px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่่ 23 แสดงฝีมือรอบแรก



ติ๊งง ติ๊งง


ในลานฝึกที่เหล่ารุ่นเยาว์จำนวนมากมารวมตัวกันนั้น เหนือหัวของเขาพลันเกิดเสียงดังขึ้น เมื่อผู้คนเงยหน้าขึ้นก็พบ หน้าจอที่ อาจารย์ผู้ทดสอบทำไว้เหนือหัวพวกเขา


"การทดสอบนี้จะดำเนินโดยการจับฉลาก ทุกคนเดินไปจับฉลากตามลำดับของตัวเอง และคนที่ได้เลขเหมือนกันก็จะต้องเผชิญหน้ากัน." เสียงของอาจารย์ทดสอบดังขึ้นจากหน้าจอนั้น เสียงนั้นได้ดังไปทั่ลานฝึกฝน


เมื่อสิ้นเสียงของเขา เหล่ารุ่นเยาว์ก็ได้ไปจับฉลากเลขของตนอย่างหนาแน่น


และด้านตะวันตกของเวทีประลอง มันก็คือที่นั่งของเหล่าผู้มีอำนาจในสำนักวังต้าโจว ซึ่งผู้ที่นั่งตรงกลางก็คือ เจ้าสำนักวังต้าโจว ชู เทียนหยาง


และด้านข้างของเขาก็มีชายวัยกลางคนเสื้อมชุดคลุมยาวสีม่วงใบหน้าของเขานั้นผอมแห้ง ดวงตาสองข้างนั้นเย็นชา นั่งพิงเก้าอี้พร้อมถือถ้วยชาเอาไว้


คนผู้นี้ก็คือรองเจ้าสำนักวังต้าโจว สู่ หง และเป็นเจ้าสำนักชั้น 2


"ท่านเจ้าสำนักชู บางทีสำนักชั้น 1 ของท่านนั้นจะมีคนเลือกเข้าเพียง 10 คนเท่านั้น " สู่ หงมองไปยังสนามฝึกพร้อมยิ้มบางๆ


ชู เทียนหยางนั้นไม่ตอบอะไร เขารู้ว่ารุ่นเยาว์ที่โดดเด่นนั้นถูกซื้อตัวไปโดย ฉี เยว่ และหลังจากการทดสอบนี้พวกเขาจะต้องเข้าสำนัก 2 อย่างไม่ต้องสงสัย


"รองเจ้าสำนัก บางทีการโอ้อวดมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี " ชู เทียนหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ต่อหน้าคำถากถาง ของ ชู เทียนหยาง สู่ หงนั้นไม่ได้สนใจอะไร มุมปากของเขาเผยอขึ้นเป็นรอยยิ้มเหยียดหยามเล็กน้อย เพราะ สำนัก 2 ของเขานั้นชนะสำนัก 1 ในการทดสอบสำนักมา 2 ปีซ้อน หากปีนี้เขาชนะอีกครั้งนั้นเขาก็จะได้เป็นเจ้าสำนักวังต้าโจว ตามกฎ


ส่วนเจ้าสำนักอื่นๆที่รายล้อมนั้น เมื่อเห็นทั้ง 2 พูดคุยกันเช่นนี้พวกเขาก็เงียบ เพราะพวกเขานั้นรู้ดีว่าการต่อสู้ระหว่าง ชู เทียนหยาง และ สู่ หง เพื่อตำแหน่งเจ้าสำนักวังต้าโจว นั้นมันก็เหมือนกับเป็นการต่อสู้ระหว่างราชวงศ์ต้าโจว และ วังราชันย์ฉี


ในใจของชู เทียนหยางนั้นสุมไปด้วยโทสะ ความจริงแล้ว สู่ หง นั้นไม่มีอะไรน่าหวาดหวั่น แต่เพราะ ฉี เยว่ได้ซื้อตัวผู้คนนั้นมันทำให้เขามิอาจมองข้ามไปได้


"ในตอนนี้ ข้าหวังพึ่งได้เพียงแค่ ซู โหยวเหว่ยเท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ของนาง หากเข้าสำนักชั้นหนึ่ง ในสิ้นปีก็อาจจะเอาชนะฉี เยว่ได้ "


ชู เทียนหยางทำได้เพียงลอบถอนหายใจ และเขาก็เริ่มกวาดสายตามองไปยัง โจว หยวนด้วยความกังวล แม้เขาจะรู้ว่าโจว หยวน เบิกชีพจรจุดแรกได้แล้ว แต่มันก็พึ่งจะเดือนเดียวเท่านั้น และแม้ พรสวรรค์ของโจว หยวนจะไม่ได้ด้อยกว่า ซู โหยวเหว่ยแต่อย่างมากก็คงเบิกได้จุดเดียว


ด้วยพลังของเขานั้นไม่ต้องพูดถึงสิบอันดับแรก


บางทีแค่พวกรากหญ้าเขาก็มิอาจสู้ได้


แต่โจว หยวนนั้นเป็นถึงองค์ชาย ด้วยสถานะของเขานั้น หากแพ้น่าเกลียดเกินไป มันก็จะกระทบต่อชื่อเสียงของ ราชวงศ์ต้าโจว


"หวังว่าพระองค์จะชนะได้สักสอง สามรอบ " ชู เทียนหยางส่ายหน้า กล่าวกับตนเองในใจ


ใน สนามประลอง ณ เวลานี้ โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ย ก็ได้ถึงหมายเลขของตนออกมา หมายเลขของโจว หยวนคือ 18 และ ซู โหยวเหว่ย คือ 47


"โชคดีที่พวกเราไม่ได้จับได้เลขเดียวกัน "โจว หยวน กล่าวด้วยรอยยิ้ม


ซู โหยวเหว่ยหัวเราะพร้อมกล่าวจริงจังว่า: "หากท่านต้องมาเจอข้า ข้าจะไม่ปราณีท่านแน่นอน "


โจว หยวนตอบกลับไปด้วยการมองเท่านั้น


ในระหว่างที่พวกเขาพูดคุยกันนั้น บนเวที ก็พลันมีเสียงคนผู้หนึ่งกล่าวดังขึ้นทันที


"หมายเลข 1 ฉิน หยา ปะทะ หลิว อิง "


"หมายเลข 2 เฉิง อวี้ ปะทะ จ้าว ฉิงซาน!"


"......"


เมื่อร่างของผู้ถูกเรียกขึ้นสู่เวที เหล่าหนุ่มสาวที่รายล้อมก็พลันส่งเสียงเรียกดังขึ้น


โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ยนั้นไม่ได้เข้าไปชิดขอบเวทีแบบคนอื่นๆ เพียงมองดูจากที่ไกลๆเท่านั้น


และ ในเวลาไม่นาน ผลการต่อสู้ก็ได้ปรากฏขึ้น ดังนั้นผู้ที่ได้รับชัยชนะก็จะได้รับเสียงแสดงความยินดี อย่างมาก ส่วนผู้แพ้ก็ทำได้เพียงก้มหน้าผิดหวัง


อย่างไรก็ตาม การทดสอบก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อโดยไม่หยุดในไม่ช้า ก็ได้มาถึงตาของโจว หยวน


"หมายเลข 18 โจว หยวน ปะทะ เพ่ย หยุน "


เมื่อคำพูดนั้นถูกกล่าวออกไป เหล่าหนุ่มสาวก็ตกใจมาก เพราะพวกเขานั้นรู้จักทั้ง 2 ฝ่ายดี ฝ่ายหนึ่งนั้น คือองค์ชายจากราชวงศ์ต้าโจว

 

และอีกฝ่ายก็ทำให้พวกเขาต้องประหลาดใจเช่นกัน เพราะคู่ต่อสู้ของ โจว หยวน ก็คือ เพ่ย หยุน


คนผู้นี้เป็นเด็กใหม่ และก็เป็นที่รู้กันว่า เขานั้นได้เบิก ชีพจร 3 จุด แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นบุคคลที่โดดเด่น ในบรรดาผู้เบิก 3 ชีพจร


"นี่คู่ต่อสู้คนแรกขององค์ชาย โจว หยวน เป็นเพ่ย หยุน รึ "


"ช่างโชคร้ายจริงๆ เพ่ย หยุนนั้นเป็นคนที่โดดเด่นมากในเหล่าคน เบิก 3 ชีพจร "


"องค์ชาย โจว หยวน แม้ว่าจะมีรูปแบบก่อเกิดแต่หากต้องพบกับ ผู้เบิก 3 ชีพจรเกรงว่าคงสู้ได้ยาก "


"นี่เขาจะต้องพ่ายแพ้ตั้งแต่รอบแรกจริงๆหรือ "


"......"


ผู้คนต่างพูดคุยซุบซิบกันต่างๆนานา ดังออกมาจากรอบๆสนามฝึก ชื่อเสียงของ โจว หยวนในสำนักวังต้าโจว นั้นดีเยี่ยม ดังนั้นผู้คนจึงรู้สึกเห็นใจเขามาก


"เป็น เพ่ย หยุนหรือ " ใบหน้าของ ซู โหยวเหว่ยพลันปรากฏความตกใจขึ้น นาม เพ่ย หยุน นางเองก็รู้จัก ซ้ำยังรู้ว่าเขานั้นแข็งแกร่ง


โจว หยวน หรี่ตาแคบลงเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมอง ฉี เยว่ ที่จ้องมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม ในใจของเขาพลันสั่นเล็กน้อย แล้วกล่าวกับตัวเองว่า "รอบแรกนี้มันบังเอิญ เกินไปรึเปล่า "


เขาถอนสายตาออกมา บางทีนี่อาจจะเป็น ฝีมือของ ฉี เยว่ เห็นได้ชัดว่า วังราชันย์ฉี นั้นพุ่งเป้าไปที่ สำนักวังต้าโจว จริงๆ


"มันต้องการสร้างปัญหาให้กับข้า โดยไม่ลังเลที่จะใช้คนของวังราชันย์ฉีเชียวรึ "


โจว หยวนคิดในใจตอนนั้นก็มองไปยัง ซู โหยวเหว่ยที่เป็นกังวลพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า "วางใจ ได้ 3 ชีพจร หากจะขวางข้า เกรงว่านั้นยังไม่พอ "


"ขอตัวก่อน "


โจว หยวนนั้น โบกมือให้กับ ซู โหยวเหว่ยแล้วก้าวขึ้นเวทีประลองทันที


เห็นเช่นนั้น ฉี เยว่ก็อดที่จะยิ้มแล้วกล่าวกับ หลิน เฟิง และ หลิว ซี ไม่ได้: "การแสดงจะเริ่มแล้ว หวังว่าองค์ชายของพวกเราจะทำให้เราได้ประสบการณ์ดีดี "


หลิน เฟิง และ หลิว ซี ได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปยัง เวทีประลองด้วยรอยยิ้ม


และด้านตะวันตกของเวทีนั้น ชู เทียนหยางเองก็รู้สึกเหมือนกัน เขาทำได้เพียงขมวดคิ้วและถอนหายใจออกมาเบาๆ คู่ต่อสู้ของโจว หยวนคนแรกนั้นเกรงว่ายากที่จะชนะ


ท่ามกลางสายตาที่เห็นอกเห็นใจ โจว หยวน เพียงมองเวทีประลองด้วยสายตาสงบเยือกเย็น ตรงหน้าของเขาคือชายหนุ่มชุดสีฟ้าคราม ซึ่งมองมาที่เขาด้วยสายตาดูแคลน


"ไม่คิดเลยว่าคนแรกจะเป็นพระองค์ หากลงมือหนักไป หวังว่าองค์ชายจะไม่ถือสา " เพ่ย หยุน กล่าวด้วยรอยยิ้มแปลกๆ


"เป็นฝีมือของฉี เยว่สินะ " โจว หยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงต่างออกไป


เพ่ย หยุนเห็นเช่นนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: "ข้าไม่รู้ว่า องค์ชายกำลังกล่าวอันใด "


โจว หยวน เห็นเช่นนั้นก็สะบัดแขนแล้วกล่าวว่า: "บุคคลที่ถูกผู้อื่นชักจูงจมูก บางทีอาจจะไม่จุดจบที่ไม่ดีนัก "


เพ่ย หยุนเห็นเช่นนั้นก็เกิดโทสะ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: "องค์ชายข้าจะจัดการท่านเอง วันนี้หากท่านไม่ขายหน้า ก็ไม่รู้จะว่ายังไง "


ในตอนนั้นกรรมการก็ได้พูดขึ้นทันที: "เริ่ม "


เมื่อสิ้นเสียงของกรรมการ เพ่ย หยุนก็ดีดตัวเองออกอย่างรวดเร็ว นิ้วมือทั้ง 5 พลันกำรวบ เป็นหมัดชกใส่โจว หยวน


หมัดนี้ไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อย ชัดเจนว่ามันได้ใส่พลังทั้งหมดของ คนเบิก 3 ชีพจรเข้าไป อีกทั้งยังอัดพลังปราณเข้าไปในหมัดนั้นอีกด้วย ด้วยพลังของหมัดที่ซัดผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงลมฉีกกระชาก


หมัดนี้รุนแรงและน่าหวาดหวั่น แม้เป็นคนเบิก 3 ชีพจร ก็คงมิต้านรับหมัดนี้ได้


เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้คนที่รายล้อมต่างส่ายหน้า บางทีด้วยหมัดนี้ โจว หยวนอาจจะพ่ายแพ้ก็เป็นได้


ท่ามกลางสายตาของผู้คนและหมัดที่ตรงเข้าหา โจว หยวน เพียงยืนมองไปยัง เพ่ย หยุน ด้วยสายตาแข็งกร้าวต่อจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปหวัง รับหมัดนั้น


"รนหาที่ตายแท้ๆ! " เพ่ย หยุน กล่าวขึ้นด้วยความเดือดดาล เมื่อเห็นโจว หยวน ไม่มีท่าทีหวาดกลัวต่อหมัดของเขา เพราะด้วยพลังของหมัดนี้มันทำลายได้แม้กระทั่งหิน แต่นี่เป็นเพียงแค่มือของคน มันจะแข็งกว่าหินนได้เช่นไร ทำเช่นนี้มีแต่ต้องแขนหัก


ปั้งงงง


แววตาอันแข็งกร้าว ของ เพ่ย หยุน ฉายออกมา ด้วยหมัดนี้มันจะต้องขยี้ฝ่ามือของ โจว หยุน จนแหลกละเอียด เมื่อคิดเช่นนั้นเขาก็พลันยิ้มออกมา


อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มนั้นปรากฏได้เพียงไม่นาน มันก็หุบลง


เพราะเขาเห็นว่า มือของโจว หยวน ยังอยู่ดี แต่ทว่าพลังหมัดของเขามันหายไปราวกับถูกดูดกลืนโดยหลุมดำ ไม่หลงเหลือพลังทำลายใดๆ


"เป็นไปได้อย่างไรกัน ?! " เพ่ย หยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ในตอนนั้นท่าทางของเขานั้นก็พลันเปลี่ยนไป พร้อมกับเริ่มตระหนักว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี


โจว หยวนเห็นท่าทางของเพ่ย หยุน ก็พลันแสยะยิ้มแม้เขาจะเชื่อมต่อชีพจรเพียง 2 จุด แต่พละกำลังกายภาพที่เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้เป็นคนที่เบิก 3 ชีพจร ก็มิอาจเทียบเคียงเขาได้


โจว หยุน กำหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ราวกับกรงเล็บอินทรีจิกตะปบ ก่อนที่จะถ่ายพลังลงไป จน หมัดของเพ่ย หยุน แทบจะหักสะบั้น


"เบิก 3 ชีพจร ?!"


เพ่ย หยุนตกใจมาก ในตอนนั้นเขากัดฟันแน่นพร้อมกล่าวออกมาด้วยเสียงเบาๆ


ชีพจร ทั้ง 3 ในร่างของเขาพลันสั่นเล็กน้อย ต่อมามันก็เริ่มดูดปราณฟ้าดินเข้าไป เพื่อเสริมพลังให้กับร่างกาย


แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งตัว โจว หยวน ก็ลงมือทันที เขานั้นเหวี่ยงขาออกไปพร้อมกับถ่ายพลังปราณเข้าไปที่ขา ท้ายที่สุดมันก็เข้าปะทะกับอกของ เพ่ย หยุน ดัง ปุ้กกกกก


"ปลิวไปซะ! "


โคร่มมม


ท่ามกลางน้ำเสียงอันนุ่มลึก เพ่ย หยุน ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่อัดกระแทกเข้าหา แม้เขาจะเคลื่อนชีพจรทั้ง 3 ให้ดูดกลืนพลังปราณแต่ก็มิอาจต้านทานการโจมตีเอาไว้ได้


ทำให้ร่างปลิวกระเด็นตกจากเวทีประลอง ไปกระแทกกับพื้น นอนจมกองเลือดทันที


ผู้คนที่รายล้อมสนามประลองเห็นเช่นนั้นก็เงียบกริบขณะที่มองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึง


การต่อสู้ระหว่าง โจว หยวน และ เพ่ย หยุน ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นเพียง เพ่ย หยุน โจมตี โจว หยวน แต่ยังไม่ทันประสบผล เพ่ย หยุน ก็ถูกเตะปลิวตกเวทีด้วยสภาพที่น่าเอนจอนาถ


แรงเตะของโจว หยวน มีพลังน่าหวาดกลัวถึงเพียงนั้นเชียวหรือ


ผู้คนรอบๆเวที ต่างมองโจว หยวน เป็นจุดเดียว เพราะพวกเขาเห็นอย่างชัดเจนว่าในครั้งนี้ โจว หยวน ไม่ได้ใช้รูปแบบก่อเกิด


ดังนั้น การเตะในครั้งนั้น จะต้องเป็นพลังกายของ โจว หยวน ล้วนๆ


ด้วยพลังกายนี้ แม้กระทั้งผู้เบิก 3 ชีพจรได้ ก็เทียบไม่ติดงั้นหรอ


นี่คือ องค์ชายขยะที่ถูกกล่าวขานว่า ไม่สามารถเบิกชีพจรได้ เหตุใดถึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้


มืออันขาวบริสุทธิ์ทั้ง 2 ข้าง ของ ซู โหยวเหว่ยพลันยกขึ้นมากุมปากเอาไว้ ใบหน้าที่งดงามยามนั้นปรากฏความเหลือเชื่อ เดิมนางไม่เข้าใจว่าทำไม โจว หยวน ถึงได้ดูมั่นใจนัก มาบัดนี้นางได้รู้แล้วว่า โจว หยวน ได้ปกปิดแอบซ่อนพลังเอาไว้


บนระเบียงสูงขึ้นไป คนที่คอยเฝ้าจับตารอชมการแสดงอันน่าสนุกอย่าง ฉี เยว่, หลิน เฟิง และ หลิว ซี ต่างพลันหน้าซีด


เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้มาก


จบตอน 23

 

รีวิวผู้อ่าน