Chapter 12: ทักษะต่อสู้ที่หาที่เปรียบมิได้
ขาอันขาวนวลโผล่มาจากชุดสีชมพูเข้าปะทะขาที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของฉินมู่
แม้ว่าขาของศิษย์น้องฉิงนั้นจะยาวและดูนุ่มนวล แต่มันมีแรงอันน่าทึ่งที่ซึ่งเปรียบได้กับมีดที่คมกริบและยังมีแรงยังกับขวาน ขาของฉินมู่นั้นหนากว่ามากแต่ก็ยังดูสง่าสงามและเบา ราวกับว่ามันไม่ได้มีแรงอะไรมากมายนัก
ปังๆๆ !
ขาของทั้งคู่เข้าปะทะกันพร้อมกับเสียงดังสนั่น ขาทั้งคู่ของศิษย์น้องฉิงนั้นเหมือนกับได้รับลูกเตะมหาศาล ทักษะขาของฉินมู่นั้นเร็วเกินไปที่จะตอบโต้ได้ !
ในตอนที่ฉินมู่เตะโหมกระหน่ำเข้าไป แรงมหาศาลในขาของเธอก็หมดความหมาย แรงนั้นได้หายไปจากขาของเธอราวกับว่าขาของฉินมู่กลืนกินมันไป
“ บ้าเอ้ย.... ! “
ในตอนที่ฉินมู่คอยเตะกระหน่ำใส่ศิษย์น้องฉิงนั้น ความเจ็บที่ขาของเธอนั้นเริ่มที่จะชาลงไป ลูกเตะของเขาอัดเข้าที่เอว, อกและลำคอของเธออย่างกับพายุที่พัดโหมกระหน่ำใส่ต้นกล้วย
หลังจากโจมตีเสร็จ ตัวของฉินมู่ได้หมุนไปกับอากาศพร้อมกับหมุนตัวขึ้นก่อนจะใช้ส้นเท้าสับลงมา ลูกเตะนี้แตกต่างจากทักษะขาที่เข้าใช้ปกติ ลูกเตะก่อนหน้านี้ได้เสียความแรงไป เพื่อเพิ่มความเร็วที่ซึ่งลูกเตะตอนนี้ของเขานั้นปลดปล่อยแรงออกมาจำนวนมาก
ปัง !
ฉินมู่สับส้นเท้าลงมาเข้าใส่ศิษย์น้องฉิงที่ตรงหน้า จมูกของเธอฝังเข้าไปในหน้าและกระดูกก็แตกละเอียดบินออกมาจากปาก กระดูกตางคางเองก็ยังแตกเป็นชิ้น ๆ
ศิษย์น้องฉิงกระเด็นออกไปที่ซากปรักหักพังอย่างกับลูกธนูที่ถูกยิงออกไป !
ผลลัพธ์นี้พิสูจน์สิ่งที่ฉินมู่คิดไว้
ทักษะขาสวรรค์นั้นดีที่สุด !
ฉินมู่ไม่กล้าที่จะประกาศบอกว่ามันดีที่สุดในโลกแต่แน่นอนว่ามันต้องดีที่สุดในหมู่บ้าน
แม้ว่าทักษะขาของศิษย์น้องฉิงนั้นจะดูโหดร้ายและยากที่จะเอาชนะได้ แต่ฉินมู่นั้นได้ทำให้เธอบาดเจ็บได้อย่างรุนแรงก่อนที่จะสามารถแตะต้องเขาได้ !
อีกอย่าง ฉินมู่นั้นไม่ได้ใช้พลังฉีภายในเลย เขาพึ่งแต่แรงที่ร่างกายตัวเองมี ศิษย์น้องฉิงกลับส่งพลังฉีของเธอลงที่ขาเพื่อเพิ่มแรงและเร่งความเร็วให้กับทักษะที่เธอใช้ แต่แม้ว่าจะทำแบบนั้นแต่เธอกลับโดนเอาชนะได้ในแลกเปลี่ยนกันเพียงครั้งเดียว !
ในตอนที่เขาเตะศิษย์น้องฉิงออกไป ฉินมู่ รู้สึกได้ว่าผมของเขาลุกซู่ขึ้นมา ความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงอันตรายนั้นปะทุขึ้นมาในหัวใจของเขา เมื่อไม่มีเวลาที่จะหันกลับไปมอง เขาได้รีบวิ่งไปข้างหน้าต่อทันที
ศิษย์พี่กู่นั้นโผล่มาด้านหลัง ฉินมู่ และปลดปล่อยการโจมตีที่ถึงตายออกมา ! การโจมตีของเขาควรจะโดน ฉินมู่ได้ง่าย ๆ แต่เขาไม่คิดว่าฉินมู่จะสัมผัสได้ถึงสิ่งรอบข้าง !
ทั้งคู่คอยกระโดดจากหลังสัตว์อสูรไปทีละตัว ๆ การเคลื่อนที่ของศิษย์พี่กู่นั้นรวดเร็วอย่างที่คาดเอาไว้ อีกทั้งเขายังปล่อยการโจมตีอันโหดร้ายโดยเล็งไปที่หัวใจของฉินมู่ ฉินมู่นั้นไม่เหลือเวลาที่จะพุ่งไปข้างหน้าต่อจึงต้องใช้แขนทั้งสองข้างของเขากันการโจมตีเอาไว้
8 ฝ่ามือสายฟ้าพุทธองค์พันกร !
ศิษย์พี่กู่นั้นช็อคในเสี้ยวพริบตาที่ฉินมู่ได้หันหลังกลับมาเผชิญหน้าเขา ฉินมู่นั้นยังคงกันการโจมตีทั้งหมดได้โดยราวกับว่าฉินมู่นั้นมีแหลายแขน ศิษย์พี่กู่นั้นไม่เคยได้ยินทักษะแบบนี้มาก่อน !
แม้ว่าพุทธองค์พันกรของฉินมู่นั้นจะไม่เหมือนกับของเฒ่าหม่าที่ซึ่งมีเสียงคำรามของสายฟ้าและการโจมตีแต่ละครั้งเองก็รวดเร็วไม่ต่างจากแสง แต่มันก็ยังคงมีกระแสลมที่พัดผ่านไปมาซึ่งรวดเร็วพอ ๆ กับแสงอยู่ แม้ว่าตอนนี้เขาจะวิ่งอยู่บนหลังสัตว์อสูรพร้อมกับมีศิษย์พี่กู่คอยไล่ตาม แต่การป้องกันของฉินมู่นั้นแข็งแกร่งอย่างมากและป้องกันไม่ให้ศิษย์พี่กู่มีโอกาสได้เปรียบได้เลย
“ แกร๊ง -- ! “
น่องของฉินมู่ชาขึ้นมากับเสียงปะทะของเหล็ก ทันใดนั้นเขาก็มองไปที่แขนของเขาและพบว่ามีเลือดไหลออกมาจากจุดที่เขาโดนดาบคม ๆ เฉือนเข้ามา
ฉินมู่กลิ้งออกมาบนหลังของอสูรและวิ่งไปใต้ท้องของมัน ศิษย์พี่กู่เองก็ตามไปติด ๆ เช่นกัน มือของเขานั้นว่างเปล่าแต่ดาบเงินนั้นได้บินกลับไปแล้วลอยอยู่รอบตัวเขา
นัยน์ตาของฉินมู่จับจ้อง การควบคุมดาบของศิษย์พี่กู่นั้นดีกว่าศิษย์น้องฉิงมาก เธอควบคุมและทำให้มันบินได้ห่างจากตัวไปหลายหลาเข้าโจมตีศัตรูจากที่ไกล ๆ ศิษย์พี่กู่นั้นคอยรักษาระยะของดาบนั้นให้อยู่ห่างตัวแค่เพียงหลาเดียวเท่านั้น
นี่คือความอันตรายอย่างยิ่งยวด
การควบคุมดาบในการต่อสู้ระยะไกล้นั้นสามารถรู้ผลลัพธ์ได้ง่ายดายถ้าทำให้คู่ต่อสู้บาดเจ็บได้ การทำแบบนั้นต้องมีทักษะที่โดดเด่นและหมายถึงการควบคุมที่ชำนาญพอที่จะมั่นใจขนาดนี้ได้
ถ้าไม่จัดการพลังงานฉีให้แม่นยำ คน ๆ นั้นจะไม่กล้าควบคุมดาบให้อยู่ใกล้ตัวแบบนี้ !
“ ปู่ฆ่าสัตว์และคนอื่นไม่เคยบอกข้าถึงวิธีนำพลังฉีภายในมาใช้และผู้ใหญ่บ้านเองก็ไม่เคยบอกข้าถึงวิธีใช้พลังฉีของร่างราชันย์ ” ฉินมู่คิด “ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ข้าคงมีแต่เสียเปรียบเท่านั้น ! ”
เท้าของฉินมู่อัดเข้ากับกิ่งไม้ที่กลุ่มสัตว์อสูรวิ่งฝ่าต้นไม้มา ฉินมู่ใช้ปลายเท้าของตัวเองสะกิดกิ่งไม้มาไว้ในมือ กิ่งไม้นี่มาจากต้นหลิวซึ่งยาวประมาณ 2 หลาและหนาพอ ๆ กับต้นขาคน
เขาคว้าไปที่กิ่งไม้ ฉินมู่ขยับอย่างรวดเร็ว เขาจับจ้องไปที่ดาบในมือของศิษย์พี่กู่
ฉินมู่นั้นส่งพลังฉีของตัวเองลงไปที่กิ่งไม้ ทำให้วิ่งไปตามท่อนไม้ทั้งแท่งแต่เมื่อพลังฉีภายในแผ่ไปได้ 16 นิ้วของไม้ เขาก็สัมผัสพลังฉีที่เกินความยาวนั้นไม่ได้อีก
16 นิ้วนั้นถือว่าสั้นเกินไป การสู้กับดาบบินด้วยความยาวแค่นี้มันอันตรายเกินไป
ศิษย์พี่กู่พุ่งเข้ามาพร้อมกับดาบบินที่บินวนอยู่รอบตัว มันราวกับว่ามีนักดาบล่องหน คอยกวัดแกว่งดาบนั่นเข้าโจมตีฉินมู่ด้วยรูปแบบที่สลับซับซ้อน
ชิๆๆๆๆ !
ด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งก็ทำให้กิ่งวิลโลว์นั้นสั้นลงมาเหลือ 16 นิ้ว ในตอนที่ดาบฟันเข้ามาอีกครั้ง มันก็เกิดเสียงปะทะดังขึ้นมาราวกับปะทะกับเหล็ก
ฉินมู่โล่งใจในตอนที่เขาเห็นว่าพลังฉีภายในของเขาที่เคลือบในกิ่งไม้นั้นสามารถกันการโจมตีของดาบได้ เขายังคงจับตาดูใบมีดของดาบบินและคอยใช้กิ่งไม้นั้นเป็นเหมือนมีดฆ่าหมูของเขา เขาใช้ท่อนไม้ในการปลดปล่อยทักษะที่ปู่ฆ่าสัตว์สอนเขามา !
พายุทมิฬทลายเมือง !
เขาสลัดความคิดทุกอย่างพร้อมกับเพ่งสมาธิไปกับการปลดปล่อยทักษะมีดนี้ออกมา !
เร็วขึ้นอีก เร็วอีก เร็วอีก !
ปู่ฆ่าสัตว์นั้นบอกว่าทักษะมีดของเขานั้นคือทักษะฆ่าหมู แก่นแท้ของทักษะนี้อธิบายได้เพียงคำเดียวคือเร็วขึ้นไปอีก !
ความเร็วที่ยิ่งกว่าแสงที่ซึ่งคอยกัดกินเงา เร็วซะจนในตอนที่ผู้ใช้ยกมือขึ้นเพื่อใช้ทักษะนี้ หัวของหมูนั้นจะร่วงหล่นจากร่างกายของมันทันที !
เขาเพ่งไปที่หัวใจและใช้ความคิดเพ่งไปที่มีดตัวเอง ฉินมู่เหวี่ยงกิ่งหลิวไปตามความคิด ทั้งเขาและศิษย์พี่กู่ นั้นได้พุ่งเข้าหากันโดยอยู่ใต้ตัวของสัตว์อสูร เสียงเหล็กปะทะกันดังขึ้นทุกครั้งที่พวกเขาเข้าปะทะกัน ขาขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรนั้นเป็นเหมือนกับเสาที่ตำลงมาจากท้องฟ้าบดขยี้สิ่งที่อยู่ตรงพื้นดิน แค่ประมาทเพียงนิดเดียวนั้นจะทำให้พวกเขาถูกบดขยี้เป็นชิ้น ๆ !
ทุกขั้นตอนในการต่อสู้นั้นดูยุ่งเหยิง แต่พวกเขานั้นก็ต่อสู้กันตามจังหวะอันลึกลับ เมื่อไหร่ก็ตามที่สัตว์อสูรจะกระทืบพวกเขา พวกเขาจะสามารถหลบการกระทืบของสัตว์พวกนั้นได้
ในตอนที่พวกเขาต่อสู้กัน ศิษย์พี่กู่ได้เริ่มหงุดหงิดและช็อคมากขึ้นเรื่อย ๆ กับสถานการณ์ตอนนี้
เขาเริ่มโดนปีศาจน้อยโจมตีกลับบ้างแล้ว !
ท่อนไม้ในมือฉินมู่นั้นยาวแค่ะ 16 นิ้ว
นี่มันไม่ใช่ว่ามันเป็นแค่ท่อนไม้สั้น ๆ หรอกหรือ ?
ดาบของเขานั้นมีความยาวตั้ง 2 หลา ทักษะการควบคุมดาบที่เขาปรับพลังฉีของเขาให้เป็นเส้นและใช้มันในการควบคุมดาบนั้น เขาได้เรียนรู้มาจากผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่ ผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่นั้นเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่ซึ่งสามารถทำลายกำแพงนภาสวรรค์ลงได้และสามารถปลุกจุดนภาสวรรค์ขึ้นมาได้อีก แค่นี้ก็บ่งบอกว่าทักษะนี้มันวิเศษแค่ไหนแล้ว
นอกจากทักษะควบคุมดาบแล้ว ศิษย์พี่กู่ยังใช้ทักษะหมัดที่ผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่สร้างขึ้นมาที่เรียกว่าทักษะแม่น้ำหลี่ นี่เป็นทักษะแรกที่เปลี่ยนพลังฉีออกมาใส่แขนทั้งสองข้างทำให้มันปะทุออกเหมือนกับแม่น้ำที่เชี่ยวกราด
เขายังไม่ได้ฝึกมันจนถึงระดับทักษะสวรรคต์ แต่พลังของมันก็ไม่ใช่น้อย ๆ เช่นกัน มันสามารถทำลายก้อนหินให้กลายเป็นผุยผงได้
แต่เมื่อต้องเจอกับท่อนไม้ของปีศาจน้อยนี่ ทักษะสุดยอดสองอย่างนั้นเต็มไปด้วยข้อผิดพลาด ท่อนไม้นั้นสามารถทำลายการป้องกันของเขาได้และเข้าโจมตีตามลำตัวของเขา
แล้วจะไม่ให้เขาหงุดหงิดได้ยังไง ?
แต่เขากลัวมากกว่าที่รู้สึกหงุดหงิด
ถ้าเปลี่ยนท่อนไม้นั้นเป็นมีดแทนล่ะก็....
ศิษย์พี่กู่ไม่กล้าที่จะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น !
สิ่งพวกนี้มันน่ากลัวเกินไป ความสูงของเด็กนี่ยังไม่ถึงระดับอกเขาเลย เด็กนี่อายุเพียง 11 รึ 12 ปีเท่านั้น ! แม้ว่าจะเริ่มบ่มเพาะมาตั้งแต่อยู่ท้องแม่ แต่เขาก็ไม่ควรที่จะมาอยู่ในระดับที่มีทักษะอันน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้
“ การบ่มเพาะของพลังฉีเด็กนี่มัน.... ” ศิษย์พี่กู่คิดกับตัวเองพร้อมกับเห็นจุดอ่อนของฉินมู่ และทำใจเย็นลง “ ทักษะของเขาทรงพลังก็จริงแต่การบ่มเพาะของเขายังคงอ่อนแอ จริง ๆ แล้วมันควรจะพูดให้เจาะจงว่าเขาไม่ได้มีร่างวิญญาณ เขาอาจจะเป็นแค่คนธรรมดาก็ได้ ... ”
เขาได้ข้อสรุปสุดท้ายมา
ฉินมู่นั้นเป็นคนธรรมดา เขาไม่ได้มีร่างวิญญาณและยังไม่ปลุกจุดแก่นวิญญาณสวรรค์ เขาทำการบ่มเพาะเพียงแค่ใช้ทักษะทั่วไปอย่างทักษะเตาหยินที่ทำให้เขาสามารถพัฒนาพลังฉีภายในได้
แต่พลังฉีภายในที่คนทำมาบ่มเพาะมานั้นไม่ได้มีคุณสมบัติใด ๆ ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้มากนัก นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทักษะโจมตีของฉินมู่ที่แม้ว่าจะดีกว่าของศิษย์พี่กู่ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรมาก พวกมันไม่ได้มีพลังในตอนที่โจมตีออกมามากมายเลย
“ ทักษะมีดของปีศาจน้อยนี้น่าจะเป็นทักษะสวรรค์ เขาฝึกมันมายังไม่มากพอที่จะปลดปล่อยพลังสูงสุดของมันมาได้ ” ศิษย์พี่กู่คิด “ ถ้าข้าได้ทักษะนี้มาล่ะก็... ”
หัวใจของศิษย์พี่กู่เริ่มรู้สึกดีขึ้น แม้ว่าฉินมู่นั้นจะไม่สามารถใช้ทักษะนี้ออกมาได้อย่างเต็มที่ แต่เขานั้นกลับกัน เขาสามารถแสดงพลังบางส่วนของมันมาได้ ถ้าทักษะมีดนี่ตกอยู่ในมือของเขาแทน แน่นอนว่ามันจะต้องน่ากลัวอย่างมาก !
เขาบอกได้เลยว่าทักษะมีดของฉินมู่นั้นเป็นทักษะหนึ่งในการต่อสู้
ทักษะสวรรค์ของการต่อสู้และทักษะการควบคุมดาบนั้นแตกต่างกัน ทักษะการควบคุมดาบนั้นทำให้มือของคนที่ใช้ว่างทำให้ดาบนั้นบินไปมาและฆ่าศัตรูด้วยตัวมันเอง และช่วยทำให้ทักษะดาบของคน ๆ นั้นว่องไวขึ้น มือที่ว่างนั้นก็สามารถเข้าโจมตีศัตรูได้ ผลก็คือมันมีรูปแบบการต่อสู้มากกว่า
ทักษะต่อสู้นั้นแตกต่างกันออกไป
ทักษะต่อสู้นั้นต้องให้ผู้ใช้นั้นใช้มือของตัวเองในการควบคุมอาวุธ พร้อมกับปล่อยพลังฉีเข้าในอาวุธของตนเพิ่มพลังโจมตีของอาวุธนั้น ๆ และทำให้ทักษะสวรรค์นี่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม !
ไม่กี่ร้อยปีก่อนในตอนที่ทักษะทั้งสองอย่างนี้มีตัวตนอยู่ ผู้ฝึกฝนที่ซึ่งบ่มเพาะทักษะต่อสู้และผู้ฝึกฝนที่บ่มเพาะทักษะควบคุมดาบนั้นมักจะเกิดการถกเถียงกันว่าทักษะใดเหนือกว่า
แต่อยู่ ๆ อัจฉริยะผู้ใช้ทักษะการควบคุมดาบนั้นได้ปรากฏตัวออกมาและเริ่มฆ่าฟันผู้ที่บ่มเพาะทักษะต่อสู้ คนเหล่านั้นไม่แต่ถูกฆ่าไม่ ก็พิการรึหนีไปได้
อัจฉริยะคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นคนที่เป็นรองจากเทพ ! คนที่จักรพรรดิแห่งดินแดนนิรันดร์ได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นผู้คุ้มกฎ !
เหลือคนที่บ่มเพาะทักษะต่อสู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น เพราะตระกูลใหญ่นั้นไม่มีคนสืบทอดต่อทำให้ทักษะต่อสู้ระดับสูงจึงได้สูญหายไป มีเพียงทักษะต่อสู้ระดับต่ำเท่านั้นที่ถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น
แต่ทักษะต่อสู้ระดับสูงนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ และศิษย์พี่กู่นั้นเชื่อว่าทักษะมีดที่ฉินมู่ได้ใช้ออกมานั้นเป็นของทักษะต่อสู้ระดับสูงจริง ๆ !
“ ข้าต้องเอาทักษะนั้นมาให้ได้ ! ” ศิษย์พี่กู่พูดขึ้นมาในใจ “ เมื่อข้าเอาชนะเขาได้ ข้าจะบังคับให้เขาเผยถึงวิธีการบ่มเพาะของทักษะต่อสู้นี้ให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ! ”
ท่อนไม้ของฉินมู่นั้นยังคงโหมกระหน่ำเข้าโจมตีศิษย์พี่กู่ที่ซึ่งทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อที่จะกันการโจมตีพวกนั้น เขาไม่สามารถกันการโจมตีทั้งหมดได้และจึงได้รับการโจมตีกว่าร้อยครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ
ศิษย์พี่กู่เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีก ใบหน้าของเขาบวมเปล่งขึ้นมาและบาดแผลตามตัวก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งเขาหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ยิ่งมีข้อผิดพลาดมากเท่านั้น ทำให้จำนวนครั้งที่โดนโจมตีมีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ
มันเป็นแค่ท่อนไม้ธรรมดาไม่ได้มีพลังอะไร แต่ในตอนที่มันรวมกับแรงของฉินมู่เข้าไปแล้วใช้โจมตี พลังโจมตีของมันจึงเริ่มเพิ่มขึ้นไปอีก ร่างกายของศิษย์พี่กู่นั้นรับการโจมตีจากท่อนไม้นี้ไปจำนวนมากและความเสียหายก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
“ เขาจะอัดข้าจนตาย ! ” เมื่อตระหนักได้ดังนั้น ศิษย์พี่กู่ก็ใจหล่นวูบทันที