ตอนที่ 25 ไม่ได้มาห้าม?
ไคล์ ออกมาจากห้องอาบน้ำและพบว่าท้องฟ้าเปลี่ยนสีไปแล้ว
ท้องฟ้ามืดครึ้มและมีฝนตกโปรยปราย
ฉากฝนตกนี้ทำให้เขารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคย
ไคล์ มองไปรอบๆทันใดนั้นสายตาของเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนถือร่มท่ามกลางสายฝนราวกับกำลังรอคอยและมองหาใครอยู่
หลังจากที่เขาเห็นใบหน้าของเธอเขาก็อดไม่ได้ที่จะร้องตะโกนออกมา "คุณคาร์เตอร์?"
“ไคล์!”เมื่อ คาร์เตอร์ เห็น ไคล์ เธอก็รีบเดินเข้าหาในทันที
“ คุณไม่ได้อยู่กับ สตีฟ? แล้วคุณมาทำอะไรที่หน้าห้องอาบน้ำของผู้ชาย?” ไคล์ รู้สึกประหลาดใจจากนั้นก็เผยรอยยิ้มและพูดหยอกเธอเล่น“หรือว่าคุณชอบดูหุ่นล่ำๆของผู้ชายหลังจากอาบน้ำเสร็จ”
หลังจากครั้งนั้น คาร์เตอร์ เคยบุกเข้าไปในหอพักทหารครั้งหนึ่งในขณะที่เขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ
อย่างไรก็ตาม คาร์เตอร์ ไม่ปฏิเสธแต่เธอกลับพูดอย่างเร่งรีบ:“ ไคล์ ฉันมาหาคุณโดยเฉพาะได้โปรดช่วยห้าม สตีฟ! ตอนนี้มีเพียงคุณที่สามารถห้ามเขาได้!”
“หืม? คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” ไคล์ เอ่ยถามด้วยความงุนงง
“ ฉันจะเล่าให้คุณฟังในระหว่างทางตอนนี้ต้องรีบไปเดี๋ยวมันจะไม่ทันการ!”
คาร์เตอร์ ลาก ไคล์ ขึ้นรถแล้วขับฝ่าสายฝนออกไปข้างนอก
ใกล้พื้นที่กางเต็นท์ของค่ายทหาร
“ คุณหมายถึง แนวหน้าในออสเตรียที่หน่วย 107 ดูแลอยู่ถูกโจมตีโดยกองทัพนาซีเยอรมัน และมีบางส่วนถูกจับเป็นเฉลย หนึ่งในนั้นมีจ่าคนหนึ่งที่ชื่อ บัคกี้ บาร์นส์”
หลังจากฟัง คาร์เตอร์ ไคล์ ก็รู้ว่าทำไมเธอถึงรู้สึกกังวล
บัคกี้ บาร์นส์
เขาเป็นเพื่อนรักของ สตีฟ และถูกจับโดยองค์กรลับไฮดรา
ดังนั้น สตีฟ จึงต้องการไปช่วยเขา
“ ดังนั้น…คุณก็เลยต้องการให้ผมไปหยุด สตีฟ เพื่อไม่ให้ไปช่วยเพื่อนของเขา?” ไคล์ ถาม
คาร์เตอร์ เอ่ยขึ้นว่า:“ ใช่! เพราะเราไม่รู้ว่าทหารที่ถูกจับเป็นเฉลยยังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ และที่นั่นกองกำลังของเราก็มีอยู่ไม่มาก เขาต้องการที่จะไปที่นั่นเพียงลำพัง ซึ่งเป็นสถานที่อันตรายที่สุดในยุโรป มันอันตรายมาก!”
"เข้าใจแล้ว." ไคล์ ยิ้มและเงียบลง เมื่อเห็นการแสดงออกของ ไคล์ คาร์เตอร์ ก็มีความรู้สึกที่ไม่สบายใจ
แต่ตอนนี้หากถามว่าใครสามารถห้าม สตีฟ ได้บ้างก็คงมีเพียงแค่ ไคล์ เท่านั้น
ทั้งสองมาถึงค่ายทหารที่ สตีฟ พักอยู่
สตีฟ ยังคงสวมชุดกัปตันอเมริกาโดยสวมเสื้อกันฝนอยู่ด้านนอกอีกชั้นหนึ่ง ในตอนนี้เขากำลังเตรียมยางอะไหล่รถ อยู่บนรถจี๊ปทหาร
หลังจากที่ คาร์เตอร์ กลับมา สตีฟ กระตือรือร้นที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็น ไคล์ อยู่ข้างหลังเธอทันใดนั้นคิ้วของเขาก็ขมวดขึ้น “ ไคล์ นายก็จะมาห้ามฉันด้วยเหรอ ? ฉันรู้ว่ามันมีความเสี่ยงมาก แต่ถ้าฉันที่มีความสามารถมากถึงเพียงนี้แต่กลับไม่ยอมทำอะไรเลย แม้แต่เพื่อนก็ยังไม่ไปช่วยแล้วฉันจะมีพลังที่ได้รับมานี้ไว้ทำไม และฉันคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย”
“ฉันยังไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ นายจะรู้ได้อย่างไรว่าฉันมาที่นี่เพื่อห้ามนาย?” ไคล์ ยักไหล่และช่วย สตีฟ เหวี่ยงยางสำรองเส้นที่สองเข้าไปที่ด้านหลังรถ
สตีฟ รู้สึกประหลาดใจจากนั้นก็ตบไปที่ไหล่ของ ไคล์ และทั้งสองก็ยิ้มให้กัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรระหว่างพวกเขาทั้งสองเพียงแค่การกระทำของ ไคล์ สตีฟ ก็สามารถเข้าใจถึงความคิดของเพื่อนรักของเขา
“ ไคล์ นี่คุณ..?” คาร์เตอร์ มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เป็นอันว่าเขาไม่ได้มาห้ามแต่กลับมาช่วยเหรอ?
“ผมจะไปกับเขาด้วยและมันจะไม่เป็นไร ไปด้วยกันสองคนมันปลอดภัยกว่า” ไคล์ กล่าวอย่างมั่นใจ
คาร์เตอร์ มองไปที่ สตีฟ แล้วมอง ไคล์ อีกครั้ง เธอพูดอย่างขมขื่น:“ ฉันยังไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนหนึ่งหรือสองคนสามารถทำได้”
เมื่อมีคนบ้าอีกคนหนึ่งมาสมทบกับคนบ้าอีกคนหนึ่ง เธอต้องทำไง ปรบมือ? แล้วให้กำลังใจ?
ในเวลาน้อยกว่าครึ่งนาทีการพูดหว่านล้อมห้ามปรามของ คาเตอร์ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้เธอก็คงทำได้แค่เพียงสนับสนุนเท่านั้น
สิบนาทีต่อมาเครื่องบินลำหนึ่งบินเข้าไปในพายุฝนฟ้าคะนองเข้าสู่เขตสงครามในยุโรป
ภายในห้องโดยสารเครื่องบิน
สตีฟ กับ ไคล์ นั่งอยู่ฝั่งเดียวกันส่วน คาร์เตอร์ นั่งอีกฝั่งหนึ่งพร้อมกับบอกถึงสถานการณ์และตำแหน่งที่ตั้งค่ายของข้าศึก:“ โรงงานอาวุธของไฮดราในคลอสเบิร์กตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูก คุณสตาร์ค จะพยายามขับเครื่องบินเข้าไปใกล้บริเวณนั้นให้มากที่สุด”
“คุณสตาร์ค เป็นนักบินที่ดีที่สุดที่ฉันเคยเห็นและมีเพียงเขาที่กล้าขับเครื่องบินฝ่าเข้าไปในพายุที่มีฝนฟ้าคะนอง”
ในขณะที่ คาร์เตอร์ กล่าวอยู่นั้นในห้องคนขับชายที่มีอายุประมาณ 30 ปี สวมชุดทักสิโด้โบกมือของเขามาทางด้านนี้
ฮาเวิร์ด สตาร์ค? ผู้ก่อตั้ง สตาร์คอินดัสตรีส์ หรือที่รู้จักกันในนามพ่อของ ไอรอนแมน
ดวงตาของ ไคล์ เป็นประกายสดใสหลังจากได้เห็นตัวละครในตำนานของ โลกมาร์เวล นี้
ไคล์ กล่าวทักทาย:“คุณคือ ฮาเวิร์ด สตาร์ค วิศวกรและนักประดิษฐ์อัจฉริยะ? ฉันได้เห็นการประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ของคุณที่นิทรรศการพิพิธภัณฑ์ซึ่งมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก”
“ใช่แล้ว เป็นผมเอง” ฮาเวิร์ด ตอบอย่างสุภาพ:“ ผมก็เคยได้ยินชื่อเสียงของคุณเช่นกัน ผู้ที่ปฏิเสธการทดลองโครงการ ซุปเปอร์โซลเยอร์ ผู้ทำลายฐานใหญ่ของข้าศึกและเป็นฮีโร่ของอเมริกา หากมีโอกาสผมอยากจะพูดคุยเพิ่มเติมกับคุณอีกซักเล็กน้อย แน่นอนว่าหลังจากงานของ คาร์เตอร์ เสร็จเรียบร้อย”
"แน่นอน ไม่มีปัญหา." ไคล์ เผยรอยยิ้มโดยไม่สนใจอันตรายที่เขากำลังจะเผชิญ เพราะเขาเชื่อมั่นว่าตนเองสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย
เมื่อมีระบบการ์ดอยู่ในมือ เขาจึงกล้าที่จะรับปาก ฮาเวิร์ด ว่าจะไปพบเขาหลังจากเสร็จงานนี้
“ทุกคนให้ความสนใจตอนนี้เราเข้าไปในพื้นที่ของศัตรูแล้ว!”
ฮาวเวิร์ด เอ่ยเตือนในขณะเดียวกันสัญญาณเตือนภัยก็กระพริบและดังขึ้น เครื่องบินก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน
หากมองผ่านหน้าต่างจะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เหนือท้องฟ้าจะมีสายฟ้าที่รุนแรง และในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดด้านล่างมีแสงไฟจากปากกระบอกปืนของศัตรูกระพริบแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา การโจมตีจากธรรมชาติ และ การโจมตีจากมนุษย์ส่งผลกระทบต่อเครื่องบินอย่างแน่นอน
“หากเข้าไปมากกว่านี้มันจะเป็นอันตราย สตีฟ กับฉันจะลงที่จุดนี้”
ไคล์ ตัดสินใจ จากนั้นก็เปิดห้องโดยสารเครื่องบิน ทันใดนั้นลมที่มีความเร็วมากกว่า 100 กิโลเมตร/ชม. ก็พุ่งเข้ามาปะทะร่างเขา
“เอาล่ะตรงจุดนี้มันก็ใกล้กับโรงงานของศัตรู” สตีฟ พยักหน้าลุกขึ้นยืนอยู่ด้านข้าง ไคล์
“สตีฟ.”คาเตอร์ เรียกเขาและพูดช้าๆ:“คุณต้องมีชีวิตรอดกลับมา”
“คุณมั่นใจได้”. สตีฟ ปลอบโยนและกระโดดลงก่อน
“ฉันกับ สตีฟ จะไม่เป็นอะไร หากเสร็จงานนี้คุณต้องเลี้ยงข้าวพวกเรา” ไคล์ ยิ้มแล้วโบกมือจากนั้นก็กระโดดตาม สตีฟ ไป
ทั้งสองกระโดดลงจากเครื่องบินท่ามกลางสายฝนอย่างรวดเร็ว
“ ไม่ใช่แค่ สตีฟ เท่านั้นคุณเองก็ต้องกลับมาอย่างปลอดภัยด้วยนะ ไคล์”
เมื่อมองดูเงาของทั้งสองจากไป คาร์เตอร์ ที่อยู่บนเครื่องบินก็พึมพำกับตัวเองและไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่