Chapter 20: แก่นวิญญาณรูปร่างมนุษย์
ผู้ใหญ่บ้านทำหน้านิ่งแล้วยิ้มออกมา “ ในตอนที่แก่นวิญญาณนั้นยังไม่ตื่น พลังฉีภายในในการบ่มเพาะของเขานั้นก็แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธในระดับแก่นวิญญาณแล้วและเข้มข้นกว่าของข้าตอนที่ข้าอยู่ในระดับนั้น ตอนนี้เมื่อมันตื่นขึ้นมา เขานั้นมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น การฝึกฝนนับไม่ถ้วนและเลือดวิญญาณจำนวนมากที่พวกเราเอาให้เขานั้นมันมีเหตุผลพอที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ”
ปู่หมอช็อคและพึมพำ “ แต่เพื่อให้มีพลังที่เข้มข้นกว่าท่านตอนนั้นแล้ว ตอนนั้นท่าน... ”
“ ข้าไม่ใช่คนพิการเฉกเช่นตอนนี้ ”
หัวใจปู่หมอหล่นวูบ เหตุผลเดียวว่าทำไมพลังฉีถึงปลดปล่อยออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั้นก็เพราะพวกมันมีคุณสมบัติ ถ้าไม่มีคุณสมบัติในพลังฉีของฉินมู่แล้ว มันเป็นธรรมดาที่เขาไม่สามารถปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มที่
แม้ว่าเขาจะปลุกแก่นวิญญาณขึ้นมาและมีพลังเข้มข้นกว่าคนทั่วไป มันก็ไร้ประโยชน์ที่ไม่อาจปลดปล่อยพลังมันออกมาได้อย่างเต็มที่
ในตอนที่สองคนนั้นเดินมาที่กองไฟ ปู่หนวกก็เอาหูเหล็กของเขาออกมาล้างกับไวน์แล้วใส่คืนกลับเข้าไปที่หู เขาเทไวน์นั่นลงในกองไฟและไฟนั่นก็ลุกไหม้ขึ้นอย่างกราดเกรี้ยว ปู่หนวกยิ้มและถามขึ้นมา “ ผู้ใหญ่บ้าน เราเพิ่งทดสอบเสร็จตะกี้และแม้ว่าฉินมู่จะปลุกร่างราชันย์ขึ้นมาแล้ว แต่เขายังคงไม่สามารถปลดปล่อยพลังฉีของร่างราชันย์ออกมาได้ ด้วยความรู้ที่ท่านมี แน่นอนว่าท่านั้นต้องรู้วิธีปลดปล่อยพลังฉีของเขาออกมา ถูกต้องหรือไม่ ? ”
ในตอนนั้นปู่หมอรู้สึกได้ว่าหัวของชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขานั้นใหญ่กว่าเดิมเป็น 3 เท่า
ผู้ใหญ่บ้านเงยหน้าขึ้นและทำสีหน้าหมดหนทางให้ปู่หมอ แต่ปู่หมอนั้นได้หันไปอีกด้านและยื่นขนมปังให้เฒ่าหม่า
“ เอิ่ม มู่เอ๋อ นั้นมีร่างราชันย์ที่แข็งแกร่งหรือไม่ ? ” ผู้ใหญ่บ้านถาม
ปู่หนวกเข้าใจสิ่งที่เขาพูดและออกมา “ แข็งแกร่งสิ ! พลังฉีของเขานั้นเข้มข้นอย่างมากจนยากที่จะหาใครมาเทียบได้ ! ”
คนอื่น ๆ เองก็รู้สึกแบบเดียวกันและต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ในตอนที่ฉินมู่สู้กับกู่ซึ่งเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสทั้งห้าของแม่น้ำหลี่นั้น พวกเขาเห็นพลังฉีภายในอันมากกว่าปกติที่ฉินมู่แสดงออกมา ด้วยการอัดพลังฉีลงใส่ท่อนไม้แล้ว ดาบของกู่นั้นไม่สามารถที่จะตัดมันได้เลย ซึ่งหมายความว่าพลังฉีของฉินมู่นั้นหนาแน่นอย่างมาก
ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้นมาอีกครั้ง “ พลังฉีของเขาหนาแน่นหรือไม่ ? ”
ปู่หนวกตอบกลับ “ หนาแน่นจนน่ากลัว ! แม้แต่ตอนที่ข้าอยู่ระดับเดียวกับเขา พลังฉีของข้ายังเทียบเท่าเขาไม่ได้ ! ”
ในตอนที่เขาพูดจบ คนที่เหลือเองก็แสดงสีหน้าบ่งบอกว่าตัวเองก็เช่นกัน พลังฉีของ ฉินมู่นั้นหนาแน่นเกินไปจนน่าเหลือเชื่อ แม้ว่าแก่นวิญญาณของเขาจะเพิ่งตื่นขึ้นมาแต่มันก็ราวกับว่าเขาทำการบ่มเพาะมันมาหลายสิบปี
ผู้ใหญ่บ้านค่อย ๆ ชักจูงคนอื่น ๆ และถามขึ้นมา “ เนื่องจากพลังฉีของเขาหนาแน่นและมีความทนทาน แล้วทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังมันออกมาได้ไม่เต็มที่ ? ”
ครั้งนี้ปู่หนวกไม่ได้พูดเรื่องเดิมแต่กลับตบต้นขาตัวเองและอุทานออกมา “ ถูกต้องเลย ! ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ผู้ใหญ่บ้าน ? ”
ผู้ใหญ่บ้านเกือบสำลักกับคำตอบนี้และรู้สึกเหมือนโดนตบหน้า โชคดีที่ปู่ใบ้ข้าง ๆ เขานั้นเริ่มตื่นเต้นจนเต้นไปรอบ ๆ พร้อมกับส่งเสียง ‘ แบะๆๆ ’ ไม่หยุด
“ ปู่ใบ้พูดถูก ! ”
ในที่สุดปู่หนวกก็เข้าใจ “ พลังฉีของมู่เอ๋อนั้นหนาแน่นและทนทาน แต่เขาไม่อาจปลดปล่อยพลังของมันออกมาได้ มันหมายความว่ามีปัญหาอยู่ในพลังฉีร่างราชันย์ของเขา ทักษะของเรานั้นไม่เหมาะกับเขา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังออกมาไม่ได้ ปัญหามันอยู่ที่เรานี่แหละ ! ”
ราวกับยกความกดดันทั้งหมดออกไป ผู้ใหญ่บ้านนั้นอยากจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและในตอนนั้นเองปู่หนวกก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “ มีอีกปัญหาแล้ว เราจะปลดปล่อยพลังฉีออกมาจากร่างชันย์ได้ยังไงกัน ? พวกเราทุกคนต่างก็ไม่รู้อะไรเลย ดังนั้นด้วยความรู้ที่ท่านมีแล้ว ท่านมีความเห็นว่าอย่างใด ผู้ใหญ่บ้าน ? ”
ผู้ใหญ่บ้านหวังว่าเขาอยากจะมีแขนจะได้ตบไอ้บ้านี่จนตาย แต่เขาก็จนปัญญากับเหตุผลที่ว่าทำไมฉินมู่ถึงปลดปล่อยพลังออกมาไม่ได้
พลังฉีของร่างวิญญาณทั้งสี่นั้นต่างก็มีคุณสมบัติของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น พลังฉีพยัคฆ์ขาวที่ซึ่งมีธาตุทองที่ทำให้อาวุธมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันและโจมตีขึ้นอย่างมาก พลังฉีพยัคฆ์ขาวเองก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็นกรงเล็บที่แหลมคมฉีกกระชากศัตรูและยังสามารถเปลี่ยนเป็นโล่ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ด้วย
พลังฉีมังกรเขียวนั้นมีคุณสมบัติของสายฟ้า มันสามารถควบคุมสายฟ้าและทำการฟื้นฟูได้
พลังฉีวิหคสีชาดนั้นมีคุณสมบัติธาตุไฟซึ่งทั้งรุนแรงและยากที่จะต้านทาน ปู่หมอและปู่ใบ้นั้นมีร่างวิญญาณแบบนี้ ทั้งการทำยาของปู่หมอรวมถึงการหลอมอาวุธของปู่ใบ้นั้นต้องใช้คุณสมบัติของพลังฉีธาตุนี้
ยังคงมีพลังฉีของเต่าทมิฬที่ซึ่งเด่นเรื่องการป้องกันและสามารถควบคุมน้ำได้
แต่พลังฉีของฉินมู่นั้นไม่ได้มีคุณสมบัติเหล่านั้น จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ไม่ได้ แม้ว่าการบ่มเพาะของเขานั้นจะแข็งแกร่งแต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาเพิ่มพลังของตัวเองได้มากมายนัก
แต่แค่รู้เหตุผลมิได้หมายความว่าจะรู้วิธีแก้
“ มู่เอ๋อ แก่นวิญญาณของเจ้าหน้าตาเป็นเช่นใด ? ” ผู้ใหญ่บ้านถามขึ้นมา
ฉินมู่อธิบายถึงความแปลกของแก่นวิญญาณในจุดสมบัติแก่นวิญญาณออกมาและทำให้ทุกคนอึ้ง พวกเขามองหน้ากันด้วยความแปลกใจกับเรื่องแก่นวิญญาณที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์
นี่เป็นครั้งแรกในโลกที่พวกเขาได้ยินเรื่องแบบนี้
ฉินมู่เองก็แปลกใจและถามออกมา “ ย่า ปู่หม่า ไม่ใช่ว่าแก่นวิญญาณของท่านจะมีหน้าตาคล้ายท่านตอนเด็กหรอกรึ ? ”
ย่าซีส่ายหน้าและถอนหายใจ “ ไม่ ไม่แปลกใจเลยว่าเจ้ามีร่างราชันย์ แม้แต่แก่นวิญญาณก็ยังแตกต่างจากของเรา ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ แก่นวิญญาณของย่านั้นคือเสือขาว มันเป็นเสือขาวตัวน้อย ”
“ แก่นวิญญาณของข้านั้นก็เป็นมังกรเขียว ” เฒ่าหม่าพูดขึ้น
ปู่หนวกเองก็ตอบกลับ “ แก่นวิญญาณของข้านั้นเป็นเต่าทมิฬ ”
ปู่ใบ้ทำท่าทางอีกครั้งบ่งบอกว่าแก่นวิญญาณของเขานั้นคือวิหคสีชาด
ผู้ใหญ่บ้านหลับตาและครุ่นคิดบางอย่าง ร่างวิญญาณทั้งสี่นั้นจุดแก่นวิญญาณจะเปิดตั้งแต่เกิดและพวกเขาต้องแค่ทำการปลุกพวกมันขึ้นมาเพื่อจะได้กลายเป็นผู้ฝึกยุทธ แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางแก่นวิญญาณในบรรดาร่างวิญญาณทั้งสี่ แต่พวกมันก็อยู่ในสี่ประเภทนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากมายนัก
แก่นวิญญาณของบางคนนั้นไม่ใช่เสือขาว, มังกรเขียว, วิหคสีชาด, รึเต่าทมิฬ แต่ก็ยังจัดอยู่ในสี่ประเภทนี้อยู่ดี
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพลังฉีของร่างวิญญาณทั้งสี่ถึงได้มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน
แก่นวิญญาณของฉินมู่นั้นมีรูปร่างเป็นมนุษย์และไม่ได้มีคุณสมบัติใด ๆ นั่นเป็นเหตุผลให้ยากที่เขาจะปลุกมันขึ้นมาได้และยิ่งยากกว่าเดิมในการปลดปล่อยพลังมันออกมาได้อย่างเต็มที่
ผู้ใหญ่บ้านพยายามหาวิธีที่จะใช้งานพลังฉีของร่างราชันย์ แต่แม้ว่าเขาจะมีความรู้มากมายเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังคิดหาทางมิได้เลย
ย่าซีเห็นสีหน้าของเขาและตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วหัวเราะออกมา “ ผู้ใหญ่บ้านนั้นรู้ว่ามู่เอ๋อมีร่างราชันย์ แต่มิรู้ว่าวิธีบ่มเพาะสำหรับร่างราชันย์หรอกรึ ? “
ใบหน้าของผู้ใหญ่บ้านเริ่มแดงก่ำและพยักหน้าตอบกลับ
ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา ในตอนนั้นปู่บอดก็พึมพำบางอย่างออกมา “ ท่านมีความรู้มากที่สุดในบรรดาพวกเราและถ้าท่านไม่รู้วิธีในการบ่มเพาะของร่างราชันย์แล้ว ไม่ใช่หมายความว่าร่างราชันย์นั้นจะไร้ค่าหรอกรึ ? ”
ทุกคนต่างก็เงียบเมื่อได้ยินดังนั้น
อยู่ ๆ ปู่ฆ่าสัตว์ก็ได้อุทานออกมา “ ทักษะของร่างราชันย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ถูกหรือไม่ ? “
ทุกคนต่างก็มองไปที่เขาด้วยสีหน้าสับสน
ปู่ฆ่าสัตว์หัวเราะออกมา “ ถ้าทักษะร่างราชันย์นั้นสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ ทำไมเราไม่สร้างของเราขึ้นมาเองล่ะ ? แม้ว่าเราจะสร้างมันไม่ได้ แต่มู่เอ๋อนั้นสามารถสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ! ขนาดไม่มีคนมาสอนข้า ข้ายังสร้างทักษะมีดฆ่าหมูขึ้นมาได้ ถ้าพวกเจ้าไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้นล่ะก็ ข้าคงผิดหวังในตัวพวกเจ้าทุกคน ! มู่เอ๋อ อย่าให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้า ! ”
ฉินมู่พยักหน้าและรู้สึกคึกพร้อมกับตะโกนขึ้นมา “ ไม่ต้องกังวลปู่ฆ่าสัตว์ แน่นอนว่าข้าจะไม่ทำให้พวกท่านผิดหวัง ! ”
ปู่เชือดหัวเราะออกมาดัง ๆ และตบไปที่ไหล่ของเด็กน้อย คนที่เหลือเองต่างก็หัวเราะทำให้บรรยากาศอันกดดันตะกี้นั้นหายไป
เมื่อเห็นว่าเป็นดังนั้น หัวใจของผู้ใหญ่บ้านก็เริ่มผ่อนคลายลงและเขาก็ได้หัวเราะออกมาดัง ๆ
“ การโกหกพวกเขาว่ามู่เอ๋อนั้นมีร่างราชันย์ เพื่อที่จะให้พวกเขามีแรงกระตุ้นที่จะมีชีวิตต่อไปนั้น เหมือนกับข้าเอาหัวโขกกำแพงเพื่อรักษาคำโกหกนี้ ที่ข้าคาดไม่ถึงก็คือพวกเขาน่ะมีแรงกระตุ้นอยู่แล้ว แต่ข้านี่แหละที่เป็นคนคิดมันไม่ออกเอง ”
ด้วยการที่ความกังวลได้หายไป เขารู้สึกโล่งขึ้นมาทั้งร่างกายและจิตใจต การมาของ ฉินมู่นั้นทำให้ทุกคนอยากมีชีวิตอยู่ต่อและอีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะทำให้เด็กน้อยนี่แข็งแกร่งขึ้นด้วย !
ปู่หมอมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านแล้วยิ้มออกมา ผู้ใหญ่บ้านนั้นไม่เคยมีความสุขหรือยิ้มแบบนี้มานานแล้ว
“ ข้ารู้สึกว่าเรานั้นจะสามารถผลักดันร่างราชันย์ให้ไปถึงขีดสุดจนมันสามารถปลดปล่อยพลังฉีภายในออกมาได้ ”
ด้วยแสงไฟจากกองไฟที่ส่องออกมาทำให้หน้าของปู่ฆ่าสัตว์นั้นดูโหดร้ายยิ่งกว่าเดิม “ คนเราจะไม่รอดถ้าไม่เคยคลั่งมาก่อน ร่างราชันย์นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าร่างวิญญาณและพลังฉีเองก็แข็งแกร่งกว่าด้วย เงื่อนไขของพลังในการปลดปล่อยพลังฉีออกมาน่าจะดูมีมากกว่าปกติ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องหาวิธีผลักดันมันให้ถึงขีดสุดเพื่อให้เขาปลดปล่อยพลังออกมาได้ ! ”
ปู่ด้วนพยักหน้า “ รองเท้าเหล็กของมู่เอ๋อนั้นต้องหนากว่านี้และเหล็กถ่วงเองก็ต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้น เพื่อบังคับให้เขาวิ่งให้เร็วกว่าเดิม ! “
ปู่บอดตบไม้เท้าตัวเองและพูดขึ้น “ การบ่มเพาะของเขานั้นดูธรรมดาเกินไป เราจะต้องฝึกเข้มให้กับเขาเพื่อเป็นการบังคับให้การบ่มเพาะของเขานั้นพัฒนาจนถึงขีดสุด ”
เฒ่าหม่าตอบกลับ – “ ถูกต้อง เราต้องฝึกฝนเขาให้หนักขึ้นเพื่อบังคับมันออกมาให้ได้ ”
ปู่ใบ้ทำมือส่งสัญญาณและทำเสียงฟึดฟัด
ฉินมู่รู้สึกตื้นตันอย่างมากแต่เขาเองก็รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน เขาตื้นตันกับการที่ผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นห่วงเขา แต่ทำไมคนเหล่านี้ต้องพูดคำว่า ‘ บังคับ ’ ออกมากันทุกคนด้วย ?
ปู่หมอหรี่ตาลงและเข้าไปคุยด้วย “ เราต้องพัฒนาเขา ! พัฒนาเขาจนกระทั่งพลังฉีของเขานั้นปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ ! มีสัตว์อสูรและสมุนไพรหายากและมีเพียงอันเดียวอยู่ในดินแดนแห่งนี้ซึ่งข้าสามารถทำยาจากมันขึ้นมาได้ สวนสมุนไพรด้านนอกของข้านั้นมีสมุนไพรวิญญาณมากมายซึ่งมากพอที่จะเสริมสร้างร่างกายให้กับเขาจนผิวของเขานั้นจะมีน้ำวิญญาณออกมาในตอนที่พวกเจ้าหยิกเขาเลย ! “
“ ปู่หมอ ดูเหมือนว่าการจะทำเช่นนั้นเจ้าเองก็จะเสียไปมากเช่นกัน ! ” ทุกคนต่างก็หัวเราะกันออกมา