px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่่ 14 จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์


 

ภายใต้ดวงตาของเหยาเหยาที่ส่องประกาย โจว หยวน ก็เคลื่อนไหว 98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกร อย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานหลังจากที่เขาวาดกระบวนท่า เคล็ดวิชาก็ผสานกับลมหายใจ จนพลังปราณ ที่ลอยเหมือนเมฆหมอก หลั่งไหลดั่งสายธารา

 

โฮกกก!

 

หลังจากวาดกระบวนท่าสุดท้าย โจว หยวน ก็เปิดปากขึ้นอีกครั้ง เวลาเดียวกันเสียงมังกรคำรามก็ดังกระจายออกมาจากร่างกาย จนร่างเขาสั่นสะท้าน ขณะที่ปราณฟ้าดิน ก่อตัวเปลี่ยนเป็นพลังปราณสีขาว ถูกกลืนเข้าสู่ปากของ โจว หยวน รวดเดียว

 

ฟู่ว ฟู่ว

 

เมื่อพลังปราณเข้าสู่ร่าง ร่างกายก็มีควันลอยออกมาเสมือนเตา โจว หยวน ก็เรียบรวบรวมสมาธิเพื่อผสานมันเข้ากับ ชีพจร จุดแรก อีกครั้ง

 

ขั้นตอนการชำระล้าง ใช้เวลาดำเนินการ ครึ่งก้านธูป

 

ร่างกาย โจว หยวน กลายเป็นสีแดงเพลิง ขณะที่เหงื่อระเหย เขารู้สึกว่า ชีพจรจุดแรก ภายในร่างมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้มุมปากปรากฏเป็นรอยยิ้มเบาๆ ท่ามกลางสายตาของ เหยาเหยา ที่จับจ้อง 98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกร

 

ต่อมา ก็มีสองเสียงมังกรคำรามดังกึกก้องกังวาลจากบริเวณใกล้ๆ หมายความว่า โจว หยวน ยังคงทำการเบิกชีพจร อีก 2 ครั้ง

 

จาก 2 ก็เพิ่มเป็น 4

 

เบิกชีพจร 4 ครั้ง!

 

ปกติแล้วจะสามารถเบิกชีพจรได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะนั้นเป็นจำนวนที่เส้นชีพจรสามารถรับภาระไหว แต่ โจว หยวน กลับเบิกชีพได้ถึง 4 ครั้ง มันเป็นไปได้ยังไง ?

 

เหยาเหยา ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ยามนี้แววตาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

 

แต่ ณ ตอนนี้ โจว หยวน ไม่มีเวลาจะมามัวสนใจมอง เหยาเหยา เนื่องจากร่างกายเขาร้อนลุ่ม ได้แต่นั่งลง เพื่อพักฟื้น ขณะที่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ทิ้มแทงร่างกายจากเส้นชีพจร นี่ทำให้รู้ว่า การเบิกชีพจร 4 ครั้ง นั้นคือจำนวนมากสุดที่ชีพจรในร่างกายเขาสามารถรับได้

 

จากที่เขาสังเกตชีพจรจุดแรก มุมปากเขาก็เผยให้เห็นความยินดี ชีพจรจุดแรก หากได้ทำการเบิกทะลวงอีก 3 ครั้ง อาจจะประสบความสำเร็จ

 

" ด้วยประสิทธิภาพเช่นนี้ ไม่ต้องถึงเดือน แค่เวลา 10 วัน ข้าก็คงจะสามารถเชื่อมต่อกับชีพจรจุดแรกได้อย่างสมบูรณ์! "

 

ไม่นาน แม้ว่าท่าทาง โจว หยวน จะดูสงบ แต่ภายในกับตื่นเต้นเร้าร้อน ฉาง หยวน นั้นได้บอกไว้ว่า ชีพจรของเขายากที่จะเบิก แต่เมื่อถูกเบิกมันจะเหนือกว่าคนอื่นๆ แต่เขารู้ว่าเหลือเวลาให้เบิกชีพจรอีกไม่กี่เดือน แต่ด้วยความช่วยเหลือจาก เคล็ดชี้นำลมปราณ วิชาลมหายใจมังกร ทำให้ระยะเวลาในการเบิกชีพจร สั้นลง

 

ซู โหย่วเว่ย ใช้เวลา 1 เดือน ในการเบิกชีพจรแรก จนได้ชื่อว่า ผู้เบิกชีพจรได้เร็วที่สุดในสำนักวังต้าโจว

 

หากเขาใช้เวลาแค่สิบวันในการเบิก มันจะเกิดอะไรขึ้น

 

แน่นอน โจว หยวน รู้ว่า ที่ ซู โหย่วเว่ย ใช้เวลาเบิกชีพจรเพียง เดือนเดียว นั้นเป็นเพราะความสามารถของนางล้วนๆ เนื่องจากว่ามิได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาชี้นำปราณ ไม่ได้กิน ซุปเก้าอสูร รวมถึง ข้าวผลึกลึกลับ

 

ฉะนั้นจึงบอกได้ยากว่าใครเหนือกว่าใครด้อยกว่า

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีบางสิ่งที่สามารถใช้ชี้วัด เพราะการเบิกชีพจร 2 ครั้งขึ้น ฉะนั้น ชีพจรแรก ของ โจว หยวน แน่นอนว่า ย่อมเหนือกว่า ชีพจรแรกของ ซู โหย่วเว่ย ซึ่งมันขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งในการเบิก

 

" ดูเหมือนว่าปู่เฮยจะมองทะลุ ว่าเจ้าสามารถเบิกชีพจรได้มากกว่า 2 ครั้ง " เหยาเหยา กล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย

 

โจว หยวน ยิ้มและกล่าวว่า " แต่คนส่วนใหญ่มักจะมองข้าว่าน่าสมเพช "

 

เหยาเหยา ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าอันงดงามและเริงร่า ขณะที่แก้มอันเรียบเนียนดั่งผิวหยกปรากฏรอยยิ้ม " จริงๆแล้ว การเบิก 8 ชีพจรตั้งแต่กำเนิด แต่กลับถูกผนึก สถานการณ์เช่นนี้นับว่าหาได้ยากยิ่ง จนกระทั้งบัดนี้ "

 

" จิ๊จิ๊ " บริเวณใกล้ๆ ถุนถุน ก็ยกเท้าชี้ไปที่ โจว หยวน เพื่อเป็นการแสดงความเยาะเย้ย

 

เมื่อโดนสัตว์ตัวกระเปียกเหยียดหยาม โจว หยวน ถึงกับกัดฟัน ขณะที่ก้มหยิบหินบริเวณใกล้ๆปาใส่ ถุนถุน

 

ง้ำ!

 

เผชิญหน้ากับหินที่เขวี้ยงปา ถุนถุน มันเพียงอ้าปากพร้อมกับเขมือบ ขณะที่ทำท่าขู่ โจว หยวน

 

ทันใดนั้น โจว หยวน ก็แสยะยิ้ม แววตาเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์พร้อมกับขวักเนื้อตากแห้งออกมา เนื้อนี้ผ่านกระบวนกรรมวิธีมาเป็นอย่างดี เพื่อใช้ฟื้นฟูพละกำลังให้กลับมา

 

เมื่อเนื้อตากแห้งปรากฏ ถุนถุน ก็จ้องเนื้อไม่วางตา ขณะที่แลบลิ้มน้ำลายหก

 

" เอ้า! " โจว หยวน ก้าวไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะแกว่งเนื้อ ล่อหลอกเจ้าสัตว์ตัวเล็ก

 

ง้ำ ง้ำ แฮร่!!!

 

ถุนถุน เห็นเช่นนั้นก็เริ่มมีน้ำโห ขณะที่ขู่คำราม

 

เหยาเหยา มอง โจว หยวน ที่กลั่นแกล้ง ถุนถุน จึงกล่าวขึ้นมาว่า " หากทำให้มันโกรธระวังมันจะกินเจ้า หรือว่าเจ้าอยากจะลงไปอยู่ในท้องมัน ตั้งแต่ข้าอยู่กับมันข้ายังไม่เคยเห็นสิ่งใดรอดพ้นจากท้อง ถุนถุน ไปได้ "

 

ได้ยิน โจว หยวน ถึงกับหยุดชะงัก ขณะที่มองหาง ถุนถุน ที่กำลังขยับด้วยความโกรธ ก่อนจะพูดกับ เหยาเหยา ด้วยรอยยิ้มที่เต็มฝืน " ท่านช่วยหยุดมันได้หรือไม่ ? "

 

ริมฝีปากสีแดงของ เหยาเหยา ค่อยๆยกเป็นเส้นโค้ง " ก็อาจจะ "

 

" ท่านช่างแร้งน้ำใจ! " โจว หยวน ขบฟันแน่น ขณะที่ได้แต่ส่งเนื้อตากแห้งทั้งหมดออกมาจากอกเสื้อ ก่อนจะยิ้มแล้วมองไปที่ ถุนถุน " เชิญกินให้เต็มที่ ตามที่เจ้าต้องการ! แค่อย่ากินข้าก็พอ "

 

ถุนถุน พลันกระโดดใส่ร่าง โจว หยวน ขณะที่อ้าปากครั้งเดียว ก็ส่งเนื้อแห้งเข้าไปในปากก่อนจะบดเคี้ยวอย่างเมามันส์ ดูเหมือนว่ามันจะพึงพอใจกับรสชาตินี้ จึงกระดิกหาง

 

เมื่อได้กินเนื้อตากแห้ง ถุนถุน ก็มองโจว หยวน ด้วยแววตากลมโต ก่อนที่จะกระโดดขึ้นมาอยู่บนไหล่ โจว หยวน พร้อมกับใช้เท้าตบลงไปเบาๆ เสมือนกับจะบอกเขาว่า เจ้าทำได้ดีมาก . . . .

 

เจอเช่นนั้น มุมปากของโจว หยวน ถึงกับกระตุกระริก ไอ้ตัวแสบนี้คงอยากจะกลายเป็นผี

 

" พี่สาว เหยาเหยา จริงๆแล้ว ถุนถุน เป็นสัตว์อสูรปราณขั้นไหน ? " โจว หยวน มองเหยาเหยา พร้อมเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะเขาไม่เคยพบเจอสัตว์อสูรปราณชนิดใดมีสติปัญญาสูงส่งเช่นนี้

 

และดูเหมือนว่า ไอ้เจ้าลูกหมา ถุนถุน ก็สมควรจะมีที่มาแปลกประหลาด

 

เหยาเหยา ได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าลังเล ก่อนจะส่ายหัวและกล่าว " ข้าเองก็ไม่รู้ เนื่องจาก ถุนถุน อยู่ข้างๆข้าตั้งแต่จำความได้ แต่ปู่เฮยบอกว่า หาก ถุนถุน เติบโตโดยสมบูรณ์ เมื่อนั้นจะไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่มันไม่สามารถกลืนกินได้ "

 

โจว หยวน ถึงกับลอบสูดลมหายใจ ฉาง หยวน วิเคราะห์ประเมิน ถุนถุน ไว้สูงเช่นนี้ หมายความว่า เจ้านี่คงจะไม่ใช่เล่นๆ . . . .

 

" พี่สาว เหยาเหยา จากที่ได้ยินอาจารย์พูด ดูเหมือนรูปแบบก่อเกิดท่านจะไม่ธรรมดา ? " โจว หยวน มองถุนถุนที่กระโดดลงจากไหล่ ก่อนจะหันไปพูดกับ เหยาเหยาด้วยรอยยิ้ม

 

เหยาเหยา เลิกคิ้ว เอ่ยว่า " อยากศึกษา รูปแบบก่อเกิด ? "

 

" รูปแบบก่อเกิดข้าพอศึกษามาบ้างแล้ว ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากศึกษา 8 ชีพจร เพราะมันเป็นความหวังสุดท้ายของข้า " โจว หยวน กล่าวตามความจริง

 

เหยาเหยา งอตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือเรียวยาวขาวประดุจหยก อุ้มถุนถุนขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ถุนถุนที่ได้สัมผัสนุ่มสบาย ก็พลันขดตัว ดวงตา โจว หยวน พลันเบิกโพลน ราวกับอิจฉาเจ้าสัตว์น้อย

 

เหยาเหยา ก้าวเท้าอย่างเชื่องช้า ตรงไปนั่งบนเก้าอี้ ศาลาหิน ก่อนจะใช้มือขาวๆเท้าคางด้วยท่าทางเกียจคร้าน มองโจว หยวน แล้วกล่าว " การสอนคนนั้นมันเหนื่อย ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วย "

 

โจว หยวน ขบคิดชั่วขณะก่อนจะตรงไปนั่งบนเก้าอี้หินอ่อน ขณะที่เริ่มการเจรจาต่อรอง " สุราหยก แม้จะเป็นสุราชั้นเลิศ แต่มันยังมีที่เด็ดกว่านั้น ข้าจะช่วยหาให้ "

 

เหยาเหยา ได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าเล็กเรียวพลันฉาบด้วยรอยยิ้ม เมื่อความงดงามนี้เผยปรากฏกระทั้งบุปผานับร้อยในสวนอุทยานก็ยังถูกบดบัง ทำให้ โจว หยวน ใจเต้นรัว

 

นางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆว่า " ได้กี่ขวด "

 

โจว หยวน ยิ้มและตอบไปว่า " ข้าสามารถหาให้ได้วันละ 1 ขวด "

 

รอยยิ้มบนหน้าเหยาเหยา พลันลดลง ขณะที่จ้องเขม็งมายังเขา

 

อย่างไรก็ตาม โจว หยวน ไม่มีตัวเลือกมากนักทั้งหมดทั้งมวลเขามีหน้าที่จะต้องคอยดูแลรับผิดชอบ ฉาง หยวน ได้กล่าวว่า เหยาเหยา ไม่สามารถใช้พลังปราณ หากดื่มมากเกินไป ย่อมอาจเกิดผลร้าย

 

เห็น โจว หยวน ไม่ยอมผ่อนปรน เหยาเหยา ก็แยกเขี้ยวยิงฟัน แต่สุดท้ายนางก็ต้องยอมลดลาในที่สุด

 

" เจ้าบอกว่าได้ศึกษารูปแบบก่อเกิดมาแล้ว งั้นเจ้ารู้มั้ยว่ารูปแบบก่อเกิด อะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุด " ท่าทาง เหยาเหยา กลับเป็นปกติ แต่ภายในใจยังคงขุ่นเคือง จึงได้มีการแสดงออกดังกล่าว

 

" จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ " โจว หยวน กล่าว

 

เหยาเหยา พงกหัวเล็กน้อยก่อนจะกล่าวช้าๆ " แล้วเจ้า รู้มั้ยว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มีกี่ขั้น ? "

 

จบตอนที่ 14

 

รีวิวผู้อ่าน