px

เรื่อง : ปราณเทวะ เทพหยวน
ตอนที่ 30 เบิกชีพจร จุดที่ 3


ซู่ม!

 

ใบหน้า โจว หยวน ท่วมท้นไปด้วยความตื่นเต้น ร่างอยู่ในทะเลสาบขณะมองไปยังน้ำตกหยกวิญญาณ เขาไม่คาดหวังว่า การใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถสัมผัสได้ถึงบริเวณที่ปราณธุลีหยกหนาแน่น

 

คนอื่นๆนั้นดูดซับปราณธุลีหยกจากกระแสน้ำที่พัดผ่านร่าง แต่เขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ขยายช่วงเวลา แต่ว่าความต่างของทั้ง 2 ไม่สามารถระบุได้

 

" บางทีหากใช้วิธีนี้ อีกเพียงไม่กี่วัน ข้าคงจะสามารถเชื่อมต่อ ชีพจรจุดที่ 3 ได้! "

 

โจว หยวน ได้คาดการณ์ ปกติหากเขาทำการเชื่อมต่อกับชีพจรจุดที่ 3 บางทีอาจจะต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน แต่หากใช้วิธีปัจจุบัน ระยะเวลากลับลดลงไปถึงครึ่ง ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของน้ำตกหยกวิญญาณ แห่งนี้

 

" นี้คงเป็นผลของ จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ขอบเขตเที่ยงเท็จสินะ "

 

โจว หยวน สูดลมหายใจเข้า คนอื่นๆต่อให้ฝึกฝนเคล็ดวิชาฝังจิตวิญญาณ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะสามารถทำเช่นนี้ได้ ฉะนั้นย่อมไม่มีทางสัมผัสถึงปราณธุลีหยก และดูดซับในเวลาเดียวกัน

 

เห้อ!

 

ขณะที่ โจว หยวน ถอนหายใจ เขาก็สลัดน้ำที่เกาะกุมร่าง แล้วค่อยๆกลับขึ้นไป แน่นอนว่าใบหน้างดงามของ ซู โหยวเหว่ย  ที่เคยเป็นสีขาวประดุจดั่งหยก เวลานี้กลายเป็นเขียวคล้ำ

 

แววตาของ โจว หยวน ยังคงกวาดมอง แล้วจู่ๆดวงตาเขาก็ดูวอกแวกส่อพิรุธ ใบหน้าเริ่มร้อนลุ่ม

 

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากเขาเห็น เสื้อผ้าที่เปียกน้ำบนร่างซู โหยวเหว่ย  มันเผยให้เห็นเนื้อหนังที่แนบชิด เกิดเป็นทรวดทรงที่น่าหลงใหลชวนมอง ส่วนโค้งเว้าดูกลมกลืนเป็นธรรมดา ราวกับฤดูใบไม้ผลิ

 

กวัก !

 

แต่ โจว หยวน ก็ไม่คิดจะเอาแต่จ้อง จึงทำทีกวักน้ำลดบนใบหน้า พร้อมกับเงยหน้ามอง ซู โหยวเหว่ย  ก่อนจะพบว่านางกำลังจ้องมาที่เขาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

 

โจว หยวน ได้แต่หัวเราะแห้งๆ

 

เห็น ซู โหยวเหว่ย  กัดฟันแน่น เขาก็ตระหนักได้แล้วว่าการฉวยโอกาสครั้งนี้ล้มเหลว ซึ่งหากเป็นคนอื่นคงโดนฝ่ามือนั้นตบหัวหมุน แต่เมื่อนางพบว่าเป็น โจว หยวน จริงๆแทนที่จะบอกว่านางโกรธ นางกลับรู้สึกเขินอาย มากกว่า

 

" ตาบ้า! "

 

ฝ่ามือที่ขาวประดุจหยก ของ ซู โหยวเหว่ย  ยกขึ้นก่อนที่จะสะบัดน้ำเป็นแส้พุ่งใส่ โจว หยวน โดยอาศัยน้ำในทะเลสาบก่อร่างให้เป็นเกลียวคลื่น ซัดเขาปลิวลงไปในทะเลสาบ ต่อมาร่างนางก็เกิดแสงที่เกิดจากพลังปราณ เพื่อทำให้เสื้อผ้าที่เปียกแห้งระเหย

 

โจว หยวน ที่เปียกไปทั้งตัวได้แต่ส่ายหน้าอย่างอับจน ก่อนจะค่อยๆคลานขึ้นจากทะเลสาบ

 

" ดี ครั้งแรก ทั้งสองคนก็สามารถทนอยู่ในน้ำตกหยกวิญญาณได้ถึง 10 นาที นับว่าอดทนเก่งมาก " ชู เทียนหยาง กล่าวด้วยแววตาพึงพอใจ

 

เดิมทีสำนักแรก มีศิษย์เป็นจำนวนมาก นอกจาก หยาง จ้าย กับ ซ่ง ชิงซุ่ย เวลาที่ศิษย์พี่สำนักแรกทำได้ก็ประมาณ 10 นาที แต่นี้มันเป็นครั้งแรกของศิษย์ใหม่ที่เคยมายังน้ำตกหยกวิญญาณ ฉะนั้นผลงานของ โจว หยวน และ ซู โหยวเหว่ย  จึงนับว่ายอดเยี่ยม

 

บริเวณใกล้เคียง หยาง จ้าย และ ซ่ง ชิวซุ่ย รวมไปถึงศิษยคนอื่นๆล้วนมีสีหน้าประหลาดใจ ดวงตาจับจ้องมายังพวกเขา เกี่ยวกับ ซู โหยวเหว่ย  พวกเขาคิดว่าเวลาเท่านี้นับว่าไม่เกินเลย เนื่องจากนางเป็นผู้เบิก 4 ชีพจร แต่โจว หยวน นั้นแตกต่าง เนื่องจากเขาเบิกได้เพียง 2 ชีพจร แต่เวลาที่ทนได้กับไม่ด้อยไปกว่าผู้เบิก 4 ชีพจร

 

" หึ หากจะบอกว่าเวลาที่เขาทำได้ดีแล้ว คงเป็นการดูถูกน้ำตกหยกวิญญาณแห่งนี้ " แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้น ทำลายบรรยากาศจนทำให้คนสำนักแรกถลึงตาหันไปมองยังต้นเสียง

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาหันไปพบเห็นคนที่กล่าว ที่กำลังเดินเข้ามาช้าๆ

 

โจว หยวน ขมวดคิ้วลง แหงนหน้าขึ้น ก็เห็นว่ามีคนอีกกลุ่มอยู่ไม่ไกล ไม่รู้พวกนี้มาจากไหน แต่หัวแถวที่นำหน้ากลุ่มมาคือ ฉี เยว่ ที่เอามือไขว้หลัง ยึดตัวด้วยท่าทางสง่า เยื้องๆมี หลิว ซี สตรีผู้งดงาม แต่ในเวลานี้ ใบหน้าที่งดงามกำลังจ้องมองคนสำนักแรกเผยให้เห็นถึงความรังเกียจ และเสียงที่ดังขึ้นแน่นอนว่ามันมาจากนาง

 

คนกลุ่มนี้คือศิษย์จากสำนักชั้นสอง ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้ก็เพื่อดูถูกศิษย์สำนักแรก

 

" ไอพวกสำนักชั้นสอง " หยาง จ้าย เต็มไปด้วยความโกรธ ขณะที่คนอื่นๆก็เปี่ยมไปด้วยความไม่พอใจ เนื่องจากพวกเขากำลังฝึกฝนบ่มเพาะ แต่สำนักชั้นสองกลับมาก่อกวน

 

โจว หยวน ก็ใช้สายตาที่เย็นชากวาดมอง หลิว ซี ผ่านๆ พร้อมกับกล่าวโดยไม่แยแส " ครั้งแรกที่มาน้ำตกหยกวิญญาณเจ้าทนได้นานแค่ไหน "

 

ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าของ หลิว ซี ก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจ

 

ฉี เยว่ กล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า " องค์ชายโจวหยวน ทำไมถึงนำตัวไปเทียบกับแม่นาง หลิว ซี ล่ะ ส่วนข้าครั้งแรกทนได้นานแค่ไหนข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ ข้านึกไม่ออกจริงๆ แต่คงจะราวๆสัก 30 นาที เห็นจะได้ "

 

แม้รู้ว่า ฉี เยว่ ตั้งใจจะมาก่อกวน แต่พอได้ยิน หยาง จ้าย ซ่ง ชิวซุ่ย และศิษย์สำนักแรกคนอื่นๆล้วนค่อนข้างจะตกตะลึง ครั้งแรกก็สามารถทนได้ 30 นาที แต่พวกเขาล่ะ ? ปัจจุบันยังทนได้แค่ 20 นาที

 

สำนักชั้นสองที่มี ฉี เยว่ มันจึงทำให้สำนักแรกต้องตกเป็นรองอยู่วันยังค่ำ

 

ทันใดนั้น ขวัญกำลังใจของคนสำนักแรกก็ยิ่งถดถอย

 

" พวกเจ้าจะมาบ่มเพาะรึ ?! " ขณะที่พวกเขาพากันเงียบ ชู เทียนหยาง ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน่ากลัว จากนั้นก็จ้องไปยัง ฉี เยว่ และคนอื่นๆ ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวแล้วบอกว่า " แต่นี้ยังไม่ถึงเวลาของสำนักชั้นสอง อย่าได้เข้ามารบกวนการฝึกฝนของผู้อื่น ไม่เช่นนั้นจะต้องรับโทษตามกฏ! "

 

เห็นแววตาที่เย็นชาของ ชู เทียนหยาง ศิษย์สำนักชั้นสองก็พากันก้มหน้า ทว่า ฉี เยว่ ก็ไม่สนใจยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า " ท่านเจ้าสำนัก อย่าพึ่งมีโทสะ เราแค่พากันมารอเวลาที่จะได้ใช้น้ำตกหยกวิญญาณล่วงหน้า อีกอย่างหากเพียงแค่เรามองดูอยู่ตรงนี้ แล้วเป็นการรบกวนการฝึกฝน งั้นศิษย์สำนักแรกก็คงบ่มีไก้ "

 

ได้ยินคำพูดนั้นของอีกฝ่าย ศิษย์สำนักแรกมากมายต่างก็ถึงกับมีโทสะจนก้าวเข้ามา

 

" กลับไปฝึก! " ชู เทียนหยาง ค้อนด้วยแววตาเย็นชา ก่อนจะหันออกจาก ฉี เยว่ ตะโกนเพื่อให้ศิษย์สำนักแรกสงบ

 

หยาง จ้าย และคนอื่นๆ ได้ยินแบบนั้นก็หันกลับไปก่อนจะตรงไปทางน้ำตกหยกวิญญาณอีกครั้ง ด้วยท่าทางห่อเหี่ยวเล็กน้อย

 

" เจ้าหมอนี่มันน่ารังเกียจชะมัด!!! " ซู โหยวเหว่ย  กล่าวเสียงต่ำ เห็นได้ชัดว่าทุกคนได้รับผลกระทบจากการก่อกวนของ ฉี เยว่

 

ส่วน โจว หยวน ใช้นิ้วชี้ไปยัง ฉี เยว่ แล้วกล่าวว่า " แค่ " ครึ่งชั่วโมง คิดว่านานแล้วรึ ? "

 

หลังจากที่เขาทิ้งท้ายกับ ฉี เยว่ เขาก็ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ หันไปอีกด้าน ตรงไปยังทางน้ำตกหยกวิญญาณ ที่พวกมันมานี่ก็เพื่อต้องการทำลายขวัญของสำนักแรก ฉะนั้นวันนี้ เขาย่อมไม่อาจปล่อยให้อีกฝ่ายข่ม ทำแผนลุล่วง

 

" โอหังจริงๆ! ดูท่าทางของมันสิ ทำราวกับว่าจะสามารถเทียบกับเจ้าได้ " หลิว ซี มองไปยัง โจว หยวน ขณะที่อดยิ้มด้วยความเยาะเย้ยดูถูกไม่ได้ เห็นได้ขัดว่าคำพูดที่โจว หยวน กล่าวมันเป็นแค่ความดันทุรัง ดื้อดึง

 

แม้ว่าฝีมือของ โจว หยวน ที่แสดงในการสอบจะเป็นที่กล่าวขวัญ แต่ต้องดูก่อนว่าคู่ต่อสู้เป็นใคร และนี่ก็คือ ฉี เยว่ ศิษย์ที่โดดเด่นมากที่สุดของสำนักวังต้าโจว

 

ฉี เยว่ เพียงแค่ยิ้มขณะที่กล่าวด้วยใบหน้าขบคิด " ข้าละอยากจะรู้จริงๆ ว่ามันจะใช้วิธีไหน หวังว่ามันจะไม่น่าเบื่อหากมันยอมแพ้ง่ายๆโดยไม่ทุกข์ทรมาน "

 

ศิษย์จากสำนักชั้นสองต่างก็พยักหน้า พวกเขาไม่รู้ว่าด้วยพลังของ โจว หยวน ที่เบิก 2 ชีพจร จะเอาอะไรมาเทียบกับ ฉี เยว่

 

คนจากสำนักชั้นสองมองตาม โจว หยวน ที่เดินเข้าไปยังน้ำตกหยกวิญญาณอีกครั้ง ตรงช่วงบริเวณที่ที่กระแสน้ำร่วงลงมาอย่างบ้าคลั่ง โดยปราศจากซึ่งความลังเล ก้าวเท้าเหยียบเข้าไปโดยตรง

 

ซู่มม

 

ร่างของโจว หยวน กวาดผ่านกระแสน้ำตก สองเท้านั่งขัดติดกับเนินหิน ท่ามกลางมวลน้ำมหาศาลกระแทกลงมาไม่หยุดยั้่ง ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างจะปิดลง ใช้จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์เพ่งสมาธิบริเวณหน้าผาก

 

สิ่งที่เกิดขึ้นคนทั่วๆไปย่อมยากจะรับรู้ เพราะมันดำเนินไปอย่างเงียบงัน เวลานี้เขาสัมผัสได้ถึงปราณธุลีหยกที่ถูกกระแสน้ำพัดพาตามกระแสน้ำ กระทบร่างกายของ โจว หยวน

 

เวลาเดียวกันลวดลายรูปแบบก่อเกิดบนแผ่นหลังก็ทำการดูดซับปราณธุลีหยกเข้าสู่ภายในร่างกาย อย่างต่อเนื่อง

 

กระแสปราณร้อนและเย็น ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง โจว หยวน สร้างความเจ็บปวดที่รุนแรง ปราณร้อนและเย็นยังคงกระแทกเข้ามาไม่หยุด แต่นั้นก็นับเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดี

 

ช่วงแรกๆ โจว หยวน ก็ยังมีอาการโอนเอนบ้าง บัดนี้คงทรงตัวมั่นคง เสมือนกับหินผาที่ทัดทานกระแสน้ำตก

 

ปราณธุลีหยกที่ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่อง ได้ทะลวงเข้าสู่ชีพจรจุดที่ 3 ทำให้ชีพจรที่ 3 ทำการเบิกออก

 

ซู่ม! ซู่ม!

 

ภายในทะเลสาบ มีศิษย์ที่ถูกน้ำตกซัดล่วง คนแล้วคนเล่า แต่อาจเป็นเพราะความสิ้นหวัง ครั้งนี้ศิษย์หลายคนหากเทียบกับเวลาก่อนหน้านี้ ไม่สามารถยืนยัดได้นาน

 

เห็นเช่นนั้น สีหน้าของ ชู เทียนหยาง ก็ดูมืดมน

 

ทว่า ฉี เยว่ หลิวซี และ ศิษย์จากสำนักชั้นสอง ใบหน้าต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ก่อตัวหนาขึ้น

 

ซู่ม!

 

ต่อมา ซู โหยวเหว่ย  ก็ร่วงลง ครั้งนี้นางสามารถทนได้ถึง 20 นาที ซึ่งมันก็ทำให้ศิษย์สำนักแรกพากันอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เนื่องจากคราวนี้นางทนได้พอๆกับ หยาง จ้าย และ ซ่ง ชิวซุ่ย ในช่วงสั้นๆ

 

ผลลัพธ์ของ ซู โหยวเหว่ย  ทำให้ สีหน้า ชู เทียนหยาง ค่อยๆกลับมาดีขึ้นเล็กน้อย

 

ถัดจาก ซู โหยวเหว่ย  ต่อมาก็เป็น หยาง จ้าย และก็ ซ่ง ชิวซุ่ย ที่ร่วงลงไปในลำธาร ขณะที่ได้แต่ถอนหายใจด้วยความหม่นหมอง เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถทนได้ถึง 30 นาที

 

ขณะที่ผู้คนพากันเงียบ บรรยากาศจมไปด้วยความหดหู่ จู่ๆ ซู โหยวเหว่ย  ก็ส่งเสียงตกใจ " โจว หยวน ยังอยู่อีกหรอ "

 

ได้ยินแบบนั้นผู้คนต่างก็พากันตกใจ ก่อนจะหันไปมองยัง น้ำตกหยกวิญญาณ ขณะที่เห็นเงาร่างของใครบางคน

 

" โจว หยวน ทนได้ถึง 30 นาทีแล้ว! " ซ่ง ชิวซุ่ย พูดพร้อมกับนำมาขาวๆมากุมปากแดงๆ ด้วยน้ำเสียงแตกตื่น

 

หยาง จ้าย ถึงกับกุมขมับ ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

จริงๆแล้ว ซู โหยวเหว่ย  นางขมวดคิ้วลง ม่านตาค่อยๆหดแคบ เนื่องจากนางกังวลว่า โจว หยวน ที่ทนได้เช่นนี้ เพราะฝืนตัวเอง เช่นนั้นมันอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อร่างกาย ส่งผลต่อการเบิกชีพจร

 

" น่าสนใจจริงๆ " ฉี เยว่ อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา เขามองไปที่น้ำตกเห็นเงาจางๆ ในแววตาลึกลงไปนั้นเต็มไปด้วยการดูถูก ในความคิดของเขาสิ่งที่ โจว หยวน ทำเป็นการหาเรื่องใส่ตัว

 

" ข้าอยากจะรู้จริงๆว่ามันจะฝืนได้อีกนานแค่ไหน " หลิว ซี ก็แสยะยิ้ม ใบหน้าเผยให้เห็นความสุข ต่อคราวเคราะห์ของผู้อื่น

 

เวลานี้แววตาทุกคู่ต่างจ้องไปยังในน้ำตก มีเพียง ซู โหยวเหว่ย  ที่ไม่อยากเห็น โจว หยวน มีสภาพทุกข์ทรมาน

 

เวลายังคงดำเนินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

30 นาที

 

40 นาที

 

. . . . . . .

 

1 ชั่วโมง!

 

เมื่อเวลาดำเนิมาครบ 1 ชั่วโมง ทุกคนต่างก็พากันเงียบสนิท บัดนี้แววตาของ ฉี เยว่ ถึงกับเริ่มสั่นเครือ ขมวดคิ้ว พร้อมกับที่เริ่มกระวนกระวาย

 

ศิษย์จากสำนักชั้นสองเหล่านั้นต่างก็หันไปมองหน้ากันด้วยความตะลึง ครึ่งชั่วยาม(1ชั่วโมง) ภายในสำนักชั้นสอง นอกจาก ฉี เยว่ ก็ไม่มีใครสามารถทำได้ แต่ต้องรู้ก่อนว่า ฉี เยว่ นั้นเบิก 6 ชีพจร

 

แต่ โจว หยวน ? เบิกแค่ 2 ชีพจร!

 

" ไอเจ้านี่มันเป็นตัวปัญหาจริงๆ! " หลิว ซี ขบฟันแน่นขณะที่พูด

 

ปุ้งง!

 

แต่เมื่อสิ้นเสียงของนาง ภายในน้ำตกก็เกิดเสียงดังขึ้น จากบริเวณ โจว หยวน ก่อนที่ร่างกายจะหล่นลงไปในทะเลสาบ

 

ในทะเลสาบ ร่างภายนอกของ โจว หยวน ยังดูปกติ แต่ทว่าดวงตาทั้งสองข้างยังคงปิดสนิท

 

หลิว ซี เห็นแบบนั้นก็แสยะยิ้มและกล่าว " ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบไม่น้อย"

 

ช่วงที่นางหัวเราะเยาะ จู่ๆโจว หยวน ที่อยู่ในทะเลสาบก็เปิดตาทั้งสองข้าง เวลาเดียวกันแสงอันมาจากพลังปราณก็หมุนรอบๆตัว จนทะเลสาบเกิดเป็นเกลียวคลื่น

 

กระทั้งอาภรณ์ที่สวมอยู่บนร่างกายก็พัดปลิว ปราณฟ้าดินทะลักเข้าสู่ภายในร่างกายอย่างท่วมท้น ทำให้พลังปราณเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วฉับพลัน

 

" นี่มัน?! " ฉี เยว่ หลิว ซี และศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็ต้องตะลึง

 

" เป็นไปได้ยังไง ? ! "

 

ซู โหยวเหว่ย  หยาง จ้าย , ซ่ง ชิวซุ่ย ถึงกับสูดลมหายใจเข้า

 

กระทั้ง สีหน้าของ ชู เทียนหยางก็ยังเปลี่ยนแปลง แววตาทั้งสองที่กำลังส่องประกายจดจ้องไปยัง โจว หยวน ก่อนจะพูดขึ้นว่า " ไม่น่าเชื่อ. . . .ว่าจะเบิก ชีพจรจุดที่ 3 ได้ ?! "

 

จบตอน 30

 

รีวิวผู้อ่าน