px

เรื่อง : Monarch of evernight ราชันย์เเห่งรัตติกาล
ตอนที่ 13 พิธีกรรมของอายุ



 

เฉียนยี่เดินเข้าไปใกล้ยังฉางจิง

 

เธอยื่นมือทั้งสองข้างยื่นไปที่เฉียนยี่ เเละนวดตามจุดต่างๆของร่างกายโดยทั่ว เพื่อทดสอบจุดเเห่งพลังกำเนิด

 

สัมผัสนี้ไม่สามารถอธิบายได้ ราวกับความเจ็บปวดเเละความมึนงงรวมอยู่ด้วยกัน เเต่นั่นเจ็บปวดมากกว่าการูกเฆี่ยนเสียอีก

 

เฉียนยี่ไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากความเจ็บนี้ไปได้ เเต่เเล้วสายตาของเขาเหลือบไปยังฉางจิง เเละสังเกตเห็นจุดเเดงๆผ่านสายตาของเขา

 

นี่คือภาพที่เฉียนยี่เองนั้นไม่เคยเห็น เขาไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งตรงหน้าคืออะไร ทว่าควบคุมความรู้สึกของเขาเองไม่ได้

 

“ เอาหล่ะ ข้าตรวจสอบจุดกำเนิดพลังเจ้าเรียบร้อยเเล้ว ดูเหมือนว่ามันจะบาดเจ็บมากกว่าที่คิด เเต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรักษา จงอย่าเริ่งรีบในช่วงเวลาบ่มเพราะ ค่อยๆทำความคุ้นเคยกับพลังของต้นกำเนิด เพราะเจ้านั้นจะต้องใช้พลังเเห่งจุดกำเนิดนี้มากกว่าใคร ” ฉางจิงกล่าว พร้อมกับเดินจากไปหลังจากที่อธิบายประเด็นสำคัญ

 

เมื่ออเฉียนยี่กลับมาเเล้วนั้น เขาก็ไม่สามารถที่จะหยุดนึกถึงสรีระเเละอกอับเอิบอิ่มของฉางจิงได้ เขาตระหนักรู้ทันทีว่าร่างกายของผู้หญิงเเละผู้ชายมีความเเตกต่างกันมาก

 

เเต่กระนั้นก็เถอะ การบ่มเพาะเเละการฝึกในวันรุ่งขึ้นก็จะมาในอีกไม่ช้านั่นทำให้ความคิดของสรีระร่างกายชายหญิงได้หายไป

 

เฉียนยี่ยังทนต่อความเจ็บปวดอันรุนเเรง ด้วยเหตุนี้ในบางครั้งนั่นจะเอาเขาเกือบหมดสติไป ความเจ็บปวดนี้หาดมนุษย์ได้สัมผัส ไม่มีใครจะทนไหว ซ้ำยังอาจคร่าชีวิตไปเลยย่อมได้ เเต่เฉียนยี่มีศักยภาพเเละความพิเศษในตัวทำให้เขามาถึงจุดนี้ได้

 

การบ่มเพาะเเห่งพลังนี้รวมกับการทรมานร่างกาย เเละยังหดหู่ เขารู้ดีว่าเขาต้องทำให้ได้สองร้อยเปอร์เซ็น เเต่ตอนนี้มีเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นเท่านั้น

 

เเม้ว่าเขาจะสะสมพลังต่างๆนี้ เเต่การบ่มเพราะจุดกำเนิดพลังที่สองนั้นสูงกว่าจุกเเรก ความเร็วของเขาก็ลดลงด้วยเช่นกัน จากลำดับสูงสุดตอนนี้อยู่ในระดับกลาง

 

ทว่ามันไม่มีทางลัดที่จะเข้าสู่พลัง เขาต้องใช้เวลาให้มากขึ้น เฉียนยี่เผชิญกับความจริงเเละทำความเข้าใจค่อยเป็นค่อยไปในทุกขั้นตอน

 

อาจจะเป็นเพราะเขาสามารถขจัดความคิดเรื่องความสำเร็จหรือล้มเหลวไปได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเเข็งเเกร่งขึ้นเเละพัฒนาได้ดีขึ้น

 

หลังจากครึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มเฉียนยี่ได้ฝึกการต่อสู้เเบบไร้อาวุธทุกอย่างโดยสมบูรณ์ ต่อไปคือการฝึกอาวุธพวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับอาวุธมีดหลากหลายขนาดและรูปร่าง

 

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเด็ก ๆ เริ่มได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก

 

ในจำนวนของพวกเขาเด็กที่เหลืออยู่ทั้งหมด เป็นนักสู้อันดับหนึ่ง ที่ไม่เพียงแต่มีร่างกายที่ทรงพลังเท่านั้น 

แต่ยังโจมตีด้วยพลังเเห่งต้นกำเนิดได้อีกด้วย ทั้งนี่ยังจะช่วยเพิ่มพลังในตัวของพวกเขามากขึ้นอีกด้วย แต่ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเรียนรู้ที่จะสร้างการป้องกันด้วยพลังเเห่งจุดกำเนิด

 

เมื่อมาถึงจุดนี้ เฉียนยี่ ก็สามารถแสดงพลังที่ไม่ธรรมดาของกับเด็กฝึกคนที่ต้องการเริ่มต้นปัญหากับเขา เฉียนยี่จะแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอย่างเท่าเทียมกัน เเต่ทว่าการเเทงเเละรอบเเผลที่เขาได้รับนั้นราวกับมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาเลย การตอบโต้ของเฉียนยี่นั้นราวกับว่าไร้ความปราณ๊ เเต่ทว่ารอบเเผลของคู่ต่อสู้นั้นก็ไม่ได้ใหญ่มากสักเพียงใด

 

หนึ่งในเด็กที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าเฉียนยี่มีการต่อสู้เเละการเเทง จนในที่สุดเขาก็ล้มลงเเละกรีดร้อง เฉียนยี่ยืนอยู่ตรงหน้า เเม้เลือดที่ไหลรินตามร่างกายเเต่มือของเขาที่ถืออาวุธนั้นไม่สั่นไหว กาต่อสู้นั้นเปรียบได้กับความเจ็บปวดที่เขาต้องรับทุกวัน 

 

หลังจากชั้นเรียนการต่อสู้ครั้งนั้น ไม่มีใครกล้าที่จะมีปัญหากับเฉียนยี่อีกต่อไป

 

นี่เป็นเหตุหลักมาจากข้อเท็จจริงของการต่อสู้ เเม้คู่ต่อสู้ของเฉียนยี่จะเป็นเด็กที่โตกว่าเขาทั้งยังอยู่ในลำดับที่ห้า เเต่ยังพ่ายเเพ้กับเฉียนยี่ นี่เเสดงให้เห็นว่าเด็กฝึกที่ค่ายนี้ให้ความสำคัญกับลำดับมากกว่าสิ่งใด

 

ในอายุสิบเอ็ดปีของเฉียนยี่ทเขาสำเร็จการศึกษาวสรีรวิทยา เเละเช่นเคยชายเเก่เฉินตูมาพร้อมกับสิ่งใหม่ มันคือเเมงมุมยักษ์ที่มีขนาดราวๆหนึ่งเมตร!

 

เเละหลังจากนั้นไม่นานเฉียนยี่ก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่เเมงมุมยักษ์ธรรมดาเท่านั้น เเต่เป็นเเมงมุมมืดเผ่าพันอารัคเน เเละเป็นภัยคุยคามต่อมุนษย์

 

ตั้งเเต่นั้นมา เด็กฝึกทุกคนต่างได้สัมผัสถึงพลังเเห่งความมืด ผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งปี เขาได้รู้จักถึงปีศาจอันลึกลับ ทั้งยังรวมไปถึงเผ่าพันมืดที่เราเรียกกันว่าเเวมไพร์เเละมนุษย์หมาป่า

 

ถึงเวลานี้ ทุกคนเติบโตเป็นชายหนุ่มเเละหญิงสาวเต็มตัว เเต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงอยู่รวมกัน กระทั้งการชำระล้างร่างกาย เเม้จะมีการหยอกล้อบ้าง เเต่ที่เเน่นอนว่ากฏนั้นไม่อยุญาติให้เขาเหล่านั้นทำสิ่งใดเกินเลย

 

เฉียนยี่เองกลับไปย้อนนึกถึงช่วงเวลาที่เขาเห็นฉางขิงในห้องนั้น

 

เเละเมื่อเขาอายุสิบสองขวบ ที่ค่าฝึกมีพิธีเเห่งการเฉลิมฉลองอายุ

 

ในพิธีการเลี้ยงฉลอง พวกเขาได้รับประทานอาหาร ที่มีส่วนผสมของยาปลุกอารมณ์อยู่!

 

ในไม่กี่ช่วงเวลาถัดมา เฉียนยี่นั้นรู้สึกว่าสติของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ตาพร่ามัว ร่างกายร้อนลุ่ม หายใจเเบบเเปลกๆ ความคิดที่เเปลกไปในหัวของเขา 

ในขณะนั้นเอง ชายหญิงจำนวนมากเปลือยกายอยู่กลางห้องโถง เเละสายตายของเขากลับเปลี่ยนไปเป็นเด็กสาวเเละเด็กชาย ในชั่วพริบตาห้องโถงกลายเป็นโลกเเห่งความปราถนาทางอารมณ์

 

ฉางจิงเเละเฉียนยี่เดินหน้านิ่ง ตรวจไปรอบๆ ลงโทษหากผู้ฝึกใดไม่เเยเเสต่อความปราถนา ทว่าเจ้าหน้าที่อาวุโสหรืออาจารย์ทำได้เพียงเเค่มองควบคุมห่างๆ หากใครฝ่าฝืนล่วงเกินเด็กๆผู้นั้นจะต้องรับโทษ

 

จากนั้นเป็นต้นมา ก็ยกเลิกกฏของการสัมผัสร่างกายชายหญิง สำหรับหญิงสาวที่อ่อนเเอ นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นอันเลวร้าย

 

มีหญิงสาวจำนวนนึงที่ได้ได้เข้าร่วมพิธีการนี้ นั่นก็ด้วยอิทธิพลงของครอบครัวพวกเธอที่ทำให้ผ่านพ้นมาได้

 

จุดประสงค์ของค่ายฝึกนี้ นั่นก็เพื่อกำจัดจุดอ่อนทั้งหมด เพราะเเท้จริงเเล้วสำหรับผู้หญิงนั่นถือว่าเป็นอาวุธของพวกเธอ

 

ทว่าเฉียนยี่ตื่นขึ้น เขาตื่นขึ้นมา จำรายละเอียดอะไรไม่ได้ เเต่พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

ชีวิตเฉียนยี่กลับมาเป็นปกตอีกครั้ง การเข้าเรียนทฤษฎีเครื่องจักร การปรดิษฐ์ เเละการบำรุงรักษษทุกประเภทเเละทุกชิ้นส่วน

 

การเปลี่ยนเเปลงที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้หญิงผู้ชายเริ่มจับคู่ เเละที่จะถูกหมายปองก็คือชายที่ทรงพลัง เว้นเสียเเต่สาวๆที่หลีกเลี่ยงพิธีเมื่อคืนนั้นจะยังคงอยู่อย่างโดดเดี่ยว

 

ซองซินหนิงเป็นคนที่ผูกขายสาวสวยสองคน โดยไม่มีเเม้เเต่ใครจะคัดค้าน

 

ส่วนเฉียนยี่นั้นยังคงขังตัวเองกับความเจ็บปวดของการฝึก สำหรับเขาเเล้วนั้นการเปิดจุดคลื่นพลังออร่าเเห่งมหาสมุทร เเละออกไปจากนรกนี่ คือสิ่งสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด

 

เขากลับมายังห้องพักเเละพบกับซองซินหนนิงที่อยู่ในห้อง เม่อมองหาวิธีที่ดีเเละอานาคตอยู่

 

พยักหัวทักทายกัน ทันใดนั้นฉางจิงกล่าว “ เดี๋ยวก่อนเฉียนยี่ ”

 

“ ว่ายังไงเหรอ ” เฉียนยี่เองตอบกลับ

 

ซองซินหนิงหัวเราะ “ นี่สิ่งนี้มันจะช่วยให้เจ้าเติบโตเร็วขึ้นน”

 

ทันใดนั้นซองซินหนิงมองไปยังกลุ่มเด็กฝึกไปมา เเละกล่าวว่า “ อ่านั่นเจ้า  ฟางหมิงกุ้ย มานี่ที”

 

เด็กสาวไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอเดินตรงมา

 

“ นับเเต่นี้ไปเจ้าจงดูเเลปรนิบัติเฉียนยี่ ” ซองซินหนิงพูดอย่างตรงไปตรงมา

 

รีวิวผู้อ่าน