ในช่วงที่อัลกับลีโอออกเดินทางลงใต้นั้น
มีการเคลื่อนไหวอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
“หนอย! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย! บ้าชะมัด! บ้าชะมัด!”
“อึ้ก! ไม่นะ!! อ้ากกกก!! ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย! อะ, อะ...อภัยให้ข้าด้วยเถอะ......”
ซานดร้ากำลังฟาดแส้ใส่หนึ่งในนักฆ่าของเธอเพื่อระบายความเครียด
ในตอนที่เธอเห็นว่านักฆ่าหมดสติไปแล้ว, เธอก็โยนแส้ทิ้งในขณะที่กำลังหอบอยู่
“ไร้ประโยชน์! ห่วยแตก! อ้ากก, ข้าโคตรจะหงุดหงิดเลย! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย!”
ซานดร้าเดินไปรอบๆในขณะที่กำลังกัดเล็บของตัวเอง
พอเห็นนายหญิงเป็นแบบนี้, นักฆ่าวัยกลางคนที่เคยพยายามจะลักพาตัวอัล, กุนเธอร์, ก็เอ่ยปากออกมา
“ดูเหมือนว่าแผนการของฝั่งเราจะถูกอ่านออกหมดเลยนะครับ”
“เรื่องพวกนั้นข้ารู้อยู่แล้ว! ไปคิดซะสิว่าทำไมถึงถูกอ่านออก! พวกนั้นไม่ได้มีลีโอนาร์ดหรืออาร์โนลด์อยู่ด้วยไม่ใช่หรอ!? นี่เจ้ากำลังจะบอกว่ายัยนกนางนวลสีน้ำเงินจอมหยิ่งนั่นกำลังปั่นหัวข้าอยู่ใช่ไหม?”
“ดูเหมือนว่าขุมอำนาจของลีโอนาร์ดจะมีคนที่ทั้งฉลาดและมีไหวพริบอยู่ด้วยนะครับ พวกเขาน่าจะกำลังอ่านการเคลื่อนไหวของเราและให้ข้อมูลนั้นกับขุมอำนาจของกอร์ดอนในทันที่ที่พวกเราจะเริ่มอะไรซักอย่าง”
“ชิ! น่าหงุดหงิดชะมัด! พวกนั้นเป็นขุมอำนาจที่พึ่งตั้งขึ้นมาแท้ๆ, พวกนั้นกล้ามากวนประสาทของข้าขนาดนี้ได้ยังไง! ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้พวกมันแน่!”
ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น, แต่ซานดร้าก็ยังคงไม่มีทางเลือก
ทุกๆครั้งที่ซานดร้าพยายามจะโจมตีขุมอำนาจของลีโอนาร์ด, กอร์ดอนก็จะเข้ามาโจมตีเธอ
ในตอนที่เธอพยายามจะขโมยผู้สนับสนุนของลีโอนาร์ด, ผู้สนับสนุนของเธอก็จะถูกชิงไปด้วยเหมือนกันและซานดร้าก็จะถูกบังคับให้ตกเป็นฝ่ายป้องกัน
ด้วยสภาพเช่นนี้, ในตอนที่เธอโจมตีขุมอำนาจของลีโอนาร์ด, กอร์ดอนก็มักจะโผล่มาตลอดราวกับว่าเขากำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะเจาะนี้อยู่และขโมยผู้สนับสนุนของซานดร้าไป
ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไป, ผู้ชนะก็จะมีแค่กอร์ดอนเท่านั้น ซึ่งนี่เป็นสิ่งเดียวที่เธออยากจะหลีกเลี่ยง
“วางมือจากขุมอำนาจของลีโอนาร์ดซักพักเถอะครับ องค์หญิงข้าว่าท่านค่อยแก้แค้นเขาสำหรับเรื่องที่ขโมยรัฐมนตรีของท่านในภายหลังจะดีกว่า”
“หนอย...เอาแบบนั้นก็ได้ แต่เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน, ช่วยพาคนที่เหมาะสมมาหาข้าหน่อย! ความเกรี้ยวกราดของข้าคงจะไม่หายไปง่ายๆแน่!”
“ตามประสงค์ครับ”
ซานดร้าเป็นคนที่มีนิสัยโหดร้ายจนเกินคนปกติ ถ้าอารมณ์ของเธอถูกกักเก็บเอาไว้จนถึงระดับนึงเธอจะไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เว้นเสียแต่ว่าเธอจะได้ปลดปล่อยด้านที่โหดร้ายและก้าวร้าวของเธอออกมา”
นักฆ่าที่ไม่ได้มีภารกิจอะไรในตอนนี้มักจะถูกส่งมาเพื่อเป็นที่ระบายอารมณ์ของซานดร้า
ในขณะที่กำลังคิดว่าวันนี้ควรจะส่งใครไปให้เธอดี, กุนเธอร์ก็เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
.....
“ยอดเยี่ยมจริงๆ อ่านการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้จากชิ้นส่วนข้อมูลเล็กๆแบบนี้, ถือว่าทำงานได้สุดยอดจริงๆครับ”
“มันก็เหมือนกับการอ่านทิศทางการโจมตีของมอนส์เตอร์นั่นแหล่ะค่ะ ในสถานการณ์ที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาถูกจำกัด, ตามปกตินั้น, พวกเขาก็จะพยายามวางมาตรการให้ดีที่สุด ข้าก็แค่เฝ้าดูจุดนั้นในขณะที่คอยส่งข้อมูลให้ขุมอำนาจอื่น และในเมื่อองค์หญิงลำดับสองระมัดระวังตัวมากขึ้นแล้ว, เธอก็น่าจะไม่ลุยเข้ามาอย่างดุดันขนาดนี้อีก”
“สุดยอดเลยค่ะ! คุณลินเฟีย!”
ลินเฟียค่อนข้างสับสนกับการสรรเสริญอย่างซื่อตรงของฟีเน่
อัลได้ฝากฝังลินเฟียให้เป็นคนคอยอารักขาฟีเน่และบอกกับฟีเน่ให้ฟังคำแนะนำของลินเฟีย
เพราะเหตุนี้เอง, ฟีเน่จึงรับฟังทุกความเห็นของเธอ
แน่นอนว่า, ฟีเน่ไม่ได้แค่รับฟังเฉยๆ, เธอบอกสิ่งที่เธออยากทำด้วยและลินเฟียก็จะเสนอวิธีทำมันให้สำเร็จให้, ซึ่งพวกเขาก็ได้นำวิธีเหล่านั้นมาปรับใช้ในแนวทางปฏิบัติของพวกเขา
มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่ถูกปฏิบัติอย่างดีขนาดนี้แต่ลินเฟียรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลกนิดหน่อย
“มีอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่มีค่ะ....ข้าก็แค่, กำลังสงสัยอยู่ว่าทำไมท่านถึงเชื่อใจข้าขนาดนี้?”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะคะ, มันก็เพราะท่านอัลไว้ใจท่าน นอกจากนี้, ท่านอัลเองก็เข้าใจถึงความสำคัญของข้าดีดังนั้นเขาคงไม่ส่งคนที่ไม่น่าไว้ใจมาอยู่ข้างตัวข้าหรอกค่ะ”
ไม่มีความประสงค์ร้ายอยู่ในรอยยิ้มของฟีเน่เลย
มีแค่สาเหตุเดียวที่เธอสามารถยิ้มออกมาได้ขนาดนี้, นั่นก็คือมันไม่มีความสงสัยอยู่ในกระบวนการคิดของเธอเลย
ฟีเน่นั้นเข้าใจตำแหน่งของเธอดี ลูกสาวของดยุค, เจ้าของฉายาเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงิน เธอเข้าใจว่านี่คือทั้งหมดที่เป็นเธอ
เธอไม่ได้มาอยู่ที่นี่เพราะความสามารถเฉพาะตัวของเธอ ความสำคัญของเธอที่มีต่อทั้งอัลกับลีโอ, ก็แค่ให้ ‘มีชีวิตอยู่’ ก็พอ ส่วนนอกเหนือจากนั้นไม่ได้มีใครคาดหวังจากเธอมากนัก
นี่เป็นสาเหตุที่พวกเขาไม่สามารถเอาคนที่ไม่น่าไว้ใจมาอยู่ข้างเธอได้ และมันก็เป็นเหตุผลที่ฟีเน่มีความมั่นใจขนาดนี้ ด้วยรูปแบบความคิดเช่นนี้, ฟีเน่จึงไว้ใจลินเฟียอย่างเต็มที่”
“เอ่อ...ไม่รู้สึกรังเกียจเลยหรอคะ? ที่จู่ๆมีคนใหม่เสนอหน้ามาแบบนี้”
เอาจริงๆ, ลินเฟียนั้นเตรียมใจที่จะถูกเกลียดขี้หน้าเอาไว้แล้ว
ฟีเน่เป็นลูกสาวของดยุคในขณะที่ลินเฟียเป็นแค่เด็กจากหมู่บ้านผู้ลี้ภัย นี่คือข้อแตกต่างระหว่างพวกเธอ เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนระดับนี้จะยอมฟังทุกอย่างที่เธอพูด
อย่างไรก็ตาม, นั่นมันไม่ใช่ประเด็น
ต่อให้เธอได้รับความไว้ใจจากอัล, ลินเฟียก็ยังอดรู้สึกแปลกไม่ได้ที่ฟีเน่ยอมฟังความคิดเห็นของเธอถึงขนาดนี้
อย่างน้อยที่สุด, เธอก็อยู่ห่างไกลจากภาพของขุนนางในความคิดของลินเฟีย
“? ถ้าข้าสามารถเป็นประโยชน์กับท่านอัลและท่านลีโอได้ข้าก็ไม่สนใจหรอกค่ะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าข้ามีประโยชน์คุณลินเฟียเองก็จะมีประโยชน์เหมือนกันถูกไหมคะ?”
“....เข้าใจแล้วค่ะ ท่านไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวเองเลยสินะคะ”
“มองได้อย่างทะลุปรุโปร่งเลยนะครับ ท่านฟีเน่เป็นคนแบบนี้จริงๆ เธอมักจะให้ความสำคัญกับคนอื่นก่อนส่วนตัวเองเอาไว้ทีหลัง”
ลินเฟียที่ถูกโน้มน้าวพยักหน้าให้กับคำพูดของเซบาส
ในขณะที่กำลังคิดว่ามีขุนนางแบบเธออยู่ด้วย, เธอก็สงสัยว่าทำไมคนแบบนี้ถึงเข้าร่วมในความขัดแย้งทางการเมืองแบบนี้ นี่คือคำถามใหม่ที่ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“ทำไมคุณถึงเอาตัวเองมาเกี่ยวข้องกับสงครามผู้สืบทอดหรอคะ? ขออภัยที่เสียมารยาทแต่ข้าไม่คิดว่าคนอย่างท่านจะเหมาะกับเรื่องแบบนี้”
“อูยย....ข้ารู้ดีค่ะ....ข้าเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน.....”
ฟีเน่พูดแบบนั้นออกมาด้วยสีหน้าเหมือนกับว่าเธอพึ่งได้รับความตกใจ
ดูเหมือนว่าเธอจะตกใจจริงๆดังนั้นลินเฟียจึงเริ่มวิตกกังวล
“อะ, เอ่อ....มันทำให้ท่านตกใจขนาดนั้นเลยหรอคะ?”
“ค่ะ....ข้าไม่เคยเป็นประโยชน์กับท่านอัลและคนอื่นๆเลย.....ข้าเองก็อยากจะเป็นประโยชน์กับเขาเหมือนกัน”
ตราบใดที่เธอสามารถสร้างผลลัพธ์ดีๆให้อัลได้, เธอก็ไม่สนใจไม่ว่าเธอจะต้องร่วมมือกับใครก็ตาม
นี่คือแนวคิดหลักๆของฟีเน่ อย่างไรก็ตาม, มันก็ไม่ได้หมายความว่าเธอยินดีกับการที่เป็นคนไร้ประโยชน์
เธออยากเป็นประโยชน์โดยที่ไม่ต้องใช้ตำแหน่งหรือฉายาของเธอมาโดยตลอด
แต่มันก็แค่เพราะตัวฟีเน่เองนั้นเข้าใจดีว่าเธอไม่มีความสามารถที่จะทำแบบนั้นเธอถึงไม่ได้ทำการเคลื่อนไหวที่สังเกตเห็นได้
“แค่มีท่านอยู่ที่นี่ก็ถือเป็นโชคดีของพวกเขาสองคนแล้วหล่ะค่ะ, ท่านฟีเน่ อย่าคิดมากไปเลยนะคะ”
“ข้าเองก็หวังแบบนั้น......”
ฟีเน่ในสภาพคอตกยังคงดูงดงามแม้ว่าจะมองจากสายตาของลินเฟียที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และนี่มันก็ไม่ใช่แค่เพราะใบหน้าที่งดงามของเธอเพียงอย่างเดียว
เธอกำลังถ่ายทอดความรู้สึกที่ว่าอยากมีประโยชน์กับคนอื่นจริงๆ ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่เธอคิดมากขนาดนี้
ในวันที่เขาออกเดินทาง, อัลได้ให้คำพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วย
ฝากดูแลฟีเน่ให้ข้าด้วยนะ
เธอไม่รู้ว่าเขาอยากให้เธอดูแลฟีเน่ในระดับไหนแต่ลินเฟียตัดสินใจที่จะถลำไปต่ออีกซักเล็กน้อย
เขาอยากให้ฟีเน่ประสบความสำเร็จซักเรื่องนึง นี่คือแนวทางที่เธอเลือกที่จะตีความคำพูดของเขา
“ถ้างั้นมามีประโยชน์ด้วยกันเถอะค่ะ ท่านฟีเน่”
“เอ๋? มีอะไรที่ข้าทำได้ด้วยหรอคะ?”
“มีสิ่งที่มีเพียงแค่ท่านเท่านั้นที่ทำได้อยู่ค่ะ ท่านมีชื่อเสียงในเมืองหลวงและมีพวกที่อยากได้ชื่อเสียงนั้นของท่านอยู่”
“ใครหรอคะ?”
“พ่อค้าค่ะ ข้าคิดว่าการสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกเขาก่อนที่องค์ชายจะกลับมาจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับขุมอำนาจนี้ได้อย่างแน่นอน”
ในขณะที่เธอเสนอออกมาด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย, ลินเฟียก็เหลือบมองเซบาส
ถ้าเขาไม่พอใจกับข้อเสนอนี้, เซบาสคงจะแสดงความคิดเห็นออกมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม, ถ้าเซบาสไม่พูดอะไร
ลินเฟียก็จะพูดต่อ
“แน่นอนว่าตอนนี้, มีบริษัทในเมืองหลวงที่อยากใช้ความนิยมของท่านอยู่แต่พวกเขาอาจจะคุยกับคู่แข่งคนอื่นๆไปแล้ว ดังนั้น, พวกเราจะเล็งบริษัทที่แตกต่างออกไปซึ่งกำลังโหยหาอยากจะเปิดตัวในตลาดของเมืองหลวงแทน”
“Right now, there are, of course, companies inside the capital that want to utilize your popularity but they are probably already talking to the other candidates. So, we will aim for a different company that eagerly wants to make a debut inside the capital’s market instead.”
“มีบริษัทแบบนั้นจริงๆหรอคะ?”
“มีค่ะ บางทีท่านฟีเน่น่าจะเคยได้ยินเหมือนกัน ท่านรู้จักบริษัทใหญ่ที่ชื่อว่าไอจิน(กึ่งมนุษย์)รึเปล่าคะ?”
“เข้าใจแล้วครับ ดูเหมือนว่าข้าต้องประเมินท่านไปอีกระดับนึงแล้วสินะ บริษัทไอจินเองก็เป็นที่สนใจของท่านลีโอนาร์ดกับท่านอาร์โนลด์อยู่เหมือนกัน แต่ว่า, พวกเขายังไม่ได้ติดต่อมาเลย นี่แสดงว่าท่านต้องรู้เหตุผลสินะครับ?”
“ใช่ค่ะ, มันเป็นเพราะผู้นำของบริษัทนั้นเป็นแวมไพร์หญิง คนของจักรวรรดิไม่ค่อยประทับใจแวมไพร์เท่าไหร่เนื่องจากเหตุการณ์ที่พึ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ข้าเข้าใจสาเหตุที่พวกเขาชะลอการติดต่อแต่พวกเราสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับพวกเขาได้อย่างแน่นอนค่ะด้วยการใช้สถานการณ์นี้ ท่านไม่คิดว่านี่เป็นโอกาสที่ดีหรอคะ?”
ฟีเน่พยักหน้ารัวๆให้กับข้อเสนอของลินเฟีย
เธอไม่เพียงแค่พยักหน้า เธอยังพิจารณาเกี่ยวกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ด้วย
ถ้าเธอทำตามข้อเสนอนี้, ใครจะเปลี่ยนเป็นศัตรูของพวกเขา? ใครจะกลายเป็นพันธมิตรของพวกเขา? ข้อเสนอนี้จะสร้างผลกระทบแบบไหนให้กับเมืองหลวงของจักรวรรดิ?
หลังจากที่เธอพิจารณาทุกอย่างแล้ว, ฟีเน่ก็ได้ข้อสรุป
“ลองไปพบแวมไพร์หญิงคนนั้นกันเถอะค่ะ ข้าคิดว่าข้าต้องเห็นนิสัยของเธอกับตาของตัวเองก่อนถึงจะตัดสินใจได้”
“เข้าใจแล้วค่ะ ข้าคิดว่าพวกเราน่าจะสามารถจัดการประชุมขึ้นได้ถ้าพวกเราส่งคนไป ข้าขอฝากเรื่องการจัดการให้ท่านได้ไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ คิดว่าพวกเราน่าจะได้รับคำตอบของพวกเขาภายในสองสามวันนี้”
“เข้าใจแล้วค่ะ.....ท่านอัล, ข้าจะพยายามนะคะ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้น, ฟีเน่ได้เพิ่มเสียงของเธอโดยหันไปทางใต้, ซึ่งเป็นทิศทางที่อัลกำลังอยู่
ในตอนนี้เอง, ฟีเน่ไม่ได้รู้เลยว่าอัลต้องจัดการกับอะไรบ้างทางฝั่งเขา