ในใจกลางถ้ำ บนแท่นหินนั้นก็ได้มีแสงสว่างเจิดจ้าส่องไปทั่วถ้ำเกิดขึ้น พร้อมกับร่าง 2 ร่างที่ปรากฏในถ้ำ
เมื่อเผชิญกับการเคลื่อนย้ายเช่นนี้ หัวของโจว หยวน พลันรู้สึกมึนงง เขานั้นลูบไปที่ศรีษะของเขาพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หยวนเอ๋อ ?”
เมื่อแสงนั้นหายไปก็มีเสียงๆหนึ่งดังขึ้นด้วยความประหลาดใจเมื่อ โจว หยวน เขาหันไปมองเขาก็พบ โจว ฉิง ที่ยืนบนแท่นหินกำลังมองมาที่เขาด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความยินดี
“เสด็จพ่อ” โจว หยวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าทำพ่อหวาดกลัวแทบตาย!” โจว ฉิง ก้าวเข้าไปหาเขาพร้อมมองด้วยสายตาเป็นกังวล เพราะเป็นเวลากว่าครึ่งวันที่เขาเห็น โจว หยวน หายไปต่อหน้า มันทำให้จิตตกเอามากๆ
โจว หยวนมองไปที่ โจว ฉิง ก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นกังวล ด้วยเรื่องนั้นมันทำให้เขาเกาหัวอย่างเขินอายและกล่าวว่า:” เสด็จพ่อ 8 ชีพจรของข้าปรากฏขึ้นมาแล้ว”
“อะไรนะ ?!”
ร่างของ โจว ฉิงพลันสั่นเทา เขานั้นจับไปที่ไหล่ของ โจว หยวน พร้อมถ่ายพลังปราณลงไปในร่างของลูกชายตนเพื่อตรวจสอบ
หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วลมหายใจ โจว ฉิง ก็รู้ถึงผลลัพธ์ ในตอนนั้นมือของเขาสั่นเทาด้วยความดีใจ เขานั้นอดที่จะจับไหล่ โจว หยวนไม่ได้
“วิเศษ วิเศษจริงๆ ขอบคุณบรรพชนที่คุ้มครอง วันนี้ตระกูลโจวเรา รอดแล้ว!” โจว ฉิงกล่าวด้วยนัยน์ตาที่มีหยดน้ำไหลหยาด เห็นได้ชัดว่าในตอนนั้นเขามีความสุขเพียงใด
โจว หยวน นั้นมิสามารที่จะเบิกชีพจรได้ เขาย่อมรู้สึกเจ็บปวด และในความคิดของเขาเรื่องในอดีตปีนั้น ในฐานะพระบิดาแล้ว กลับปล่อยให้โจว หยวน ที่พึ่งเกิดถูกคร่ากุมโชคชะตาโดย จักรพรรดิ อู่ มันทำให้เขารู้สึกผิดมาก
เขานั้น แสวงหา สารพัดวิธี ก็มิอาจพบชีพจรของโจว หยวน ได้ ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังสุดท้ายไว้กับตำนานเล่าขานของตระกูลโจว
ดูเหมือนว่าสวรรค์ยังทรงโปรดตระกูลโจว
เมื่อ โจว หยวน เห็นท่าทีที่ โจว ฉิง แสดงออกมา ในใจของเขาพลันรู้สึกอบอุ่น เขานั้นเดินเข้าไปสวมกอดร่างของโจว ฉิง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า:” เสด็จพ่อ วางใจได้ สิ่งที่ตระกูลโจว เราสูญเสียไป เราจะทวงคืนกลับมาทั้งหมด”
โจว ฉิง อารมณ์ดีสุดจะหาคำบรรยาย เขาพยักหน้าพร้อมมองไปยังด้านหลังของ โจว หยวน ก็พบ หญิงสาวชุดฟ้า รูปลักษณ์งดงามยืนกอดอสูรตัวเล็กๆ มองมาที่พวกเขาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“หยวนเอ๋อ นางเป็นใครหรือ ?” โจว ฉิง มองไปที่โจว หยวน ที่ผมเปียกชุ่มเนื่องจากไอน้ำ เขาไม่รู้ว่าทำไม โจว หยวน ถึงพาหญิงสาวลึกลับผู้นี้กลับมา
โจว หยวนเห็นท่าทีของ โจว ฉิงแล้วเขาก็ได้อธิบายเรื่องที่ประสบให้กับโจว ฉิงฟัง
โจว ฉิงได้ยินเช่นนั้นก็ลังเลเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า:” ท่านบรรพชนตระกูลโจว ของเราต้องมีเรื่องเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโสชุดดำแน่นอน และเมื่อเจ้ารับปากแล้ว ก็ต้องทำตามสัญญาด้วย”
กล่าวจบ เขาก็หันไปมองหญิงสาวชุดฟ้าด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า” แม่นางน้อย หากท่านไม่รู้จะไปที่ใด ก็ไปอยู่ที่พระราชวังต้าโจวของเราเถอะ หากเจ้าอยู่ที่นั่นพวกเราจะได้ดูแลเจ้าได้สะดวก”
เหยาเหยาได้ยินเช่นนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า “ไม่มีปัญหาหรือ ?”
“ไม่มีปัญหาแน่นอน” โจว ฉิงโบกมือกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปกล่าวกับโจว หยวนว่า:” ในเมื่อปัญหาของเจ้าได้คลี่คลายแล้ว เราเตรียมกับนครต้าโจวเถิด เสด็จแม่ของเจ้าคงกำลังรอฟังข่าวอยู่”
โจว หยวนได้ยินเช่นนนั้นก็พักหน้า เขาต้องการบอก ฉิน หยู่ ถึงข่าวดีเช่นกัน
หลังจากนั้น ทั้ง 3 คน ก็ได้ก้าวออกจากถ้ำ ตรงออกจาก วิหารบรรพชน
โจว ฉิงนั้นได้เดินไปหาเหล่าองครักษ์และเริ่มกล่าวกับพวกเขา แต่ เหยาเหยา ที่กอด ถุนถุน อยู่นั้นก็ได้ยืนอยู่ปากถ้ำ ดวงตาอันงดงามของนางจ้องมองไปยังถ้ำด้านในด้วยสายตาเป็นกังวล
ในตอนนั้นสายลมที่พัดผ่าน พลันพัดเสื้อผ้าแนบชิดร่างนาง ซึ่งทำให้ส่วนโค้งอันงดงามของสาวเยาว์วัย ปรากฏขึ้น มีเพียง ถุนถุน ในอ้อมกอดนางเท่านั้นที่ส่งเสียงร้องออกมาเพื่อทำให้นางคลายความทุกข์ใจ
“พี่สาว เหยาเหยา อย่าได้กังวลเรื่องท่านอาจารย์เลย มันต้องไม่เกิดอะไรขึ้นแน่นอน ในอนาคตพวกเราย่อมได้พบเขาอีกครั้ง” โจว หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เขารู้ดี ไม่ว่า เหยาเหยาจะเย็นชาเพียงใด แต่เมื่อได้มาที่สถานที่อื่นไม่คุ้นเคย มันต้องทำให้นางไม่สบายใจบ้าง
ดวงตาอันงดงามของเหยาเหยามองประสานสบตากับ โจว หยวนแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า:” ท่านปู่เฮย ไล่ข้ามา ข้ารู้ดีว่ามันเป็นเพราะศัตรูคู่อาฆาตของข้า กำลังมา”
“ศัตรูเหล่านี้มาเพื่อจับตัวข้า และท่านปู่เฮย ก็คือผู้ที่ช่วยปกป้องข้าเอาไว้”
แม้ว่า ฉาง หยวน จะไม่เคยบอกกับนาง แต่ก่อนหน้านี้นั้นก็รู้สึกได้ว่าหายนะเหล่านี้เป็นนางที่เป็นคนนำมา
โจว หยวนนั้นทำได้เพียงเกาหัวเท่านั้น เขาไม่รู้ถึงสถานะของพวกนาง ดังนั้นเขาจึงมิอาจคาดเดาเรื่องราวได้
“พี่สาวเหยาเหยา มันอาจจะเป็นอย่างที่ท่านกล่าวก็จริง แต่ข้าคิดว่าท่านไม่ควรโทษตนเอง มิฉะนั้น สิ่งที่ท่านอาจารย์ทำนั้นมันคงสูญเปล่า” โจว หยวนกล่าวช้าๆ
มือที่ขาวนวลของเหยาเหยา พลันลูบ ไปที่ขนของถุนถุน นางมองออกไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้น ต่อจากนั้นก็ยิ้มขึ้นแล้วกล่าวกับโจว หยวนว่า:” วางใจได้ ข้าไม่ใช่คนเช่นนั้น ข้านั้นจะสืบหาเบาะแสทั้งหมดให้พบ และเมื่อถึงเวลานั้น หากเกิดอะไรขึ้นกับท่านปู่เฮย ข้าจะแก้แค้นให้เขาอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของนางนั้นเย็นชา แต่ทุกคำพูดนั้นทำให้จิตใจของ โจว หยวน พลันสั่นสะท้าน
หญิงสาวผู้นี้ แม้จะงดงามประดุจ เทพธิดา แต่ภายใต้กระดูกเนื้อหนังของนางแท้จริงแล้วคือ นักฆ่าอันโหดเหี้ยม
. . .
ณ วังหลวงต้าโจว
หลังจาก ฉิน หยู่ ได้ทราบเรื่อง 8 ชีพจรของโจว หยวน ได้ปรากฏขึ้น ทำให้เขาสามารถบ่มเพาะได้ มันก็ทำให้นางกอดโจว หยวนพร้อมหลั่งน้ำตาออกมา
“ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่ายินดี เหตุใดเจ้าถึงร้องไห้ออกมา!” โจว ฉิง ที่ยู่ใกล้ๆก็อดที่จะกล่าวไม่ได้
“แล้วท่านไม่ร้องไห้หรืออย่างไร ?!” ฉิน หยู่ จ้องไปที่ โจว ฉิงตาเขม็ง
โจว ฉิงนั้นรู้สึกอับอายเล็กน้อย เพราะเมื่อรู้ว่าชีพจรทั้ง 8 ของ โจว หยวน ได้ปรากฏขึ้นมา เขาเองก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เช่นกัน
“เจ้าช่วย จัดการเรื่องเหยาเหยาก่อนเถิด” โจว ฉิงไม่กล้ากล่าวอะไรมาก จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันที
ฉิน หยู่ รู้ดีว่าเขานั้นอายที่จะยอมรับว่าตนเองก็หลั่งน้ำตา จึงหันไปมองเหยาเหยาด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า:” เหยาเหยา ตั้งแต่นี้ไปเจ้าอยู่ที่นี่ เราจะไม่ทำให้เจ้าอึดอัดแม้แต่นิดเดียว "
ฉิน หยู กล่าวกับเหยาเหยา ด้วยท่าทีอบอุ่น แม้ว่าจะเป็นขอบคุณที่ได้ช่วยเหลือ โจว หยวน แต่นางนั้นเองก็ชอบเหยาเหยา เช่นกัน เพราะเหยาเหยานั้น เป็นสตรีที่งดงาม ไม่ว่าใครก็ตามย่อมมีความสุขที่ได้ทำความรู้จัก
เหยาเหยา นั้นมิอาจปรับตัวตาม ฉิน หยู่ ได้ทัน เพราะนางอยู่กับฉาง หยวนมาตั้งแต่ยังเด็กและปลีกตัวห่างออกจากโลกภายนอก นางจึงไม่ได้ติดต่อกับผู้คนมากนัก มันจึงทำให้นายกลายเป็นคนเย็นชา และเมื่อมาเจอกับคนภายนอกมันจึงทำให้นางวางตัวไม่ถูก
อย่างไรก็ตาม นางก็รู้สึกขอบคุณ ฉิน หยู่ จากใจจริง นางจึงไม่แสดงท่าทีต่อต้านขัดขืนแต่อย่างใด และนางก็ได้หันไปมอง โจว หยวน ครั้งหนึ่ง ก่อนที่ ฉิน หยู่ จะพานางออกไป
เมื่อ ฉิน หยู พาเหยาเหยาออกไป โจว ฉิง และ โจว หยวน ก็ทำได้เพียง ยิ้ม แหยแหย เท่านั้น
“คำนับฝ่าบาท เจ้าสำนัก ชู มาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ” ในตอนนั้น ก็ได้มียามหน้าวังเข้ามารายงาน
เจ้าสำนักชูนั้น เป็นเจ้าสำนักชั้นหนึ่ง ในอาณาจักร นาม ชู เทียนหยาง และเป็นผู้ติดตามที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฝ้นกับโจว ฉิง
“ให้เขาเข้ามา” โจว ฉิง พยักหน้ากล่าว ต่อจากนั้นก็หันไปมอง โจว หยวนแล้วกล่าวว่า:” เจ้าเองก็อยู่นี่ก่อน เพราะเจ้าก็เป็นถึงองค์ชายของราชวงศ์ต้าโจว ดังนั้นบางเรื่องเจ้าก็สมควรที่จะรู้”
โจว หยวนตกใจมาก แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรเพียงพยักหน้าเท่านั้น
ในตอนนั้นประตูในพระราชวงศ์ก็พลันเปิดขึ้น และก็มีเงาร่างของชายร่างกำยำก้าวเข้ามา
ชายผู้นี้เป็นชายวัยกลางคนสวมผ้าคลุมสีม่วง จากรูปลักษณ์ของเขานั้นสง่าผ่าเผยมากและก้าวแต่ละก้าวของเขานั้นก่อให้เกิดเสียงลมดัง ฟู่ฟู่
“คารวะ ฝ่าบาท!” ชายวังกลางคนหยุดที่กลางห้องและประสานมือคารวะ โจว ฉิง จากนั้นก็หันไปมองโจว ฉิงแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม:” คารวะ องค์ชาย.”
“ท่านเจ้าสำนักเองหรือ” โจว หยวนไม่ตำหนิ เพราะสถานะของ ชู เทียนหยาง นั้นเป็นขุนนางชั้นสูง อีกทั้งยังเป็นคนสนิทที่พระบิดาของเขานั้นไว้วางพระทัย ราวกับเป็นมือขวา นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าสำนักวังต้าโจวด้วย
โจว ฉิงโบกมือด้วยรอยยิ้มกล่าวว่า:” มีเรื่องอันใดรึ ?”
ชู เทียนหยางได้ยินเช่นนั้นก็มองไปทาง โจว หยวนก่อน
โจว ฉิงพลันยิ้มกล่าวว่า:” ไม่เป็นไร ให้เขาฟังเถิด”
ชู เทียนหยางพยักหน้าจากนั้นก็ถอนหายใจกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่นว่า:” เรียนฝ่าบาท สู่ หง นั้นหมายตาตำแหน่งเจ้าสำนักของข้า พะย่ะค่ะ”
โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นใจของเขาก็เหมือนโดนบีบรัด สู่ หง ในตอนนี้เป็นรองเจ้าสำนักวังต้าโจว และชายคนนี้ก็อยู่ฝ่าย ราชันย์ฉี เขานั้นกระทำตามคำสั่ง ราชันย์ฉี กล่าวได้ว่าเขานั้นได้อยู่ฝ่ายตรงข้ามราชวงศ์โจว อย่างลับๆก็ว่าได้
ในอดีต โจว หยวน รู้ว่า ราชันย์ฉี ได้หมายตา สำนักวังต้าโจว เอาไว้ และเพื่อที่จะควบคุมนั้น เขาจึงได้ส่ง สู่ หง เข้าไปทำงานในสำนักวังต้าโจว เพื่อที่จะชิงตำแหน่งเจ้าสำนักมา
“ฝ่าบาท ข้านั้นได้ข่าวว่าว่า องค์ชาย ฉี เยว่ นั้นอยู่ในสำนักวังต้าโจว อีกทั้งยังได้ใช้ทรัพย์สินจำนวนมากเพื่อดึงตัว ศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักวังต้าโจว”
“และการทดสอบนี้ พวกเขานั้นหวังจะยึดสิบอันดับแรกเกินกว่าครึ่ง”
“อย่างไรก็ตาม ศิษย์เหล่านี้เมื่อผ่านการทดสอบแล้ว พวกเขาจะเลือกเข้าสำนักชั้นสองของ สู่ หง และหลังจากทดสอบใหญ่ก็จะเป็นการทดสอบของสำนัก แล้วสำนักชั้นสอง ก็ได้ก้าวข้ามสำนักชั้นหนึ่งของข้า เป็นเวลา 2 ปีแล้ว หากพวกเขาทำสำเร็จได้อีกครั้ง สู่ หง ก็ยึดครองตำแหน่ง เจ้าสำนัก”
ในอดีต โจว ฉิง ได้จัดตั้ง สำนักวังต้าโจว แน่นอนมันย่อมมีกฎของแต่ละสำนัก ดังนั้นกฎที่ตั้งระบุไว้ว่า หากสำนักใดสามารถครองอันดับ 1 ของการทดสอบสำนักได้ถึง 3 ปี จะได้รับตำแหน่งเจ้าสำนัก
ชู เทียนหยาน เจ้าสำนักชั้นหนึ่งถือเป็นสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หลังจาก สู่ หง ได้ความช่วยเหลือจากฝ่าย ราชันย์ฉี พวกเขานั้นก็ได้ซื้อตัวศิษย์ที่โดดเด่น ดังนั้นในเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สำนักชั้นหนึ่งจึงถูกพิชิตโดยสำนักชั้นสอง
และ เมื่อ สู่ หงได้เป็นเจ้าสำนัก บางที สำนักวังต้าโจว อาจจะตกอยู่ในมือราชันย์ฉี และอัจฉริยะที่เกิดขึ้นมาก็จะถูกดึงตัวไปโดยราชันย์ฉี ซึ่งถือเป็นการตัดเนื้อเฉือนหนัง ราชวงศ์ต้าโจว
ที่สำคัญที่สุด หากราชันย์ฉีทำได้สำเร็จ จะทำให้เหล่ามหาอำนาจนั้นสามารถหาข้ออ้างปฎิเสธ เชื้อพระวงศ์ ซึ่งมันจะทำให้พวกเขามิอาจมีกำลังต้านทานราชันย์ฉีได้ และเมื่อถึงตอนนั้นมันจะเป็นหายนะ
โจว หยวนขมวดคิ้วบางๆ พลางมองไปยัง โจว ฉิง ขณะที่บนหน้าผากกระตุ้นเล็กน้อย ต่อก็มีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังออกมาจากฟัน
“ราชันย์ฉี ช่างสามหาวนัก”
จบตอน 11