ตอนที่ 22 จ่าสิบเอก ไคล์
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ไคล์ ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดทหารใหม่และติดตั้งตราประจำตำแหน่งที่ โจเซฟ ส่งมาให้
ลูซี่ ช่วยแต่งตัวให้ ไคล์ อย่างพิถีพิถันจับจีบเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง
“ ฉันไม่ได้ไปงานเลี้ยงฉลอง ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันถึงขนาดนั้นหรอกจริงไหม?” ไคล์ เผยรอยยิ้มและเอ่ยกับ ลูซี่ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจจึงเงียบไม่ตอบ
“ มีอะไรเหรอทำไมถึงดูเงียบๆ หรือว่ามีใครรังแกเธอ” ไคล์ เอ่ยถามขึ้น
ลูซี่ ดูเหมือนจะพยายามรวบรวมความกล้าและถามกลับด้วยความประหม่า “ ไคล์ คุณจะต้องกลับไปที่สนามรบพร้อมกับลุงหนวดนั่นเหรอ?”
“ลุงหนวด? ฮ่าๆ ฉันยังไม่ได้ไปสนามรบ ที่นั่นยังไม่มีภารกิจที่ต้องให้ฉันทำ ฉันเพียงแค่ไปที่ฐานฝึกอบรมเท่านั้น” ไคล์ มองเธอและหัวเราะออกมาจากนั้นก็พูดว่า:“แต่ด้วยหน้าที่และอาชีพทหารมันถือเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะต้องไปสนามรบ”
“ฉันจะไปกับคุณ” ลูซี่ ก้มหน้าลงพร้อมกับกำมือเอาไว้แน่นๆ
เมื่อ ไคล์ ได้ยินเช่นนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า:“ ลูซี่ เธอก็รู้ว่าสนามรบมันเป็นยังไง มันไม่ใช่สถานที่เที่ยวเล่นสนุก ในเมื่อเธอออกมาจากตรงนั้นแล้วก็อย่าคิดกลับไปอีก”
“ แต่ฉัน…ครอบครัวของฉันตายในสนามรบโดยไม่เหลือใคร ถ้าคุณจากไปอีก ฉัน ฉันจะ…” ลูซี่ กล่าวพร้อมน้ำตาที่รินไหล
"เอาล่ะ เอาล่ะหยุดร้องไห้ได้แล้ว"
ไคล์ ปรอบโยนพร้อมกับคิดหาวิธี: “จริงสิ บ้านของก็อยู่ในนิวยอร์ก แต่พ่อแม่ของฉันก็ตายเพราะสงครามเช่นกัน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นั่น ถ้าเธอไม่รังเกียจ เธอก็ไปอยู่ที่นั่นก่อน”
เขาเคยเห็นประวัติของเขาที่ฐานฝึกอบรมและรู้ว่าตัวตนของเขาก่อนที่จะเข้าร่วมกองทัพเขาเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตและอาศัยอยู่ในบ้านพักตากอากาศใน นิวยอร์กซิตี้
กุญแจบ้านจะอยู่ในศูนย์รับฝากในนครนิวยอร์กและสามารถไปรับมาได้โดยยื่นหลักฐานที่เป็นเอกสารยืนยันการรับฝาก
“ ให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของคุณเหรอ” ดวงตาของ ลูซี่ เบิกกว้างและใบหน้าที่สวยงามสีขาวของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรือหลังจากได้ยินคำพูดของ ไคล์ ซึ่งแน่นอนเธอได้แปลความหมายจากคำพูดของ ไคล์ แบบผิดๆ
นี่ไม่ใช่การอยู่ด้วยกัน เพราะ ไคล์ จะไม่ค่อยได้กลับบ้าน
“ เธอสามารถอยู่ที่นั่นได้นานตามที่เธอต้องการ” ไคล์ ยิ้มพร้อมกับลูบหัวของเธอเบาๆ
เขาเห็น ลูซี่ เป็นเหมือนน้องสาวโดยไม่คิดเป็นอื่น
“ ไคล์ คุณดีกับฉันมาก” ลูซี่ มองเขาพร้อมกับเขย่งปลายเท้าและจูบแก้มของ ไคล์ จากนั้นเธอก็เหมือนกระต่ายตื่นตูมวิ่งออกจากห้องไป
“.....…”
ความรู้สึกแปลกๆแล่นเข้ามาในหัวใจทำให้ ไคล์ ยกมือขึ้นสัมผัสบริเวณที่ถูกขโมยจูบ จากนั้นเขาก็โยนเรื่องนี้ออกจากสมองไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องความรัก
ในตอนนี้เขาคิดแค่เพียงเรื่องเดียวนั่นก็คือ การเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตนเอง
เขาจะต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเผชิญกับวิกฤตที่ไม่คาดคิดที่กำลังจะเกิดขึ้นในโลกใบนี้
และเขาจะต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นไปอีก เพราะยิ่งตำแหน่งทางด้านทหารสูงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะทำให้ ไคล์ เข้าถึงสิทธิพิเศษที่สำคัญได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
หากเขาเป็นเพียงคนธรรมดา เขาคงจะเสียใจมากที่ไม่สามารถดึงการ์ดความสามารถจากทหารระดับสูงที่แข็งแกร่งเหล่านั้นได้
ไคล์ วางเป้าหมายสำหรับชีวิตของเขา และรอคอยที่จะแต่งแต้มสีสัน
……………….
ประมาณ 8 โมงเช้า
โจเซฟ ขับรถจี๊ปมารับ ไคล์ และพาเขาไปที่สนามบินทหาร
ไคล์ บอกลา ลูซี่ แล้วขึ้นเฮลิคอปเตอร์กับ โจเซฟ เพื่อกลับไปที่ฐานฝึกอบรม
………………..
ในเวลานี้ที่ฐานฝึกอบรม
เวทีปราศรัยถูกตั้งอยู่บนพื้นที่เปิดโล่งและในขณะนี้ สตีฟ ที่สวมชุดกัปตันอเมริกากำลังกล่าวสุนทรพจน์
ผู้บัญชาการของฐานฝึกอบรมได้ออกคำสั่งให้ทหารทุกนายในฐานฝึกอบรมมาฟังคำปราศรัยให้ตรงต่อเวลาและถ้าใครไม่มาจะถูกไล่ออกจากการเป็นทหาร และสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นก็คือคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้เฉพาะทหารใหม่เท่านั้น!
.
เหล่าทหารที่กำลังฟัง สตีฟ กล่าวคำปราศรัยอยู่นั้นต่างก็เผยสีหน้ารังเกียจ สตีฟ ผู้ที่ยังไม่เคยไปในสนามรบ แต่กลับอ้างว่าเป็น กัปตันอเมริกา
และพวกเขายังรู้สึกต่อต้าน สตีฟ อย่างรุนแรง
“ในหมู่พวกคุณจะมีใครไปจัดการ ฮิตเลอร์ กับผมไหม?”
สตีฟ ยืนอยู่บนเวทีกวาดสายตามองทหารหลายร้อยนายที่อยู่ด้านล่าง พร้อมกับเอ่ยถามขึ้น:“ มีใครจะอาสาไหม?”
"ถ้าพวกเราอาสาสมัครไปจะต้องมาทำเรื่องไร้สาระอย่างที่นายทำอยู่ในตอนนี้ไหม?” พลทหารที่อยู่ใต้เวทีตะโกนขึ้น จากนั้นทหารทั้งหมดที่อยู่ข้างๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
“ เราต้องการดูการเต้นรำ อย่างที่นายเคยทำในโฆษณาทีวี!”
“ฮ่าๆๆ………”
“แม้แต่สนามรบนายยังไม่เคยไปแล้วยังจะมีหน้ามาชวนให้เราไปเป็นอาสาสมัครเพื่อไปร่วมรบ!”
“คนอย่างนายควรเต้นอยู่แต่ในทีวี!”
“ฮ่าๆๆๆ…..”
ทหารที่อยู่ใต้เวทีตะโกนด่าทอและส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ย ทหารบางคนถือ ขวดน้ำ หรือ ผลไม้ ขว้างขึ้นไปบนเวที
คาร์เตอร์ ที่ยืนอยู่หลังเวทีเธอกำหมัดของเธอเอาไว้แน่นและต้องการที่สั่งสอนทหารเหล่านี้แทน สตีฟ แต่เธอก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปก้าวก่าย
“ ได้โปรดอย่าทำอย่างนี้ ผมก็เป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่นี่เหมือนกันกับพวกคุณ” สตีฟ ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยกโล่ในมือขึ้นป้องกันขวดน้ำและผลไม้ที่ถูกขว้างมาจากใต้เวที
"พวกนายทำกำลังอะไรกัน?"
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นชาและทรงพลังก็ดังมาจากด้านหลังจัตุรัส ทำให้ทหารทั้งหมดในจัตุรัสหันไปมองอย่างแปลกใจ
พวกเขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดเครื่องแบบทหารที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างกายของเขามีกลิ่นอายอันน่าเกรงขามจาง ๆ ปรากฏออกมา และดวงตาของเขาคมกล้าและเย็นชาซึ่งกำลังจ้องมองไปที่เหล่าทหาร
“จะ..จ่าสิบเอก” ทหารที่สังเกตุเห็นเครื่องหมายยศทหารที่หน้าอกของชายหนุ่มพวกเขาถึงกับฝืนกลืนน้ำลายลงคอและเผยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“มีทหารหนุ่มยศจ่าสิบเอกด้วยเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน”
“ อายุของเขาพอๆกับพวกเราเลยไม่ใช่รึไง?”
เสียงกระซิบของเหล่าทหารดังขึ้น บางคนดูเหมือนจะนึกอะไรออกจากนั้นสีหน้าของเขาปรากฏแววสับสนและตะโกนออกมาอย่างตกใจ:“ เขาคือ ไคล์!”
จ่าสิบเอก ไคล์?
ทหารเกณฑ์จำนวนมากมองไปที่รูปลักษณ์ของนายทหารหนุ่ม จากนั้นบรรยากาศภายในจัตุรัสก็เริ่มร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง
“ เฮ้ นั่นเขาจริงเหรอ!”
"ชายหนุ่มที่มียศจ่าสิบเอกตั้งแต่อายุแค่นี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากเขา”
"โอ้พระเจ้า! เขาเป็นฮีโร่ของอเมริกา เขาเป็นไอดอลของฉัน”
“เหตุผลที่ฉันมาสมัครเป็นทหารเกณฑ์ก็เพราะชื่นชมในวีรกรรมของเขา!”
ทหารในจัตุรัสรู้สึกตื่นเต้นจนพูดไม่ออก ในท้ายที่สุดไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำในการตะโกน “ ทั้งหมดทำความเคารพ”
พรึบ!
ทหารหลายร้อยนายยกมือขึ้นทำความเคารพอย่างพร้อมเพียงจากนั้นเสียงตะโกนก็ดังกึกก้องขึ้นมาอีกครั้ง
“สวัสดีครับจ่า!”
“จ่าคือกัปตันอเมริกาตัวจริง ไม่เหมือนคนบางคนที่แอบอ้าง”
เมื่อเห็นเหล่าทหารทำความเคารพ ไคล์ ก็ยกมือขึ้นทำท่าวันทยาหัตถ์ตอบ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า:“ก่อนหน้านี้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วฉันก็เคยเป็นพลทหารเหมือนกับพวกนาย สิ่งที่ฉันต้องการจะบอกก็คือคุณภาพทหารไม่ได้วัดจากภายนอก มันวัดกันที่ผลของงาน แต่พวกนายยังไม่ทันได้เห็นผลงานของเขาก็ด่วนสรุปไปต่างๆนาๆและปฏิบัติต่อเขาราวกับว่าเขาไม่ใช่ทหารสหรัฐเหมือนกันกับพวกนาย”
เหล่าทหารมองหน้ากันไปมา บางคนก้มหน้าด้วยความละอายใจ จากนั้นทั้งหมดก็หันกลับไปมอง สตีฟ ที่บนเวทีพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ:“ ฉันขอโทษ!”
สตีฟ บนเวทีไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาจ้องมองดูชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังของเหล่าทหาร หัวใจของเขาเต็มไปด้วยตื่นเต้นและความละอายใจผสมปนเปกันไป
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงคำพูดของ ไคล์ ที่เคยพูดกับเขาเอาไว้
"ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครกล้าที่จะดูถูกเรา"