปร่ง ทำให้สามารถมองเห็นท้องฟ้าสีคราม ต้นหญ้า ต้นไม้ และสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดูเงียบสงบ

 

“ฉันอยู่ที่ไหน?” ไคล์ สับสนซึ่งเห็นได้ชัดว่าที่นี่ไม่ใช่แนวหน้าในเขตสงครามหรือฐานฝึกอบรม

 

แต่ก็ช่างเถอะมันไม่สำคัญว่าเขาอยู่ที่ไหน ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็เพียงพอแล้ว

 

และในตอนนี้ ไคล์ รู้สึกหิวเขาหยิบแอปเปิ้ลจากตะกล้าบนโต๊ะขึ้นมา แล้วยัดเข้าไปในปากของเขา แต่มันก็ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยลดความหิวของเขาลงได้ เขาจึงหยิบมันขึ้นมาอีกลูก….

 

เมื่อ ไคล์ หยิบแอปเปิ้ลลูกที่สามประตูห้องก็ถูกเปิดออกทันที เขากัดแอปเปิ้ลในมือของเขาแล้วมองไปยังประตู

 

รูปลักษณ์ที่เปิดห้องเข้ามานั้นทำให้เขาตกตะลึง

 

เธอมีใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า ตาโตสีฟ้า ริมฝีปากสดใสเป็นสีชมพู และมีผมบลอนด์ขดอยู่บนไหล่ของเธอ

 

หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดสีฟ้ายาวถึงเข่า ร่างกายที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็มีส่วนโค้งส่วนเว้าที่สมส่วนและสวยงาม

 

นี่คือความงามคนที่สองที่ ไคล์ เคยเห็นตั้งแต่เกิดใหม่ คนแรกคือ คาร์เตอร์ แต่ คาร์เตอร์ มีเสน่ห์ความงามในแบบผู้ใหญ่ ในขณะที่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าเขา ให้ความรู้สึกที่บริสุทธิไร้เดียงสาและดูน่ารักสวยงาม

 

เมื่อเธอเห็น ไคล์ นั่งกินแอปเปิ้ลสีหน้าของเธอก็เผยแววตื่นเต้นพร้อมกับร้องตะโกนออกไปนอกห้อง:“ หมอ หมอ! ไคล์ เขาตื่นแล้ว!”

 

“เป็นเธอนั่นเอง” ไคล์ ตกตะลึงหลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาจำได้ว่ามันเป็นเสียงของผู้หญิงที่เขาช่วยจากฐานทัพเยอรมัน

 

ในตอนนั้นมันมืดเกินไปบวกกับเป็นเวลากลางคืน ใบหน้าของเธอก็มอมแมม มันค่อนข้างแตกต่างจากตอนนี้

 

“นี่คุณจะกินแอปเปิ้ลแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องปอกเปลือกมันออกก่อน” หลังจากหญิงสาวแจ้งให้หมอทราบเธอก็เดินเข้ามาและรีบคว้าแอปเปิ้ลที่เหลือครึ่งหนึ่งในมือของ ไคล์

 

“ คุณมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร…” ไคล์ เอ่ยถามและตระหนักว่าเขาถามผิด ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนคำถามและถามขึ้นว่า“ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหน”

 

หญิงสาวเอ่ยตอบ:“ เราอยู่ในโรงพยาบาลทหารของนครนิวยอร์กในสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้คุณพักรักษาตัวอยู่ที่ฐานชั่วคราวในแนวหน้า หลังจากสถานการณ์มีความเสถียรภาพมากขึ้น คุณก็ถูกส่งขึ้นเฮลิคอปเตอร์ออกจากแนวหน้าไปที่ฐานฝึกอบรม จากนั้นก็ถูกส่งต่อมาที่นี่โดยเครื่องบิน”

 

“อย่างงี้นี่เอง” ไคล์ พยักหน้าอย่างช้าๆ

 

“จริงสิ กระสุนไม่ได้ฝังอยู่ที่ไหล่ซ้ายของคุณเท่านั้น แต่มันยังมีอีกจุดหนึ่งซึ่งกระสุนอยู่ห่างจากหัวใจเพียงแค่ไม่กี่เซน ฉันกลัวมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ โชคดีที่ร่างกายของคุณแข็งแกร่งเป็นอย่างยมาก” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับโน้มตัวไปหา ไคล์ แล้วเอื้อมมือไปจับผ้าพันแผลสีขาวของเขา

 

"คุณกำลังทำอะไร?" ไคล์ มองไปที่เธออย่างประหลาดใจ ด้วยระยะใกล้แค่นี้เขาสามารถได้กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวเธอ

 

“ ช่วยคุณเปลี่ยนผ้าพันแผล พ่อแม่ของฉันเป็นหมอและพยาบาล ดังนั้นฉันจึงพอเรียนรู้มาจากพวกท่านทั้งสองมาบ้าง” หญิงสาว เอ่ยขึ้นพร้อมกับเผยสีหน้าที่ดูเศร้าหมอง

 

ไคล์ เข้าใจเป็นอย่างดี เนื่องจากเธอถูกจับเป็นเชลย ดังนั้นครอบครัวของเธอก็น่าจะถูกทหารนาซีเยอรมันฆ่าตายทั้งหมด

 

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ไคล์ ก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา:“ถ้าอย่างนั้น…ก็ขอขอบคุณที่ช่วยดูแล”

 

"นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ. และน่าจะเป็นฝ่ายฉันเองมากกว่าที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณที่ได้ช่วยชีวิตฉันออกจากฐานทัพของศัตรู”

 

หญิงสาวเอ่ยขอบคุณจากนั้นก็เอ่ยต่ออีกว่า “ และฉันมีชื่อว่า - ลูซี่ เจน คุณเรียกฉันว่า ลูซี่ ก็ได้”

 

“เข้าใจแล้ว” ไคล์ เผยรอยยิ้มและปล่อยให้ ลูซี่ ค่อย ๆ เปลี่ยนผ้าพันแผลของเขา

 

ในไม่ช้าหมอก็มาถึงพร้อมกับตรวจดูอาการบาดเจ็บของ ไคล์

 

“ คุณหมอค่ะ อาการของเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ลูซี่ ถามอย่างกังวลเล็กน้อย

 

“ไม่เป็นอะไรแล้ว...”. หลังจากตรวจเสร็จหมอก็ขยับแว่นของเขาลงแล้วพูดกับ ไคล์ ต่ออีกว่า:“ ร่างกายไม่เป็นไรและยังเกินความคาดหมายของผมไปมาก ด้วยอาการบาดเจ็บที่ได้รับมา หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคาดว่าจะต้องนอนพักรักษาตัวอย่างน้อยหนึ่งเดือน แต่คุณกลับสามารถฟื้นตัวได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ซึ่งไวกว่าคนธรรมดาถึงสามเท่า และในตอนนี้หากคุณต้องการออกจากโรงพยาบาลคุณก็สามารถทำได้เลย”

 

“ผมขออยู่ต่ออีกซักสามวัน” ไคล์ ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ แม้จะบอกว่าร่างกายของเขาจะดีกว่าคนอื่น แต่สำหรับเขามันยังคงอ่อนแอ

 

ก่อนที่หมอจะออกไปเขาก็นึกอะไรบางอย่างออก เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า:“ ใช่แล้ว มีเจ้าหน้าที่ทหารนายหนึ่งบอกให้ผมแจ้งให้เขาทราบทันทีหลังจากที่คุณตื่นขึ้น และก่อนที่ผมจะมาที่นี่ผมก็ได้โทรแจ้งเขาไปแล้ว คาดว่าเขาน่าจะมาเยี่ยมคุณที่นี่ในไม่ช้า

 

เจ้าหน้าที่ทหาร?

 

ไคล์ เกาหัวและไม่ยากที่จะคาดเดา เขารู้จักเจ้าหน้าที่ทหารน้อยกว่าสิบคนและมีความสัมพันธ์ที่ดีแค่คนหนึ่งหรือสองคน

 

หลังจากหมอออกไปไม่นาน

 

ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นซึ่ง ไคล์ ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นใคร แต่เขาแสร้งทำเป็นแปลกใจและถามขึ้นว่า:“ ครูฝึกโจเซฟ คุณมาที่นี่ได้ยังไง?”

 

ใช่แล้วเจ้าหน้าที่ทหารที่มาเยี่ยมเขาคือ ครูฝึกวิชาการต่อสู้ในระยะประชิดประจำฐานฝึกอบรมและเป็นคนที่เขาปล้นการ์ดสีเขียวมาทั้งหมดนั่นเอง

 

“ไอ้เด็กเหลือขอ ทำไมฉันจะมาไม่ได้!”

 

ครูฝึกโจเซฟ ยิ้มโดยไม่ว่างท่า แต่เมื่อเขาเห็น ลูซี่ อยู่ในห้องเขาก็แกล้งไอ แค๊กๆ และเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “ โอ้ มีคนในครอบครัวของนายอยู่ที่นี่ด้วย”

 

ลูซี่ ที่กำลังปอกแอปเปิ้ล ก้มหน้าลงอย่างเอียงอายโดยไม่พูดอะไรออกมา

 

รีวิวผู้อ่าน