px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่ 15 ผลของเคล็ดวิชาฝังจิตวิญญาณ


“จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มีถึง 4 ขอบเขตขั้นด้วยกัน ประกอบไปด้วย เที่ยงเท็จ แท้จริง ผกผัน วัฎจักรเทวะ”


 

“มีเพียงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่น่าเกรงขามเท่านั้นที่จะปล่อยรูปแบบก่อเกิดระดับสูงออกมาได้ และด้วยพรสวรรค์ของเจ้า คงไม่อยู่ที่ เที่ยงเท็จแน่นอน” ในศาลาหิน หญิงสาวก็ได้เปิดปากกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแผ่ว ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาที่นางทำให้นางเปล่งประกาย และดูงดงามยิ่งขึ้น


 

“จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่จริงนั้นมันมิอาจมองเห็นด้วยตาเปล่า แต่หากขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จนแข็งแกร่งขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนจากสิ่งที่มองไม่เห็นเป็นนมองเห็นได้ และ ด่านแรกของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คือการทำให้มันสามารถมองเห็นได้ จะต้องทำให้มันกลายเป็นรูปแบบเสมือนขึ้นมาเสียก่อน ซึ่งนี่ก็คือขั้นแรก เที่ยงเท็จ!”


 

“หากต้องการจะทำให้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์นั้น ทรงพลัง สามารถทำได้ 2 วิธี อย่างแรกคือ มุ่งมั่นบ่มเพาะ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ นั้นสามารถเพิ่มพลังได้ด้วยตนเอง แต่อย่างไรก็ตาม มันจะเพิ่มพลังของมันช้า และ เติบโตอย่างมีขีดจำกัด ส่วนวิธีที่ 2 นั้นคือฝึกฝนวิชาฝังจิตวิญญาณ ซึ่งวิชาฝังจิตวิญญาณนั้นเป็นวิชาศักดิ์สิทธิ์ที่จะมีเพียงมหาอำนาจใหญ่ๆเท่านั้นที่จะมี”


 

เมื่อกล่าวจบนางก็มองโจวหยวนแล้วกล่าวต่อว่า “ปู่เฮยได้ถ่ายทอดบัญญัติเจตจำนงเทพให้กับเจ้า มันจะเป็น สุดยอดเคล็ดวิชาฝังจิตวิญญาณ และ การฝึกฝนมันนั้นต้องใช้ความกล้าหาญที่จะก้าวข้ามความกลัว ตรงจุดนี้เมื่อเจ้าได้ฝึกแล้วจะรู้ด้วยตนเอง ”


 

“ด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้น ยังมิอาจสำเร็จรูปแบบก่อเกิดระดับ 1 ได้ ฉะนั้นข้าจึงแนะนำให้เจ้า ฝึกบัญญัติเจตจำนงเทพเพื่อยกระดับจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สู่ระดับ เที่ยงเท็จ เสียก่อน แล้วข้าจะสอนรูปแบบก่อเกิดระดับหนึ่งให้ "


 

โจว หยวนพยักหน้า เขานั้นต้องการจะลองทำความเข้าใจในบัญญัติเจตจำนงเทพอยู่แล้ว ในตอนนั้นเขาสูดหายใจเข้าลึกและนั่งขัดสมาธิพร้อมปิดตาลงทันที


 

เมื่อเขาหลับตาหลงนั้นวิสัยทัศน์ก็พลันมืดลง หัวใจของโจว หยวน พลันเต้นช้าลง จนจิตใจของตนสงบลง


 

ตุ้บ ตุ้บ


 

ในตอนนั้นเสียงนกร้องด้านนอกก็พลันเงียบลงมีเพียงเสียงหัวใจเต้นเท่านั้นที่เขาได้ยิน


 

ในความมืดนั้น โจว หยวน ได้กระตุ้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ และเริ่มทำการเคลื่อนจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เพื่อเรียนรู้ บัญญัติเจตจำนงเทพ ที่ถ่ายทอดมาโดย ฉาง หยวน


 

ต่อจากนั้นในความมืดนั้นพลันปรากฏแสงเล็กๆขึ้น แสงนั้นได้หมุนวนอย่างช้าๆ แต่มิอาจมองเข้าไปในแสงนั้นได้ราวกับมีบางอย่างซ่อนอยู่


 

ในตอนที่ โจว หยวน เกิดความลังเลเล็กน้อย ในตอนนั้นแสงเล็กๆนั้นก็ได้ถูกแรงดึงดูดอันรุนแรงจากจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโจว หยวนดูดเข้าไป,


 

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้เขารู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าภาพรอบๆด้านนั้นได้เปลี่ยนไป จากความมืดมิดกลายเป็นมิติอันซับซ้อน และมิติอันวุ่นวายนี้ ไร้ซึ่งกาลเวลา มีเพียงพื้นที่อันว่างเปล่าไร้สิ้นสุด ราวกับเป็นสวรรค์พิภพที่ถูกปิดสนิท


 

ด้วยจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่มองไม่เห็น โจว หยวนนั้นทำได้เพียงยืนถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น


 

ฮู่มมม ฮุ่มมม


 

และในตอนนั้น โจว หยวน ก็ได้มองไปยังมิติอันยุ่งเหยิงที่ไร้ที่สิ้นสุด ในความยุ่งเหยิงนั้นพลันปรากฏเสียงขึ้น และเมื่อโจว หยวนมองไป ก็พบว่ามันกำลังมีบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโจว หยวน สั่นสะเทือน


 

เพราะในมิติที่ยุ่งเหยิงนี้มีเงาดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น เงาดำนั้นมันคล้ายกับหลุมดำที่พร้อมจะดูดและทำลายทุกสิ่ง


 

แท้จริงแล้วมันไม่ใช่หลุมดำ แต่มันคือ หินลับคมขนาดยักษ์ที่ใหญ่เกินกว่าจะมองเห็นทั้งหมดได้


 

และหินลับคมขนาดยักษ์นั้นมีรอยเปื้อนราวกับการคงอยู่ของมันมีมานานหลายปีร้อยหลายพันปี มันคล้ายกับเป็นโลหิตของพระเจ้า ที่แข็งตัวเกาะติดบนหินลับคมนั้น


 

เปรี้ยงงง


 

หินลับคมที่ลอยอยู่ในมิติอันยุ่งเหยิง ก็เริ่มหมุนอย่างช้าๆ ภายใต้การหมุนนั้นก็มีบางสิ่งที่หลุดเข้าไปและได้ถูกทำลายลง


 

โจว หยวน ที่อยู่เบื้องหน้าหินลับคมขนาดยักษ์เล็กราวกับฝุ่นผง ยามนี้ในใจของเขาก็พลันปรากฏข้อมูลบางอย่างขึ้น


 

นั่นคือ เคล็ดวิชาฝังจิตวิญญาณลึกลับ บัญญัติเจตจำนงเทพ


 

“ในมิติที่ยุ่งเหยิงนี้ จะเกิดการลับคมวิญญาณขึ้น และการลับคมครั้งแรกจะเป็นการขจัดสิ่งสกปรกออกไป”


 

“การลับคมนั้น ต้องนำจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปขัดเกลาลับคมโดยตรง”


 

“การลับคมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะมีการเปลี่ยนแปลงถึง 9 ขั้น โดยชั้นแรก คือชั้น สวรรค์”


 

จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโจว หยวน เกิดการสั่นเทาเล็กน้อย โจว หยวน เข้าใจแล้วว่าเหตุใดที่เหย่าเหย่าบอกว่าจำต้องใช้ความกล้าเอาชนะความกลัว เพราคนผู้นั้นจะต้องนำจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์วางลงไปในหินลับคมนี้ เพื่อที่จะลับคมจิตวิญญาณ และการลับคมจิตวิญญาณนั้นจะเป็นสิ่งที่ยากจะทนทาน


 

โจว หยวน ใจสั่นเล็กน้อยพร้อมมองไปยังหินลับคมที่อยู่ในมิติอันยุ่งเหยิงนี้ ในตอนนั้นสิ่งที่ต้องการที่สุดคือความกล้า การลับคมวิญญาณนี้ก็เป็นดั่งการนำจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของตนไปลับคมโดยตรง


 

หากว่าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ โจว หยวน บางทีคนคนนั้นอาจจะหันหลังและหนีไปทันที


 

“ตายเป็นตาย”


 

ในที่สุด โจว หยวนก็กัดฟันพร้อมพุ่งเข้าไปในหินลับคมทันที


 

เปรี้ยงงง


 

เมื่อโจว หยวน ในร่างจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปในหินลับคมนั้น ต่อมานั้นโจว หยวนก็ได้เหลือบมองไปยังเงาขนาดยักษ์ที่ปกคลุมร่างของเขา จนทำให้จิตใจของเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นจนยากจะทานทน


 

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ได้สลายหายเข้าไปสู่ความว่างเปล่า


 

ในความยุ่งเหยิงนั้นพลันเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อยและมีสิ่งที่มองไม่เห็นนั้นได้มารวมตัวกันและกลายเป็นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของ โจว หยวนและในตอนนั้น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของโจว หยวน ก็พลันเรียบเนียนยิ่งขึ้น


 

ในตอนนั้น โจว หยวน พลันหน้าซีดเผือดและเกิดความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก


 

เพราะความรู้สึกที่ราวกับจะถูกฉีกขาดในก่อนหน้านี้มันสมจริงเกินไป


 

แม้นว่าร่างของเขาจะสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่หลังจากภายใต้การลับคมและขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์มันทำให้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น


 

“ช่างเป็นวิชาฝังจิตวิญญาณที่ยอดเยี่ยมเหนือธรรมดาจริงๆ”


 

จิตใจ โจว หยวน พลันสั่นสะท้าน หากเป็นคนอื่น จิตใจของพวกเขาคงจะแตกซ่านและกลายเป็นคนบ้าไปแล้ว เมื่อได้พบพานพบกับปีศาจอันน่าหวาดกลัวที่ถูกตราตรึงลงในจิตใจเช่นนี้ หลังจากเขาถูกลับคมโดย หินลับคมจิตวิญญาณที่ฉาง หยวนถ่ายทอดมาให้นั้นก็ทำให้เขาเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน แต่ทว่าการฝึกบัญญัติเจตจำนงเทพในครั้งนี้กลับจบลงด้วยความล้มเหลว


 

“บัญญัติเจตจำนงเทพนี้ เราต้องลับคมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์โดยการทำลายและสร้างใหม่อย่างต่อเนื่องนับครั้งไม่ถ้วน และด้วยการเปลี่ยนแปลงนั้นมันจะยิ่งทำให้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้น”


 

“ใจความสำคัญของบัญญัติเจตจำนงเทพนั้นต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด 9 ระดับ ระดับแรกคือชั้นฟ้า ที่เรียกว่า 9 ระดับ นั้นแสดงว่าต้องผ่านการลับคมโดยสมบูรณ์ถึง 9 ครั้ง ตราบใดที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สามารถต้านทานการลับคมได้ในแต่ละครั้ง มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นจนสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน”


 

โจว หยวน มองไปยังหินลับคมจิตวิญญาณทั้งด้านบนและด้านล่าง เขาจึงเห็นว่าตรงกลางนั้นจะมีเส้นสีทองหม่นที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่ มันคล้ายกับเป็นมาตราส่วนอะไรบางอย่าง


 

เมื่อเส้นสีทองหม่นนั้นมันวิ่งกลับมาที่จุดเดิม 1 ครั้งนั่นหมายความว่ามันหมุนครบ 1 รอบ


 

โจว หยวน ในก่อนหน้านี้สามารถทนได้เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น เห็นได้ชัดว่า การทนให้หินลับคมหมุนครบ 1 รอบนั้นมันไม่ง่ายเลย


 

“บัญญัติเจตจำนงเทพนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แค่ทดลองดูเท่านั้น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้าก็แข็งแกร่งขึ้น สมกับเป็นวิชาฝังจิตวิญญาณชั้นยอดดั่งที่พี่สาวเหย่าเหย่ากล่าวจริงๆ”


 

โจว หยวนสูดหายใจเข้าลึกจากนั้นเขาก็ข่มความกลัวเอาไว้ จากนั้นก็กัดฟันเข้าไปยังหินลับคมจิตวิญญาณอีกครั้ง


 

* ฮู่มมม ฮุ่มมม *


 

เมื่อหินลับคมนั้นหมุนสัมผัสกับจิตวิญญาณอีกครั้ง มันก็ถูกบดสลายไปทันที


 

ความผันผวนที่มองไม่เห็นก็ถูกสร้างรูปใหม่เป็น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อีกครั้งและครั้งนี้มันก็ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม ในตอนนั้นหลังจากพักเป็นเวลานาน อารมณ์ของ โจว หยวน ก็กลับคืนสู่ปกติ จากนั้นเขาก็เลือกกัดฟันเข้าไปยัง หินลับคมจิตวิญญาณอีกครั้ง


 

* ฮูม ฮูมม *


 

ในความมิติที่ยุ่งเหยิงนั้นหินลับคมจิตวิญญาณได้หมุนบดจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สู่ความว่างเปล่าอีกครั้ง


 

และในความว่างเปล่านี้เมื่อ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไหลกลับมาขึ้นรูปอีกครั้งมันก็ได้เปลี่ยนจากโปร่งใสไปมีสีจางเล็กน้อย


 

88 ครั้ง


 

เมื่อ โจว หยวน ลับคมจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ถึง 88 ครั้ง เขาก็ได้หยุดลง เพราะเขารู้สึกเหนื่อยล้าจากความเจ็บปวด


 

ด้วยเรื่องนี้มันทำให้เขารู้ว่า นี่คือขีดจำกัดที่เขาจะฝึกได้ในตอนนี้ หากฝืนต่อไปมันจะไม่ช่วยและจะเป็นอันตรายแก่ตัวอีกด้วย


 

แม้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะเหนื่อยล้า แต่เขาก็มีความสุขมาก เพราะหลังจากผ่านไป 88 ครั้ง จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็มีสีจางๆปรากฏขึ้น


 

ระดับ เที่ยงเท็จ


 

เมื่อจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนจากสิ่งที่มองไม่เห็น จนขึ้นรูปมาเป็นรูปแบบไร้ลักษณ์นั่นแสดงว่าเขาได้ก้าวสู่ระดับเที่ยงเท็จแล้ว


 

“ช่างเป็นวิชาที่แข็งแกร่งยิ่งนัก” โจว หยวนกล่าวพรางถอนหายใจออกมา ขนาดนี่เป็นเพียงการฝึกฝนครั้งแรก เขากลับสามารถก้าวถึงระดับ เที่ยงเท็จ ได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเขานั้นไม่ได้อ่อนแอ แต่เขาก็อดที่จะที่จะคิดเช่นนี้ไม่ได้


 

ดวงตาของเขาทั้ง 2 ข้างค่อยๆเปิดขึ้น ในศาลาหิน โจว หยวนในตอนนั้นแม้จะหน้าซีด แต่ก็มีความดีใจปรากฏขึ้นบนใบหนน้าอย่างมิอาจปิดบังได้


 

“ข้าก้าวสู่ระดับเที่ยงเท็จแล้ว”


 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นเหย่าเหย่า ก็ประหลาดใจจากนั้นก็กล่าวถามว่า “เร็วขนาดนี้เชียวรึ เจ้านั้นได้ลับไปกี่ครั้งกัน”


 

“88 ครั้ง”


 

นัยน์ตาของ เหย่าเหย่า พลันเบิกกว้าง ดวงตาของนางจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ประหลาดใจ ครั้งแรกนั้นส่วนใหญ่มักจะทนลับคม ได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น แต่โจว หยวน กลับทนได้ถึง 88 ครั้ง มันนับว่าเกินกว่าคนธรรมดามาก


 

“สมกับเป็นคนที่มีปราณมังกรเทวะจริงๆ เจ้าสามารถทนรับความเจ็บปวดได้มากมายกว่าที่คนธรรมดาจะรับได้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของเจ้านั้นไม่มีวันถูกทำลายรึยังไงกัน” เหย่าเหย่ากล่าวด้วยเสียงเบาเบา แล้วกล่าวต่อว่า “วันนี้เจ้าเหนื่อยมากแล้ว เมื่อเจ้าฟื้นฟูเสร็จข้าจะสอนรูปแบบก่อเกิดระดับ 1 ให้”


 

นางกอดถุนถุน พรางมองไปยังปลายแปลงสีดำที่โผล่ออกมาจากหน้าอกของ โจว หยวน พลันกล่าวว่า “ปู่เฮย ได้มอบพู่กันปฐมสวรรค์แก่เจ้า เจ้าต้องบำรุงและฟื้นฟูมันให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ใช้มันกับรูปแบบก่อเกิด”


 

โจว หยอง ก้มหัวลงพร้อมหยิบพู่กันปฐมสวรรค์ออกมาควงในมือด้วยรอยยิ้ม


 

ฉาง หยวน นั้นได้กล่าวไว้ว่าดวงจิตของอสูรปราณสามารถฟื้นฟู ปัญญาของแปลงปฐมสวรรค์ได้ ตรงจุดนี้นั้นไม่นับว่ายากสำหรับเขา ในฐานะองค์ชายราชวงศ์ต้าโจว เขาสามารถหาดวงจิตของอสูรปราณได้ง่ายๆ


 

และการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบก่อเกิดที่พู่กันปฐมสวรรค์เขียนขึ้นมานั้น โจว หยวน เองก็คาดหวังไว้เช่นกัน และนอกจากนี้เขานั้นรู้สึกสงสัยอย่างมาก เพราะดูเหมือนว่า พู่กันปฐมสวรรค์นี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นศาสตราก่อเกิดได้


 

จบตอนที่ 15

 

รีวิวผู้อ่าน