การครอบครอง รูปแบบก่อเกิดนั้นมันไม่ง่าย และที่มันไม่ง่ายเป็นเพราะว่า เครื่องหมายก่อเกิด นั้นต้องใช้ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เป็นหมึก และบางครั้งในการเขียนก็ยังต้องใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เสริมเข้าไปด้วย มิฉะนั้นอาจทำให้เครื่องหมายก่อเกิดนั้นเกิดขาดตอนและเกิดความผิดพลาดขึ้น
เมื่อเครื่องหมายก่อเกิดนั้นเกิดขาดตอน มันจะทำให้ การใช้รูปแบบก่อเกิดล้มเหลวทันที
ดังนั้น หากต้องการให้สำเร็จอย่างสมบูรณ์ ก็จำต้องฝึกจนกระทั่งเชี่ยวชาญเท่านั้น
ดังนั้นหลายๆวันมานี้ นอกจากจะฝึก 98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกร กับ บัญญัติเจตจำนงเทพแล้ว เขาก็จะหาเวลามานั่งฝึก รูปแบบพยัคฆ์คำราม
ขณะเดียวกัน เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยกับพู่กันปฐมสวรรค์ โจว หยวน นั้นจะหาเวลามาฝึกเคล็ดวิชาเพลงหอก แต่ก็มิอาจเรียกว่าเคล็ดวิชาได้เพราะเขายังมิอาจใช้มันได้อย่างราบรื่นคล่องแคล่วนัก
การทำเช่นนี้มันก็ได้กลายเป็นชีวิตประจำวันของโจว หยวน และเขาก็รู้ว่าเวลานั้นใกล้มาถึงแล้ว ทุกๆวันเขาจึงฝึกอย่างขมักเขม้น
เพราะความมุ่งมั่นขยันขันแข็ง มันเป็นกุญแจไขไปสู่ความสำเร็จ
วันนี้ โจว หยวนที่กำลังฝึกอยู่ในสวนดอกไม้หลากสี พลันปรากฏดวงตาที่ซับซ้อน มันดูเป็นกึ่งกลางระหว่างความคาดหวังและความตื่นเต้น เพราะเขาสามารถเบิกชีพจรจุดแรกได้สมบูรณ์แล้ว ในหลายวันนี้เขาล้มเหลวไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเชื่อมต่อ จนสำเร็จในที่สุด
"วันนี้มาถึงแล้วสินะ! "
โจว หยวนกำหมัดแน่น ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาเขาเฝ้าฝันมาตลอด ฝันถึงวันที่เขาสามารถเบิกชีพจรได้
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆและกำหนดจิตให้สงบจากนั้นก็เริ่มร่าย 98 กระบวนท่ากำหนดลมหายใจมังกร
โฮกกกก
เมื่อสิ้นสุดกระบวนท่าสุดท้าย เลือดและปราณ ในร่างของโจวหยวนก็พลันเดือดพล่าน กระดูกพลันสั่นสะเทือนเล็กน้อย ต่อจากนั้นก็ได้มีเสียงมังกรคำรามออกมาจากร่าง
โฮกกกกก
เมื่อ โจว หยวน เปิดปากคำรามขึ้น ปราณฟ้าดินก็ได้แปลเปลี่ยนเป็นหมอกสีขาวไหลเข้าสู่ปากของเขา
พลังปราณนั้นได้ไหลเข้าสู่ร่างของเขาและได้พุ่งสู่ทะลวงสิ่งขวางกั้นด่านสุดท้ายในชีพจรจุดแรกของโจว หยวน
ฉึกกก
หลังจากสิ่งขวางกั้นด่านสุดท้ายทลายลง ก็ได้เกิดเสียงราวกับว่ามีบางอย่างฉีกขาด
ในตอนนั้น โจว หยวนสัมผัสได้ว่าชีพจรจุดแรกกับร่างของเขาได้ทำการเชื่อมกัน
โจว หยวน รู้สึกได้ถึงปราณและโลหิตที่กำลังเดือดฟู่ ฟู่ ในกาย ชีพจรจุดที่หนึ่งก็ได้เต้นกระตุกอย่างช้าๆ คล้ายกับอดทนต่อความหิวกระหายมาช้านาน พลันดูดกลืนปราณในร่างของเขา
หลังจาก ชีพจรนั้นได้ดูดกลืนพลังปราณเข้าไป มันก็สร้างความเปลี่ยนแปลง ให้แก่ร่างกายเขา
โจว หยวน รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่ถาโถมใส่ร่าง แต่เขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกใดๆ บนใบหน้าของเขายังคงมีประกายความตื่นเต้นปรากฏ
เป็นเพราะเขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ ในยามนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าผิวพรรณของเขา ดูอ่อนเยาว์ลง แต่เลือด เนื้อ กระดูก และเอ็นของเขากลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เสมือนร่างกายเขาได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งขึ้นมา
ความรู้สึกนี้ เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่กี่สิบนาที ทำให้คิ้วของโจว หยวน พลันค่อยๆคลายลง เขาลืมตาขึ้นช้าๆ ขณะได้กลิ่นแปลกๆส่งออกมาจากร่างกาย เมื่อสังเกตที่ร่างของตน เขาก็เห็นว่าร่างเขานั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยของเสีย แน่นอนว่าของเสียเหล่านั้นถูกขับออกมาจากร่างของเขา
เมื่อเห็นเช่นนั้น นัยน์ตาของเขาถึงกับส่องประกาย รู้สึกปานจะแยกฟ้าดินได้
"เบิกชีพจรได้แล้ว? " โจว หยวน กำหมัดช้าๆ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้น มันก็ทำให้มีความสุขมาก
ในที่สุดเขาก็สามารถรับรู้ถึงมันได้
"ไปรายงานเสด็จพ่อและ เสด็จแม่ที " ระหว่างที่ชำระร่างกาย โจว หยวน ก็หันไปกล่าวกับสาวใช้
เมื่อโจว หยวนชำระร่างกายเสร็จ เขาก็เห็น โจว ฉิง และ ฉิน หยู่ รอเขาอยู่ บนใบหน้าของทั้ง 2 นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"หยวนเอ๋อ นี่เจ้าเชื่อมชีพจรจุดแรกได้แล้วรึ " เมื่อเห็นโจว หยวน ก้าวออกมา ฉิน หยู่ ก็ก้าวเข้าหา พร้อมเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
โจว ฉิง เองก็ก้าวเข้ามาพร้อมมอง โจว หยวน ด้วยดวงตาประกาย
โจว หยวนมองไปยังทั้ง 2 ที่กำลังตื่นเต้นในใจพลันอบอุ่น เขาพยักหน้าและเริ่มเคลื่อนไหว จากนั้นชีพจรเส้นแรกก็พลันสั่นสะเทือนเล็กน้อยและเริ่มดูดปราณฟ้าดินเข้ามาทันที และด้วยเรื่องนั้นมันก็ทำให้ผิวของโจว หยวนพลันเปล่งปลั่ง
"ขี้นำปราณเข้าสู่ร่างกาย นี่เจ้าเบิกชีพจรได้แล้วจริงๆ " โจว ฉิงตาเป็นประกาย ต่อจากนั้นเขาก็หัวเราะพร้อมกล่าวต่อว่า: "วิเศษ วิเศษยิ่งนัก! สมกับเป็นมังกรเทวะของตระกูลโจวเรา ในเวลาสั้นๆสามารถเบิกชีพจรได้ ด้วยความเร็วเช่นนี้ไม่เคยมีใครในต้าโจวเคยทำได้มาก่อน "
ฉิน หยู่ ดวงตาพลันแดงก่ำจับแขนโจว หยวนพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า: "หยวนเอ๋อสามารถเบิกชีพจรได้ ดูเหมือนว่าพิษมังกรพิโรธคงถูกขจัดแล้ว "
โจว หยวนประสานมือกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มว่า: "เสด็จแม่วางพระทัย พิษมังกรพิโรธถูกถอนแล้วจริงๆ "
"มา หยวน เอ๋อ ให้พ่อดูหน่อยว่าเจ้าที่เบิกชีพจรได้ จะมีพลังเพียงใด " โจว ฉิง จับไหล่โจว หยวน เขา นั้นรู้สึกได้ว่าโจว หยวนที่เบิกชีพจรได้นั้นย่อมมีพลังเหนือธรรมดา
โจว หยวน ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า เพราะ ฉาง หยวน เองก็เคยบอกไว้ว่า แม้การเบิกชีพจรอีกครั้งของเขาจะยากกว่าคนทั่วไป แต่มันก็ให้พลังเหนือกว่าคนทั่วไปมากนัก
และในวันนี้จะเป็นวันที่เขาจะได้ทดสอบพลังนั้น
โจว ฉิง ได้ถอนฝ่ามือออกจากบ่าของ โจว หยวน เพียงเขายืนอยู่นิ่งๆใกล้ๆ ก็ทำให้ โจว หยวน แทบจะหายใจได้อย่างยากลำบากแล้ว
"ท่านพ่อสมควรแล้วที่ทะลวงผ่านขอบเขต บรรลุสวรรค์เข้าสู่ ขอบเขต มหาปฐม จริงๆ"
ผู้ใช้พลังปราณนั้น มีจุดเริ่มต้นคือการเบิกชีพจร หลังจากเบิกชีพจรทั้ง 8 ได้จะเป็นการเปิดอาณาจักรพลังปราณ จะทำให้ก้าวสู่ขอบเขต บ่มเพาะปราณ หลังจากบ่มเพาะปราณได้สมบูรณ์แล้ว ก็จะสามารถก้าวไปยังขอบเขต บรรลุสวรรค์ เมื่อเข้าสู่ระดับนี้ได้ ก็จะมีพลังปราณมากพอที่จะเคลื่อนภูผาฝ่ามหาสมุทรได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการฝึกฝน
และขอบเขต มหาปฐม นั้นก็คือขอบเขตพลัง หลังจากทะลวงผ่านขอบเขต บรรลุสวรรค์
เบิกชีพจร บ่มเพาะลมปราณ ทะลวงสวรรค์ แรกเริ่มสัมบูรณ์ คือ 4 ขอบเขตแรกของผู้ใช้พลังปราณ
ในตอนนี้ โจว หยวน เป็นเพียงผู้ใช้พลังปราณเบิกชีพจรจุดแรก ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ใช้พลังปราณ ขั้น มหาปฐม จึงเป็นธรรมดาที่จะมีความรู้สึกเช่นนี้
"การทดสอบแรก คือทดสอบพลังวัตร ทุ่มพลังทั้งหมดที่เจ้ามีใส่เข้ามา " โจว ฉิง ผายมือกล่าวขึ้น
โจว หยวนพยักหน้าจากนั้นก็เค้นพลังพุ่งออกไปราวกับศรธนู ง้างหมัดที่อัดพลังไว้เต็มเปี่ยม มุ่งเป้าไปยังฝ่ามือของ โจว ฉิง
พริบตาผืนดินภายใต้เท้าโจว หยวน ก็พลันสั่นสะเทือน แต่ร่างของ โจว ฉิง ยังคงอยู่ที่เดิมไม่ได้สั่นคลอนแม้แต่น้อย แต่ภายในแววตากลับเกิดประกายความประหลาดใจขึ้น
โจว หยวนนั้นลูบไปที่หมัดของเขาเล็กน้อย ก่อนจะถอนฝ่ามือกลับมา นี่คือพลังเต็มแรงของเขา แต่ยังมิอาจทำให้ฝ่ามือของ โจว ฉิง ขยับได้แม้แต่นิดเดียว
"ท่านพ่อ พลังลูกเป็นยังไงบ้าง ." โจว หยวน เงยหน้ามอง โจว ฉิง
โจว ฉิง ไม่ตอบคำ พลางเอ่ยว่า: "ลองแสดงความเร็วของเจ้าออกมา "
เขาหมุนฝ่ามือของเขาทันทีต่อจากนั้น ก้อนกรวดจำนวนมากก็ได้ถูกเขวี้ยงออกจากฝ่ามือเขา พุ่งเข้าไปยัง โจว หยวน ราวกับดาวหาง
โจว หยวน ย่างเท้าเคลื่อนไหว เพื่อเตรียมหลีกเลี่ยงหินที่พุ่งมา แต่ก็มิอาจหนีพ้นได้ทั้งหมด เพราะความเร็วและมุมของ ก้อนกรวดที่พุ่งเข้ามามันแม่นราวกับจับวาง
โจว หยวน ขมวดคิ้วลง พร้อมเค้นจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไปที่หน้าผาก ส่งผลให้ประสาทสัมผัสของเขาเฉียบคมขึ้นทำให้เขานั้นคำนวณทิศทางของก้อนกรวดได้ชัดเจน
ดังนั้นเขาจึงยื่นฝ่ามือออกไปแล้วคว้าก้อนกรวดทั้งหมดโดยตรง
ทันทีที่หยุดก้อนกรวดที่พุ่งเข้ามา มือของเขาก็สะท้านสะเทือนด้วยความเจ็บปวด พลางกล่าวกับโจว ฉิงว่า: "เกือบหยุดไว้ไม่ทัน! "
" มีอะไรหรือเสด็จพ่อ ? "
โจว หยวน มองไปยัง โจว ฉิง ที่จับจ้องมายังมือเขาที่กำก้อนกรวด
โจว ฉิง ได้ยินเช่นนั้นก็เรียกสติคืนมา เขามองไปยังโจว หยวนด้วยสายตาแปลกพิกล เพราะก่อนหน้านี้เขาได้ใส่พลังไปในก้อนกรวดเล็กน้อย เพื่อต้องการจะทดสอบพลังทางกายภาพของโจว หยวน
แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่า ก้อนกรวดจำนวนมากนั้นจะถูกมองทะลุซ้ำยังถูกรับไว้ได้ทั้งหมด ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้
โจว ฉิง ส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมองโจว หยวนแล้วทันใดนั้นนิ้วของเขาก็พลันเกิดลูกบอลสายฟ้าสีแดงเข้มพุ่งเข้าใส่ โจว หยวน
เปรี้ยงงงง
ร่างของโจว หยวน ถูกกระแทกเข้าอย่างจัง จนลอยออกไปกระแทกกับต้นไม้ เห็นเช่นนั้น ฉิน หยู่ จึงตวาดออกมาด้วยความโกรธว่า: "นี่ท่านถึงกับใช้ปราณเพลิงอสนี เชียวรึ?"
โจว ฉิง ยิ้มอย่างลืมตัว หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปมองบริเวณหน้าอกของโจว หยวน ถึงแม้ว่ามันจะเขียวคล้ำแต่ก็บาดเจ็บเพียงแค่ผิวหนังภายนอกเท่านั้น ทำให้ดวงตาของเขาแทบจะหลุดออกจากเบ้า เขาสงสัยมากกว่าคนที่เบิกชีพจรจุดแรกเหตุใด จึงทนรับการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ได้
"ผลเป็นเช่นไรบ้าง ? " โจว หยวน ลูบไปที่หน้าอกพร้อมกล่าวถามด้วยสีหน้าเจ็บปวด
โจว ฉิง มองไปยังโจว หยวน ด้วยสายตาแปลกๆก่อนจะเอ่ยออกมาว่า: "เจ้าบอกว่า เบิกชีพจรจุดเดียว ?"
แววตาที่มองมายัง โจว หยวน เสมือนคิดว่าเขาสามารถเบิกชีพจร 2 จุดได้ในคราเดียว
ฉิน หยู่ เห็นท่าทางของ โจว ฉิง ก็กล่าวด้วยความสงสัยว่า: "ทำไมหรือ หยวนเอ๋อ มีอะไรแปลกไป ? "
"แปลกอย่างนั้นหรือ? "
โจว ฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกไป : "จะว่าแปลกก็ไม่เชิง เพราะพลังกายและความเร็วของเขานั้นไม่ต้องกล่าวถึงชีพจรจุดเดียวเลย กระทั้งคนที่เบิกชีพจร สองจุด เขาก็ยังสามารถเอาชนะได้ "
"หลายปีมานี้ เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบคนที่เบิกชีพจรจุดเดียว แต่กลับมีพลังกายอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ "
จบตอนที่ 19