"แข็งแกร่งกว่าผู้เบิกชีพจรสองจุด ?"
เมื่อได้ยิน โจว ฉิง กล่าวเช่นนี้แล้ว ทั้ง โจว หยวน และ ฉิน หยู่ ต่างประหลาดใจยิ่ง จนอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
"ท่านอาจารย์ ฉาง หยวน ไม่ได้โกหกข้าจริงๆ แม้ว่าข้าจะทำการเบิกชีพจรได้ยากยิ่งกว่าคนอื่นๆ แต่สิ่งที่ต้องแลกมานั้นกลับทำให้ข้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าคนอื่นๆที่อยู่ในระดับเดียวกัน!" แววตาของ โจว หยวน พลันบังเกิดประกายแห่งความสุข เพราะจากการคาดเดาของเสด็จพ่อ จึงทำให้รู้ได้ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาเหนือยิ่งกว่าผู้เบิกชีพจรสองจุดไปเสียแล้ว
เมื่อผนวกเข้ากับความเข้าใจต่อศาสตร์รูปแบบก่อเกิดอันลึกซึ้งของเขา แม้นจะต้องต่อสู้กับผู้เบิกชีพจรสามจุด ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถเอาชนะได้
"และหากว่าข้าสามารถทำความเข้าใจใน รูปแบบพยัคฆ์คำราม ได้แล้ว เกรงว่ากระทั้งผู้ที่สามารถเบิกชีพจรสี่จุด ก็ยังสามารถเอาชนะได้!" โจว หยวน พึมพำอยู่ในใจ พลันปรากฏความปิติยินดีอย่างเปี่ยมล้น กระทั้งเก็บอาการไม่อยู่ การบ่มเพาะพลังปราณที่ผ่านๆมาของเขาถือว่าไม่เสียเปล่า แถมยังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจยิ่ง
ที่สำคัญที่สุด มันยังเป็นจุดประกายแห่งความหวังเล็กๆ ที่จะทำให้เขาสามารถปีนป่ายจนโบยบินขึ้นสู่ท้องนภาเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้อีกด้วย!
โจว ฉิง มองไปยัง โจว หยวน ด้วยดวงตาที่ทอประกาย จากนั้นก็ยื่นแขนออกไปตบที่ไหล่ของเขาเบาๆ จากมุมมองของผู้เป็นพ่อ เขาสัมผัสได้ถึงแววตาอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังที่เอ่อล้นมาจาก โจว หยวน
"หยวนเอ๋อ ลูกทำได้ดีมาก!"
โจว ฉิง ถึงกับปากสั่นเครือ พร้อมกล่าวออกไปด้วยเสียงอันทุ้มต่ำว่า "ราชวงศ์ ต้าอู่ ได้ช่วงชิงชะตามังกรเทวะของเจ้าไป แถมยังทำให้ ตระกูล โจว ของเราตกสู่ห้วงแห่งความสิ้นหวัง ทำให้เจ้าต้องถูกดูหมิ่นดูแคลนเรื่อยมา!"
เมื่อเห็นอารมณ์ที่แปรปรวนของ โจว ฉิง เช่นนี้ ทำให้ในใจของ โจว หยวน พลันบังเกิดความตื้นตันขึ้น เขารู้ดีว่าการที่ตนไม่สามารถเบิกชีพจรได้เช่นนี้ ผู้เป็นพ่อ ย่อมถูกความเจ็บปวดกัดกินหัวใจอยู่ทุกวี่วัน จนฝันแทบสลาย
แม้มันจะเป็นความหวังอันริบหรี่สำหรับ โจว ฉิง แต่กระนั้นเขาก็ยังคงเฝ้ารอความหวังนี้มาโดยตลอด
แรกเริ่ม ราชวงศ์ ต้าโจว เป็นราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ไร้ผู้ใดเทียบเคียง และเขารู้ดีว่าเมื่อวันที่คำทำนายของ ราชวงศ์ ต้าอู่ มาถึง ราชวงศ์ ต้าโจว จะต้องถูกทำลาย
บัดนี้ จุดชีพจรของ โจว หยวน พลันตื่นขึ้น ท่ามกลางความมืดมิดไร้ซึ่งทางออก ก็ได้บังเกิดแสงประกายแห่งความหวังส่องขึ้น
แม้ประกายแสงแห่งความหวังนี้จะริบหรี่ แต่ โจว ฉิน ก็ยังเชื่อว่า จะต้องมีสักวันที่แสงอันริบหรี่นี้จะกลายเป็นพระอาทิตย์เปล่งอัคคีแห่งความเคียดแค้นแผดเผาจน ราชวงศ์ ต้าอู่ มลายสิ้น และในวันนั้น ราชวงศ์ ต้าโจว จะกลับมาผงาดอีกครั้ง!
ในตอนนี้ ราชวงศ์ ต้าอู่ กำลังจะเปิดศึกสงครามกับอีกสองแคว้น จึงทำให้ไม่ว่างมาสนใจ ราชวงศ์ ต้าโจว อย่างพวกเขา ดังนั้นทำให้เวลานี้เป็นช่วงที่ดีที่สุดสำหรับการเติบโตของ โจว หยวน
โจว หยวน สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับอารมณ์ที่พรั่งพลูออกมา เขารู้ดีว่าในตอนนี้ช่องว่างระหว่างตนกับ ราชวงศ์ ต้าอู่ นั้นมีช่องว่างที่ไม่สามารถนำมาวัดได้อยู่ ฉะนั้นเขาจึงดึงสายตากลับออกมาเพื่อมองสิ่งที่อยู่ใกล้ๆแทนไปก่อน
ในตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือ การผ่านการเข้าสอบใหญ่เสียก่อน จากนั้นก็กำจัดวังราชันย์ฉี ที่โลภหวังจะเป็นผู้ปกครองของ แผ่นดินต้าโจว นี้เสีย
ตราบใดที่ โจว หยวน สามารถเบิกจุดชีพจรจุดที่สองได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวอีกต่อไป ซึ่งมาคิดๆดูแล้ว หากเขาสามารถเบิกจุดชีพจรจุดที่สองได้ กระทั่งศิษย์อันดับหนึ่งอย่าง หลินเฟิง เอง เขาก็ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเอาชนะได้ แต่กระนั้นการจะเบิกจุดชีพจรก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายปานนั้น
"ดูเหมือนว่าการสอบครั้งนี้ยังไม่สามารถวางใจได้" โจว หยวน ลอบถอนหายใจ
"หยวนเอ๋อ ในตอนนี้เจ้าสามารถเบิกจุดชีพจรได้หนึ่งจุดแล้ว ฉะนั้นเจ้าก็สามารถที่จะเรียนรู้วรยุทธปราณเพื่อที่จะรีดเร้นศักยภาพของตัวเองออกมาได้ถึงขีดสุดแล้ว" โจว ฉิง ที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว ก็ได้เอ่ยขึ้นออกมา
สิ่งที่เรียกว่าวรยุทธปราณ คือการดึงพลังปราณจากในร่างกายออกมาใช้งานเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ให้แก่ตนเอง ซึ่งบนโลกนี้ ทั้งวรยุทธปราณและศาสตราก่อเกิด จะถูกแบ่งเป็นขั้น สามัญ แก่นแท้ สวรรค์ และ ศักดิ์สิทธิ์ เช่นกัน
เพียงแต่คุณค่าราคาของ วรยุทธปราณ สูงล้ำอย่างมาก ยอดยุทธ์ที่เบิกชีพจรได้ส่วนมาก จะสามารถเลือกฝึกฝนได้เพียงแค่ วรยุทธปราณ ระดับสามัญเท่านั้น
"เมื่อกลับไป ข้าจะส่งคนนำวรยุทธปราณ ของเชื้อราชวงศ์ไปให้เจ้าเพื่อลองฝึกฝนมันดู"
โจว หยวน ได้พยักหน้าอย่างแช่มช้า ตอนนี้ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถเบิกชีพจรได้ แต่ก็กล่าวได้ว่ายามนี้เขามีเพียงแค่พละกำลังทางกายภาพอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งยังไม่สามารถดึงศักยภาพของพลังออกมาได้เต็มที่ ซึ่งเหตุผลก็เป็นเพราะว่าเขายังไม่เคยฝึกฝนวรยุทธปราณ มาก่อนนั่นเอง
ดังนั้น หลังจากนี้เป็นต้นไป ตารางการฝึกฝนของเขาจะมี วรยุทธปราณ เพิ่มขึ้นมา
.............
โจว ฉิง เป็นผู้มีอำนาจสูงล้ำ ดังนั้นไม่นานนักจึงมี วรยุทธปราณ จำนวนหนึ่งถูกส่งมาถึงมือของ โจว หยวน
สายตาของ โจว หยวน ก็ได้กวาดผ่านๆไปยัง วรยุทธปราณ เหล่านั้น ซึ่งในบรรดา วรยุทธปราณ ทั้งหมดนี้ ดูเหมือนว่า ฝ่ามือปราณผสาน และ หมัดแหวกอากาศ เป็นวรยุทธปราณ ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งทั้งสองล้วนอยู่ในชั้นกลาง
โจว หยวน จ้องมองวรยุทธปราณ ทั้งสองด้วยสีหน้าท่าทางอันครุ่นคิด แน่นอนว่าวรยุทธปราณ ทั้งสองย่อมไม่ใช่วิชาที่อยูชั้นสูงจนลึกล้ำแต่ประการใด แต่ก็ย่อมแข็งแกร่งกว่า วรยุทธปราณ ชั้นล่างอย่างเทียบไม่ติด ซึ่งผู้ที่พึ่งจะสามารถเบิกจุดชีพจรได้นั้น ย่อมไม่มีพลังปราณที่มากมายนัก ดังนั้นถึงแม้จะฝึกฝนวิชาที่สูงล้ำเพียงใด ก็ย่อมไม่สามารถใช้ออกมาได้ เนื่องจากพลังปราณที่ไม่เพียงพอ
โจว หยวน กำลังจดจ่ออยู่กับ วรยุทธปราณ ทั้งสองวิชา ทันใดนั้นก็ได้กลิ่นหอมหวนพัดโชยมา ทำให้เขาได้แหงนหน้าขึ้น ได้พบกับ เหยาเหยา ที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งสายตาของนางที่จับจ้องไปยัง คัมภีร์วรยุทธปราณ ทั้งสองที่อยู่ในมือของเขา
"ก็แค่ วรยุทธปราณ สามัญทั่วๆไป" นางได้ประเมินจากสายตาอย่างรวดเร็ว พร้อมถอนสายตาออกโดยไม่แลเหลียว
"มันก็แค่ระดับสามัญชั้นกลางเท่านั้น คิดว่ามันจะสูงล้ำเพียงใดกัน?" โจว หยวน กล่าวพรางยิ้มอย่างขมขื่นขึ้น
"เจ้าต้องการจะฝึกฝน วรยุทธปราณ ?"
โจว หยวนพยักหน้าตอบรับ พร้อมดวงตาที่จับจ้องไปยังคัมภีร์ และกล่าวว่า "ตอนนี้ข้าสามารถเบิกชีพจรจุดแรกได้แล้ว จึงทำให้ในที่สุดก็สามารถดึงพลังปราณออกมาใช้ได้ จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ข้าจะต้องฝึกฝน วรยุทธปราณ เพื่อเพิ่มพลังวัตร"
หากว่าไร้ซึ่งการฝึกฝน วรยุทธปราณ ในยามที่ต่อสู้กับผู้อื่น คงไม่คิดที่จะใช้เพียงพละกำลังล้วนๆเข้าห้ำหั่นกระมั้ง ?
เมื่อ เหยาเหยา ได้ยินเช่นนี้ จึงทำให้นางอดที่จะมองไปยัง โจว หยวน ด้วยสายตาที่ประหลาดใจไม่ได้ "เจ้ามีร่างกายพิเศษเช่นนี้ กลับมาสนใจสิ่งธรรมดาสามัญเช่นนี้รึ ?"
จากนั้น โจว หยวน ก็เงยมองไปยัง เหยาเหยา พร้อมขมวดคิ้วลง และกล่าวว่า "หมายความว่ายังไง?"
ยามนี้ เหยาเหยา ได้เบ้ปากสีแดงที่ราวกับกลีบกุหลาบบางๆ พร้อมกล่าวว่า "โง่เง่า"
โจว หยวน กัดฟันขึ้นจนใบหน้าบิดเบี้ยว และกล่าวออกไปว่า "นี่เป็นสุราชั้นยอดของข้า"
เหยาเหยา เหยียดมือออกไปคว้าด้วยความเกียจคร้านพร้อมกล่าวว่า "เจ้าฝึกเคล็ดวิชาลมหายใจมังกรอยู่ทุกวี่วัน แต่กลับไม่รู้สึกถึงสิ่งใดเลยรึ ?"
โจว หยวน ปรากฏสีหน้าครุ่นคิดอยู่นาน ทันใดนั้นเขาก็ได้ลุกขึ้นพร้อมเดินออกมาจากลานหิน และค่อยๆเริ่มทำการเคลื่อนไหวออกด้วย 98 ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกรในทันที
ในครั้งนี้ โจว หยวน ไม่ได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วมากนัก กล่าวได้ว่าค่อนข้างช้าเลยก็ว่าได้
ซึ่งในครั้งนี้เขาได้ใช้เวลาถึง ครึ่งก้านธูปเลยทีเดียว
ในยามนี้เขาได้ยืนอยู่กับที่ราวกับเพลิดเพลินไปกับการได้ใช้ 98ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกรออก และหลังจากนั้นไม่นาน ม่านตาของเขาพลันหดเล็กลง พร้อมทั้งเผยอาการตกใจจนแทบลืมหายใจออกมา
ต่อมาเขาก็ได้มองไปยัง เหยาเหยา ที่อยู่ตรงลานศิลา และได้เปล่งเสียงอันไม่อยากจะเชื่อออกมา
"นะ..ในเคล็ดวิชากำหนดลมหายใจมังกร มะ..มี วรยุทธ์ปราณซ่อนอยู่?"
ยามนี้แก้มของ เหยาเหยา ที่ละเมียดละไมบนในหน้าผสมปนเปกับรอยยิ้มอันอ่อนหวานได้ปรากฏออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า "แม้ว่าจะโง่เง่าไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับโง่งมสิ้นหวัง"
จากนั้นนางได้ยื่นนิ้วมืออันเรียวขาวราวกับหยกบริสุทธิ์ออกมาสองนิ้ว พร้อมกล่าวว่า "ฟังให้ดี ใน 98ท่วงท่ากำหนดลมหายใจมังกรนั้น มีวรยุทธปราณ อยู่ 2 เคล็ดวิชาด้วยกัน"
…………………………
จบตอน 20