รุ่งเช้า ในอีก 2 วันต่อมา
โจว หยวน ดื่มซุปเก้าอสูรในชาม ตามด้วยข้าวผลึกลึกลับในชาม ก่อนจะเริ่ม ฝึกวิชา 98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกร ดูดซับพลังปราณ เบิกชีพจร
ในเช้านี้ โจว หยวน ได้ทำการทะลวงเบิก 4 ครั้ง แม้ว่าร่างกายจะมีเหงื่อไหลโทรม ชีพจรได้รับความเจ็บปวด แต่ก็สัมผัสได้ว่า ชีพจร จุดแรก ผสานเข้ากับร่างกาย ทำให้ภายในใจเปี่ยมด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวัง
บริเวณใกล้เคียงมีสาวใช้ถือผ้าส่งให้ หลังจาก โจว หยวน เช็ดถูทำความสะอาดร่างกาย นางก็กล่าวว่า " องค์ชาย สิ่งที่ท่านให้หาได้เตรียมไว้แล้ว "
„ อ้อ ? "
โจว หยวน ได้ยินเช่นนั้น ก็เดินตรงเข้าศาลาพักอย่างรวดเร็ว ขณะที่มองเห็นว่า บนโต๊ะมีจานหยกวางเอาไว้ ในจานหยกนั้นมี ศิลาผลึก สีสันต่างกันวางอยู่ 10 ก้อน
หากสังเกตดู ศิลาผลึก ดีๆจะเห็นได้ชัดว่ามันมีเงาลางๆสะท้อน เป็นรูปร่างของสัตว์ต่างๆ ที่ส่องแสงแตกต่างกัน
นี่คือ ผลึกดวงจิตอสูร หลังจากที่สัตว์อสูรปราณสิ้นชีพเสียกายหยาบ ดวงจิตมันจะถูกบีบให้อยู่ในรูปของศิลาผลึก เพื่อปกป้องวิญญาณของสัตว์อสูรปราณ
ที่ โจว หยวน ต้องการ ผลึกดวงจิตอสูร เหล่านี้ เพราะเขาต้องการใช้สิ่งเหล่านี้หล่อเลี้ยงฟูมฟัก พู่กันปฐมสวรรค์
" นี่เป็นแค่ผลึกดวงจิตอสูร ระดับ 1 "โจว หยวน มองก็รู้ทันที ว่า ผลึกดวงจิตอสูร มาจาก อสูรปราณระดับ 1 แต่ก็ถือว่าเป็นผลึกดวงจิตอสูรที่มีคุณภาพสูงพอสมควร เนื่องจาก ปัจจุบัน พู่กันปฐมสวรรค์ สามารถทนรับได้เพียงระดับนี้
โจว หยวน ได้หยิบพู่กันปฐมสวรรค์ ออกมาจากเอว ขณะที่ลูบพู่กันในมือเบาๆ สัมผัสได้ถึงความหยาบของพู่กัน รอบๆตัวมันมีกลิ่นอายเบาบางแต่แฝงเร้นด้วยความโบราณและลึกลับ แสดงให้เห็นความวิเศษของพู่กันปฐมสวรรค์ด้ามนี้
โจว หยวน หยิบค้อน กับโลหะแหลมขนาดเล็ก ทุบเจาะลงไปบนผลึกดวงจิตอสูรปรากฏเป็นรูเล็กๆ จากนั้นเขาก็ได้ขยับพู่กันปฐมสวรรค์
เมื่อพู่กันปฐมสวรรค์ เข้าใกล้กับผลึกดวงจิตอสูรก็มีอาการสั่นเล็กน้อย ปลายพู่กันเริ่มม้วนพริ้วและเขยื่อน ทันใดนั้นผลึกดวงจิตอสูรพลันหายไป ถูกดูดเข้าไปภายในพู่กันปฐมสวรรค์
เมื่อผลึกดวงจิตอสูรหายเข้าไป พู่กันปฐมสวรรค์ภายในมือ โจว หยวน ก็มีแสงจางๆส่อง ส่งบนลวดลายรูปแบบก่อเกิด
" ได้ผลจริงๆ! "
โจว หยวน มีความสุขอย่างมาก จึงทำการทำลายผลึกดวงจิตอสูร แล้วใช้พู่กันปฐมสวรรค์ ดูดซับดวงจิตอสูร เช่นเดิม
เมื่อพู่กันปฐมสวรรค์ดูดซับดวงจิตอสูร แสงที่ส่องบนรูปแบบก่อเกิดตัวแรก ก็สว่างมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อพู่กันปฐมสวรรค์ดูดซับ ดวงจิตอสูร ไป 8 ดวง การดูดซับก็หยุดชะงัก โจว หยวน เห็นว่า พู่กันปฐมสวรรค์ เวลานี้ไม่มีการดูดซับ แสงก็ลดลง ก่อนจะค่อยๆกลับคืนสู่สภาพปกติ
" นี่ . . .อิ่มแล้วหรอ " โจว หยวน ที่คอยจับจ้อง ในที่สุดก็เข้าใจจึงหัวเราะออกมา ที่เขาให้ พู่กันปฐมสวรรค์ ดูดซึบดวงจิตอสูรปราณ ก็เพื่อเรียกคืนสติปัญญา แต่ทว่าจู่ๆก็หยุดสงสัยเกรงว่าจะอิ่ม ?
พู่กันปฐมสวรรค์ไม่ใช่สิ่งธรรมดา ฉะนั้นเมื่ออิ่มแล้วมันก็จะไม่กิน โจว หยวน จึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเก็บมันลงไปด้วยรอยยิ้ม ค่อยเริ่มทำการฟูมฟักใหม่ในวันพรุ่งนี้
สำหรับวิธีนี้ เพื่อทำให้รูปแบบก่อเกิดโบราณตัวแรกส่องสว่าง จริงๆมันย่อมต้องใช้เวลา
แต่ โจว หยวน หาได้กังวล หลังจากเก็บพู่กันปฐมสวรรค์ไว้ที่เอว เขาก็เอามือไขว้หลังก้าวออกจากศาลา วันนี้เขามีแผนที่จะไป สำนักวังต้าโจว ถึงแม้เขาเชื่อว่า ฉี เยว่ จะไม่มีทางทำอะไร ซู โหยวเหว่ย แต่เขาก็กลัวว่า ฉี เยว่ จะส่งผู้อื่นมาสร้างปัญหาให้อย่างลับๆ
. . . . . . .
ณ สำนักวังต้าโจว
หลังจาก โจว หยวน มาถึง ก็ยังไม่พบ ซู โหยวเหว่ย จึงคิดจะไถ่ถามจากศิษย์ แต่ก็มานึกขึ้นได้จึงไปที่หอรวบรวมตำรา
ในอดีตหอรวบรวมตำรา คือหนึ่งสถานที่ในสำนักวังต้าโจว ที่ ซู โหยวเหว่ย มักจะมาอยู่เป็นประจำ ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่แห่งนึงที่มีชีวิตชีวาภายในสำนักวังต้าโจว ทุกครั้งที่คนพากันแห่มาโดยหลอกว่ามาหาความรู้ แท้จริงกลับพยายามหาทางเข้าใกล้ ซู โหยวเหว่ย ทั้งสิ้น
โจว หยวน เดินเข้ามายังหอรวบรวมตำรา ตรงไปยังสถานที่ประจำแต่ก็ไม่พบ ซู โหยวเหว่ย ดังนั้นเขาจึงย้ายที่ ก่อนจะหยุดเท้า มองชั้นวางตำราที่ตั้งสูง
ตรงนั้นมีสตรีรูปร่างผอมเอวอ้อนแอ้นยืนอยู่บนเก้าอี้สูง กำลังปัดฝุ่นทำความสะอาดตำราด้วยความระมัดระวัง
ในยามนี้ แสงแดดได้ส่องรอดผ่านหน้าต่าง ภายในเส้นแสงจะมองเห็นฝุ่นลอยคละคลุ้ง ทำให้ใบหน้าของหญิงสาวส่องกระจ่าง สะท้อนแสงแดด ขนตางอน มุมเล็กๆมันเงามีประกาย ขณะที่ตั้งหน้าตั้งตาทำความสะอาด ฮัมเพลงเบาๆ
* อ่ะแฮ่ม *
โจว หยวน กระแอมเบาๆ ทำลายความสุนทรีของสาวงาม
ซู โหยวเหว่ย ก็พลันตกใจ ขณะที่ลดศีรษะก้มมองด้วยความเร่งรีบ หลังจากพบว่าเป็น โจว หยวน ใบหน้าอันงดงามก็เต็มไปด้วยความยินดี
โจว หยวน เดินตรงเข้ามายังเก้าอี้สูง เงยหน้าขึ้น เนื่องจาก ซู โหยวเหว่ย สวมชุดกระโปรงของสำนัก จึงมองเห็นท่อนขาเรียวยาว เรียบเนียนราวกับหยก ทำให้ผู้พบเห็นเกิดความหลงใหล
" องค์ชาย "
เมื่อเห็นแววตาของ โจว หยวน ซู โหยวเหว่ย ก็พลันหน้าแดง เกิดความรู้สึกเขินอาย จนแค่นเสียงด้วยความโกรธ พร้อมกับหยิบตำราในมือที่มีฝุ่นเกาะ เคาะใส่ โจว หยวน
" คิดจะทำผู้คนตาบอดรึ " โจว หยวน รีบฉวยโอกาสนี้ละสายตา
เวลาเดียวกันร่างของ ซู โหย่วเว่ยก็กระโดดลงจากเก้าอี้สูง ใกล้ๆกับชั้นวางตำรา ขณะที่ใช้ใบหน้าที่ยังเป็นสีแดง จ้อง โจว หยวน พร้อมเอ่ยขึ้นว่า " หน้าไม่อาย "
โจว หยวน พลันลืมตาขึ้นตื่น และรีบกล่าวว่า " นี่มันเป็น อุบัติเหต "
ซู โหยวเหว่ย ค้อนมอง ก่อนจะเอ่ยถาม " เห็นว่าจะอยู่วังหลวง ไฉน องค์ชาย จึงมาอยู่ที่นี่ ? "
" เฮ้เฮ้ มาไม่ได้รึ ข้าแค่กลัวว่าฮูหยินน้อยจะถูกผู้คนแย่งชิงตัวไป " โจว หยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
" ห่ะ ช่างน่าชัง! กล้าเรียกผู้อื่นเช่นนี้! "
ซู โหยวเหว่ย หน้าแดงด้วยความเขินอาย ก่อนจะพูดกับ โจว หยวน ด้วยโทสะว่า " ท่านทราบหรือไม่ ? ว่า ฉี เยว่ ตามหาข้าตั้งหลายครั้งหลายหน น่ารำคาญชะมัด! "
" หลังจากที่สอบเสร็จ คงชวนเจ้าเข้าร่วมสำนักชั้นสองสินะ " แววตา โจว หยวน ทั้งสองหดแคบ ฉี เยว่ ผู้นี้ มันน่าชิงชังยิ่ง แม้กระทั่งผนังฝั่งเขามันยังกล้าเจาะข้าม!
ซู โหยวเหว่ย พยักหน้า เรื่องการแย่งชิงในสำนักวังต้าโจว นางไม่ค่อยมีความเข้าใจนัก แต่นางก็รู้ว่า โจว หยวน กับ ฉี เยว่ ไม่ลงรอยกัน ฉะนั้นนางจึงไม่อยากยุ่งกับ ฉี เยว่
" เจ้าคนแต่งตัวประหลาดนั่นให้อะไรเพื่อดึงตัวเจ้า "
ซู โหยวเหว่ย มอง โจว หยวน แว๊บนึง แต่นางรู้ว่าโจว หยวน ไม่ได้มีเจตนาความหมายเช่นนั้น จึงกล่าวว่า " เรื่องความมั่งคั่งและเกียรติยศคงไม่ต้องพูดถึง มันยังให้สัญญาว่าหลังจากที่ข้าก้าวเข้าสู่ ขอบเขต บ่มเพาะพลังปราณ จะให้เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังปราณระดับ 3 "
" ยอมแพ้มันเลย " โจว หยวน ค่อนข้างประหลาดใจ เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังปราณระดับ 3 ต้องรู้ก่อนว่าในราชวงศ์ มีขั้นสูงสุดเพียง ระดับ 4
" แต่ข้าปฏิเสธ " แววตา ซู โหยวเหว่ย เกิดประกายระยิบระยับ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำพร้อมรอยยิ้มว่า " นั้นทำให้มันอารมณ์เสียมาก แถมยังถามว่าท่านให้อะไรกับข้า "
" ข้าตอบไปว่าองค์ชายมิได้ให้สิ่งใดแก่ข้า เพียงแค่พระองค์เคยช่วยข้าถีบประตู "
เสียงของนางแม้จะแผ่วเบา แต่มันก็ทำให้ โจว หยวน ยิ้มออกมา ในอดีตที่ผ่านมา ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ เขาได้พบเด็กหญิงตัวเล็กๆ กำลังคุกเข่าหน้าตำหนักแพทย์เพื่ออ้อนวอนขอความช่วยเหลือ เห็นเช่นนั้นเขาก็ส่งร่มให้เด็กสาว ก่อนจะก้าวไปเบื้องหน้าใช้ขาถีบประตู เพื่อให้ช่วยรักษาคน ท่ามกลางความเกรี้ยวกราด
เขาไม่รู้เลยว่า การกระทำของเขา มันได้ตราตรึงประทับอยู่ภายในจิตใจของ ซู โหยวเหว่ย มิเคยลบเลือน
" เจ้าคนแต่งตัวประหลาด ฉี เยว่ ได้ยินเช่นนั้นคงแทบบ้า " โจว หยวน กล่าว
" ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าสักหน่อย " ซู โหยวเหว่ย ใช้มือป้องปากก่อนจะหัวเราะเบาๆ
โจว หยวน พยักหน้าลง ขณะที่ในใจขบคิด หลังจากที่ก้าวเข้าสู่ ขอบเขตบ่มเพาะปราณซู โหยวเหว่ย ต้องฝึกฝนเคล็ดวิชาบ่มเพาะ เขาจำต้องเตรียมเคล็ดวิชาบ่มเพาะปราณ ที่มีประสิทธิภาพให้กับนาง มิเช่นนั้นเกรงว่าจะความสามารถของนางจะเสียเปล่า
" เร็วๆนี้ ได้เบิกชีพจรบ้างมั้ย ? " โจว หยวน ถาม
" แน่นอนสิ ก่อนการสอบ คงจะเชื่อมต่อชีพจร จุดที่ 4 สำเร็จไม่ยาก " ซู โหยวเหว่ย กล่าว
โจว หยวน รู้ได้ว่าสวรรค์ประทานความสามารถที่ยอดเยี่ยมให้แก่ ซู โหยวเหว่ย หากนางได้ดื่มซุปเก้าอสูร กินข้าวผลึกลึกลับ บางทีนางอาจจะตาม ฉี เยว่ ได้ทัน
อย่างไรก็ตาม โจว หยวน ไม่กล้านำ ซุปเก้าอสูร หรือ ข้าวผลึกลึกลับ มาให้ ซู โหยวเหว่ย เนื่องจากนางมีความดื้อรั้น ยึดติด คงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจาก โจว หยวน
" ก่อนหน้า เจ้าสำนัก ชู บอกว่า ต้องการดึงตัวเจ้าเข้าสู่สำนักชั้นหนึ่ง " โจว หยวน มอง ซู โหยวเหว่ย และกล่าว
ซู โหยวเหว่ย เพียงแค่ยิ้มและตอบไปว่า " ท่านไปบอกเขาว่าให้พาท่านเข้าร่วมสำนัก แล้วข้าจะยอมไป "
คำพูดของนางไม่ชัดเจน ว่าจะเลือกเป็นศิษย์ของฝ่ายไหน จริงๆแล้วนางค่อนข้างกังวล เพราะก่อนจะเลือกสำนักต้องผ่านการสอบ 1 ใน 10 แต่โจว หยวน ยังไม่สามารถเบิกชีพจรแม้แต่จุดเดียว ต่อให้ใช้รูปแบบก่อเกิดได้ ก็ยากจะอยู่ใน 10 อันดับ
และเท่าที่นางรู้ เจ้าสำนัก ชู เป็นผู้ที่เคร่งครัดในกฏระเบียบ หาก โจว หยวน ไม่สามารถติด 10 อันดับ ต่อให้เขาเป็นองค์ชาย บางทีเจ้าสำนัก ชู ก็อาจจะไม่เห็นแก่หน้า
โจว หยวน มองดูแววตาของนางถึงจะไม่ล่วงรู้ความคิดของนาง แต่ก็พอจะมองออกเล็กน้อย จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า " ไม่ต้องกังวล สำนักชั้นหนึ่งข้าเข้าไปแน่ "
เมื่อเห็นว่า โจว หยวน ได้ให้สัจจะ ซู โหยวเหว่ย ก็ไม่ได้กล่าวใดๆ แค่เพียงพยักหน้า
ภายในหอรวบรวมตำรา ชายหนุ่มหญิงสาวที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน อยู่ๆก็มีร่างหนึ่งปรากฏที่เบื้องหน้าพวกเขา
คนคนนี้เป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลา เขามอง โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ย ก่อนจะเดินตรงเข้ามา ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนแปลง กิริยาท่าทางแข็งกร้าวยิ้มและกล่าว " องค์ชาย "
ก่อนจะเบี่ยงสายตาไปมองที่ ซู โหยวเหว่ย พร้อมกับเปลี่ยนท่าทีเป็นนุ่มนวล เอ่ยขึ้นว่า " โหย่วเว่ย ทำอะไรเสร็จแล้วใช่มั้ย ? พอดีวันนี้ข้ามีเวลาว่าง เลยจะมาชวนเจ้าไปกินข้าว ? "
โจว หยวน มองชายหนุ่มหล่อเหลา ด้วยแววตาที่หดแคบลง
หลิน เฟิง เป็นที่รู้จักกันทั่วสำหรับศิษย์สำนักวังต้าโจว ยิ่งไปกว่านั้นเขาคือ 1 ในผู้ที่มีสิทธิ์สอบคนแรก
แต่เท่าที่รู้ เหมือนชายผู้นี้จะถูก ฉี เยว่ ดึงตัวไป
จบตอน 16