px

เรื่อง : I Am In Mavel​ ฉันอยู่ในโลกมาร์เวล
ตอนที่ 49 การตัดสินใจของ สตีฟ


ตอนที่ 49 การตัดสินใจของ สตีฟ

 

เครื่องบินรบ บินอยู่เหนือเมฆอาบแสงแดดสีทองมุ่งหน้าไปยังปลายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติก

 

ไคล์ และ สตีฟ คนหนึ่งถือดาบ คนหนึ่งถือโล่ เดินเข้าไปในห้องโถงเครื่องบินอย่างระมัดระวัง

 

เห็นได้ชัดว่า เรด สกัลล์ หนีมาอย่างเร่งรีบจึงมีทหารไฮดราอยู่บนเครื่องบินรบไม่มากนัก

 

ตรงที่นั่งคนขับไม่เห็นแม้แต่เงาของนักบิน แสดงว่าเครื่องบินลำนี้ขับเคลื่อนโดยระบบอัตโนมัติและมันกำลังมุ่งหน้าไปตามเส้นทางการบินที่ระบบกำหนดไว้

 

ด้านหลังเบาะคนขับมีที่เก็บของบางสิ่งบางอย่างมันเรืองแสงสีฟ้าลึกลับ เมื่อมองเข้าไปจะเห็นเป็นวัตถุสี่เหลี่ยมซึ่งกำลังส่องแสงอยู่

 

ไคล์ จ้องมองสิ่งของที่วางอยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาที่เป็นประกาย แม้ว่าระยะยังคงห่างและไม่มีการแสดงข้อมูลการ์ด แต่เขาก็มั่นใจได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร

 

ไม่ผิดแน่สิ่งนี้คือ เทสเซอร์แรกต์ภาชนะบรรจุอัญมณีอวกาศ!

 

แม้จะอยู่ห่างนับ 10 เมตรแต่เขายังสัมผัสได้ถึงเสน่ห์อันลึกลับได้อย่างชัดเจน

 

สตีฟ ยกโล่ขึ้นและค่อยๆก้าวเข้าไปในห้องโถง ไคล์ เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้า ในขณะที่ สตีฟ ค่อยๆก้าวไปนั้น ที่ด้านหลังของห้องโดยสาร เรด สกัลล์ กำลังแอบซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบๆ เขารู้อย่างชัดเจนว่า ไคล์ และ สตีฟ ได้ตามขึ้นมาบนเครื่องบินรบนี้

 

แม้ว่าเขาจะอยู่ในที่มืดและศัตรูอยู่ในที่สว่างแต่สถานการณ์มันไม่ได้เอื้ออำนวยต่อตัวเขา เพราะเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ศัตรูทั้งสองยังคงแข็งแกร่งและมันก็เป็นช่องว่างขนาดใหญ่โอกาสชนะนั้นแทบจะไม่มี

 

ไคล์ ถือดาบและเดินตรงไปข้างหน้า จากนั้นก็เอ่ยขึ้น:“ เรด สกัลล์ เหลือเพียงนายคนเดียวแล้ว ถ้านายเรียกตัวเองว่าไฮดราก็อย่าซ่อนตัวเหมือนหนู! โผล่หัวออกมา!”

 

สตีฟ ก็ตะโกนตาม:“ ถึงเวลาที่จะยุติการกระทำที่เลวร้ายทั้งหมดของแกแล้ว เรด สกัลล์!”

 

เมื่อเผชิญหน้ากับการเยาะเย้ยถากถางของคนทั้งสอง ทันใดนั้นก็มีเสียงตอบรับที่เย็นชาดังขึ้น:“ แกสองคนนี่ตามตื้อไม่จบไม่สิ้นจริงๆ พวกแกคิดจริงๆหรือว่าชนะฉันแล้ว?!”

 

เมื่อได้ยินเสียง เรด สกัลล์ ไคล์ และ สตีฟ หันหน้าไปยังทิศทางที่มาของเสียงโดยพร้อมเพรียง

 

เรด สกัลล์ เดินออกมาจากด้านหลังห้องโถงเครื่องบินและพูดต่ออีกว่า:“ ในช่วงเวลาสุดท้ายมันไม่สามารถบอกได้หรอกว่าใครจะชนะ ใครจะแพ้!”

 

เมื่อ เรด สกัลล์ เอ่ยจบเขาก็กดปุ่มรีโมทบางอย่างที่อยู่ในมือของเขา

 

'ครื่นน! '

 

เครื่องบินรบหยุดบินอย่างกะทันหันหลังจากนั้นมันก็ดิ่งหัวลงทะลุเมฆที่อยู่ด้านล่าง

 

ทุกอย่างภายในห้องโถงหลักรวมทั้ง ไคล์ และ สตีฟ กลิ้งไปกับพื้นและกระแทกเข้ากับผนังห้องโถงของเครื่องบิน

 

“นี่มันพึ่งจะเริ่ม…” เสียงของ เรด สกัลล์ ดังขึ้นตรงบริเวณที่นั่งคนขับเขานั่งลงบนเบาะและคาดเข็มขัดนิรภัยจากนั้นยกปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น แต่ปากกระบอกปืนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ ไคล์ หรือ สตีฟ ที่กำลังกลิ้งอยู่ด้านหลังในเวลานี้ เขาหันปากกระบอกปืนไปที่หน้าต่างที่อยู่ด้านหน้าเขา

 

ใบหน้าเจ้าเล่ห์สีแดงเข้มของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อยและดวงตาก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่บ้าคลั่ง เขายิงเลเซอร์ไปที่กระจกด้านหน้าในทันที

 

'ตูมม! '

 

ในช่วงเวลาที่หน้าต่างถูกทำลายด้วยเลเซอร์ ภายใต้ความแตกต่างของแรงกดที่รุนแรงระหว่างภายในและภายนอกของเครื่องบินรบ มันราวกับพายุเฮอริเคนที่แข็งแกร่งได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อดึงดูดสิ่งต่างๆภายในห้องโถงใหญ่ออกไปนอกเครื่องบินรบ

 

นี่คือท้องฟ้าที่สูงกว่าหมื่นเมตร! แน่นอนถ้าคนธรรมดาถูกดูดออกไปนอกเครื่องบินรบ แม้แต่แมวเก้าชีวิตก็คงจะไม่รอด!

 

“ ไคล์ ระวัง!” สตีฟ โชคดีพอที่จะคว้าโครงเหล็กที่อยู่ด้านบนสุดของห้องโถงใหญ่ และสายตาที่เป็นกังวลของเขาก็หันไปหา ไคล์ ที่ยังคงลอยอยู่

 

“ไอ้บ้าเอ้ย..!”

 

ไคล์ กัดฟันของเขาเอาไว้แน่นและเมื่อเขาถูกดูดไปที่หน้าต่าง เขาแทงดาบไปที่พื้นห้องโดยสารอย่างรวดเร็ว

 

“ฟู่ว..โชคดี..”.

 

ไคล์ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เมื่อสายตาของเขาขยับมองบริเวณที่ดาบเสียบอยู่รูม่านตาก็หดแคบลงในทันที

 

ดาบเหล็กกล้าโซเดียมคาร์บอนเสียบเข้ากับแท่นเก็บ เทสเซอร์แรกต์ ที่มีแสงสีฟ้ากระจายออกมาและในตอนนี้กระจกที่อยู่ด้านบนแท่นได้เกิดเป็นรอยแตกและค่อยๆเผยให้เห็นบรรยากาศลึกลับของ เทสเซอร์แรกต์อวกาศ ที่อยู่ด้านใน

 

เวรแล้ว...พระเจ้า …

 

ขนบนหัวของ ไคล์ ลุกขึ้นมาทันทีทันใดและจิตใจของเขาก็มีฉากภาพยนตร์เรื่องนี้แวบขึ้นมา: ผลที่ตามมาหลังจาก เรด สกัลล์ สัมผัสโดยตรงกับ เทสเซอร์แรกต์อวกาศ เขาถูกส่งไปยังดาวดวงอื่นที่อยู่นอกจักรวาล และต้องอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงลำพังคนเดียวบนดาวเคราะห์รกร้าง และยังต้องคอยปกป้องอัญมณีวิญญาณเป็นเวลา 70 ปีเต็ม

 

ณ จุดนี้ เทสเซอร์แรกต์แห่งอวกาศ สัมผัสกับอากาศโดยตรงและอยู่ห่างจากเขาไม่ถึงครึ่งเมตร!

 

ราวกับว่ามีสิ่งเร้าบางอย่าง เทสเซอร์แรกต์แห่งอวกาศ สว่างมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นรังสีของแสงก็พุ่งออกมา เผยให้เห็นแผนที่ดาวจักรวาลในอากาศที่ว่างเปล่า

 

อากาศที่ว่างเปล่าเริ่มบิดเป็นวังวนและมันกำลังดูด ไคล์ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงเข้าไป!

 

“ นี่มันจบแล้ว…” ไคล์ ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและทำได้เพียงมองไปที่อุโมงค์อวกาศด้านหน้าเขา

 

ฉันจะถูกส่งไปที่ไหนกัน?

 

ไคล์ ยิ้มอย่างขื่นขมและหลับตาลง แต่ทันใดนั้นเสียงของ สตีฟ ก็ดังขึ้น:“ ไคล์! ทนอีกนิดฉันมาช่วยแล้ว!"

 

ในช่วงเวลาต่อมาโล่ทรงกลมก็พุ่งมาจากระยะห่าง 10 เมตรเข้าไปกระแทก เทสเซอร์แรกต์อวกาศ ที่กำลังเปิดอุโมงค์อวกาศให้กระเด็นออกห่างจากร่างของ ไคล์ และมันตกลงไปที่ช่องว่างของหน้าต่างด้านหน้า

 

“รอดแล้ว!” ใบหน้าของ ไคล์ ขาวซีดลงเล็กน้อย เขากำลังจะถูกส่งไปที่ไหนสักแห่งในจักรวาลนี้หรือจักรวาลอื่นโดยไม่เต็มใจ!

 

ฉันรักโลกใบนี้!

 

หลังจากรอดพ้นอันตรายได้อย่างหวุดหวิด ความสุขของ ไคล์ ก็แทบจะระเบิด! เขาแทบทนรอไม่ไหวที่จะวิ่งเข้าไปสวมกอด สตีฟ เพื่อเป็นการขอบคุณ

 

“ไม่!” เรด สกัลล์ ตะโกนลั่น เขามองไปที่ เทสเซอร์แรกต์ ซึ่งตกลงมาและหลุดออกไปนอกเครื่องบิน โดยไม่รอช้าเขารีบเอื้อมมือไปคว้าจับ เทสเซอร์แรกต์แห่งอวกาศ ในทันที

 

'ครื่นน'

 

แผนที่ดาวจักรวาลที่เยือกเย็นยังคงส่องแสงอยู่ด้านบนอากาศที่ว่างเปล่า จากนั้นลำแสงสีรุ้งได้นำพา เรด สกัลล์ พุ่งทะยานเข้าไปในแผนที่ดาวจักรวาลอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อ เรด สกัลล์ หายไป เทสเซอร์แรกต์อวกาศ ก็ร่วงหล่นตกลงสู่ทะเลเบื้องล่าง

 

เครื่องบินรบยังคงลดระดับลง ห่างจากพื้นไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร  ไคล์ เคลื่อนตัวภายใต้แรงลม และไปถึงที่นั่งคนขับเพื่อบังคับให้มันกลับไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง

 

หลังจากพยายามอย่างหนักเครื่องบินรบกลับสู่สภาพการขับขี่ปกติในทันที

 

“ฟู่ว” ไคล์ นั่งลงบนพื้นด้วยความเหนื่อยล้า

 

แม้ว่าจะยังคงมีแรงลมแรงอยู่บ้าง แต่โชคก็ยังดีที่เครื่องบนรบยังสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นและระดับความสูงของเครื่องบินรบไม่สูงนักทำให้แรงดึงดูดลดน้อยลงตามไปด้วย จนอยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้

 

"นายเป็นไงบ้าง" สตีฟ หัวเราะเดินลงมาจากห้องโถงด้านบนและมาที่ที่นั่งคนขับพร้อมกับคาดเข็มขัดนิรภัย

 

ไคล์ โบกมือและพูดว่า“ ไม่เป็นไร รีบติดต่อฐานทัพและให้พวกเขาหาสถานที่ลงจอดให้กับเครื่องบินรบลำนี้”

 

"ตกลง." สตีฟ พยักหน้านั่งที่เบาะคนขับและเริ่มใช้งานเครื่องมือแต่ในไม่ช้าก็พบบางอย่างผิดปกติทำให้ใบหน้าที่ผ่อนคลายค่อยๆเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

 

“ เกิดอะไรขึ้น” ไคล์ สังเกตุเห็นสีหน้าของ สตีฟ เขาอดไม่ได้ที่จะยืนขึ้นและเอ่ยถาม

 

สตีฟ สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดขึ้นว่า:“ ดูท่าสถานการณ์จะไม่ดีซะแล้ว ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติไม่สามารถยกเลิกได้ ฟังก์ชันส่วนใหญ่ของการขับขี่ได้รับความเสียหาย - เครื่องบินรบนี้ยังคงมุ่งหน้าไป นิวยอร์ก”

 

"อะไร!" ไคล์ ได้ยินเช่นนั้นก็ตระหนักถึงวิกฤตใหญ่ที่อาจเกิดขึ้น เขากล่าวขึ้นว่า:“ อย่ากังวล ให้ฉันคิดหาวิธีดูก่อน!”

 

"ไม่มีเวลาแล้ว." สตีฟ ส่ายหน้าเขากำหมัดเอาไว้แน่นๆอย่างเงียบ ๆ ราวกับว่าเขาได้เลือกสิ่งที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตและพูดด้วยรอยยิ้ม:“ ไคล์ นายไปที่ห้องโดยสารด้านหลังและเตรียมกระโดดร่ม”

 

“ นายหมายความว่าไง” ไคล์ เหลือบมองเล็กน้อย

 

สตีฟ กล่าวอย่างแน่วแน่ว่า:“ฉันจะเอาเครื่องบินลงในทะเล ส่วนนายเตรียมตัวกระโดดร่ม”

 

“เชื่อฉัน! มันต้องมีทางแก้ไขด้วยวิธีอื่น นอกจากนี้นายยังอยู่บนเครื่องจะให้ฉันทิ้งนายเอาไว้แล้วหนีเอาตัวรอดได้ยังไง...…”

 

คำพูดของ ไคล์ ยังไม่ทันจบ สตีฟ ก็พูดขัดจังหวะขึ้น: "ฉันได้ตัดสินใจแล้ว"

 

สตีฟ จับคันบังคับด้วยมือของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาและอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขากล่าวว่า“ ไคล์ นายไม่รู้ ฉันได้ไล่ตามมาโดยตลอด”

 

“จากฐานการฝึกไปจนถึงสนามรบ ฉันทำได้แค่มองด้านหลังของนาย ในขณะที่ไล่ตามก็ยังคงยอมรับโอกาสที่นายมอบให้”

 

“ ตั้งแต่ที่ฉันประกาศว่าฉันคือกัปตันอเมริกาคราวนี้ฉันจะแซงหน้านาย!”

 

ความรู้สึกของ สตีฟ ในตอนนี้แม้ว่าเขาจะกลับไปเป็นชายหนุ่มที่อ่อนแอ แต่เขาจะไม่ยอมสูญเสียเป้าหมายของเขา

 

"เข้าใจแล้ว..." ไคล์ พูดพร้อมกับเดินไปที่ด้านหลังของเครื่องบินรบอย่างเงียบ ๆ เขารู้ว่าแม้ว่าเขาจะพูดมากไปกว่านี้ ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการตัดสินใจของสหายของเขาได้

 

เพราะอีกฝ่ายไม่เพียงแต่เป็นเพื่อนเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขา แต่ยังเป็นกัปตันอเมริกาของโลกใบนี้! แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับความทุกข์หลายพันครั้ง แต่เขาก็ยังคงยืนหยัดอยู่ในแนวหน้าโดยเลือกที่จะยอมเสียสละตัวเองและปกป้องทุกสิ่งที่ต้องการปกป้อง

 

“ ใช่แล้ว ฝากนายดูแล คาร์เตอร์ ด้วย” สตีฟ ไม่ลืมที่จะเอ่ยเตือน

 

“ ใครเขาฝากเพื่อนให้ดูแลแฟนกัน! แฟนของนาย นายต้องกลับมาดูแลเอง ฉันจะรอนายอยู่ที่ฐาน!” ไคล์ หันกลับมาและเอ่ยขึ้น

 

“ ฉัน…ชอบ คาร์เตอร์ มาก แต่เธอไม่ใช่แฟนของฉัน” สตีฟ ส่ายหน้าและพูดต่ออีกว่า:“และคนที่เธอชอบมาโดยตลอดก็คือนาย”

 

“นายอย่ามาพูดเรื่องตลก เธอจะชอบฉันได้อย่างไร ฉันว่านาย เข้าใจผิดและคิดไปเอง” ไคล์ ตะโกนปฏิเสธ

 

“ งั้นฉันคงคิดไปเอง” สตีฟ ยักไหล่และพูดว่า“ในวันศุกร์เวลาสองทุ่มที่จะถึงนี้ ฉันชวนเธอไปงานเต้นรำ ถ้าฉันไปไม่ได้ นายช่วยไปแทนฉันที”

 

“ก็ได้... แต่ ไม่ว่าจะยังไงนายต้องกลับไปให้ได้และไปเต้นรำกับเธอด้วยตัวนายเอง” ไคล์ โบกมือและออกจากห้องโดยสาร ในขณะที่เสียงของ สตีฟ ยังคงแผ่วเบาอยู่ข้างหลัง:

 

“ พี่ชายทุกอย่างฝากไว้กับนาย…”

 

สิบห้าวินาทีต่อมา เงาร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากเครื่องบิน เมื่ออยู่ในระดับความสูงกว่าพื้นทะเล 100 เมตรร่มชูชีพก็กางออกและตกลงสู่ทะเลสีครามด้านล่างอย่างช้าๆ

 

ใต้ร่มชูชีพ ไคล์ มองขึ้นไปที่ปลายขอบฟ้า ซึ่งมีเครื่องบินลำหนึ่งกำลังเคลื่อนที่ออกไปอย่างรวดเร็วและไม่นานก็หายไปจากสายตา

 

“ สตีฟ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะนานแค่ไหน

 

ฉันเชื่อว่าซักวันเราจะได้เจอกันอีกแน่นอน ”

รีวิวผู้อ่าน