เมื่อเวลาล่วงเลยผ่าน วันแห่งการสอบก็กระชั้นชิดเข้ามา
ในยามนี้เป็นเวลากว่าครึ่งเดือน โจว หยวน ยังไม่ลดละความมุ่งมั่น ทุกวันเอาแต่ฝึกฝน เคล็ดวิชา กำหนดลมหายใจมังกร อย่างต่อเนื่อง พอตกกลางคืน ก็ฝึก 'บัญญัติเจตจำนงเทพ' ขัดเกลาจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์
เมื่อมีเวลาว่างแล้ว เขาก็จะมาขอคำชี้แนะรูปแบบก่อเกิด จาก เหยาเหยา รวมถึง " ย่างก้าวมังกร " และ " กรงเล็บมังกร "
ต้องเผชิญกับความหฤโหดและเข้มข้น ทุกๆวัน โจว หยวน ต้องพบกับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและจิตวิญญาณ แต่มันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดี หลังจากฝึกฝน บัญญัติเจตจำนงเทพ 2 วันต่อมา โจว หยวน ก็กลับมาแข็งแรง กระฉับกระเฉง
ปัจจุบัน โจว หยวน สัมผัสได้ถึงผลลัพธ์ของ บัญญัติเจตจำนงเทพ
ซึ่งการฝึกฝนนั้นยากและหินสุดๆ แต่หลังจากที่เห็นผลลัพธ์ มันก็ทำให้ โจว หยวน ปลาบปลื้มยินดี เพราะก่อนหน้าวันสอบ 2 วัน ในที่สุดก็สามารถทำการเชื่อมต่อ ชีพจรจุดที่ 2 . . . .
. . . . . . .
ณ สวนอุทธยาน
โจว หยวน ก้าวเท้าเคลื่อนไหว ท่วงท่าเป็นกิจจะดุดัน แต่แฝงความรวดเร็ว กระบวนท่าที่สัมผัสกับการเคลื่อนไหวปรากฏซ้อนทับเป็นจำนวนนับ 10 กระบวนท่า
หมัดและฝ่ามือ ผกผันเปลี่ยนแปลง ท่วงท่าที่ซัดซาดออกไปหนักหน่วง จนลมส่งเสียงอู้อี้ เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของมันสุดจะหยั่งถึง
กระบวนท่าเหล่านี้แน่นอนว่าคือ ย่างก้าวมังกร และ กรงเล็บมังกร
เท้าเคลื่อนเสมือนมังกรทะยานบนเมฆหมอก กรงเล็บมังกรจ้วงตะปบสอดผสานสัมพันธ์
ปุ้งงง!!
เมื่อมือของ โจว หยวน ส่องประกายแสง มันก็มุ่งตรงไปยังหินยักษ์ ทันทีที่สัมผัสโดน หินก็พลันแตกกระจาย ก่อนที่ค่อยๆจะพังทลายลง
ฟู่
โจว หยวน หายใจออกขณะที่ฝุ่นสีขาวลอยตลบ ขณะที่จ้องมองก้อนหินที่แหลกสลาย ด้วยแววตาแห่งความพึงพอใจ
" กรงเล็บมังกรมี 3 ขั้น ขั้นแรกคือ ทลายภูผา ขั้นสองคือ ผ่าปฐพี ขั้นสาม แหวกนภา ปัจจุบัน ด้วยความพลังของข้าที่เบิก 2 ชีพจร อย่างมากสามารถดึงพลังในขั้น ทลายภูผา " โจว หยวน กล่าวกับตัวเอง
หลังจากทรมานตัวเองมากว่าครึ่งเดือน เขาก็ได้เข้าใจถึง วิชา กรงเล็บมังกร ว่ามันมี 3 ขอบเขตลำดับ โจว หยวน ที่เบิกได้ 2 ชีพจร แม้จะสามารถฝึกฝนกรงเล็บมังกรได้สำเร็จ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่สามารถทำลายขุนเขา
เพราะไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาที่ปลูกฝังแม้ว่าจะลึกล้ำเพียงใดก็ต้องอาศัยพลังปราณอันแข็งแกร่ง แต่ยามนี้ พลังปราณเขายังน้อยเกินไป
ถ้าหากสามารถเข้าสู่ ขอบเขต บรรลุสวรรค์ พลังปราณถึงแข็งแกร่งคงจะสามารถทลายขุนเขา
แต่กระนั้น โจว หยวน ก็พึงพอใจพลังของกรงเล็บมังกรที่สำแดงออกมา หากมองภาพรวมทั้งหมดกับพลังที่มีอยู่ตอนนี้ ก็นับว่าไม่แข็งแกร่งอย่างไม่สมเหตุสมผล
" การสอบใกล้เข้ามาแล้ว ข้าจะต้องติด 1 ใน 10 ให้ได้ เพื่อเข้าสำนักชั้นหนึ่ง มิเช่นนั้น หากหวังพึ่ง โหย่วเว่ย คนเดียว เกรงว่าคงยากที่จะขัดขวาง ฉี เยว่ " โจว หยวน กล่าวด้วยแววตาจริงจัง วังราชันย์ฉี นั้นต้องการครอบครองแคว้นต้าโจว เพียงแต่ ฉี เยว่ ยังมีกำลังไม่พอ
หากว่าสามารถส่งคนมารั้งตำแหน่งสำคัญๆในสำนักวังต้าโจว เมื่อมันตกอยู่ในมือของ วังราชันย์ฉี เกรงว่าราชา ฉี คงแอบเปลี่ยนมันให้กลายเป็น สำนักวัง ฉี
จากนั้นพวกมันก็คงจะทำการโจมตีราชวงศ์ โจว หยวน จึงไม่คิดจะปล่อยให้พวกมันสมความปรารถนา ดังนั้น ก่อนการสอบสำนักจะมาถึง เขาต้องผ่านการสอบ เพื่อเข้าไปยังสำนักชั้นหนึ่ง
โจว หยวน ที่ตั้งปฏิภาณแน่วแน่ ค่อยๆฉายแววตามุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว แน่นอนเป็นเพราะเขามั่นใจว่าจะผ่านการสอบที่จะเริ่มขึ้นเร็วๆนี้ และสามารถเข้าสู่สำนักชั้นหนึ่ง
. . . . . . .
และแล้วการสอบใหญ่ก็ได้ดำเนินมาถึง บนท้องฟ้าที่มีเมฆขาวปกคลุม บรรยากาศร่มรื่น สำนักวังต้าโจว เต็มไปด้วยความครึกครื่น
บรรดารุ่นเยาว์ที่เข้าสู่สำนักวังต้าโจว บ่มเพาะมาเป็นเวลา 1 ปี จึงจะมีสิทธิ์เข้าสอบ เพื่อเข้าเลือกสำนักที่จะเข้าต่อไป
ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญอย่างการสอบสำนักวังต้าโจว จึงไม่มีใครพลาด
โจว หยวน ได้มาถึงสนามประลอง ที่ที่ใช้ในการจัดสอบในปีนี้ รอบๆเต็มไปด้วยเสียงสนทนาหนุ่มสาวมากมายดังเส็งแส่ ทั่วบริเวณเบียดเสียดแออัด ใบหน้าของแต่ละคนเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นยินดี
ในบรรดาฝูงชนที่แน่นขนัด โจว หยวน ก็ได้พบ ซู โหยวเหว่ย นางดูเปรียบดั่ง จันทรา ที่ถูกดวงดาวมากมายรายล้อม ไม่เพียงแต่งดงาม แต่ยังดูน่าหลงใหล ด้วยพรสวรรค์ที่น่าทึ่งบวกกับความแข็งแกร่ง ทำให้ ซู โหยวเหว่ย เป็นที่ถูกจับตามากที่สุด
โจว หยวน เพียงยิ้มให้เล็กน้อย เขายังคงจำภาพเมื่อครั้งพบ ซู โหยวเหว่ย ในอดีต นางยามนั้นเป็นแค่เด็กสาวตัวเล็กมอมแมม บัดนี้ นางเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นอกจากความงดงามนางยังเป็นสตรีที่อ่อนโยน สร้างความประทับใจให้กับคนจำนวนมาก
การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวนาง เพียงแค่ โจว หยวน เป็นผู้ที่ชี้ทางให้แก่นาง
เหล่าบรรดาผู้คน ต่างก็ยิ้มให้เนื่องจากสามารถ พูดคุยกับ ซู โหยวเหว่ย แต่ทันใดนั้น นางก็หันมาพบ โจว หยวน ขณะที่รอยยิ้มอันงดงามเผยออกมา ทำให้เหล่าบรุษต่างมีแววตาเป็นอริ
แต่ ซู โหยวเหว่ย ก็มิได้สนใจพวกเขา เพียงยิ้มอำลาตามมารยาท ก่อนจะปลีกตัวออกมาจากท่ามกลางฝูงชน พร้อมๆกับรอยยิ้มที่โค้งขึ้นเป็นพระจันทร์ ค่อยๆก้าวตรงเข้าหา โจว หยวน
" เบิก ชีพจรจุดที่ 4 ได้แล้วหรอ ? " โจว หยวน มอง ซู โหยวเหว่ย ขณะที่กล่าวด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากสัมผัสถึงปราณรอบๆตัวนางได้
" เบิกแล้ว ท่านมาสำนักวังต้าโจวเมื่อไหร่ ไม่ยักกะรู้ " แววตา ซู โหยวเหว่ย เบิกกระพริบ ขณะที่กล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นแววตาของนาง โจว หยวน ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ได้แต่ยิ้มเขินๆและเอ่ยว่า " พอดีข้าไปฝึกมา "
" ฝึกด้วยวิธีไหนฝึกอะไร ? ท่านมั่นใจรึเปล่า ? " ดวงตาของ ซู โหยวเหว่ย ค่อนข้างเป็นกังวล นางยังไม่รู้ว่า โจว หยวน นั้นเบิกจุดชีพจรได้แล้ว ดังนั้น จึงคิดว่า โจว หยวน อาจจะพึ่งพารูปแบบก่อเกิด
โจว หยวน พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า " วางใจเุถอะ ข้าต้องติดสิบอันดับแน่ "
เมื่อเห็นรอยยิ้มที่มั่นใจ ซู โหยวเหว่ย ก็คลายความกังวล พร้อมกับผงกหัวเบาๆ
โจว หยวน ที่สนทนากับ ซู โหยวเหว่ย ห่างไปไม่ไกลบนระเบียง มีแววตาอันชั่วร้ายหลายคู่จับจ้องมาที่พวกเขา
" ดูเหมือนองค์ชายของเรา จะกล้ามาร่วมการสอบ " ฉี เยว่ กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่เยาะเย้ย
" คิดว่าใช้รูปแบบก่อเกิดได้นิดหน่อย แล้วจะทำอะไรได้ ? " สตรีสะสวยที่มีนามว่า หลิว ซี กล่าวกับ ฉี เยว่ พร้อมขบริมฝีปากแดงๆ แววตาที่ชิงชังรังเกียจจ้องไปยัง โจว หยวน แทนที่จะบอกว่า โจว หยวน แววตาของนางนั้นเผ่งไปที่ ซู โหยวเหว่ย เผยให้เห็นความอิจฉาริษยา
ภายในสำนักวังต้าโจว เมื่อก่อน หลิว ซี เป็นที่ที่คนรู้จักกันมากที่สุด แต่พอ ซู โหยวเหว่ย ปรากฏตัวขึ้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ซู โหยวเหว่ย กลายเป็นศิษย์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นที่รู้จักกันในนามอัจฉริยะของสำนัก ทำให้นางได้รับความนิยมชมชอบจากคนอื่นๆ
นี่ทำให้ หลิว ซี ชิงชัง ซู โหยวเหว่ย ในความคิดของนางเกียรติและศักดิ์ฐานะของนางนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่าอีกฝ่ายกับได้รับความสนอกสนใจจากคนอื่นๆ นี่ทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดโมโห
หลิน เฟิง ก็ยืนอยู่ใกล้กับ ฉี เยว่ เขามองไปยัง โจว หยวน ที่กำลังพูดคุยกับ ซู โหยวเหว่ย ด้วยแววตาที่เย็นชา
ฉี เยว่ เห็นท่าทางของ หลิน เฟิง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วตบมาบนไหล่ พร้อมกับเอ่ยว่า " ไม่ต้องกังวล การประลอง วันนี้ข้าได้เตรียมคู่มือที่เหมาะสมไว้ให้กับองค์ชายของเราแล้ว "
เขาจ้อง โจว หยวน ด้วยรอยยิ้มบางๆ จากที่ที่ห่างออกไป และกล่าว " ในเมื่อกล้ามา ข้าจะต้องทำให้มันพ่ายแพ้ อับอายขายหน้าจนไม่กล้ากลับมาเหยียบสำนักวังต้าโจวอีก "
ได้ยินคำพูดนี้ หลิน เฟิง และ หลิว ซี ต่างก็หันมามองกันและกัน ขณะที่ส่งเสียงหัวเราะ ราวกับการสอบในวันนี้กำลังจะมีเรื่องน่าสนุกเกิดขึ้น
จบตอน 22