บทที่ 351 : ผู้เชี่ยวชาญ ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ
ณ เหลาอาหารหยกนิรันดร์
ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ กำลังบนโต๊ะล้อมวงรับประทานอาหาร ที่ส่งกลิ่นหอมโชยออกมาไม่ขาดสาย ด้วยความเอร็ดอร่อยอย่างอารมณ์ดี
“มิต้องสงสัยเลย ว่าใยก่อนหน้านี้พี่ใหญ่จางถึงบอกว่า ระวังพวกเราจักกลืนกระทั่งลิ้นตัวเองลงไป...ที่แท้ฝีมือการทำอาหารของพี่หญิงหวังฉง ช่างเลิศล้ำเกินไปแล้ว” ลี่เฟยกล่าวคำสรรเสริญออกมาในขณะที่เคี้ยวอาหารหงุบหงับ
"ฮิฮิ น้องหญิง หากเจ้าชมชอบก็รับประทานให้หมดสิ้น หากมิพอเดี๋ยวข้าจักไปทำมาเพิ่ม พวกเจ้ากินกันได้เต็มที่อย่าได้เกรงใจ" หวังฉงยิ้มให้ลี่เฟย ดวงตาคู่งามของนางแฝงความรักเอ็นดูอันอ่อนโยนเอาไว้ยามมองลี่เฟย นางรู้สึกถูกชะตาและชมชอบน้องสาวคนนี้อย่างแท้จริง
หลังจากที่เสร็จสิ้นมื้ออาหารหวังฉงก็เริ่มเก็บจานชามเข้าไปล้าง แน่นอนว่าจางโฉวหย่งก็ต้องติดตามเข้าห้องครัวไปช่วยเหลือนางล้างจานเช่นกัน
ต้วนหลิงเทียนและพวก เพียงนั่งพักผ่อนรอให้อาหารย่อยสักครู่... เมื่อนั่งพักผ่อนมาครู่ใหญ่ๆ ต้วนหลิงเทียนก็คิดว่าสมควรเดินเข้าไปหาสามีภรรยาที่กำลังอยู่ในห้องครัวเพื่อกล่าวคำล่ำลา
“พวกมันยังอยู่ในเหลาอาหาร” ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งพลันดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน และเขาสัมผัสได้ว่าเสียงนี้สมควรดังขึ้นจากด้านนอกเหลาอาหารหยกนิรันดร์ และผู้พูดท่าทางจะเข้ามาแล้ว
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงบางสิ่งพุ่งแหวกฝ่าสายลมมาด้วยความเร็วสูง
และเพียงพริบตา ตรงหน้าของเขาก็มีร่าง 3 ร่างปรากฏตัวขึ้น
เป็นชายวัยกลางคนสองคนยืนอยู่ด้านหลัง ชายชราที่มีอายุสูงมากคนหนึ่ง ทั้งชายวัยกลางคนทั้ง 2 นั้นยังมีใบหน้าเหมือนกันราวกับแกะ เห็นได้ชัดว่าพวกมันทั้งคู่สมควรเป็นพี่น้องฝาแฝด คนหนึ่งสวมใส่ชุดสีแดงอีกคนสวมใส่ชุดสีฟ้า
ส่วนชายชราที่ยืนน้ำหน้าของพวกมันนั้น...ร่ากายของมันผ่ายผอมจนเหลือเพียงหนังติดกระดูก แลดูอ่อนแอ บอบบางราวกับมิอาจยืนต้านสายลมไหว แลจะล้มแหล่มิล้มแหล่อยู่รอมร่อ...
แต่ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าดูแคลนชายชราผู้นี้!
เพราะเขาสามารถสัมผัสแยกแยะได้ในพริบตา...ว่าผู้ที่น่ากลัวในบรรดาชายผู้มาใหม่ทั้ง 3 สมควรเป็นชายชราแก่หง่อมใกล้ลงโลงผู้นี้!!
ด้วยการอาศัยพลังวิญญาณที่เฉียบคมและประสบการณ์ของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด 2 ชาติภพ ต้วนหลิงเทียนสามารถบ่งบอกได้จากจิตสัมผัส ว่าชายวัยกลางคนทั้ง 2 นี้สมควรมีระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 4!
ส่วนชายชราแก่หง่อมนั้น ไม่ว่าต้วนหลิงเทียนจะส่งพลังวิญญาณออกไปสัมผัสมากสักเท่าไร ก็คล้ายกับการทุ่มหินลงทะเลลึกสุดหยั่ง!
มีโอกาสสูงที่ชายชราผู้นี้จะเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ!
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนลดต่ำลง จับจ้องไปยังผู้มาใหม่ตาไม่กระพริบ
"ใช่มันหรือไม่?" ทันใดนั้น ต้วนหลิงเทียนเห็นชายชรากล่าวถามออกมา ทั้งดวงตาของมันยังเรืองวูบเผยประกายเย็นชาแผ่พุ่งออกมาอย่างเหน็บหนาวขณะจับจ้องมายังเขา สายตานี้ของชายชราราวกับจะกลืนกินต้วนหลิงเทียนลงไปทั้งร่าง
ใจของต้วนหลิงเทียนพลันสั่นไหวขึ้นมาทันใด
เป้าหมายของชายชราแก่หง่อมผู้นี้ ที่แท้กลับเป็นข้า?
"มิผิด" เมื่อได้ยินคำถามชายชรา ชายวัยกลางคนทั้ง 2 ขานรับกล่าวตอบโดยพลัน "เฒ่าชราพวกเราทั้ง 2 เห็นกับตาว่ามันเป็นผู้ที่สังหารหลานชายของท่าน...ส่วนข้ารับใช้ของหลานชายท่าน เป็นผู้ติดตามของหนุ่มน้อยผู้นี้ลงมือปลิดปลงสังหาร” สายตาของชายวัยกลางคนชุดสีฟ้าจับจ้องมายังร่างของต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะสลับไปมองร่างฉงเฉวียนที่ยืนข้างๆต้วนหลิงเทียน
คำที่ชายวัยกลางคนชุดสีฟ้ากล่าว ทำให้ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วขึ้นมาโดยพลัน
ในที่สุดเขาก็รู้แล้ว ว่าที่แท้เรื่องราวเป็นมาอย่างไร
ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่เขากระทำบริเวณตีนเขาเดียวดายในเช้าวันนี้นั่นเอง...
ชายชราแก่หง่อมผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ และท่าทางมันจะยังเป็นปู่ของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินที่เขาลงมือสังหาร?
เพราะเขาจดจำได้ว่า ก่อนที่ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินจะตาย มันได้กล่าวถึงปู่ของมัน และท่าทางจะเป็นชายชราผู้นี้ไม่ผิดเพี้ยน
แต่ภายใต้โทสะอารมณ์อันเดือดพล่านยามนั้น ต้วนหลิงเทียนจะยังสนใจวาจาวิงวอนของมันอยู่หรือ?
แต่จะอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะได้ล่วงรู้ว่าเบื้องหลังของชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินคนนั้นมีตัวตนระดับหยั่งรู้ธรรมชาติหนุนหลังอยู่ เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจต่อการกระทำที่ได้กระทำลงไปสักเพียงนิด! ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินนั่นไม่เพียงหยาบโลนต่อลี่เฟย กระทั่งยังคิดฆ่าเขาอีกด้วย! ...
มันสมควรตกตายแล้ว!
เขาสามารถคาดเดาและเห็นภาพเรื่องราวทั้งหมดได้ชัดเจน ว่าหากวันนี้เขาไม่ได้นำพาฉงเฉวียนมาด้วยเรื่องราวจะเป็นอย่างไร...คนที่ต้องตกตายในช่วงเช้าวันนี้ย่อมไม่ใช่มันแต่เป็นเขา!
ดังนั้นเขาไร้ซึ่งความเสียใจใดๆ!
แต่ถ้าหากจะกล่าวถึงเรื่องเดียวที่เขากำลังเสียใจอยู่ตอนนี้...คงมีเพียงเรื่องที่ตัวเองไม่ได้อยู่ดูซากศพทั้ง 2 นั้นถูกเปลวเพลิงหลอมโอสถเผาผลาญจนกล้ายเป็นเถ้าถ่านด้วยสองตาของเขานั่นเอง ...
มายามนี้ถึงแม้เขาจะไม่ได้เห็นเรื่องราวใดๆ แต่เขาก็คาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาจากมาหลัง ส่งเปลวเพลิงไปเผาร่างคนทั้ง 2
เพราะชายชุดสีฟ้าเมื่อครู่กล่าวเอาไว้อย่างชัดเจน ว่ามันเห็นเขาลงมือต่อชายหนุ่ม และเป็นฉงเฉวียนที่สังหารชายชราผู้ติดตาม
พวกมันสมควรรีบออกมาดับเพลิง แล้วนำศพไปแจ้งข่าวต่อชายชราแก่หง่อม ส่วนอีกคนก็เร่งรุดสะกดรอยตามพวกเขามาถึงร้านนี้ ...
"ดูเหมือนว่าคำที่พี่ใหญ่จางกล่าวก่อนหน้าจะไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดเสียแล้ว พี่ใหญ่สมควรสัมผัสได้ถึงชายวัยกลางคนที่สะกดรอยตามพวกเรามา" ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำออกมา ก่อนหน้านี้จางโฉวหย่งได้กล่าวถามออกมาแล้ว ว่าเขาพาผู้ติดตามมาอีกหรือไม่
ในตอนนี้ ใจของต้วนหลิงเทียนชัดกระจ่างดั่งกระจกใส
"เพราะเหตุอันใด เจ้าถึงต้องลงมือด้วยอำมหิต เข่นฆ่าสังหารหลานชายของข้า?" สายตาคมกล้าของชายชราแก่หงำเหงือกจับจ้องมายังต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้ายราวกับอสรพิษกระหายโลหิต ที่พร้อมจะฝังคมเคี้ยวใส่ต้วนหลิงเทียนได้ทุกเมื่อ
ต้วนหลิงเทียนย่อมสัมผัสไดถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นแฝงเจตนาฆ่าฟันของชายชราได้อย่างชัดเจน
"มันสมควรตายแล้ว!" ประกายตาต้วนหลิงเทียนเย็นลงเล็กน้อย เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาแฝงจิตสังหารไว้เช่นกัน
เมื่อเรื่องราวมาถึงตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าไม่มีหนทางอันใดให้หลบเลี่ยงเรื่องราวครั้งนี้ได้แล้ว
และตอนนี้เขายังคงไม่มั่นใจว่าชายชราหงำเหงือกคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญหยังรู้ธรรมชาติจริงๆหรือไม่
บางทีเขาอาจจะยังมีโอกาส
เขาได้ส่งเสียงผ่านพลังงานต้นกำเนิดไปยังฉงเฉวียนโดยพลัน “ฉงเฉวียน รอจังหวะให้ดีหากมีโอกาสเหมาะสม เจ้าพยายามลอบจู่โจมเต็มกำลัง ลงมือสังหารมันให้ได้ใน 1 กระบวนท่า”
"สมควรตาย?" ชายชราหนังหุ้มกระดูกตะลึงเมื่อได้ยินวาจาของต้วนหลิงเทียน
พริบตาต่อมาสายตาของมันก็เบนมาตกที่ร่างของลี่เฟยด้านข้างต้วนหลิงเทียน ...
ในตอนนี้...เนื่องจากพึ่งรับประทานอาหารกันมา ลี่เฟยจึงยังไม่ได้สวมหมวกผ้าคลุมปิดบังใบหน้าแต่อย่างไร ใบหน้าสวยกระชากวิญญาณของนางล้วนเปิดเผยออกมาให้ผู้คนได้ชมอย่างชัดแจ้ง
เมื่อชายชราเห็นใบหน้าลี่เฟย ประกายตาของมันพลันเรืองวูบขึ้นมาด้วยความเข้าใจ มันค่อยๆกล่าวออกด้วยน้ำเสียงอาลัย "ดูเหมือนว่าหลานชายของข้า กลับต้องพินาศลงเพียงเพราะสตรีนางหนึ่ง... "
เห็นได้ชัดว่า ชายชราคนนี้รู้จักนิสัยของหลานชายตัวเองเป็นอย่างดี
เพียงแค่มันสังเกตเห็นลี่เฟยมันก็ล่วงรู้ความเป็นไปของเรื่องราว
ใบหน้าของต้วนหลิงเทียนแปรเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยว เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอำมหิตกระหายเลือดที่แผ่ซ่านออกมาจากชายชราหนังเหี่ยว อีกทั้งเป้าหมายของมันกลับเป็นลี่เฟย! เขาไม่รอช้ารีบก้าวเดินไปบังด้านหน้าของลี่เฟย ทานรับจิตสังหารอำมหิตกระหายเลือดนั่นในทันใด!
"เหอะ!" ท่วงท่าสภาวะของต้วนหลิงเทียนยังแสดงออกมาอย่างไม่แยแส เอวของเขายังยืนหยัดหลังตั้งตรง เมื่อเผชิญหน้ากับจิตสังหารที่นับได้ว่าน่าหวาดหวั่นไม่น้อยของชายชรา...ต้วนหลิงเทียนกลับไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆ เขายืนทานรับจิตสังหารอย่างมั่นคงประดุจดั่งเขาไท่ซาน!
"ตัวเลวร้าย" เมื่อครู่ยามจิตสังหารอำมหิตกระหายเลือดปกคลุมนาง ลี่เฟยพลันรู้สึกเหมือนตัวเองตกลงอยู่กลางทะเลซากศพ ความรู้สึกทุกข์ทรมานมากมายทำให้นางบังเกิดความรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออก
ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนมายืนขวางกั้นบดบังหน้านางเอาไว้เช่นนี้ ความอึดอัดล้วนสลายหาย...กลับกลายเป็นความอบอุ่นในหัวใจ ตอนนี้ความกังวลของนางลดลงเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"หืม?" เมื่อเห็นการกระทำนี้คิ้วขาวโพลนของชายชราขมวดเป็นปม มันสบถก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เด็กน้อย ไม่จำเป็นต้องกล่าวเลย ว่าเจ้าไม่เลวนัก... แต่น่าเสียดายที่จะอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตาย จงจดจำเอาไว้ให้ดี สตรีล้วนเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะ ชาติหน้าเจ้าก็ควรอยู่ให้ห่างสตรีให้มากเข้าไว้ ... "
ฟุ่บ!
ทันทีที่มันกล่าวจบ ในมือชายชราก็ปรากฏพลังงานต้นกำเนิดขุมหนึ่งปะทุขึ้นมา
วูบ!
ในตอนนี้เองเสียงกระหึ่มจากการระเบิดของอากาศพลันดังขึ้น ร่างหนึ่งพุ่งทะยานมาด้วยความเร็วสูงแหวกฝ่าอากาศจนบังเกิดเสียงดัง
เป็นฉงเฉวียนที่เฝ้ารอโอกาสมาตลอดเวลา
และเมื่อมันเห็นชีวิตของนายน้อยกำลังตกอยู่ในอันตราย ร่างของฉงเฉวียนก็กระพริบวูบว่างพุ่งไปดั่งเส้นสายอัสนี มุ่งไปยังร่างของชายชราหนังเหี่ยว ไม่คิดรีรออันใดสืบไป
วู้ม!
ประกายดาบเรืองวูบขึ้นมาราวกับอสรพิษร้ายพุ่งพรวดจากหลุม ฟาดตรงไปยังชายชราอย่างไม่คิดยั้งมือไว้ไมตรี! รอบๆใบดาบเผยร่องรอยของรังสีพลังคมกล้าอัศจรรย์
พลังกระบี่ขั้นสูง!
พลังงานฟ้าดินตอบรับ เผยเงาร่างมังกรโบราณ 1 ตัวบนผืนฟ้า ทั้งยังมีเงาร่างช้างแมมมอธโบราณดำทะมึนอีก 5,000 ตัวห้อมล้อมเอาไว้ มองไปคล้ายดั่งหมู่ดาวระยับห้อมล้อมจันทรา
ฉงเฉวียนใช้ออกด้วยความแข็งแกร่งสูงสุดในชั่วพริบตา โดยไม่คิดออมรั้งกำลังไว้แม้แต่น้อย ทั้งหมดถาโถมลงในดาบนี้ทั้งสิ้น
มันต้องการสังหารชายชราด้วยกระบวนท่าเดียว!
"หืมพลังกระบี่ขั้นสูง เช่นนั้นรึ? น่าขำที่คนกลับใช้ดาบ!"ชายชราเหลือมองด้วยสายตางุนงงเล็กน้อย ในน้ำเสียงยังเผยให้เห็นถึงร่อยรอยประหลาดใจ
พริบตาต่อมา
"ดาบอันอ่อนด้อย!" ชายชราหัวเราะเย้ยหยัน ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาต้านรับดาบของฉงเฉวียน
ทันใดนั้นพลังงานฟ้าดินตอบรับต่อพลังงานต้นกำเนิดที่ชายชราเร่งเร้าออกมา จนบังเกิดเงาร่างมังกรโบราณก่อตัวขึ้นถึง 2 ตัว!
ชายชราไม่ได้ใช้อาวุธวิญญาณ และไม่ได้ใช้ แนวคิด อันเป็นจุดแข็งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติ
มันเพียงลงมือจู่โจมด้วยพลังงานต้นกำเนิดอย่างเดียวเท่านั้น แต่นั่นก็เทียบเท่าได้กับความแข็งแกร่งของ 2 มังกรโบราณแล้ว
"ระดับหยั่งรู้ธรรมชาติขั้นที่ 1!" ม่านตาของต้วนหลิงเทียนหดแคบลง ทันใดนั้นเขาก็กล่าวตะโกนออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด "ฉงเฉวียน ถอยออกมา!"
ในพริบตาเดียวกันนั้นแน่นอนว่าฉงเฉวียนย่อมสังเกตเห็นเงาร่างมังกรโบราณเหนือชายชรา และมันก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่าชายชราเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 1 ...
ใบหน้าของมันอดไม่ได้ที่จะซีดลงทันที
หมับ!
ชายชรายกมือขึ้นมารับดาบของฉงเฉวียนเอาไว้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ความแข็งแกร่งระดับแรกสัมผัสธรรมชาติขั้นที่ 7 ความแข็งแกร่งที่เพิ่มพูนจากดาบวิญญาณระดับ 7 และพลังกระบี่ขั้นสูงก็อ่อนแอไม่ต่างอะไรกับกระดาษ
"หลบเร็ว!" ด้วยพลังวิญญาณที่เฉียบคม ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในร่างของชายยชราเขาย่อมรับรู้ได้ทันทีว่าชายชราคิดลงมือจู่โจม เขาจึงรีบกล่าวตะโกนออกมาอีกครั้งเพื่อเตือนฉงเฉวียนทันที
ด้วยความเชื่อมั่นในตัวต้วนหลิงเทียนของฉงเฉวียน มันย่อมไม่คิดสงสัยในคำกล่าวของนายน้อยตัว! ขาของมันรีบสลับวูบ กระทืบถีบพื้นออกด้วยความแข็งแกร่งมังกรโบราณ 1 ตัวโดยพลัน หมายหลบอะไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวเตือนออกมา
และในทันทีที่ฉงเฉวียนเคลื่อนร่างถอยหลังไปครึ่งก้าว ไม่คิดว่าอยู่ๆชายชราก็พลันตวัดมือออกด้วยกระบวนท่าเลิศล้ำ ใช้ดาบวิญญาณระดับ 7 ของฉงเฉวียนที่กำไว้ในมือ พลิกกลับมาจ้วงแทงฉงเฉวียนด้วยความเร็วสูงล้ำปานเส้นแสง
กระบวนท่ายืมดาบพลิกผันถูกใช้ออกมาโดยฉับพลันเช่นนี้ ทำให้ในใจฉงเฉวียนสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความกลัว
ด้วยคำเตือนของต้วนหลิงเทียนที่เกิดขึ้นก่อนการโจมตี ทำให้ฉงเฉวียนสามารถรอดคมดาบที่ทิ่มแทงมายังหัวใจได้อย่างเฉียดฉิว
อย่างไรก็ตามดาบระดับ 7 เล่มนั้นยังคงทะลวงเข้าร่างของฉงเฉวียนที่พุ่งถอยหลังได้อยู่ดี และยังทะลวงผ่านไปง่ายดายดั่งเสียบแทงใบไม้แห้ง
ตำแหน่งที่มันทิ่มแทงลงไปนั้นกลับเป็นจุดตันเถียน!
พรวด!
โลหิตสดๆทะลักไหลพรั่งพรูเสมือนมวลกุหลาบนับไม่ถ้วนเบ่งบานกลางหาว
ร่างของฉงเฉวียนลอยละลิ่ว ปลิวไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงส่งเสียงดังสนั่น
"ไม่! ไม่เหลือแล้ว!!" น้ำเสียงของฉงเฉวียนดังขึ้นด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว หลังจากที่ลุกขึ้นมาจากพื้น กำปั้นของมันกำแน่นพยายามรีดเค้นกำลัง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ปรากฏเหนือศีรษะของมันยามนี้หาได้เป็นเงาร่างมังกรอีกโบราณอีกต่อไป...หลงเหลืออยู่เพียงเงาร่างช้างแมมมอธโบราณเท่านั้น
ระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9!
ตันเถียนของมันถูกทำลายด้วยกระบวนท่าดาบคืนสนองของชายชราแก่หง่อมผู้นั้น ทำให้พลังงานต้นกำเนิดทั่วร่างของมันพลันสิ้นสูญไม่มีเหลือ...สิ่งที่หลงเหลืออยู่ก็มีเพียงความแข็งแกร่งของร่างกายในระดับบ่มเพาะร่างกายขั้นที่ 9 เท่านั้น...
ฉงเฉวียนเพียงร่ำร้องอยู่ครู่หนึ่งก็หยุดนิ่งไป ในใจบังเกิดความหดหู่อย่างถึงขีดสุด
ทันใดนั้นเองมีเสียงเอะอะวุ่นวายดังขึ้น
เป็นกลุ่มลูกค้าที่มาดื่มกินบนเหลาหยกนิรันดร์ชั้น 2 ที่เฝ้าดูเรื่องราวอยู่รอบๆ และเมื่อพวกมันเห็นว่าเรื่องราวกลับกลายเป็นร้ายแรง พวกมันก็ล้วนหวาดกลัวว่าจะโดนลูกหลง ดังนั้นพวกมันทั้งหมดจึงรีบหนีจากไปโดยพลัน ทิ้งไว้เพียงตั๋วเงินวางไว้บนโต๊ะเท่านั้น
"ฉงเฉวียน!" ต้วนหลิงเทียนมองไปยังร่างอิดโรยของฉงเฉวียน สองตาของเขาแดงก่ำ ใบหน้ามืดลงอย่างน่ากลัว
ความรู้สึกผิดบังเกิดขึ้นโถมทับในใจของเขา
หากไม่ใช่เพราะเขาคิดเดินทางไปยังขุนเขาเดียวดาย...ฉงเฉวียนก็คงไม่ต้องติดตามมาที่นี่ และคงไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรเช่นนี้กับมัน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ฉงเฉวียนติดตามเคียงข้างเขามาไม่ห่าง อีกทั้งฉงเฉวียนยังใช้ความความอดทนและเหน็ดเหนื่อยอย่างมากที่ต้องมาคอยติดตามทำตามคำสั่งของเขา แต่ฉงเฉวียนก็ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายในเรื่องนี้อยู่เสมอ
แต่ตอนนี้เพราะเขา ตันเถียนของฉงเฉวียนกลับต้องมาถูกทำลาย ... เขาย่อมรู้สึกสูญเสียไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของต้วนหลิงเทียน ฉงเฉวียนเงยหน้าขึ้นมา และเมื่อเห็นแววตาท่าทางของต้วนหลิงเทียน มันก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “นายน้อย ข้ายังสบายดี...แม้ข้าจะสูญเสียพลังงานต้นกำเนิดไปแล้ว แต่พลังกระบี่ขั้นสูงของข้ายังคงอยู่ดี หามีผู้ใดภายใต้ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติสามารถป้องกันการจู่โจมของข้าได้”
พลังกระบี่ขั้นสูง เป็นความเข้าใจในกระบี่ที่ลึกซึ้งของผู้ฝึกยุทธ์ระดับแรกสัมผัสธรรมชาติที่ศึกษาด้านกระบี่
มันนับว่าเป็นความแข็งแกร่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงานต้นกำเนิดอย่างสิ้นเชิง และมีความแข็งแกร่งเทียบเท่า 2,000 ช้างแมมมอธโบราณ
รีวิวของคุณ
คุณจะให้ดาวนิยายเรื่องนี้หรือไม่