px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่ 9 แปดชีพจรของโจวหยวน


ด้านหน้ากระท่อมในตอนนี้ ได้มีเด็กหนุ่มหน้าตาละอ่อนพลัน รู้สึกดีใจอย่างยิ่ง มือทั้ง2 นั้นสั่นเทาอย่าบ้าคลั่งไปด้วยความปิติ ในตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าได้เกิดใหม่เพราะรูปลักษณ์ของโจว หยวนในตอนนี้นั้นได้อ่อนเยาว์ลงอย่างเห็นได้ชัด

 

ด้วยเรื่องนี้สำหรับเขานั้นนับเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

เพราะตั้งแต่เขาโตมานั้น แม้เป็นหญิงสาวรุ่นเดียวกันก็เริ่มที่จะฝึกตนเบิกชีพจร ซึ่งแสดงให้เห็นพรสวรรค์ที่ต่างกันไปหมดแล้ว แม้ว่า โจว หยวนนั้นจะสงวนท่าทีไว้ดีมาก แต่ในใจลึกๆเขาก็รู้สึกคาดหวัง

 

เขาเฝ้าฝันมาเสมอ ว่าจะสามารถเบิกชีพจรเพื่อก้าวสู่เส้นทางแห่งพลังปราณอันยิ่งใหญ่ได้

 

ในวันนี้ฝันที่คอยมานานก็ได้เป็นจริงแล้ว

 

“ที่จริงแล้วเมื่อเจ้าเกิดมาก็ได้เบิก 8 ชีพจรแล้ว แต่น่าเสียดายที่เจ้าพบเจอกับหายนะไม่คาดฝัน ชีพจรทั้ง 8 ของเจ้าจะต้องทำให้ตรวจพบว่าถูกทำลาย และเพื่อป้องกันตัวเองมันจึงซ่อนตัวอยู่ลึกลงไปในตัวเจ้า ดังนั้นหลายปีมานี้ เมื่อเจ้าได้พยายามฝึกตนและเบิกชีพจรมันจึงไม่ปรากฏขึ้นมาให้เห็น “ ชายชราชุดดำมอง โจว หยวนด้วยรอยยิ้ม

 

“8 ชีพจรนั้นแม้มันจะหลบซ่อนอยู่ภายในร่างกาย แต่ก็ยากที่จะสัมผัสถึงมันได้ ดังนั้นหากต้องการกระตุ้นมันอีกครั้ง เจ้าจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เอาชีวิตเข้าแลกเท่านั้น 8 ชีพจรจึงจะแสดงพลังออกมา “

 

ชายชราชุดดำปรายตาขึ้นอีกครั้งพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงต่างออกไปว่า: “อย่าได้คิดว่ากลิ่นอายแห่งความตายนั้นเป็นของปลอม ความจริงแล้วหากเจ้ามิอาจกระตุ้นการป้องกันจาก 8 ชีพจรได้ เจ้าคงตายไปแล้ว “

 

เมื่อ โจว หยวน ได้ยินเช่นนั้นร่างของเขาก็พลันเย็นลง เขามองไปยังชายชราด้วยใบหน้าซีดขาว เพราะเขายังจดจำได้ดีถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

 

เขาคาดว่า บางทีในตอนนั้นเขาอาจจะตายจริงๆก็เป็นได้

 

และก็เป็นดั่งที่ชายชรากล่าว 8 ชีพจรจะปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อเขานั้นพบเจออันตรายถึงแก่ชีวิต

 

“มีอะไรหรือไม่พอใจที่ข้าไม่บอกเจ้าล่วงหน้าหรือ “ ชายชราชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

โจว หยวนถอนหายใจและส่ายหัวอย่างช้าๆกล่าวว่า: “ผู้น้อยนั้นต้องการเพียงเบิกชีพจรฝึกตนแม้จะต้องเสี่ยงเพียงใดข้าก็จะทำ ดังนั้นถึงแม้จะรู้ล่วงหน้า ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ"

 

ชายชราชุดดำพยักหน้าเล็กน้อยพร้อมกล่าวชมว่า: “เจ้าหนุ่มน้อย เจ้ายังเยาว์วัยนักแต่จิตใจของเจ้านั้นไม่เลวเลย “

 

“แม้ว่า8 ชีพจรจะปรากฏขึ้นอีกครั้งแต่ก็อย่าพึ่งดีใจเกินไปเจ้านั้นเคยเบิก 8 ชีพจรได้แล้วก็จริง แต่เพราะหลายปีที่ผ่านมานี้ 8 ชีพจรมันจึงถูกผนึกไว้อีกครั้ง ดังนั้นเจ้าจึงต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นโดยการเชื่อมต่อมันใหม่ทั้งหมดและก้าวข้ามสะพานพลังปราณไปสู่ การฝึกปราณที่แท้จริง”

 

“นอกจากนี้สถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้เทียบกับคนธรรมดาแล้วย่ำแย่กว่ามาก เพราะภัยพิบัติที่เจ้าเจอมันทำให้ 8 ชีพจรผนึกโดยตัวเอง ดังนั้นการเบิกชีพจรจะยากกว่าคนทั่วไปมาก “ ชายชราชุดดำส่ายหน้ากล่าว

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น โจว หยวนก็ขมวดคิ้วบางๆแล้วกล่าวว่า: “แล้วตอนนี้ข้ายังมีความหวังอยู่หรือไม่ “

 

สถานการณ์ตอนนี้กลับแย่ลง ก่อนหน้านี้เขามิอาจหาชีพจรเจอได้ แต่ตอนนี้เมื่อหาเจอแล้วมันกลับยากที่จะเบิกได้ ท้ายที่สุดแล้วเขานั้นยังมีความหวังอยู่หรือไม่

 

ด้านหลังของชายชราชุดดำ หญิงสาวชุดฟ้านั้นก็ได้จับถุนถุนขึ้นมาจากถังน้ำและจับมันเขย่า จากนั้นก็มีจุดสีแดงขึ้นตามตัวของอสูรตัวน้อย และด้วยจุดสีแดงนั้นทำให้หยดน้ำบนตัวมันพลันระเหยขึ้นไปพร้อมสิ่งสกปรกทันที

 

ต่อจากนั้นนางก็กอดเจ้าอสูรน้อยเอาไว้และมองมาที่ โจว หยวนด้วยสายตาเย็นชา เพราะในเวลานี้เรื่องชีพจรของโจว หยวนมันทำให้นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

 

“ไม่เห็นจำเป็นเลย เบิกชีพจรไม่ใช่ทุกสิ่งข้าเองก็ไม่สามารถใช้มันได้ แต่ก็สามารถใช้รูปแบบก่อเกิดได้ “ ปากของนางเปิดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป

 

น้ำเสียงของหญิงสาวนั้นราวกับไม่แยแสอะไร แต่หากฟังดีดีก็จะรู้ว่านี่คือคำปลอบใจ

 

โจว หยวนนั้นมองไปที่นางด้วยท่าทีตกใจ หญิงสาวชุดฟ้ามิอาจใช้ปราณพลังได้หรือ

 

“หึหึ เพราะเหตุผลบางอย่าง เหยาเหยา จึงมิอาจใช้พลังได้ “ ชายชราชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้มจากนั้นก็มองไปที่โจว หยวนแล้วกล่าวต่อว่า: “เจ้าอย่าได้ประเมินนางต่ำไป ด้วยความเข้าใจในรูปแบบก่อเกิดที่ชายชราผู้นี้ถ่ายทอดให้โดยตรง ถึงแม้นางจะมีอายุต่างจากเจ้าไม่มาก แต่ด้านรูปแบบก่อเกิดนางสามารถเป็นอาจารย์เจ้าได้สบายๆเลย “

 

“โฮ่? ”ในตอนนั้น โจว หยวนก็มองไปที่นางด้วยความประหลาดใจเขานั้นมีความเข้าใจในแก่นแท้ของรูปแบบก่อเกิดได้ดีอย่างดีเยี่ยม แต่เมื่อมีคนมากกล่าวเช่นนี้มันทำให้เขานั้นอดที่จะประหลาดใจไม่ได้

 

“เจ้าไม่ต้องท้อแท้ไป แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเบิกชีพจรได้ยากยิ่ง แต่มันก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เพราะความยากที่เจ้าพบนั้นทำให้แต่ละครั้งที่เจ้าสามารถเบิกชีพจรได้ มันจะทำให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปอย่างก้าวล้ำ " ชายชราชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

โจว หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อชายชรากล่าวว่าทุกครั้งที่เขาสามารถเบิกชีพจรได้มันจะทรงพลังกว่าคนทั่วไปนั้น มันทำให้เขายอมรับได้ถึงแม้จะยากเย็นก็ตามที

 

ในใจของ โจว หยวนพลันคิดอะไรบางอย่างพร้อมมองชายชราด้วยสีหน้าเจ็บปวดแล้วกล่าวว่า: “ท่านผู้อาวุโส แม้ว่าข้าจะสามารถเบิกชีพจรได้แล้วแต่มันก็ยังช้ากว่าคนทั่วไป หากจะปกป้องพี่สาวเหยาเหยา เกรงว่ามันจะไม่สามารถทำได้ในเวลาสั้นๆ”

 

ชายชราชุดดำกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า: “เจ้าจะบอกว่าอะไรก็กล่าวมาเหตุใดต้องอ้อมค้อม?”

 

โจว หยวนหัวเราะ หึหึแล้วกล่าวต่อว่า: “ท่านผู้อาวุโส ท่านนั้นเป็นคนดีมากจริงๆ ท่านจะมอบโอกาสให้แก่ เด็กผู้ต่ำต้อยได้หรือไม่ “

 

ในตอนนั้นชายชราก็ตกอยู่ในความคิด เขาคาดการณ์ว่าพลังของโจว หยวนนั้นจะต้องเติบโตอย่างหาที่สุดไม่ได้แน่นอน อย่างน้อยก็ต้องเหนือกว่า โจว ฉิง พ่อของเขาเป็นแน่

 

แต่ตอนนี้ ด้วยสถานะภาพของ โจว หยวนแล้วยังมิอาจติดต่อกับยอดฝีมือได้ ดังนั้นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ โจว หยวน จึงจำต้องไขว่คว้ามันมาให้ได้

 

นี่คือโอกาสของเขา

 

ชายชราชุดดำได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “เจ้าเด็กเขลาผู้นี้ ช่างละโมบยิ่งนัก “

 

โจว หยวนได้ยินที่ชายชราชุดดำกล่าวก็ไม่ได้โกรธ พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: “ในฐานะรุ่นเยาว์นั้นทางที่ดีที่สุดต้องขอคำแนะนำจากผู้อาวุโสไม่ใช่หรือ? มิฉะนั้นหากพบเจออันตรายข้าที่ไร้ความสามารถจะปกป้องพี่สาว เหยาเหยาได้อย่างไร “

 

แม้ว่า โจว หยวน จะแสดงสีหน้าเจ็บปวด แต่ก็มีรอยยิ้มอยู่ลึกๆ ในขณะเดียวกันมุมปากของเหยาเหยา ก็เผยอขึ้นเล็กน้อยนางคิดว่าชายคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลย

 

“ท่านปู่ เหย หากท่านไม่อยากให้ทำให้เขาเป็นตัวถ่วงแข้งถ่วงขาข้า และอยากให้เขาปกป้องข้าจริงๆ ก็รับปากเขาไปเถิด “ เหยาเหยากล่าวพร้อมประสานมือคารวะ

 

โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หันไปส่งสายตาขอบคุณนาง อย่างไรก็ตามนางกลับทำเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ไม่สนใจ

 

ชายชราลูบไปที่เคราของเขาพร้อมตกอยู่ในความคิดราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ ต่อจากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า “เหยาเหยา เจ้ากล่าวได้ถูกต้องหากเด็กผู้นี่อ่อนแอไป จะเป็นปัญหากับเจ้า “

 

เขานั้นมองไปยัง โจว หยวน ด้วยแววตาน่ากลัว พร้อมกล่าวเบาๆว่า: “วิชาของข้าจะไม่ถ่ายทอดให้คนนอก “

 

โจว หยวนนั้นเป็นฉลาด เมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็คุกเข่าแสดงความเคารพทันที: “ศิษย์ โจว หยวน คำนับท่านอาจารย์! “

 

“เจ้าหนุ่มน้อย เจ้านี่มันฉลาดจริงๆ “ ในตอนนั้นชายชราชุดดำก็ถอนหายใจ และผ่อนท่าทีเล็กน้อย ในที่สุดเจ้าเด็กนี่ก็ยอมรับเขาเป็นอาจารย์ เห็นได้ชัดว่าลูกเล่นของเจ้าเด็กนี่นั้นมากมายเหลือเกิน

 

ชายชราชุดดำส่ายหน้าพลางถอนหายใจพร้อมกล่าวว่า: “การที่เราได้พบกันที่นี่ถือเป็นโชคชะตา แม้ว่าเจ้าจะยังเด็กเกินไปสำหรับคุณสมบัติที่จะเป็นศิษย์ของตาเฒ่า แต่ครั้งนี้ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ ”

 

โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส

 

ชายชราจุดดำมองไปที่โจว หยวนดวงตาของเขาพลันอ่อนโยนลงแล้วกล่าวว่า “เอาล่ะในเมื่อเจ้าเป็นศิษย์ของข้าแล้ว ตาเฒ่าผู้นี้ก็มิอาจหวงวิชากับเจ้าได้ “

 

“ตอนนี้ 8 ชีพจรของเจ้าปรากฏแล้ว ข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาชี้นำลมปราณให้ “

 

เมื่อเข้า ดินแดนเบิกชีพจร ในร่างกายนั้นจะมิอาจเก็บสะสมพลังปราณได้ ดังนั้นจึงต้องใช้เคล็ดวิชาชี้นำปราณเข้าช่วย ในการเบิก 8 ชีพจร และหลังจากเข้าสู่ระดับบ่มเพาะปราณพลังแล้ว ถึงจะสามารถฝึกเคล็ดวิชาบ่มเพาะ

 

นิ้วชี้ของชายชราชุดดำนั้นเกิดประกายแสงขึ้นจากนั้นเขาก็จิ้มมันลงไปที่หน้าผากของโจว หยวน

 

เปรี้ยงงง

 

เมื่อ นิ้วชี้สัมผัสกับหน้าผาก โจว หยวนรู้สึกได้ถึง ข้อมูลอันมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา ในตอนนั้นมันทำให้หัวของเขาพลันมืดมัวมิอาจคิดอะไรได้

 

อย่างไรก็ตามในตอนนั้น โจว หยวน ก็พยายามที่จะสัมผัสถึงข้อมูล

 

เคล็ดวิชาชี้นำลมปราณ เคล็ดวิชาลมหายใจมังกร

 

เดิมที แค่ชื่อของมันนั้นก็ฟังดูยิ่งใหญ่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่ามันจะทำอะไรได้ก็ตามแต่ด้วยสิ่งนี้นั้นแสดงให้เห็นว่าชายชราชุดดำผู้นี้ไม่ธรรมดา

 

ต่อจากนั้นชายชราจุดดำก็ถอนนิ้วชี้ และจ้องมองไปที่ โจว หยวนด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ข้าเห็นเจ้าฝึกรูปแบบก่อเกิดมาบ้างแล้ว เจ้าสนใจในเรื่องนี้หรือไม่ “

 

โจว หยวนพยักหน้ากล่าวจากใจจริงว่า: “แน่นอนขอรับ รูปแบบก่อเกิดนั้นลึกซึ้ง มิอาจมองข้ามได้ “

 

ในเวลา 2 ปี เขานั้นได้ฝึกฝนรูปแบบก่อเกิดจนเชี่ยวชาญ เขาสัมผัสได้ว่า รูปแบบก่อเกิดนั้นลึกซึ้ง หากฝึกฝนควบคู่กันไป มันจะสามารบรรเทาปัญหาเรื่องความต่างของพลังได้ ด้วยพลังอันน้อยนิดพร้อมกับความเข้าใจในรูปแบบก่อเกิดก็จะสามารถเทียบชั้นได้กับผู้มีพลังปราณที่แข็งแกร่ง

 

แต่น่าเสียดาย รูปแบบก่อเกิดนั้นไม่สามารถแปรผันได้ด้วยตนเอง หากต้องการจะประสบความสำเร็จจะต้องใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด เพราะยังไงแล้วมันเป็นศาสตร์ที่มีความลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นผู้ใช้พลังปราณส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะละทิ้งมันและเลือกบ่มเพาะพลังปราณ

 

และเมื่อได้ยินที่ โจว หยวนกล่าวนั้น ชายชราก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า: “คนธรรมดามักเพิกเฉยรูปแบบก่อเกิดและคิดว่ามันเป็นเพียงเส้นทางเล็กๆ และยากที่จะผงาด แต่พวกเขาไม่รู้ว่าเส้นทางแห่งรูปแบบก่อเกิดนั้นเมื่อได้หลอมรวมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แล้วมันจะกลายเป็นของคู่กันกับเคล็ดวิชาบ่มเพาะ”

 

โจว หยวนมองไปที่ชายชรา ก็เห็นได้ว่าขณะที่เขากล่าวเรื่องรูปแบบก่อเกิดนั้นเขาภาคภูมิใจอย่างมาก ในใจของเขาพลันคิดว่า รูปแบบก่อเกิดของชายชราผู้นี้ต้องเหนือธรรมดามากแน่นอน

 

“ข้าคิดว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นไม่ธรรมดา กล่าวได้ว่าเจ้านั้นอาจจะมีพรสวรรค์ด้านรูปแบบก่อเกิดไม่ธรรมดาเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นตาเฒ่าผู้นี้จะถ่ายทอด เคล็ดวิชาฝังจิตวิญญาณ ให้แก่เจ้า”

 

ชายชรากล่าวด้วยรอยยิ้ม ต่อจากนั้นดวงตาทั้ง 2 ข้างก็ประกายความจริงจังทันใดนั้นก็มีแสงจากดวงตาของเขายิงเข้าสู่ดวงตาของ โจว หยวน

 

ในตอนนั้น หัวของ โจว หยวน ราวกับเกิดฟ้าผ่าอันรุนแรงอักขระโบราณนับไม่ถ้วนไหลผ่านดวงตาของเขา เข้าสู่สมองแล่นทะลวงสู่จิตใจ!

 

“บัญญัติเจตจำนงเทพ”

 

จบตอนที่ 9

 

รีวิวผู้อ่าน