" เป็นไปได้ยังไง ?! "
ใบหน้าของ หลิน เฟิง และ หลิว ซี ถึงกับถอดสี พวกนั้นจ้องไปยังทิศทางสนามประลองด้วยความตกใจ พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า " ผู้เบิก 3 ชีพจร อย่างเพ่ย หยุน ไม่นึกว่าจะถูกเตะทีเดียวปลิวเช่นนั้น! "
ใบหน้า ฉี เยว่ ถึงกับสั่นระริก พยายามเก็บซ่อนอารมณ์กล่าวขึ้นว่า " ดูเหมือนว่าพลังเตะขององค์ชายโจว หยวน ก่อนหน้าจะใช้พลังปราณ นั้นหมายความว่า ชีพจรเขาเบิกแล้ว! "
ดวงตา หลิน เฟิง และ หลิว ซี พลันหดลง โจว หยวน ยังไม่พบแปดชีพจร แล้วปัจจุบันเขาจะเบิกชีพจรได้ยังไง ?
เช่นนั้นก็นับว่า โจว หยวน ปิดบังได้แนบเนียน!
ฉี เยว่ สูดลมหายใจเข้าก่อนจะเอ่ยขึ้น " เขาน่าจะพึ่งเบิกได้ไม่นาน ชีพจรที่เบิกจึงยังไม่มาก แต่เหตุที่ เพ่ย หยุน เสียท้าถูกจัดการจนหมดสภาพแบบนั้น เป็นเพราะยังไม่ได้ใช้ วรยุทธปราณ อีกฝ่ายถึงรีบจัดการเขา "
" หากมีเวลาเตรียมตัว โจว หยวน คงไม่มีทางเอาชนะได้ "
เมื่อได้ฟังคำวิเคราะห์นั้น หลิน เฟิง และ หลิว ซี ก็เริ่มสงบใจลง พยักหน้าเห็นด้วย โจว หยวน นั้นจงใจปิดซ่อนความสามารถที่ต่ำต้อย จึงได้ใช้กลยุทธจู่โจมสายฟ้าแล๊บเอาชนะ
" แยบยลจริงๆ " หลิว ซี แสยะปากขณะพูดอีกว่า " วิธีนี้ใช้ได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น ดูสิต่อมันเขาจะทำยังไง! "
หลิน เฟิง ค่อยๆพยักหน้า เดิมเขาวางแผน จะได้เห็น โจว หยวน พบกับความอับอายขายหน้า ท่ามกลางสายตาของ ซู โหยวเหว่ย แต่คาดไม่ถึงว่า โจว หยวน จะมาพร้อมกับไพ่ในมือ มันจึงทำให้เขาโกรธแค้น
ฉี เย่ว เอาแต่จับจ้อง โจว หยวน ที่อยู่บนสนามประลอง ด้วยแววตาระยิบระยับเหมือนมีแผน แต่ก็ไม่รู้ว่ามันกำลังคิดสิ่งใดอยู่
เวลาเดียวกัน บนระเบียงที่ตั้งอยู่หน้าลานประลอง สีหน้าของ ชู เทียนหยาง ดูตกใจและประหลาดใจยิ่ง " องค์ชาย โจว หยวน เกร่งถึงเพียงนี้เชียว ?! "
เขานั้นรู้ว่า เดือนที่ผ่านมา โจว หยวน นั้นสามารถทำการบ่มเพาะชีพจร แต่ไฉนความรุนแรงของพลังเตะ ถึงสามารถจัดการผู้ที่เบิก 3 ชีพจร
ต่อให้เขาขบคิดอีกครึ่งวันก็ไม่ได้คำตอบ จึงได้แต่ลอบส่ายหัว แต่ภายในใจกับโล่ง ดูเหมือนว่าที่ โจว หยวน เข้าร่วมการสอบในครั้งนี้ เพราะได้พลังมา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ไฉนเดือนก่อน เขาถึงได้กล่าว ว่าจะเข้าสำนักชั้นหนึ่งด้วยพลังตัวเอง เนื่องจากเขามีทักษะเหล่านี้
ข้างๆ ชู เทียนหยาง สู่ หง ก็มอง โจว หยวน พร้อมกับขมวดคิ้ว โดยมิกล่าววาจาใดๆ ความสามารถที่ โจว หยวน แสดงก่อนหน้า อาจจะน่าแปลกใจอยู่บ้าง แต่การที่จะติดสิบอันดับต้นๆมันเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น เขาจึงไม่ค่อยกังวลนัก
ท่ามกลางทุกสายตาที่มองมายัง โจว หยวน ไม่ช้า กรรมการก็ได้ประกาศคำตัดสิน จากนั้นเขาจึงโดดลงจากสนามประลองฝ่าฝูงชน ก่อนที่จะมองพร้อมก้าวไปยัง ซู โหยวเหว่ย
" ท่านปกปิดได้เนียนจริงๆ " ซู โหยวเหว่ย มอง โจว หยวน พร้อมกับเปิดปากเล็กๆขึ้น เนื่องจากนางไม่รู้มาก่อนว่า โจว หยวน เบิกชีพจร แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ถึงปล่อยให้นางวิตกกังวล
โจว หยวน จึงอธิบายอย่างรีบร้อนว่า " ข้าไม่ได้มีเจตนา แค่ยังไม่มีโอกาสเหมาะๆ "
ซู โหยวเหว่ย ส่งเสียงหึหะ ก่อนจะพูดว่า " บอกความจริงมา ว่าท่านเบิกชีพจรกี่จุด ? "
" 2 ชีพจร " โจว หยวน ตอบด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ได้ปิดบัง
ซู โหยวเหว่ย ขมวดคิ้วลงมองโจว หยวน ด้วยความสงสัย และถามออกไปว่า " พลังเตะเมื่อครู่ของท่าน ไม่น่าจะใช่พลังของ ผู้ที่เบิก 2 ชีพจรจะทำได้ "
แรงเตะที่สามารถส่ง เพ่ย หยุน ลอยออกจากสนามได้ มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่พลังของ 2 ชีพจรจะสามารถทำได้
โจว หยวน ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หุบยิ้ม จริงๆด้วยพลังของ 2 ชีพจรของเขา มันแทบจะเทียบกับผู้ที่สามารถเบิก 4 ชีพจรได้ ดังนั้นการจะจัดการกับ เพ่ย หยุน ย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น แต่มันก็มีเหตุผลที่เขาไม่สามารถบอกออกไปได้ตรงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะตามมา
ซู โหยวเหว่ย ก็ไม่ได้คิดจะคาดคั้นเอาความ ได้แต่กล่าวด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข " ท่านที่เบิก 2 ชีพจร บวกกับความสามารถด้านรูปแบบก่อเกิด บางทีอาจจะมีโอกาสติดสิบอันดับต้น "
โจว หยวน พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ช่วงเวลาที่พวกเขาสนทนา การสอบบนลานประลองยังคงดำเนินต่อไป เคล็ดวิชาของแต่ละคนถูกงัดออกมาใช้ปะทะกันอย่างดุเดือด ลูกศิษย์ลูกหามากมายต่างส่งเสียงตะโกน
ต่อมาในไม่ช้า ก็ถึงคราวของ ซู โหยวเหว่ย
ซู โหยวเหว่ย นั้นประลองกับศิษย์ใหม่ที่เบิกได้ 2 ชีพจร ทันทีที่อีกฝ่ายเห็นว่านางเป็นคู่ต่อสู้ สีหน้าก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างหนัก เนื่องจากฝีมือต่างชั้นเกินไป
ดังนั้น การต่อสู้ที่ผู้คนจดจ่อยังไม่ทันได้เริ่ม อีกฝ่ายก็ขอยอมแพ้ซู โหยวเหว่ย ก่อนที่จะกระโดดลงจากลานประลอง
การประลองถัดมาอีกหลายรอบ ในที่สุดก็วนมาถึง โจว หยวน
" โจว หยวน กับ ซือ ยู่ว "
เวลานั้นเสียงสนทนาก็ดังขึ้นรอบๆลานประลอง ขณะที่สายตาเหมือนกำลังขบคิด ที่ผ่านมาการต่อสู้มันจบรวดเร็วเกินไป หลายๆคนจึงยังไม่เข้าใจว่า โจว หยวน เอาชนะมาได้ยังไง ฉะนั้น พวกเขาที่สงสัยจึงเฝ้าจับจ้องที่การต่อสู้นี้
ท่ามกลางสายตามากมายหลายคู่ โจว หยวน ก็ก้าวขึ้นสู่ลานประลอง ฝ่ายตรงข้ามที่มีนามว่า ซือ ยู่ว มีรูปร่างสูง กำยำ เวลานั้นเขาจ้องมองมาที่ โจว หยวน อย่างเอาจริงเอาจัง เนื่องจากได้เห็นบทเรียนที่คนก่อนหน้าได้รับ
„เริ่มได้ ! "
เมื่อกรรมการส่งเสียงขึ้น ซือ ยู่ว ก็ทำการเคลื่อนไหวพร้อมกับส่งเสียง " เบิกสามชีพจร! "
ช่วงที่ ซือ ยู่ว ส่งเสียง ปราณฟ้าดินก็ไหลเข้าสู่ร่างกาย จนชุดที่สวมใส่สะบัดพัดปลิว แม้มองด้วยตาเปล่าก็สามารถเห็นแสงที่ไหลเวียนรอบๆร่างกาย
ให้สัมผัสพลังปราณที่รุนแรงส่งออกมาจากภายในร่าง พริบตานั้น ซือ ยู่ว ได้เตรียมเข้าประชิดหา โจว หยวน ตรงๆ โดยดีดเท้า พุ่งออกไปด้วยพลังทำลายล้าง
เมื่อร่างเขาปรากฏตรงหน้า โจว หยวน นิ้วมือทั้ง 5 ที่งอ เสมือนกรงเล็บอินทรี ก็มีกระแสพลังปราณห่อหุ้มเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังแสนจะรวดเร็วและรุนแรงพอที่จะทลายหินผา
การโจมตีที่รวดเร็วและรุนแรงนั้น มุ่งเป้ามาที่ลำคอของ โจว หยวน ก่อนการโจมตีจะสัมผัสถึง โจว หยวน ก็ขยับเท้าก้าวเฉียง ทำให้ร่างกายเป็นเงาเกิดภาพเลือนลาง
ทำให้มืออันเสมือนกรงเล็บที่ส่องประกายแสงจากพลังปราณ ของ ซือ ยู่ว ที่โจมตี ต้องจั่วกับอากาศธาตุอย่างคาดไม่ถึง
" แย่แล้ว! " นั้นคือเสียงที่หัวใจ ซือ ยู่ว ร้องบอก
อีกฝ่ายไม่คิดจะป้องกันกรงเล็บเขา แต่กลายเป็นเงาหลบ ต่อมา โจว หยวน ก็เข้าประชิดเขาอย่างรวดเร็ว เวลาเดียวกัน ก็มีฝ่ามือทะลวงผ่านการป้องกันของ ซือ ยู่ว ประทับลงบนอก แม้ฝ่ามือนั้นจะดูเรียบง่าย แต่กลับแฝงพลังทำลายที่คาดไม่ถึง
ปั้งงงง!
สิ่งเดียวที่ ซือ ยู่ว มีเวลาหลงเหลือพอจะให้ทำคือการใช้พลังปราณป้องกันบริเวณหน้าอก กระนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงอัดกระแทกที่ซัดมาบริเวณหน้าอก
ร่างของ ซือ ยู่ว กระเด็นออกไปอย่างแรง ก่อนที่จะล่วงบนลานประลอง
เขาที่ได้รับบาดเจ็บพยายามจะลุกขึ้น เพื่อจะหลีกเลี่ยงการโจมตีซ้ำของ โจว หยวน แต่ชั่วพริบตานั้นร่างกายเขาก็หยุดชะงัก แววตาเหลือบไปมองเงาที่เข้ามาประชิด เบื้องหลังสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาล
ราวกับว่าไม่ต้องการให้เขาเคลื่อนไหว ซ้ำยังรู้สึกได้ว่ามีฝ่ามือคว้ากุมศีรษะของเขาเอาไว้ มันเป็นฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณอันกล้าแกร่ง ทำให้ร่างกายของเขาแข็งทื่อเป็นหิน ไม่กล้าขยับเขยื่อน
เพราะพลังที่น่ากลัวนั้นมันอาจบดขยี้ศีรษะเขาให้แหลกละเอียด
" ข้าขอยอมแพ้! " ซือ ยู่ว ยามนี้ร่างกายอาบโชลมไปด้วยเหงื่อ รีบเอ่ยยอมแพ้เสียงดังอย่างไม่ลังเล
เมื่อเขาเอ่ยปากยอมแพ้ โจว หยวน ก็นำมือที่คว้าศีรษะอีกฝ่ายออก ต่อจากนั้นก็กวาดสายตาไปรอบๆลานประลอง ที่เงียบสนิท
ทุกคนที่อ้าปากค้างตาจับจ้อง ล้วนได้ข้อสรุป
"ยอดเยี่ยมนัก! "
ความสงบอยู่เพียงไม่นาน ก็มีเสียงตะโกนดังสนั่น นั้นเป็นเพราะ ความวิธีการกลยุทธของโจว หยวน มันรวดเร็จดุจปีศาจ ทำให้ทุกคนต่างพากันตกใจ
นี่หรือคือ องค์ชายที่ไม่สามารถเบิกชีพจรได้
ระเบียงที่ห่างจากลานประลองไปไม่ไกล ฉี เยว่ หลิว ซี หลิน เฟิง ทั้งสามต่างพากันเงียบ สีหน้า ซีดขาวราวกับเมฆาที่เคลื่อนคล้อย
" เร็วมาก เร็วมากจริงๆ " หลิน เฟิง ค่อยอ้าปากพูด ด้วยความตะลึง ที่ซ้อนทับลงบนใบหน้าสง่างาม
เนื่องจากอยู่ข้างนอก พวกเขาย่อมสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าคนที่ชื่อ ซือ ยู่ว พ่ายแพ้อย่างหมดท่า ภายใต้ความรวดเร็วของ โจว หยวน ต่อให้ไม่คำนึงถึงความเร็วที่ใช้ในการหลบ โจว หยวน เพียงขยับเท้าก็ไปโผล่ด้านหลังของอีกฝ่าย
หลิว ซี กัดฟันเบาๆด้วยความโกรธ ด่าทอ ซือ ยู่ว " ขยะไม่ได้เรื่อง! "
ฉี เยว่ ไม่มีทางทีใดๆแสดงออก แต่ฝ่ามือเขาค่อยๆลูบราวระเบียง กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา " ร่างกายเขาแข็งแกร่งมาก มันสามารถเทียบได้กับร่างกายของผู้เบิก 4 ชีพจร "
จากนั้นเขาก็มอง หลิน เฟิง ที่มีสีหน้าเย็นชา " คนที่เบิกได้ 3 ชีพจรย่อมไม่ใช่คู่มือเขา ดูท่าคงจะขึ้นอยู่กับท่านแล้ว "
แววตาของ หลิน เฟิง ยังคงเย็นชา จากนั้นก็พยักหน้าเอ่ยกลับไป " วางใจเถอะ มันไม่สามารถผ่านการสอบนี้ไปได้แน่ ข้าจะให้มันรับรู้ถึงพลังของผู้เบิก 4 ชีพจร "
บนระเบียง ชู เทียนหยาง ที่คอยจับตาตอนนี้พึมพำด้วยสีหน้าตกใจ " ร่างกายเขาเทียบได้กับผู้เบิก 4 ชีพจร แต่พลังปราณที่ผันผวน กลับไม่แข็งแกร่งเท่ากับเบิก 4 ชีพจร น่าแปลก . . . "
โจว หยวน ได้กระโดดลงจากสนามประลอง พลันเห็นแววตาของคนที่อยู่รอบๆปรากฏความกลัว ซึ่งมันไม่ได้มาจากสถานะ แต่เป็นเพราะพลังของเขา
โลกนี้พลังคือสิ่งสำคัญ หากไม่สามารถเบิกชีพจรบ่มเพาะ แม้ โจว หยวน มีศักดิ์ฐานะเป็นองค์ชาย แต่คนเห็นอื่นๆก็มักจะพากันมองเขาด้วยความสงสารเห็นใจ
โจว หยวน ไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว เขาตอนนี้ได้เดินบนเส้นทางที่ยิ่งใหญ่ สามารถบ่มเพาะพลังปราณ
เวลานี้ โจว หยวน จึงไม่เห็นแววตาที่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกต่อไป
" ร้ายกาจจริงๆ " ซู โหยวเหว่ย กล่าวพรางมอง โจว หยวน ที่กำลังเดินมาด้วยสีหน้าท่าทางองอาจด้วยความประหลาดใจ กระทั่งนางที่เบิก 4 ชีพจร เมื่อได้เห็นความเร็วและความร้ายกาจของ โจว หยวน นางก็ไม่กล้าสบประมาทหรือดูถูก
โจว หยวน เพียงแค่ยิ้มจากนั้นก็แบนศีรษะหันไปมองยังระเบียงที่อยู่ไม่ไกล ที่มีฉี เยว่และคนอื่นๆ ทันทีที่สบตากับพวกมัน บรรยากาศอันเย็นยะเยือกก็ก่อตัวขึ้น
ฉี เยว่ มองมาที่ โจว หยวน ด้วยแววตาเย็นชา พร้อมแสดงรอยยิ้มเผยให้เห็นฟัน ก่อนที่จะยื่นฝ่ามือออกไปกวักเรียก โจว หยวน เป็นการท้าทาย
โจว หยวน ที่เห็นการยั่วยุของ ฉี เยว่ เพียงยิ้มแล้ว กล่าวกับตัวเองเบาๆว่า
" อยากจะรู้จริงๆ ว่าการสอบสำนักสิ้นปี ข้าจะฆ่าเจ้ายังไง . . . "
จบตอน 24