px

เรื่อง : Monarch of evernight ราชันย์เเห่งรัตติกาล
ตอนที่ 11 เพื่อน…



 

ประตูห้องถูกเปิดอีกครั้งเมื่อ หลงไฮเข้ามาพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเขาถามอย่างเย็นชา “ นั้นเสียงใคร ที่กรีดร้อง?”

 

เฉินเล่ยวิ่งหน้าตั้ง ตรงไปที่ลองไฮ

 

สีหน้าของหลงไฮเต็มไปด้วยความขยะแขยง ทันใดนั้นเขาเฆี่ยนเฉินเล่ยอย่างโหดร้าย

 

" ไร้ค่าเสียจริง!" เขาดุก่อนที่จะใช้เท้าเพื่อลงโทษ ทว่าฉินเล่ยนั้นได้ล้มลงกับพื้น

 

เสื้อผ้าของ เฉินเล่ย ถูกฉีกขาดรุ่งริ่ง แต่ใบหน้าของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงรอยช้ำสีดำสีม่วง

 

หลงไฮไม่สนใจเลยเขาถามเสียงดังว่า“ นี่ฝีมือใคร?”

 

 เฉียนยี่ลุกขึ้นจากเตียงของเขาและพูดอย่างเงียบ ๆ ว่า "ผมฮะ"

 

หลงไฮหรี่ตาลง ก่อนพูด“ ดีเจ้าหนูที่กล้ารับ! ลูกผู้ชาย! พาเขาออกมาโบยสิบที แล้วเเขวนเขาไว้จนถึงวันพรุ่งนี้!”

 

เฉียนยี่ไม่ต่อต้านใดใด เขาเดินตามผู้ดูเเลไป ไม่เเม้เเสดงออกถึงความกลัว

 

หลังจากนั้นไม่นานเสียงของแส้ดังขึ้น จนสามารถได้ยินได้ผ่านหน้าต่าง ทุกครั้งที่ความทรงจำที่มืดของเด็ก ๆ โผล่ขึ้นมาทำให้เกิดการแสดงออกที่ไม่ค่อยดีนัก

 

อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรมาเเทรกเเทรงเสียงของการตีที่ดังมาจากข้างนอก

 

ไม่มีเเม้เสียงกรีดร้องหรือเสียงร้องอู้อี้ ไม่ได้ยินเสียงมันราวกับว่าเจ้าหน้าที่กำลังตีไม้บล็อกอยู่

 

แม้หลังจากที่หลงไฮไป เฉินเล่ยก็ยังอยู่บนพื้นไม่สามารถยืนได้ แส้ของหลงไฮไม่ได้เบาเลย ทว่าเพิ่มการบาดเจ็บที่ผ่านมาของเฉินเล่ย มันเป็นไปได้ยากที่เขาจะฟื้นตัวในหนึ่งเดือน

 

สายตาของเด็กคนอื่นๆมองด้วยความเยาะเย้ยเเละเหยียดหยาม เพราะคนที่โหดร้ายที่เเท้จริงคือเฉียนยี่ หาใช่เฉินเล่ยไม่ นับว่าเป็นการเลือกศัตรูผิดคนอย่างเเท้จริง

 

ในรุ่งเช้า เฉียนยี่ถูกปลดเชือดที่เเขวนลง การนั้นถูกเเขวนทั้งคืนทำเอาเขาอ่อนเเรง ทั้งรอยเเผลเเละความเจ็บทำเอาเเทบยืนไม่หว ทว่าการวอมร่างกายตอนเช้านั้นก็ยิ่งทรมานเข้าไปใหญ่ เเละในขณที่เด็กคนอื่นต่างฝึกกันเสร็จไปสามรอบ เขาเองยังคงอยู่ในรอบเเรก เเต่ด้วยนิสัยไม่ยอมเเพ้ของเขานั้นก็ทำให้เขาฝึกเสร็จจนได้ เต่เเลกกับการสละเวลาอาหารเช้าเเทน

 

เด็กๆทุกคนได้รับการเฆี่ยนคนละสิบครั้งนั่นทำให้เขายังคงนอนจมบนเตียง ทุกการเคลื่อนไหวของพวกเขาจะนำมาซึ่งเเผล ไม่มีใครเป็นในเเบบที่เฉียนยี่เป็นได้

 

กระทั่งสายเเล้ว แต่เด็กทุกคนอยู่ในเตียงของตัวเอง

 

ทว่าเฉินเล่ยกำลังคุกเข่าต่อหน้าเฉียนยี่ กอดต้นขาของ เเละร้องไห้เพื่อความเมตตา

 

เฉียนยี่เมื่อมองไปที่เฉินเล่ย  เขาผลักเฉินเล่ยออกไป ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนเตียงของเขาอย่างช้าๆ

 

ในขณะเด็กคนอื่นๆกำลังเข้าสู่ภวังค์  แต่เฉินเล่ยกำลังหลับเขานั่งอยู่บนพื้น กำแน่นมือ สลับกับคลายกำปั้นขใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

 

เฉียนยี่อดทนต่อการถูกเฆี่ยนตี ในขณะที่เฉินเล่ยมีบาดแผลภายในใจ ตอนนี้การฆ่าเฉียนยี่นั้นง่ายดาย แต่เขากลัวการลงโทษที่จะตามมา แต่มีความกลัวลึกอีกหนึ่งในใจของเขา นั่นคือของการสูญเสียเฉียนยี่ไปในตอนนี้

 

ตามที่คาดไว้ อันดับของเฉียนยี่ลดลง ภายในครึ่งในสัปดาห์นั้น ทันใดนั้นเองเด็กชายคนหนึ่งที่คว้าลำดับที่หนึ่งของการฝึก เดินมายังห้องฝึกซ้อมพร้อมมอบเลือดซูหยานให้กับเฉียนยี่

 

"ฉันมีสี่ชิ้น แต่ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้นมากนัก" เขากล่าว

 

ในฐานะอันดับหนึ่งเด็กคนนี้ได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย

 

เฉียนยี่มองไปที่เด็กชายคนนั้นอย่างประหลาดใจ หลังจากใช้ความคิดช่วงหนึ่งเขายื่นมือไปเเละกล่าวว่า “ ฉันชื่อว่าเฉียนยี่”

 

เด็กชายคนที่ให้เลือดซูหยานกับเฉียนยี่ยิ้มเเละตอบกลับว่า “ ฉันชื่อ ซองซินหนิง ”

 

พวกเขาจับมือทักทายกัน เเม้เขาทั้งสองจะรู้จักกันมาเป็นเวลานานเเล้วก็ตาม

 

เเละในทั้งสัปดาห์ ซองซินหนิง ได้มอบเลือดซูหยานทุกวัน จนกระทั่งเฉียนยี่ไต่อันดับขึ้นมาสูงขึ้น

 

เเต่ทว่าเขาทั้งสองคนไม่ได้มีการพูดคุยกันมากนัก เพียงเเค่ไม่กี่ประโยค

 

เมื่อถึงเดือนที่สิบ ในที่สุดเฉียนยี่ก็สามารถทำวงพลังรอบที่สามของกระเเสพลังต้นกำเนิดได้ และใช้พลังเต็มรูปแบบของเขาที่จะโจมตีกำแพงของจุดพลัง ทว่าซองซินหนิงได้เปิดจุดกำเนิดพลังของเขาเมื่อสองเดือนที่แล้ว

 

เฉียนยี่สังเกตว่ากระเเสพลังงานวงจรที่สามนั้นมีความแข็งแกร่งที่มีขนาดใหญ่กว่ารอบแรกมีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการปะทะของกระแสพลังทุกครั้ง การพัฒนานี้ความเจ็บปวดเป็นอีกสิ่งที่เขาต้องต่อสู้กับมัน 

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีการฝึกฝนในระดับที่สูงขึ้นจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย ความเจ็บปวดที่มากขึ้นเกินความต้านทาน เฉียนยี่เองประสบกับปัญหา ในทุกครั้งที่เขาก้าวถึงการกระจายคลื่นกระเเสพลัง เขามักจะเจ็บเเผลเก่าของเขาทุกครั้ง


 

ในเดือนที่สิบเอ็ด จนในที่สุดเฉียนยี่สามารถพังทลายเกราะกำเเพงเเห่งพลังได้!

 

ในช่วงขณะที่เขาได้ทำลายเกราะกำเเพงพลังเพื่อเข้าสู้พลังเเห่งต้นกำเนิดนั้น เปรียบดั่งกระเเสน้ำที่ไหลไปรวมกันอย่างท่วมท้น พลังเเห่งการเริ่มต้นนั้นเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เป็นพลังเเห่งการดึงดูด ทว่าพลังเเห่งต้นกำเนิดนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก มันรวมกันเป็นหนึ่งเเละเเสดงออกมา

 

หลังจากถึงขีด จำกัดเเห่งพลังสูงสุด แสงที่คล้ายกับการเต้นรำใต้แสงเทียนจะปรากฏขึ้นในความลึกของจุดกำเนิดพลัง 

 

เเละนี่คือสัญญาณของจุกพลังที่ถูกเปิดขึ่นเเล้ว!

 

ปัจจุบัน เฉียนยี่กลายเป็นนักสู้อันดับหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นคนธรรมดาสามัญอีกต่อไป

 

เมื่ออาจารย์ผู้สอนยืนยันว่าจำกำเนิดพลังของ เฉียนยี่ นั้นถูกเปิดขึ้นเเล้วจริง ๆ 

เขาก็ได้รับสิทธิประโยชน์จากสิ่งที่ได้รับมอบหมาย

มันเป็นยาเม็ดสีน้ำตาลเข้มที่ถูกกล่าวว่ามีประโยชน์สำหรับการฟื้นตัวจากการบาดเจ็บภายใน

 

ในเดือนถัดไป เฉียนยี่ชะลอความเร็วในการฝึกฝนของเขาตามคำสั่ง แต่เขาควบคุมการเคลื่อนไหวของกระแสพลังที่มาของเขาเพื่อ ความชะล้าง ถนอม ควบคุมอารมณ์ นั่นทำให้เป็นจุดพลังงานแรกของเขาเกิดการสังเคราะห์พลังงานต้นกำเนิดสองชนิดในร่างกาย

 

ทว่าพลังกำเนิดของเขายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และร่างของเฉียนยี่เติบโตขึ้นตามสัดส่วนแม้ว่าจะไม่ถึงอายุสิบขวบ แต่เขาสามารถยกน้ำหนัก ห้าสิบกิโลกรัม ได้ด้วยมือเดียวได้อย่างน่าทึ่ง

 

จากนั้นเฉียนยี่ เเละเด็กคนอื่นๆมุ่งมั่งกับจุดกำเนิดพลังของตน

 

ตามกำหนดเวลาหนึ่งปีของฉางจิงมีเด็กหกสิบคนที่จุดกำเนิดพลังงานของพวกเขา 

เหลือเพียงสามคนที่ไม่สามารถผ่านบททดสอบไปได้ ทว่าเฉียนยี่สำรวจรอบๆอีกครั้งก็ไม่เห็นเเม้เเต่เงาของพวกเขาอีกเลย

 

เช่นเดียวกันปีที่สองในค่ายฝึกอบรมผ่านไปอย่างเงียบ ๆ 

 

ในปีที่สามขนาดของชั้นเรียนเพิ่มขึ้นโดยเด็กหนึ่งร้อยคนอีกครั้ง

 

ในปีที่สาม เฉียนยี่มีอายุสิบปี

 

เเละในปีนี้เป็นต้นไป เฉียนยี่เริ่มที่จะก้าวเข้าสู่ จุดกำเนิดหลังที่สอง เเละจุดนั้นอยู่บริเวรหน้าอก เเต่ในขณะที่เขาเริ่มที่จะปฏิบัติ จู่ๆเเผลนั่นก็เจ็บขึ้นอีกครั้ง

 

ความเจ็บปวดแบบนี้เกินขีดจำกัดที่มนุษญ์จะทนได้ เฉียนยี่ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงร้อง เมื่อเลือดไหลออกมาจากปาก เเละเป็นลมไป

 

ได้ยินเสียงตะโกนของเขายามเข้าห้องฝึกซ้อม ทันทีหลังจากอาการช็อคในช่วงพลังนั้น เจ้าหน้าที่ก็ได้นำตัวเขาออกจากห้องฝึก

 

หลังจากนั้นไม่นาน เฉียนยี่ นอนเปลือยกายอยู่ในห้องเรียนสำหรับโครงสร้างทางชีวภาพเขาอยู่บนโต๊ะทำงาน อย่างเเน่นอนว่าค่ายนี้ไม่มีคลินิกใด ๆ ในการรักษาคน

 

มีเพียงฉางจิงและหลงไฮเท่านั้น เงาที่ยืนอยู่นั่นเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา

 

 เฉินตู ก็เคลื่อนไหวอย่างสงบ เช่นเดียวกับที่ในชั้นเรียนโดย เขาใช่เครื่องมือเล็กๆค่อยๆเปิดรอยเเผลเฉียนยี่ที่เป็นรูเล็กๆสามรู

 

ชายชราเฉินตู หยุดเคลื่อนไหวหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นค่อยๆเก็บอุปกรณ์ทั้งหมด เขาไม่เเม้เเต่จะมองไปยังเฉียนยี่ที่หมดสติ เเต่หันไปทางฉางจิงเเละหลงไฮในทันที “ เจ้าสองคนคงจะฝึกเด็กนี่มานาน งั้นเจ้าคงพอจะรู้อยู่เเล้วว่า... ”

 

หลงไฮใส่สีหน้าแปลก ๆ

 

ฉางจิงยิ้มอย่างมีเสน่ห์และพูดอย่างงี่เง่า“ นี่มันคือการโจรกรรมพลังงานใช่หรือไม่?”

 

ใบหน้าของหลงไฮยู่ยี้ ในขณะที่ด้านข้างของปากเฉินตูกระตุก แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าของจางจิงก็ผิดธรรมชาติ

 

ในขณะนี้ประตูชั้นเรียนเปิดขึ้น มีคนเดินเข้ามาพร้อมกับก้าวย่างขนาดใหญ่ด้านหลังบุคคลนั้นคือเงา

“ ถูกต้องมันเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานที่ขโมยมาจริงๆ”

 

คนไม่กี่คนในห้องหันกลับมาด้วยความประหลาดใจเพียง แต่ต้องตกใจมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นว่าใครเข้ามา

 

"ท่านนายซัน!"

 

ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่ใจดีเดินเข้ามาใบหน้าของเขาเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสและดูธรรมดามากใบหน้าที่ถูกลืมได้ง่ายนี่คือ ผู้อำนวยการซันหนี่ แห่งค่ายฝึกอบรม เขาสวมชุดเก่า ชุดทหารจางหายไปโดยไม่มีตราเเม้เเต่ดวงเดียวระบุระดับของเขา

 

ซันหนี่ เดินไปที่ เฉียนยี่และยื่นออกมาเพื่อสัมผัสรอยแผลเป็นของเฉียนยี่ แสงปรากฏขึ้นในมือของเขาหลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาถอนหายใจ “ ตามที่คาดไว้! เด็กคนนี้…ช่างน่าสงสารจริงๆ”

 

ฉางจิงสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่าง "นี่คือเด็กจอมพลหลินส่งมา มีปัญหาอะไรหรือไม่?"

 

"พวกเจ้าทุกคนคิดอย่างไร?" ผู้กำกับซันตอบด้วยคำถาม

 

หลงไฮ กล่าว "แม้ว่าเขาจะถูกส่งโดยนายพลหลิน  ชายคนนั้นก็ไม่ได้ทิ้งคำแนะนำพิเศษใด ๆ เขาไม่ได้ขอให้เรารักษาชีวิตของเขาไว้ ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นเด็กกำพร้า จอมพลหลินพาขึ้นมา นั่นก็ด้วยความตั้งใจจะเลี้ยงเด็กคนนี้ ... "

 

เสียงแหบห้าวของเฉินตูนั้นลึกลงไปและให้ความรู้สึกที่มืดหม่น “ คนเดียวที่สามารถทำสิ่งพวกนี้ได้มีไม่กี่คนหรอก ช่างน่าเเปลกเสียจริง?

 

ซันหนี่หัวเราะอย่างลึกลับก่อนที่จะพูดช้าๆ “ ฉันรู้เรื่องนี้จริง ๆ แล้วคนอื่นก็รู้เรื่องนี้ จะพูดให้ถูกคือคนที่ขี้สงสัย…ย่อมรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว”




 

รีวิวผู้อ่าน