Chapter 3: ทักษะสวรรค์
หมอนั้นมีความคิดเป็นของตัวเอง “ทำให้ฉินมู่นั้นดื่มเลือดวิญญาณให้มากที่สุดเท่าจะเป็นไปได้...ถ้าจำเป็นก็ให้เขาจมไปในบ่อเลือดเลย ! แม้ว่าร่างวิญญาณนั้นจะไม่ถูกปลุกขึ้นมา แต่ร่างกายเขาก็จะแข็งแรงขึ้นทุกครั้งที่เขาดื่มเลือดวิญญาณ ร่างกายของเขานั้นจะทรงพลังยิ่งกว่าร่างวิญญาณ ! ”
“ เขาจะสามารถฆ่ามังกรได้ด้วยหมัดเดียว ! ” ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะออกมา “ เรื่องแบบนี้คงทำให้พวกบัดซบที่อยู่ข้างนอกนั่นกลัวได้แน่ ”
ทั้งสองมองหน้ากันด้วยความพอใจ จากนั้นหมอจึงได้เดินออกจากห้องแล้วปิดประตูไป
วันต่อมาชาวบ้านนั้นต่างก็แบกเสือกระดูกเหล็ก, มังกรอสรพิษเขียว, นกสายฟ้า, และเต่าทองมา ด้วยการที่มีเป้าหมายแล้วจึงทำให้พวกเขานั้นอยากที่จะทำแบบนี้ หมอนั้นกลับโกรธขึ้นมา “ ฉินมู่จะจมเลือดตายแน่ ถ้าเขาดื่มเลือดนี่ทั้งหมดครั้งเดียว ! ”
ช่างตีเหล็กใบ้ที่ซึ่งลากนกสายฟ้า 2 ตัวมานั้นหัวเราะแบบขี้เล่นและเผยให้เห็นภายในปากที่ไม่มีลิ้น
“ มู่เอ๋อทนมันได้แน่ ! ” ท่านย่าซีเชื่อในตัวฉินมู่
แต่หมอนั้นจ้องไปที่พวกนั้นแล้วเงียบไม่พูดอะไร เขาเอาตัวอ่อนหนอนออกมาและเอาพวกมันไปทำการปรับแต่งเลือด แต่มันกลับมีบางอย่างผิดปกติไป จำนวนเลือดวิญญาณนั้นมากเกินไปสำหรับฉินมู่ ซึ่งทำให้ร่างกายเขาพองเต็มไปด้วยอากาศ ผู้อาวุโสทุกคนในหมู่บ้านนั้นเริ่มกังวลว่าฉินมู่คงตัวระเบิดแน่
หมอหยิบเอาเข็มเงินออกมาแล้วแทงไปที่หลังและบนหัวของ ฉินมู่ แก๊สสีแดง, ฟ้าและม่วงถูกพ่นออกมาจากรูเหล่านั้น
หลังจากนั้นสักพักแก๊สพวกนั้นก็กลายเป็นไอน้ำก่อนจะหยุดลง หมอดึงเข็มแต่ละเล่มออกและมองไปที่ชาวบ้าน – “ ค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ! พวกเราทุกคนนั้นพยายามที่จะบังคับให้เขากินเลือดเหล่านี้ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการฆ่าเขา ! เขาแทบจะทนไม่ได้แล้ว ดังนั้นพวกเจ้าควรไปหาอะไรทำซะ การจะช่วยให้เขาดึงประสิทธิภาพมาให้ได้มากที่สุดนั้น เขาต้องฝึกทักษะมีดกับคนฆ่าสัตว์, การใช้หมัดกับเฒ่าหม่า และการใช้ขากับไอ้ด้วน “
“ มู่เอ๋อ ได้เวลาสำหรับการฝึกมีดแล้ว ! “
คนฆ่าสัตว์ใช้มือทั้งสองข้างทุบพื้นแล้วทำให้ตัวเองลอยขึ้นก่อนจะไปยืนอยู่ใกล้ ๆ กับกองไม้ เนื่องจากเขานั้นไม่มีร่างกายส่วนล่าง ความสูงของกองไม้และร่างกายส่วนบนของเขาจึงพอ ๆ กับฉินมู่
คนฆ่าสัตว์หยิบมีดฆ่าหมู 2 เล่มขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้าง แต่มีดเหล่านั้นแตกต่างจากปกติ มีดฆ่าหมูนั้นมีใบมีดที่โค้งราวกับพระจันทร์เสี้ยวและยาวไม่เกิน 1 ฟุต อีกอย่างด้ามจับเองก็เป็นไม้ที่เป็นวงกลมด้วย
ในมืออีกข้างเองก็มีมีดที่เหมือนกันแต่มีขนาดใหญ่กว่า ใบมีดของมีดแต่ละเล่มนั้นยาวประมาณ 1 หลา ด้านหลังของใบมีดนั้นหนาส่วนด้านคมของมันนั้นบางอย่างมากและใบมีดทั้งคู่ก็ส่องแสงประกายออกมา ใบมีดทั้งคู่นี่ดูน่ากลัวเรากับประตูนรกได้มาเยือนทุกคนที่เห็นมัน
แม้ว่าเขาจะมีมีดแค่เล่มเดียว แต่มีดฆ่าหมูของฉินมู่เองก็มีขนาดพอ ๆ กับคนฆ่าสัตว์ มันหนักกว่า 10 กก. ฉินมู่มีแรงยกมันได้แค่เล่มเดียวเท่านั้นแต่หลังจากที่กินเลือดสัตว์วิญญาณทั้งสี่เข้าไปแล้ว แรงของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด การยกมีดฆ่าหมูด้วยมือเดียวนี้ไม่ได้รู้สึกฝืนเหมือนแต่ก่อนแล้ว
“ ระวัง ปู่ฆ่าสัตว์ ! ”
ฉินมู่ถือมีดด้วยมือเดียวและพุ่งเข้าหาคนฆ่าสัตว์ที่ซึ่งอยู่บนกองไม้ คนฆ่าสัตว์หัวเราะออกมาดัง ๆ พร้อมเปล่งออร่าราวกับวีรบุรุษออกมาแม้ว่าจะมีร่างกายแค่เพียงครึ่งเดียวก็เถอะ
พายุทมิฬทลายเมือง !
ฉินมู่เหวี่ยงมีดขึ้นและลงพร้อมกับขยับเข้าหาคนฆ่าสัตว์ มีดนั้นส่องประกายเร็วขึ้นเรื่อย ๆ สร้างเสียงเฉือนสายลมดังขึ้นมา
“ ช้า ช้า ช้า ! เจ้าช้าเกินไป ! “
คนฆ่าสัตว์เริ่มสะบัดมีดของตัวเองราวกับมีดเขานั้นเป็นเกราะเหล็กที่อยู่ตรงหน้า ใบมีดของเขานั้นเข้าปะทะกับมีดของฉินมู่และได้สร้างเสียงที่เหมือนพายุกำลังพัดเข้าใส่ต้นไม้ “ เร็วขึ้นอีก ! เร็วอีก ! มีดฆ่าหมูของเจ้านั้นยังเร็วได้อีก ! ความเร็วนั้นคือสิ่งจำเป็นของ ‘พายุทมิฬทลายเมือง’ มีดฆ่าหมูนั้นต้องเร็วพอ ๆ กับพายุยามค่ำคืนที่กวาดทุกสิ่งในเมือง ! ข้าอยากเห็นเจ้าเร็วกว่านี้ ! ”
แสงประกายจากมีดเริ่มเร็วขึ้นอีกราวกับมังกรสีเงินกำลังสะบัดตัวขึ้นลงไปมารอบ ๆ กองไม้ เสียงเฉือนลมดังขึ้นเรื่อย ๆ และในตอนนั้นก็ได้มีพลังงานของใบมีดวนเวียนออกมา ในตอนที่พลังงานจากใบมีดนั้นอัดเข้าที่พื้นจะมีรอยเฉือนลึกเกิดขึ้นมา
นี่คือรอยที่เกิดจากใบมีดของทั้งคู่
“ วิเศษ ! นี่แหละ ! ยิ่งมีดเจ้าเร็วมากเท่าไหร่ ยิ่งมีพลังใบมีดออกมามากเท่านั้น แต่เจ้านั้นยังเร็วไม่พอ เจ้าต้องเร็วพอจนใบมีดนั้นเปลี่ยนเป็นภูเขาไฟอันบ้างคลั่งที่เผาทำลายทุกสิ่ง ! ”
คนฆ่าสัตว์เหวี่ยงมีดไปมาเรื่อย ๆ จนทำให้ดูเป็นภาพติดตาซึ่งทำให้ฉินมู่งงงวย
“ เผาไหม้ ! เผาไหม้ ! ให้มีดของเจ้าเผาไหม้ ให้ออร่าของเจ้าเผาไหม้และให้วิญญาณของเจ้าเผาไหม้ ! เมื่อเจ้าทำให้มีดติดไฟได้แล้ว ตอนนั้นเจ้าจะรู้เองว่าเจ้าได้สำเร็จทักษะสวรรค์ได้แล้ว ! “
ฟู่----- !
คนฆ่าสตัว์เริ่มฟันมีตัวเองไปเรื่อย ๆ แรงเสียดสีทำให้มีดทั้งคู่เริ่มมีประกายไฟออกมาจนในที่สุดก็ติดไฟขึ้นมา ใบมีดทั้งคู่นั้นขยับไปข้างหน้าข้างหลังอย่างกับมังกรไฟสร้างภาพอันน่าตกตะลึงออกมา
มังกรไฟนั้นม้วนตัวเข้าใส่ฉินมู่ซึ่งชัดแล้วว่าคงไม่สามารถกันการโจมตีได้ในตอนนี้ ในตอนสุดท้ายก่อนที่มันจะเข้าปะทะตัวเขา มังกรไฟได้บิดตัวขึ้นบนและฉีกความมืดมิดด้านบนหมู่บ้านนี้เป็นชิ้น ๆ
ฉินมู่มองไปด้านบนด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่าและเข้าใจความน่ากลัวของมีดที่คนฆ่าสัตว์ได้ใช้
ไม่นานความมืดก็กลับมาครอบคลุมอีกครั้งพร้อมทั้งกลืนกินมังกรไฟและพลังงานใบมีดไป
ความมืดด้านบนนั้นดูเหมือนจะทำให้คนฆ่าสัตว์โกรธจนได้ยกมีดขึ้นมา หลุมดำได้ทะลักเข้ามาด้านบนหมู่บ้านราวกับจะกลืนกินทุกสิ่ง
แต่รูปปั้นหินทั้งสี่ของหมู่บ้านนั้นได้ส่องแสงสว่างออกมาเรื่อย ๆ ผลักความมืดมิดนั้นให้ถอยกลับไป
“ ท้องฟ้าเฮงซวย ! “
คนฆ่าสัตว์ได้กวัดแกว่งมีดทั้งสองข้างของตนพร้อมกับตะโกนขึ้นไปบนท้องฟ้า “ ข้าจะฟันความมืดมิดนั่นและหาทางกลับไปให้ได้ ! เอวของข้าถูกสับทิ้งแต่ไม่ใช่หัวของข้า ! ข้าอาจจะเสียขาไปแต่ข้าก็ยังฆ่ามันได้... ”
“ ปู่ฆ่าสัตว์บ้าอีกแล้ว มีดของเขานั้นเร็วเกินไปจริง ๆ ข้าต้องฝึกนานแค่ไหนกันถึงจะให้มีดของข้าเข้าสู่ทักษะสวรรค์ได้ ? ”
ฉินมู่มองไปที่คนฆ่าสัตว์ด้วยความเคารพ จากนั้นเขาก็ได้เก็บมีดฆ่าหมูลงไปและเดินไปหาชายแขนเดียว เฒ่าหม่า
“ ตอนที่ปู่ฆ่าสัตว์เหวี่ยงมีดที่จำเป็นในการสร้างเปลวไฟขึ้นมาก่อนที่จะถือเป็นทักษะสวรรค์นั้น หมัดของข้าเองก็ต้องสร้างเสียงที่ราวกับสายฟ้าเพื่อให้ถือว่าเป็นทักษะสวรรค์ ! ”
เฒ่าหม่ากำหมัดแน่นและแสดงสีหน้าจริงจังพร้อมกับมีเสียงกระดูกดังขึ้นตามตัวของเขา “ มู่เอ๋อ ตอนเจ้าสามารถจับสายฟ้าด้วยมือของเจ้าได้ หมัดของเจ้านั้นจะถือว่าประสบความสำเร็จได้เล็กน้อย มีดของคนฆ่าสัตว์นั้นเร็วอย่างมากแต่หมัดระเบิดของข้าก็หาใครเทียบมิได้จนก้าวข้ามข้อจำกัดของเสียงไป ! แขนข้างเดียวนั้นสามารถฝึกเพื่อเป็นหมัดได้, แขนข้างเดียวสามารถเป็นได้ถึงพันแขน, แขนข้างเดียวสามารถสร้างเสียงของสายฟ้าได้ ! ”
ตูม ----- !
เสียงระเบิดดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังขึ้นจากหมัดของเฒ่าหม่า ในตอนที่เขาต่อยหมัดออกไปตรงหน้า
ตูมๆๆๆ !
ฉินมู่บอกไม่ได้ว่าหมัดของเฒ่าหม่านั้นเร็วแค่ไหนเพราะเขาต่อยออกมาเป็นชุด ถ้ามองดูด้วยตาเปล่าแล้ว ฉินมู่เห็นเพียงแค่ภาพติดตาของหมัดตาเฒ่านี้ ทำให้ดูเหมือนกับว่าตาเฒ่านี่มีพันแขนแทนที่จะมีแค่แขนเดียว
หมัดของเฒ่าหม่านั้นเริ่มเร็วขึ้นเรื่อย ๆ สายฟ้าสว่างวาบออกมาจากฝ่ามือนับพันของชายแก่พร้อมกับเสียงคำรามของสายฟ้าดังขึ้นในทุกการโจมตีและได้มีประกายไฟกระเด็นออกมาทุกทิศทาง !
“ นี่คือ 8 อัสนีของพุทธองค์พันกร ! ตราบใดที่หมัดของเจ้านั้นเร็วยิ่งกว่าเสียง เจ้าจะสามารถควบคุมเสียงของสายฟ้าได้ ทุกหมัดและฝ่ามือที่โจมตีออกไปในทักษะสวรรค์นี้นั้นสามารถทำลายร่างกายและวิญญาณของคู่ต่อสู้ได้ เปลี่ยนพวกมันเป็นเศษเสี้ยวและกันไม่ให้พวกนั้นกลับมาเกิดได้อีก ! ”
เฒ่าหม่าได้หยุดหมัดลงและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม – “ ใช้ 8 อัสนีที่ข้าสอนเจ้าโจมตีข้าซะ ควบคุมสายฟ้าในมือของเจ้าในตอนที่เจ้าโจมตี ! ”
ฉินมู่ยังคงสงบ ความสามารถของปู่หม่าและปู่ฆ่าสัตว์ที่สอนเขาวันนี้นั้นแตกต่างจากปกติ ครั้งสุดท้ายที่เขาฝึกกับทั้งคู่นั้น เขาเรียนรู้แค่การใช้มีดและการต่อยแบบธรรมดา ครั้งนี้ทั้งคู่นั้นกลับกลับสอนสิ่งนี้ให้กับเขา----
--- ทักษะสวรรค์ !
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้เรื่องนี้ ทำให้ฉินมู่นั้นยังไม่คุ้นชินนัก
ฉินมู่ใช้ 8 อัสนีเข้าโจมตี เฒ่าหม่า แม้ว่าจะมีแค่แขนเดียวแต่ก็ยังกันการโจมตีของ ฉินมู่ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าคนฆ่าสัตว์จะดูเหมือนคลั่งในตอนฝึกให้ฉินมู่ แต่ในการปะทะทุกครั้งนั้นได้ถูกคำนวณอย่างแม่นยำ จนเขาไม่มีทางที่จะทำให้เด็กน้อยได้รับบาดเจ็บ แต่เฒ่าหม่านั้นเข้าโจมตีโดยไม่ปราณี เมื่อฉินมู่เผยให้เห็นช่องว่างจะมีหมัดลอยเข้ามาปะทะกับเขา แม้ว่าหมัดนั้นจะไม่ได้หนักหน่วงอะไรแต่จมูกของเขาก็ยังคงเลือดไหลออกมาอยู่ดี
เฒ่าหม่านั้นให้ฉินมู่พักในตอนที่เขาสู้ไม่ไหวเท่านั้น
“ ขานั้นก็เหมือนลม, ผืนดิน, และรากของความแข็งแกร่ง ” ชายขาด้วนพูดขึ้นพร้อมกับพิงที่เก้าอี้
แม้ว่าเขาจะมีขาซ้ายแค่ขาเดียวแต่ชายขาด้วนก็ยังคงสอนเทคนิคการใช้ขาให้กับฉินมู่ ฉินมู่นั้นคิดว่าชายขาด้วนนี้เป็นคนธรรรมดาที่สุดในหมู่บ้าน ชายแก่มักจะยิ้มอย่างอบอุ่นและให้ความรู้สึกว่าพึ่งพาได้มาโดยตลอด
แต่ตั้งแต่ที่ชายขาด้วนได้แทงผู้หญิงคนที่โผล่มาจากตัววัวต่อหน้าเขา แม้ว่าจะมีรอยยิ้มแบบเดิม แต่ฉินมู่นั้นก็ไม่คิดแบบเดิมกับชายคนนี้แล้ว
ชายขาด้วนนั้นเก่งเรื่องการซ่อนมีดใต้รอยยิ้มนั้น ไม่มีใครรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของจริงหรือไม่
ชายขาด้วนยิ้มให้กับฉินมู่ “ มู่เอ๋อ คนฆ่าสัตว์ได้ชมการใช้มีดของเจ้า ส่วนเฒ่าหม่า นั้นชมเรื่องหมัดของเจ้าแต่ทักษะสวรรค์ของจริงนั้นอยู่ที่ข้า ในตอนที่เจ้าไม่สามารถสับรึอัดศัตรูเจ้าได้ เจ้าจะทำยังไง ? เจ้าต้องหนี ! การมีชีวิตรอดอยู่ต่อนั้นคือเรื่องที่สำคัญที่สุด ! ชีวิตน่ะไม่ได้สดใสเหมือนสายรุ้ง ทุกอย่างอาจผิดจากที่คาดได้ตลอด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการมีชีวิตอยู่นั้นจึงถือว่าเป็นชัยชนะ ! ตราบใดที่เจ้าวิ่งได้เร็วพอ เจ้าจะสามารถไต่กำแพง, น้ำ, และแม้แต่ท้องฟ้าได้ ! ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไฟรึอากาศจะกลายเป็นพื้นให้กับเจ้าถ้าเจ้าวิ่งได้เร็วพอ ! ในตอนที่เจ้าวิ่งได้เร็วยิ่งกว่าเสียงคือตอนที่เจ้ารู้ระดับพื้นฐานของการวิ่งที่จำเป็นสำหรับทักษะสวรรค์ ”
“ มา มู่เอ๋อ เอาเหล็กนั่นใส่กับตัวเจ้าซะ ”