รอบข้างเวทีพลันเงียบลงเป็นเวลานาน ต่อจากนั้นความสงบก็ถูกทำลายด้วยเสียงเฮที่ดังสนั่น เหล่าหนุ่มสาวต่างถูกจุดประกายไฟในร่าง ผู้คนต่างมองไปยังบนเวที และมองไปยัง บุรุษร่างผอมที่ยืนอยู่กลางเวที ไม่มีใครคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ ข่าวลือที่ว่า องค์ชายผู้นี้มิอาจเบิกชีพจรได้นั้น ในวันนี้ก็ได้กลายเป็นเพียงคำพกลมเท่านั้น
ในตอนนี้ ผู้คนที่เคยคิดและว่าร้ายต่อ โจว หยวนพลันเงียบลง และ แทรกซึมหายไปราวกับไม่เคยปรากฏตัว
เมื่อได้ยินเสียง เฮลั่น โจว หยวนก็พลันยิ้มแล้วประสานมือคารวะให้กับบรรดาผู้คน ต่อจากนั้นเขาก็เดินก้าวไปหา ซู โหยวเหว่ย
เขามองไปยัง ซู โหยวเหว่ย ก็เห็นนางนั้นกำลังเหม่อลอยอยู่เขาจึงอดที่จะกล่าวด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า "ทำไมหรือ หลงเสน่ห์ข้าแล้วรึไร "
ใบหน้าของ ซู โหยวเหว่ย พลันแดงก่ำ ต่อจากนั้นนางก็เค้นเสียงทีนึง แล้วกล่าวว่า: "ท่านปกปิดได้มิดชิดจริงๆ "
เมื่อนางเห็น โจว หยวนประลองกับ หลิน เฟิงนางก็เป็นกังวลมาก และนางก็ไม่คิดว่าโจว หยวนจะซ่อนวิชาอันน่าตกตะลึง ที่สามารถคว่ำหลิน เฟิง ด้วยหมัดเดียว
"ขนาด หลิน เฟิง ยังมิอาจเป็นคู่มือท่านได้ ดูเหมือนว่าท่านจะเป็นอันดับ 1 ในหมู่รุ่นเยาว์ใรปีนี้แล้ว "
โจว หยวนได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มขึ้น เขาไม่ได้สนใจชื่อเสียงตรงจุดนี้ เพราะในเวลานี้เขาตั้งเป้าจะเข้าสำนักชั้น1 เพื่อช่วยเหลือเจ้าตำหนัก ชู รักษาตำแหน่งเสียก่อน
เพราะสำนักวังต้าโจวนั้น สำหรับราชวงศ์ต้าโจวแล้ว นับว่าสำคัญมากนัก
แผนของเขาคือการเข้าสู่ 10 อันดับแรก แล้วมันก็สำเร็จแล้ว ดังนั้นการประลองครั้งต่อไป เขานั้นไม่ได้สนใจมากนัก นอกจากนี้เขาได้เอาชนะ หลิน เฟิงไปแล้ว ทำให้การต่อสู้ครั้งต่อไปย่อมไม่มีความหมาย
เมื่อคิดเช่นนั้นเขาจึงหันไปมองทางระเบียงสูง พลันเห็น ฉี เยว่ ที่กำลังหลบอยู่ในเงามืดด้วยท่าทีอันซับซ้อน เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงส่งยิ้มให้กับ ฉี เยว่
เมื่อเห็นรอยยิ้มของ โจว หยวนใบหน้าของ ฉี เยว่พลันบิดเบี้ยว เขากำหมัดแน่นจนเกิดเสียงกร๊อบแกร๊บ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการหักแขนและขาของเขา แผนที่เขาเตรียมไว้เพื่อตบหน้า โจว หยวน แต่กลับเป็นการช่วย โจว หยวน เพิ่มชื่อเสียงจนเป็นที่โด่งดังยิ่งขึ้น เรื่องนี้มันย่อมทำให้เขานั้นหงุดหงิดไม่สบอารมณ์อย่างแน่นอน
"หึ ช่างโอหังจริงๆ คิดหรือว่าแค่ชนะ หลิน เฟิงแล้วจะช่วงชิง สำนักวังต้าโจว คืนมาได้ " หลิว ซี ขบฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ตระกูลหลิว ของนางเองนั้นก็ขึ้นตรงต่อวังราชันย์ ฉี และตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของ ฉี เยว่ จึงทำให้นางพลันเกิดโทสะขึ้นด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้ก็แค่การสอบใหญ่เท่านั้น แม้เขาจะได้ที่ 1 และจับหลายๆสำนักไว้ได้ แต่ก็แค่พวกระดับกลางเท่านั้น เขาอาจจะไม่รู้ว่า หลิน เฟิง เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า ก็มิอาจแม้กระทั่งเทียบรัศมีของเจ้าได้ " ดวงตาอันงดงามของ หลิว ซี มองไปยัง โจว หยวนด้วยความไม่พอใจจากนั้นก็ปรายตาไปกล่าวกับ ฉี เยว่
ฉี เยว่สูดหายใจเข้าลึก หลังจากข่มความโกรธไว้ได้ เขาก็เริ่มฟื้นท่าทีของเขา.: "วางใจได้ แม้ว่าเขาจะเข้าสำนักชั้นหนึ่งมันก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา เพราะในการทดสอบสำนักสิ้นปี ข้าจะเป็นคนจัดการกับเขาด้วยตัวเอง เมื่อเวลานั้นมาถึง สำนักวังต้าโจว จะตกอยู่ในมือของวังราชันย์ฉี ของข้า "
เมื่อเห็น ฉี เยว่กลับเป็นปกติ หลิว ซี ก็พยักหน้า นางนั้นไม่ได้สงสัยในคำพูดของ ฉี เยว่ แม้ว่าพลังของโจว หยวนจะน่าทึ่ง แต่ ฉี เยว่ นั้นเบิกได้ถึง 6 ชีพจรแล้ว ยิ่งเมื่อถึงการทดสอบสิ้นปี เขายิ่งจะต้องแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
ดังนั้น เมื่อเทียบกับ ฉี เยว่ มีหรือ ที่โจว หยวน จะสู้ได้
แม้ว่านางจะไม่รู้ว่า โจว หยวน นั้นสามารถเพิ่มพูนพลังของตนขึ้นมาได้อย่างไร แต่จากมุมมองของนาง ฉี เยว่นั้นคือบุตรที่สวรรค์โปรดปราน และ โจว หยวน ก็ยังเป็นเพียงองค์ชายขยะ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ ราชวงศต้าโจว ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุม ฉี เยว่และ วังราชันย์ ฉี
นางนั้นหวังอย่างมาก หวังจะเห็นภาพที่ โจว หยวนนั้นพ่ายแพ้ให้กับ ฉี เยว่ นางอยากจะรู้นักว่าเขาจะยิ้มอยู่ได้หรือไม่
บนสนามฝึกนั้น การทดสอบยังดำเนินต่อไป แต่ด้วยการต่อสู้ของโจว หยวน และ หลิน เฟิง ทำให้การต่อสู้อื่นๆถึงกับจืดจางไปในสายตาผู้คน
อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดสอบรอบสุดท้ายจบ ก็นับว่าสิ้นสุดการทดสอบใหญ่
เมื่อเห็นการสอบสิ้นสุดลง ชู เทียนหยาง ก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ มันเป็นเพราะ โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ยต่างติดสิบอันดับแรก นี่ทำให้เขามีความสุขมาก
เพราะเขานั้นชื่นชมในตัว ซู โหยวเหว่ยมาก อีกทั้งยังได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของ โจว หยวนที่เอาชนะหลิน เฟิง ด้วยมือของเขา นอกจากนี้เขานั้นยังรู้ว่า โจว หยวน นั้นสามารถเบิกชีพจรได้ในเวลาไม่ถึงเดือน
ระยะเวลาเพียงเดือนเดียว แต่กลับเบิกได้ 2 ชีพจรอีกทั้งยังเอาชนะ ผู้เบิก 4 ชีพจรอย่างหลิน เฟิง ได้ ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ บางทีอาจจะเหนือกว่า ซู โหยวเหว่ย เสียด้วยซ้ำ
สิ่งที่น่าตกใจเหล่านี้มีหรือที่ ชู เทียนหยาง จะไม่ดีใจ ดังนั้นความหวังในการทดสอบสำนักสิ้นปี มันจึงยังไม่หมดสิ้นไปซะทีเดียว
"การทดสอบใหญ่จบแล้ว มีเพียงคนที่ผ่านการทดสอบจะสามารถเลือกสำนักที่จะเข้าได้ " ชู เทียนหยางกล่าวขึ้นพร้อมมองเหล่าคนรุ่นเยาว์
ต่อจากนั้นดวงตาของเขา ก็มองไปยัง สิบอันดับรุ่นเยาว์แล้วกล่าวว่า: " รุ่นเยาว์ทั้งสิบเอ๋ย มีผู้ใดต้องการเข้าสำนักชั้นหนึ่งบ้าง "
และในตอนนั้น สู่ หง ก็เดินมาข้าง ชู เทียนหยางพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า: "หากเจ้าจะเข้าสำนักชั้นสอง ข้าก็จะยินดีต้อนรับ ขอบอกว่า สำนักชั้น 2 นั้นมีชัยเหนือสำนักชั้น 1 มา 2 ปีแล้ว "
ชู เทียนหยางมองไปยัง สู่ หง ด้วยความโกรธ แต่เขาก็เพียงแค่นเสียงออกมาเท่านั้น
"ข้าเลือกสำนักชั้น 2 "
"ข้าเองก็เลือกสำนักชั้น 2 เหมือนกัน "
"......"
สิ้นเสียงของ สู่ หง ก็มีเสียงรุ่นเยาว์มากมายกล่าวขึ้น ในตอนนี้มี ถึง 7 คนที่เข้าร่วมกับสำนักชั้น 2 แน่นอนพวกเขาคือคนที่ถูกซื้อตัวไปโดย ฉี เยว่
ชู เทียนหยาง เห็นแค่นั้น สีหน้าก็ถึงกับเขียวคล้ำ เพราะแต่เดิมปีก่อนๆ เหล่าสิบอันดับแรกมักจะเลือกเข้าสำนักชั้น 1 เป็นส่วนใหญ่ แต่มาบัดนี้เหลือเพียง 2 ถึง 3 คนเท่านั้น
สู่ หงเห็นท่าทางของ ชู เทียนหยางก็พลันหัวเราะขึ้นแล้วกล่าวว่า: "ดี เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเจ้าก็คือคนของสำนักชั้น 2 ของข้า "
"ข้าเลือก สำนักชั้น 1 " ในตอนนั้น โจว หยวน ก็กล่าวขึ้นขัดจังหวะเสียงหัวเราะของ สู่ หง
"ข้าเองก็เลือกสำนักชั้น 1 เช่นกัน " ซู โหยวเหว่ย กล่าวโดยปราศจากความลังเล
ส่วนคนสุดท้ายนั้นเพียงลังเลนิดน้อยก่อนที่จะเลือกเข้าสำนักชั้น 1 ไป
สู่ หงเห็นว่าผู้ที่โดดเด่นที่สุด 2 คนเข้าร่วมกับสำนักชั้น 1 เขาจึงแค่นเสียงออกมาด้วยความไม่พอใจ
และในตอนนั้น ท่าทางของ ชู เทียนหยางก็ดูผ่อนคลายขึ้น เขาหันไปมอง ทั้ง 3 คนแล้วกล่าวว่า: "ตั้งแต่วันนี้พวกเจ้าก็ล้วนเป็นคนของสำนักชั้น 1 แล้ว "
"เหล่าสำนักทั้งหลาย เริ่มรับศิษย์ได้ "
ชู เทียนหยาง มองไปทางตัวแทนของแต่ละสำนักแล้วกล่าวขึ้น 10 สุดยอดต้นกล้าได้ถูกเลือกเฝ้นแล้ว มันก็ถึงคราวของสำนักอื่นๆ
บนสนามฝึกนั้นเกิดความวุ่นวายเป็นเวลาพักๆ ก่อนที่จะจบลง หลังจากนั้นเหล่ารุ่นเยาว์ก็ได้เข้าร่วมกันในแต่ละสำนักไป
"เมื่อทุกคนได้เข้าสำนักครบแล้ว การทดสอบใหญ่ก็ถือว่าสิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ " เจ้าสำนัก ชู กล่าว
บนสนามฝึกนั้น เหล่ารุ่นเยาว์ก็กล่าวแสดงความเคารพทันที
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เจ้าสำนัก ชู ก็มองไปยัง โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ยพร้อมพยักหน้าให้เบาๆแล้วเดินจากไป
บนลานฝึกในตอนนี้ เหล่าคนหนุ่มสาวนั้นต่างพูดคุยกัน เพราะตั้งแต่วันนี้ พวกเขานั้นได้สิ้นสุดสถานะรุ่นเยาว์และกลายเป็นศิษย์ของสำนักวังต้าโจว เต็มตัวแล้ว
การดูแลอบรมสั่งสอนระหว่างศิษย์สำนัก และ รุ่นเยาว์ นั้นก็ต่างออกไป
โจว หยวนนั้นเรียก ซู โหยวเหว่ย ก่อนเตรียมตัวที่จะจากไป แต่เขาก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจึงเงยหน้าขึ้นมอง ในตอนนั้น ฉี เยว่ ได้จับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินจากไป
โจว หยวน ที่มอง ฉี เยว่ จากไปก็ได้กำหมัดแน่น เขารู้ว่าการต่อสู้กับ ฉี เยว่ มันยังไม่ยุติลง และเมื่อเขาเข้าร่วมกับสำนักชั้นหนึ่ง บางทีการปะทะกันมันจะต้องรุนแรงยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม โจว หยวน หาได้กลัวไม่ เพราะเขารู้ว่า วังราชันย์ฉี นั้นต้องการจะช่วงชิง สำนักวังต้าโจว ในฐานะองค์ชายของราชวงศ์ต้าโจว เขาย่อมไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายสมความปรารถนา
เขายังมิอาจสู้กับราชันย์ฉีได้ในตอนนี้ สำหรับ ฉี เยว่ อีกไม่ช้าเขาย่อมต้องสู้ได้
……………………………………….