ในลานประลองตอนนี้ กำลังเดือดพล่าน เพราะการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนทำให้หนุ่มสาวต่างรู้สึกเลือดในกายมันเดือดพล่านดั่งไฟแผดเผา
เมื่อเวลาผ่านไป เหล่าคนรุ่นเยาว์ก็เริ่มถูกคัดออกไปเรื่อยๆ และเหล่ารุ่นเยาว์ที่เหลือนั้นก็มีฝีมือที่ล้วนแต่หาตัวจับยาก จึงทำให้การต่อสู้นั้นน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งขึ้น
และด้วยตอนนั้น โจว หยวนก็ได้ผ่านทั้ง 2 รอบโดยไม่มีปัญหาใดๆ กระทั่ง ทั้ง 2 จะเป็นถึงผู้เบิก 3 ชีพจร ก็พ่ายแพ้ให้กับเขา
ดังนั้นอันดับของเขาในตอนนี้จึงรั้งอยู่ที่อันดับ 10
ด้านหน้าของเขานั้นคือลานประลอง โจว หยวนมองไปยังเวทีประลอง ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณที่ไหลพล่านตามกระแสอากาศผ่านออกมาจากร่างกายของทั้ง 2 ทุกครั้งที่ปะทะกันนั้น ก่อให้เกิดเสียงดังและหนักแน่น
บนเวทีในตอนนั้น เป็น ซู โหยวเหว่ย ที่เบิก 4 ชีพจร
แน่นอนหากนางชนะในครั้งนี้จะก้าวสู่สิบอันดับต้น และจะมีคุณสมบัติที่จะเลือกเข้าร่วมกับ สำนักชั้น 1 ได้
ร่างเรียวอันชดช้อยของ ซู โหยวเหว่ย เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วดุจเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม และทางคู่ต่อสู้ของ ซู โหยวเหว่ย นั้นก็นับเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง ยามนั้นเขากำลังรุกโจมตีนางอย่างต่อเนื่องราวกับเป็นวานรคลุ้มคลั่ง
เมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ ซู โหยวเหว่ย ก็ไม่ได้ตอบโต้ห่ำหั่น นางเพียงอาศัยการหลบ การโจมตีของฝ่ายตรงข้าม
เวลาผ่านไป ชายหนุ่มที่โจมตีอย่างต่อเนื่องก็พลันเหนื่อยล้า นัยน์ตาของ ซู โหยวเหว่ย ก็พลันส่องประกาย เคลื่อนร่างอันชดช้อยเข้าประชิดอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม นัยน์ตาของชายหนุ่มก็พลันเบิกกว้าง ด้วยความเหน็ดเหนื่อย แต่แล้วเขาก็เค้นเสียงตะโกนออกมาดังลั่น โดยใช้คลื่นเสียงที่เกิดจากบีบอัดพลังปราณ เข้าสะกัด ซู โหยวเหว่ย
คลื่นลมจากพลังคลื่นเสียงนั้นทำให้ผมสีน้ำตาลของ ซู โหยวเหว่ย พัดปลิวไสว แต่นางก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด และแทงนิ้วชี้ออกไปราวกับกระบี่อันคมกริบพุ่งไปที่หน้าอกของชายหนุ่มคนนั้น
เมื่อลมสงบ ชายหนุ่มก็ลืมตาค้างพร้อมร่างที่สั่นเทา ใบหน้าของเขาเป็นกังวลพร้อมกัดฟันกล่าวว่า: "นี่เจ้าฝึกดัชนีทลายหยก ได้แล้วหรือ "
ซู โหยวเหว่ย ยิ้มจากนั้นก็สยายนิ้วเป็นฝ่ามือและผลักชายหนุ่มตกลงไป ผู้คนเห็นสีหยกบนนิ้วของ ซู โหยวเหว่ย ก็พลันเงียบกริบ
ต่อจากนั้นเหล่าหญิงสาวรอบๆ เวทีนั้นก็ได้ส่งเสียงออกมาดังลั่น
"นี่คือดัชนีทลายหยกอย่างนั้นรึ วรยุทธปราณระดับกลาง แต่ว่ามันไม่ง่ายที่จะฝึก ไม่คิดเลยว่า ซู โหยวเหว่ยจะฝึกได้สำเร็จ."
"เคล็ดวิชาที่แสดงออกมานั้นเป็นเพียงแค่ระดับพื้นฐานเท่านั้น แต่ด้วยพลังอันน่าเกรงขามของมัน พลังโจมตีของ จ้าว เฟิง ย่อมมิอาจต้านทานได้ ดังนั้นมันจึงทะลวงฝ่า มุ่งมาพิชิตเขาได้ตรงๆ "
"สมแล้วที่เป็นคนที่เบิกชีพจรได้เร็วที่สุดในสำนักวังต้าโจวเรา"
"......"
เหล่าผู้อาวุโส ต่างมองไปยัง ซู โหยวเหว่ยด้วยนัยน์ตาชื่นชม
ท่ามกลางสายตาเหล่านั้น ซู โหยวเหว่ย ก้าวลงเวทีตรงไปทาง โจว หยวน ด้วยรอยยิ้ม เพราะนางจัดการอีฝ่ายได้อย่างเด็ดขาด โดยไม่ทำร้ายอีกฝ่ายถึงกับสาหัส
"เป็นไงบ้าง " ซู โหยวเหว่ย ยืดร่างขึ้น ราวกับเด็กที่อวดเบ่งพลังตน
"แข็งแกร่งมาก พลังของดัชนีทลายหยก น่าตกใจจริงๆ แม้เป็นผู้เบิก 4 ชีพจร ก็มิอาจต้านทานได้ " โจว หยวน รู้สึกชื่นชมจากใจ หากมันโจมตีมาใส่ร่างเขาเขาเองก็มิอาจรับได้เช่นกัน
เมื่อได้ยินคำชมจากโจว หยวน ปากของ ซู โหยวเหว่ยก็พลันเผยอขึ้นเหมือนนางต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่างแต่ทว่า บนเวทีก็มีเสียงดังขึ้นมา
"โจว หยวน กับ หลิน เฟิง! "
สิ้นเสียงนั้นมันก็ได้สร้างความโกลาหลให้ผู้คน ทำให้เสียงสนทนาระเบิดขึ้นมา ผู้คนเกือบทั้งหมดต่างจดจ้องมาที่เวทีประลอง
หลังจากโจว หยวนได้ชัยมาหลายครั้ง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือม้ามืดผู้หนึ่ง และตอนนี้เขานั้นต้องมาเผชิญหน้ากับ หลิน เฟิง
ชื่อเสียงของ หลิน เฟิง นั้นสูงส่งอย่างยิ่ง กล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นหนึ่งในตัวเต็งของงานก็ว่าได้
ในบรรดารุ่นเยาว์ที่อยู่ตรงนี้ อันดับของหลิน เฟิงนั้นนับว่าสูงสุด
ศึกครั้งนี้ โจว หยวนจะเป็นม้ามืดก้าวข้าม หลิน เฟิงติดหนึ่งในสิบได้หรือไม่ ผู้คนต่างใคร่สงสัยในคำตอบนี้อย่างมาก
ในเวลานั้น ใบหน้าของ ซู โหยเว่ยพลันเปลี่ยนเป็นกังวลอีกครา นางไม่คิดว่า โจว หยวน จะต้องเผชิญหน้ากับ หลิน เฟิง เร็วแบบนี้ ต้องรู้ว่าหากเป็นนางเมื่อเผชิญหน้ากับ หลิน เฟิง ย่อมเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงดุเดือด แล้วนับประสาอะไรกับ โจว หยวน ที่เบิกเพียง 2 ชีพจรเล่า
โจว หยวน หรี่ตาแคบลงเล็กน้อย เขานั้นหันไปมองฉี เยว่ที่อยู่ไม่ไกล ในตอนนั้นฉีเยว่กำลังยิ้มให้กับเขาพร้อมวางมือบนบ่าของ หลิน เฟิง
ทางนั้นเองก็มองมาที่ โจว หยวนเช่นกัน ใบหน้าของเขานั้นไม่ได้แสดงอะไรออกมา เพียงแต่จับจ้องด้วยสายตาที่เย็นชาเท่านั้น
หลิน เฟิง และ ฉี เยว่นั้นกล่าวอะไรบางอย่าง จากนั้นก็กระโดดเข้าสู่สนามประลองท่ามกลางเสียงเชียร์ทันที
หลิว ซี เห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นแล้วกล่าวว่า: "ครั้งนี้ข้าอยากจะรู้นักว่าเขาจะชนะอย่างไร "
ฉี เยว่ยิ้มแล้วพยักหน้า ระดับสูงสุดของ 4 ชีพจร หากจะจัดการกับโจว หยวน ย่อมไม่ยากเย็น
บนระเบียงหน้าลานประลอง ชู เทียนหยาง จ้องมองไปที่ โจว หยวนและ หลินเฟิง พลางขมวดคิ้วขึ้น ต่อจากนั้นดวงตาของเขาก็ประกายเย็นชาและคมกริบ เขานั้นเรียกผู้ติดตามของเขาแล้วกล่าวว่า: "จบการสอบวันนี้ ไล่ผู้คุมสอบออกเสีย! "
ก่อนหน้านี้ เขาเห็นโจว หยวนพบกับศึกหฤโหดมาหลายครั้ง เดิมก็แปลกใจ แต่มาตอนนี้เมื่อถึงคราวของ หลิง เฟิง เขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันต้องมีอะไรบางอย่าง ในใจของเขานั้นรู้สึกโกรธมาก เมื่อทราบว่าผู้คนวางแผนกำจัด โจว หยวน
สู่ หง ที่อยู่ด้านข้างเห็นเช่นนั้นก็กล่าวขึ้นด้วยความสับสนว่า: "ท่านเจ้าตำหนักทำเช่นนี้มันไม่เกินไปหน่อยหรือ "
ชู เทียนหยางได้ยินเช่นนั้นก็แสยะยิ้มตอบกลับไปว่า"เจ้าก็น่าจะรู้เรื่องอยู่แล้วนี่ นอกจากนี้ข้าเองก็เป็นเจ้าสำนักจะทำอะไรไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาชี้แนะ "
ดวงตาของ สู่ หงปรากฏโทสะขึ้นเล็กน้อย หลักจากเค้นเสียงออกมา ก็ไม่ได้กล่าวอะไรอีก แม้ว่าฉี เยว่จะเปิดเผยคนที่วังราชันย์ฉี จ้างวาน แต่ก็ไม่น่าจะส่งผลถึงสถานการณ์โดยรวม
ในดวงตาของผู้คนต่างรู้สึกเสียดายแทนโจว หยวนอย่างมาก
หลิน เฟิงยืนไขว้หลังอยู่บนเวที รูปลักษณ์ของเขานั้นโดดเด่นย่ิง ดวงตาเขามองไปที่โจว หยวนพร้อมแสร้งยิ้มกล่าวว่า: "เห็นองค์ชายมาถึงจุดนี้ข้านั้นแปลกใจจริงๆ "
โจว หยวนมองไปทาง หลิน เฟิง อย่างไม่ใส่ใจแล้วกล่าวว่า: "เจ้าคงตกใจมากสินะ "
หลิน เฟิง แสยะยิ้มแล้วกล่าว: "กล่าวว่าคาดไม่ถึง จะเหมาะมากกว่า "
คำพูดของทั้ง 2 นั้นต่างเชือดเฉือนคารมณ์
"เริ่มการประลองได้! " บนเวทีนั้น กรรมการก็ได้กล่าวขึ้น ด้วยเสียงของเขามันเป็นการตัดบทสนทนาในของทั้งคู่
โจว หยวน และ หลิน เฟิง นั้นต่างมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชา
เปรี้ยงงง
ต่อจากนั้น ร่างของทั้ง 2 ก็ทะยานออกไป
หลิน เฟิง นั้นทรงพลังมากเขาเหวี่ยงขาออกไป ราวกับแส้เล็งไปที่ บริเวณศีรษะของ โจว หยวน
ด้วยพลังเตะนี้แม้เป็นหินยักษ์ก็ยังต้องพังทลาย
โจว หยวน เพียงยกแขนขึ้นมาป้องกันไว้เท่านั้น ด้วยพลังที่รุนแรงมันทำให้แขนของเขาถึงกับสั่นเทา แต่ทว่าเขานั้นไม่ได้หยุดเฉย เขาสะบัดมืออีกข้างออกไปและงอนิ้วทั้ง 5 ตะปบใส่ หลิน เฟิง
ฟึ่บบบ
หลิน เฟิง ที่อยู่กลางอากาศพลันหมุนตัวแทง นิ้วทั้ง 5 ที่ยืดออกมุ่งใส่ โจว หยวนราวกับหอก
ฉึบ ฉึบ ปั้ง
สิบลมหายใจต่อมา พวกเขาก็ได้ปะทะห่ำหั่นกันหลายต่อหลายกระบวนท่า อีกทั้งแต่ละท่าที่โจมตีออกไปยังรุนแรงจนทำให้ผู้คนรอบด้านรู้สึกตื่นเต้นเลือดลมสูบฉีด
บนลานประลอง คลื่นลมอันรุนแรงพลันพลัดผ่านฝุ่นขึ้นฟุ้งกระจาย ต่อจากนั้นร่างของ โจว หยวนและ หลิน เฟิงก็ได้ก้าวถอยออกมา
ตอนนั้นหลายต่อหลายคน ก็ต่างส่งเสียงเชียร์และมอง โจว หยวน ด้วยนัยน์ตาที่ต่างออกไป ก่อนหน้านี่พวกเขาสู้กันโดยไม่ได้ใช้พลังปราณเลย อาศัยเพียงพลังวัตรเท่านั้น
ด้วยพลังวัตรของผู้เบิก 4 ชีพจรของ หลิน เฟิง แต่ก็มิอาจชิงความได้เปรียบจาก โจว หยวน มาได้แม้แต่นิดเดียว
เรื่องนี้สร้างความตกใจให้แก่ผู้คนมาก พวกเขาต่างสงสัยว่า ทำไมพลังวัตรทางกายของ โจว หยวน ถึงได้แข็งแกร่งเพียงนี้
เมื่อได้ยินเสียงเหล่านั้น ใบหน้า ของ หลิน เฟิง ก็พลันบิดเบี้ยว เขาสูดหายใจลึกหลังจากนั้นก็กล่าวขึ้นว่า: "เบิก 4 ชีพจร! "
เมื่อเสียงของเขาดังขึ้น ปราณฟ้าดินก็ได้ไหลเข้าสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
เวลาต่อมานั้น กระแสปราณก็ได้กลายเป็นแสงไหลปกคลุมร่างของเขาเอาไว้ทั่วร่างแม้เป็นก้อนอิฐที่อยู่ใต้เท้าเขา เมื่อถูกพลังปราณนั้นหลั่งไหลถาโถมเข้าใส่มันก็เกิดรอยแตกขึ้น
ปุ้ง
หลิน เฟิงกระทืบลงไปที่พื้นแล้วดีดตัวออกไปทันที ความเร็วของเขาสูงมาก เพียงไม่นานก็มาปรากฏต่อหน้า โจว หยวน ต่อจากนั้นเขาก็ได้ปล่อยฝ่ามือพร้อมสร้างคลื่นลมอันรุนแรงโจมตีเข้าไปที่ โจว หยวน
ต่อหน้าคลื่นลมอันรุนแรงนั้น ในใจของ โจว หยวนพลันวูบลง เขารู้ว่า หลิน เฟิง ที่ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดรุ่นเยาว์นั้นย่อมไม่อ่อนแอ
โจว หยวน เคลื่อนไหวเล็กน้อยเป็นกระบวนท่าของเคล็ดวิชา ย่างก้าวมังกร ทำให้ตัวเขาเริ่มเลือนลางและกลมกลืนไปกับสภาพโดยรอบ
คลื่นลมจากฝ่ามือของ หลิน เฟิง ได้โจมตีพลาดเป้าไป แต่หากโจว หยวน รับตรงๆเขาย่อมปลิวกระเด็นอย่างไม่ต้องสงสัย
"การเคลื่อนไหวนี้ช่างน่าแปลก " หลิน เฟิงขมวดคิ้วแน่น ก่อนหน้านี้เขาเห็น โจว หยวนเคลื่อนไหวแปลกๆ ทำให้ร่างของโจว หยวนนั้นจางลง ซึ่งนั่นก็ได้ทำให้การโจมตีของเขาพลาดออกไป
"ปราณวรยุทธระดับกลาง กระทิงคลั่งกระทืบพสุธา!"
ดวงตาของ หลิน เฟิง พลันเบิกกว้าง ต่อจากนั้นเขาก็กระทืบพื้นอย่างรุนแรงทำให้อิฐเบื้องล่างแตกออกเกิดเป็นคลื่นอัดกระแทก
คลื่นอัดกระแทกนั้นเป็นการโจมตีจากระยะไกล เมื่อ โจว หยวน เห็นเช่นนั้นก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง กระโดดหลบคลื่นอัดกระแทก
"จงพ่ายไปซะ " เมื่อเห็นโอกาส หลิน เฟิง ก็ไม่รอช้าพุ่งประเคนหมัดเข้าใส่โดยมีเป้าหมายที่ช่วงหน้าอกของ โจว หยวน
เมื่อเห็นการโจมตีที่มุ่งเข้ามา โจว หยวน ก็ไม่รอช้ากระทืบพื้นกล่าวขึ้นว่า: "เบิก 2 ชีพจร"
ปราณฟ้าดินไหลเข้าสู่ร่างของ โจว หยวน อย่างบ้าคลั่ง ต่อจากนั้นพลังปราณก็ได้ปกคลุมร่างของเขา
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังปราณ โจว หยวนก็ไม่รอช้ารีบไขว้แขนทั้ง 2 เป็นด้านหน้าป้องกันหมัดนั้นเอาไว้
ปัั้งงงง
หมัดของ หลิน เฟิง กระแทกเข้ากับแขนของ โจว หยวน ทำให้ ร่างของ โจว หยวน ไถลออกไป เกือบตกขอบเวที
เบื้องล่างเวทีนั้นมีเสียงร่ำร้องของผู้คนดังขึ้น ทาง ซู โหยวเหว่ยนั้น ถึงกลับปิดปากแสดงอาการตกใจออกมาอย่างชัดเจน
"ช่างดื้อด้าน " หลิน เฟิงแสยะยิ้มกล่าวไว้
โจว หยวนลูบ แขนทั้ง 2 ข้างของเขาพลางกล่าวว่า: "ผู้เบิก 4 ชีพจร ช่างแข็งแกร่งจริงๆ "
ก่อนหน้านี้ด้วยพลังที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหัน หากเขาไม่ใจเย็นพอเกรงว่าจะต้องตกเวทีไปเสียแล้ว
"ครั้งหน้า ท่านต้องร่วงลงไปแน่นอน " หลิน เฟิง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
โจว หยวน หรี่ตาทั้ง 2 ข้างจับจ้องไปที่ หลิน เฟิง ด้วยนัยน์ตาคมกริบ เขาเดินก้าวเข้าไปด้วยท่าทีองอาจ ราวกับการก้าวเดินของราชสีห์ที่ต้องการจะสั่งสอนผู้ที่มายั่วยุ
กลิ่นอายอันน่ายำเกรงและแสนอันตราย แพร่กระจายออกมาจากร่างของโจว หยวน เขายิ้มให้ หลิน เฟิง จนเห็นฟันขาวซึ่งนั่นทำให้ผู้คนต่างหวั่นวิตก
"ข้าคิดว่ามันจะไม่มีโอกาสนั้น"
สิ้นเสียงของเขา โจว หยวน ก็พุ่งทะยานออกไปทันที
เขาเริ่มเตรียมจะทำการตอบโต้กลับอย่างเต็มรูปแบบ
จบตอน 25